พี่ชายจำเป็น!

7.7

เขียนโดย nonggifs

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 23.50 น.

  6 บท
  57 วิจารณ์
  16.97K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         ฉันกลับมายืนที่หน้าบ้านอีกครั้งด้วยสภาพอดโรย เพราะความรู้สึกที่ถูกอัดใส่สมองอย่างไม่บันยะบันยัง ร่างอ่อนระโหยโรยแรงค่อยๆคืบคลานเข้าไปในตัวบ้าน

 

         “กลับมาแล้วค่า”

 

         “กลับมาแล้วหรือคะคุณหนูแก้ว” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับเดินเข้าใกล้หมายจะดึงกระเป๋าไปจากมือของฉันแต่ฉันยื้อเอาไว้

 

         “ไม่ต้องหรอกค่ะพี่ฟ้า แล้วนี่แม่อยู่ไหมคะ”

 

         “คุณผู้หญิงอยู่ในสวนค่ะ” พี่ฟ้าบอกกับฉันยิ้มๆ ฉันเดินไปที่สวนตามที่พี่ฟ้าบอกแล้วก็พบกับร่างบางของหญิงวัยกลางคนที่นั่งบนรถเข็นสีเงิน

 

         “คุณแม่!” ฉันตะโกนเสียงดังลั่นก่อนจะโผเข้าไปกอดคุณแม่ด้วยความรัก มือหยาบค่อนข้างสากแต่เต็มไปด้วยไออุ่นลูบเบาๆ ที่แก้มของฉัน

 

         “กลับมาแล้วหรือจ้ะแก้ว”

 

         “แม่ทำไรอยู่เหรอคะ”

 

         “แม่คิดถึงกล้านะ ตริงสิ ช่วงนี้แก้วติดต่อพี่กล้าได้บ้างมั้ย”

 

         รอยยิ้มของฉันหุบลงอย่างรวดเร็ว

 

         “แล้วไหนจะพ่ออีก ไม่รู้สองพ่อลูกนั่นหายไปไหน นี่มันก็จะสี่เดือนแล้ว ไม่ติดต่อมาบ้างเลย ไปเที่ยวแล้วก็ลืมพวกเรา มันน่าน้อยใจเนอะลูก”

 

         ถึงแม้บนใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่นคงมีรอยยิ้มแต่ดวงตาคู่นั้นฉายแววโศกอย่างเห็นชัดเจน ฉันไล่สายตาไปยังสิ่งที่คุณแม่ถืออยู่ และสิ่งนั้นก็คือรูปครอบครัวของเรา รูปที่มี พ่อ แม่ พี่กล้า และฉัน...ฉันอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่า 'แม่คะ พี่กล้ากับพ่อตายไปตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว' แต่ฉันก็ทำไมได้...

 

         เหตุการณ์รถชนในวันนั้น นอกจากที่แม่จะได้รับบาดเจ็บที่ขาแล้ว ท่านยังมีอาการทางประสาทอ่อนๆ แม่ไม่ยอมรับว่าพี่กล้ากับพ่อตายไปแล้วคุณหมอบอกว่า ดูเหมือนแม่จะปิดกั้นความทรงจำนั้นเอาไว้ แล้วหลอกตัวเองเสมอมา หลังจากที่ระยะเวลาผ่านไปสามเดือน ฉันพาแม่ไปหาหมออย่างสม่ำเสมอ แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ...อาการแบบนี้คุณหมอช่วยอะไรไม่ได้ คงต้องอาศัยระยะเวลาเยงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งเดียวที่พอจะเยียวยาได้ก็คือขาของคุณแม่ดังนั้นฉันจึงสร้างเรื่องใหม่โดยการบอกแม่ว่าบริษัทของพ่อส่งให้พ่อไปทำงานต่างประเทศ พี่กล้าก็ตามพ่อไปด้วย ส่วนเรื่องขา ฉันก็โกหกไปว่าแม่ตกบันได้ขาหัก และดูเหมือนท่างจะเชื่อทุกอย่างที่ฉันเล่าอย่างสนิทใจ ฉันเหลือบมองไปที่ผู้ชายในรูป รอยยิ้มอบอุ่นของพี่กล้าทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจได้เสมอ

 

         พี่กล้า...ช่วยเป็นกำลังใจให้แก้วด้วยนะคะ

 

         “แม่คะ แม่อยากออกไปเดินเล่นข้างนอกมั้ย เด่ยวแก้วพาไป ออกไปข้างนอกสูดอากาศบ้าง เผื่อว่าแม่จะรู้สึกสบายใจขึ้น” ฉันเสนอความคิดเพราะไม่อย่างให้แม่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ และแม่ก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย

 

         ฉันพาแม่ออกมาเนเล่นบริเวณสวนสาธารณะของหมู่บ้าน เผื่อว่ากลิ่นของธรรมชาติเสียงเจี้ยวแจ้วและเสียงหัวเราะของเด็กๆ จะทำให้แม่คลายความกังวลไปได้และดูเหมือนมันจะได้ผล แม่ยิ้งน้อยๆ อยู่ตลอดเวลาฉันเข็นรถเข็นบองแม่ต่อเรื่อยๆจนกระทั่ง...

 

         “ลูกแก้ว หยุดตรงนี้สักพักนึงก่อนได้มั้ยแม่อยากดูพระอาทิตย์ตกดินน่ะ”  สายตาของแม่เหม่อมองไปยังพระอาทิตย์ดวงโตที่เริ่มทอแสงสีส้มอ่อนพร้อมจะโรยรา ฉันหยุดเข็นรถของแม่ และเดินไปยืนเคียงข้าง

 

         “พี่กล้าของลูกชอบตอนพระอาทิตย์ตกดินมาก เหมือนพ่อเขา แก้วรู้มั้ยว่าพ่อเขาของแม่แต่งงานท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้แหละ”

 

         รอยยิ้งแต่งแต้มทั่วริมฝีปากบาง ฉันพยายามจะยิ้มแต่เกิดอาการยิ้มไม่ออก

 

         “เมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมานะ แม่คิดถึงพวกเขาเหลือเกิน”

 

         “เดี๋ยวพ่อกับพี่กล้าก็กลับมาค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ฉันพยายามพูดปลอมใจแม่และตัวเองทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ร่างของพี่กล้าและพ่อเผาไปตั้งนานแล้ว

 

         “แม่คะ เดี๋ยวแก้วมานะคะ แก้วว่าจะๆผซื้อไรตรงนู้นมากินสักหน่อย แม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ”

 

         “อะไรก็ได้จ้ะ”

 

         “งั้นเด่ยวแก้วมานะคะ” ฉันรีบเดินออกมาจากตรงนั้นโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้แม่ถามเรื่องของพี่กล้าและพ่อไปมากกว่านี้ เพราะฉันเองก็ยังรับไม่ได้เหมือนกัน ถึงแม้มันจะผ่านมาสามเดือนกว่าแล้วก็ตาม

 

         เมื่อฉันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขวดน้ำพั้นช์ในมือก็พบว่าแม่ไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป ร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งยืนอยู่เคียงข้างกับรถเข็นแม่

 

         “แม่!” ฉันจะโกนลั่นพร้อมกับรีบปรี่เข้าไปอย่างรวดเร็วเพราะหวาดกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้น แต่เมื่อเข้าไปในระยะประชิดฉันก็พบความจิงที่ว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ทำอะไรแม่ของฉันเลยสักนิด แม่ฉันเองต่างหากที่ดึงชายเสื้อเขาเอาไว้

 

         “กล้า...กล้าลูกแม่”

 

         “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะแม่”  ฉันหันไปถามแม่แต่ก็ต้องตกใจกับใบหน้าที่เอ่อนองไปด้วยน้ำตา

 

         “นี่พี่กล้าไงลูก พี่กล้ากลับมาแล้ว”

 

         “พี่กล้า?” ฉันหันไปมองชายหนุ่มที่แม่ยื้อเสื้อเอาไว้และบอกว่าเป็นพี่กล้า แต่ฉันก็ต้องตกใจอีกครั้งกับผมสีดำและดวงตาที่คุ้นเคย

 

         “ผู้ชายบนรถเมล์!!”

 

         “ยัยขี้โกหก!”

 

         เราสองคนตะโกนขี้นมาพร้อมๆกัน ก่อนที่ฉันจะเอ่ยต่ออย่างรวดเร็ว

 

         “นี่ ฉันไม่ได้ชื่อน่าเกลียดแบบนั้นนะ ฉันบอกนานแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ได้หลับ!”

 

         “จะยังไงก็ตาม นี่แม่ของเธอใช่มั้ย! ช่วยบอกให้แม่เธอปล่อยฉันหน่อยสิ แม่เธอเกาะฉันหนึบเลย ฉันจะเดินไปไหนก็ไปไม่ได้ Y_Y” ผู้ชายคนนั้นทำหน้าเศร้า และเขาก็ทำมันออกมาได้น่ารักมาก

 

         “แม่คะ ปล่อยเขาเถอะค่ะ”

 

         “ทำไมลูกแก้วพูดแบบนี้ล่ะ นี่ไงพี่กล้า พี่ชายของลูก”

 

         “แม่คะ เขาไม่ใช่...”

 

         “ลูกกล้ากลับมาแล้วเหรอลูก...แล้วพ่อล่ะ พ่ออยู่ไหน”

 

         ใบหน้าที่ส่องสว่างและเปล่งประกายไปด้วยรอยยิ้มที่ฉันไม่ได้เห็นมานานของแม่ทำให้ฉันรู้สึกไม่กล้าที่ขัดการกระทำนั้นอีกต่อไป

 

         “พ่อของผมตายไปนานแล้วฮะ” ผู้ชายคนนั้นตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความเศร้าเช่นเดียวกับฉันในตอนนี้ เราสองคนเชื่อมถึงกันได้ด้วยความรู้สึกเดียวกัน

 

         “อย่ามาล้อเล่นน่าลูกกล้า ก็พ่อเขาไปกับลูกเขาจะตายได้ยังไง”

 

         “ผมไม่ได้ชื่อกล้า ผมชื่อโทโมะฮะ”

 

         “กล้าอย่ามาล้อแม่เล่น...นี่แม่เอง แม่ของลูกไง” น้ำเสียงของแม่เริ่มสั่นระริก มือหยาบของสูงวัยยึดที่ชายเสื้อของเด็กหนุ่มคนนั้นแน่น

 

         “แม่ของผมก็เสียไปนานแล้วเหมือนกันฮะ ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ทั้งพี่สาว ทุกคนทิ้งผมไปหมดแล้ว” ดวงตาของเขาพราวระยับไปด้วยหยาดน้ำตาเช่นเดียวกับแม่ของฉัน

 

         “นี่ลูกจำแม่ไม่ได้เหรอ แม่อยู่นี่ไง...แม่อยู่นี่”

 

         “คุณไม่ใช่แม่ของผมนะฮะ ผมไม่ได้ชื่อกล้าอะไรนั่น และแม่ของผมก็เสียไปนานแล้วด้วย”

 

         “กล้า...”

 

         เมื่อเห็นท่าไม่ค่อยดี ฉันจรีบฉุดเด็กหนุ่มคนนั้นให้ห่างออกมาจากรถเข็นของคุณแม่ ใบหน้าของหนุ่มน้อยที่เคยทำตัวน่ารักเรียบสนิทและฉายแววหม่นหมอง ดูเหมือนแม่จะไปสะกิดต่อมอะไรของเขาเข้า

 

         “ขอโทษด้วยเรื่องแม่ของฉันน่ะ ท่าน...ไม่ค่อยสบายน่ะ” ฉันเอ่ยอ้อมแอ้มพลางหันไปมองทางคุณแม่ด้วยความห่วงใย แต่สายตาของแม่กลับจ้องตรงมายังผู้ชายคนนี้โดยไม่ละสายตา

 

         “กล้าลูกแม่...แม่คิดถึงลูกมากเหลือเกิน” เมื่อเห็นน้ำตาของแม่แล้วยิ่งทำให้หัวใจของฉันสั่นสะท้าน ฉันรีบหันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนแม่จะเชื่อจริงๆ ว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้คือพี่ชายของฉัน ฉันกวาดสายตามองเขาหัวจรดเท้า ผู้ชายคนนี้ไม่ถึงกับเหมือนพี่กล้าเลยซะทีเดียว ที่คลับคล้ายคลับคลาก็คงจะเป็นส่วนสูงที่เกินร้อยแปดสิบเซ็นต์และผิวขาวอมใสของเขา แต่ที่คุณแม่ของฉันปักใจเชื่อว่าเขาคือพี่กล้าก็น่าจะเป็นเพราะรอยยิ้มของเขา...รอยยิ้มที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเหมือนกับพี่กล้า

 

         ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้ามันทำให้คุณแม่ของฉันกลับมามีความสุขได้อีกครั้งล่ะก็...

 

         “นี่นาย...ช่วยมาเป็นพี่ชายใหฉันหน่อยสิ”

 

         “หะ หา!! เธอพูดอะไรของเธอน่ะ!”

 

         “ฉันบอกว่าช่วยมาเป็นพี่ชายของฉันให้หน่อย ช่วยทำตัวเป็นพี่กล้า...”

 

         “จะบ้าเหรอ! ฉันชื่อโทโมะ และฉันก็ไม่มีน้องสาวด้วย เธอจะให้ฉันไปเป็นพี่ชายของเธอได้ยังไง!” ผู้ชายคนนั้นตะโกนลั่น ฉันกลัวว่าแม่จะได้ยินจึงรีบหยิกแขนเขาเอาไว้

 

         “เบาๆ หน่อยสิ เอาเป็นว่าช่วยฉันหรอยเถอะนะ แค่แกล้งๆ เป็นพี่กล้าหลอกแม่ฉันก็พอ”

 

         “การโกหกเป็นสิ่งไม่ดีนะ-O-” เขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเป็นคนละเรื่องกับฉันโดยสิ้นเชิง

 

         “นายไม่ได้โกหก แต่แม่ฉันเข้าใจผิดเอง ช่วยหน่อยเถอะน่า ฉันอยากให้แม่ฉันกลับมาเป็นปกติ”

 

         “แม่เธอเป็นอะไรเหรอ” คำถามของเขาเล่นเอาฉันเงียบไป ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนั้นเลย ให้ตายสิ แต่ถ้ามันจะทำให้เขาเห็นใจ ฉันคงต้องพูดไป

 

         “พี่กล้ากับพ่อของฉันเสียไปตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่แม่ของฉันท่านไม่ยอมรับท่านยังคงคิดว่าพี่กล้ากับพ่อยังไม่กลับจากต่างประเทศ หมอบอกว่า...”

 

         “เป็นอาการทางประสาทอย่างอ่อนๆ”

 

         “นายรู้ได้ไง!?”

 

         “ฉันก็เคยเป็น”

 

         “.....”

 

         “เฮ้อ~ ฉันก็อยากช่วยนะ แต่ฉันไม่อยากหลอกลวงคนอื่นอีกต่อไปแล้ว” ผู้ชายคนนั้นถอนหายใจ ฉันไม่รีรอที่จะอ้อนวอนผู้ชายคนนี้ทันที เพื่อแม่แล้ว ฉันทำได้ทุกอย่าง!

 

         “นะ ฉันขอร้องล่ะ ช่วยฉันหน่อยเถอะนะ”

 

         “บ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ”

 

         “เอ่อ...อืม ทำไมเหรอ” ฉันตอบอย่างงงๆ ทำไมอยู่ๆ เขาถึงถามถึงเรื่องนี้?

 

         “เปล่า”

 

         “.....”

 

          “ฉันจะช่วยเธอก็ได้ แต่ต่อหน้าแม่ของเธอเท่านั้นนะ อย่าคิดจะเอาฉันเป็นตัวแทนใคร” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เขาดูแตกต่างจากตอนที่ฉันพบบนรถเมล์เมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง เขาดูเป็นผู่ใหญ่และมีเหตุผล ต่างจากการทำตัวเป็นเด็กๆ ที่ฉันเคยเห็น หรือเขาจะเป็นคนสองบุคลิก?

 

         “อยู่ต่อหน้าแม่ของเธอ ฉันจะเป็นกล้าอะไรนั่น แต่อยู่ต่อหน้าเธอ ฉันจะเป็นโทโมะอย่างที่ฉันเป็น ถ้าเธอโอเคฉันจะช่วยเธอ”

 

         “ฉันโอเค!” ฉันตอบอย่างไม่รีรอ รอยยิ้มกว้างปรากฎขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่จะถู่ลู่ถูกังชายหนุ่มนามโทโมะคนนั้นให้กลับไปหาคุณแม่อย่างรวดเร็ว

 

         “แม่คะ พี่กล้ากลับมาแล้วค่ะ!” ฉันผลักโทโมใหถลาเข้าไปหาคุณแม่ สองคนยืนจ้องมองกันอยู่สักพัก ก่อนที่แม่ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา

 

         “กล้าลูกแม่”

 

         “ฮะแม่^O^”

 

          “โฮ.....กล้า กล้ากลับมาแล้ว กล้า” เมื่อได้รับรอยยิ้มจากหนุ่มน้อยที่คิดว่าเป็นลูกแม่ก็เผยยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ฉันไม่ได้เห็นมานาน ฉันได้แต่ยืนมองภาพเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความตื้นตัน

 

         “แก้วมานี่ซิลูก มาคุยกับพี่กล้าของเราสิ”

 

         ฉันขยับตัวไปตามมือบางที่กวักเรียนยิกๆ และเมื่อฉันขยับเข้าไปใกล้

 

         “กล้าไม่ดีใจเหรอที่ได้เจอน้อง?”

 

         “เอ่อ...ดีใจสิฮะ”

 

         “แล้วทำไมไม่กอดน้องแบบที่เราชอบทำล่ะ” คำพูดของแม่ทำเอาเราสองคนหันมามองหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง ให้ฉันกอด...กับอีตานี่เนี้ยนะ! แต่ดูเหมือนผู้ชายที่ชื่อโทโมะไม่คิดแบบเดียวกับฉัน

 

         “น้องแก้ว พี่คิดถึงน้องแก้วจังเลย” ร่างสูงถลาเข้ามาหมายจะคว้าตัวฉันเอาไว้ ฉันกะจะก้มตัวหลบอ้อมกอดของเขา ถ้าไม่ไปสะดุดกับสายตาของคุณแม่ที่จ้องตรงมาด้วยความสงสัย

 

         “แก้วก็คิดถึงพี่กล้าเหมือนกันค่ะ T^T” ฉันแทบจะปล่อยโฮเมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายที่ไหนไม่รู้ แต่เมื่อเอาเข้าจริงแล้ว อ้อมกอดของโทโมะกลับอบอุ่นกว่าที่ฉันคิด ไม่นานนักหนุ่มน้อยก็คลายอ้อมกอดออก

 

         “กล้ากลับมาก็ดีแล้ว และพ่อล่ะ”

 

         โทโมะหันขวับมามองหน้าฉันในทันที ฉันเลิ่กลั่กตอบในทันใด

 

         “พ่อ...พ่อเขายังทำงานไม่เสร็จเลยยังไม่ได้กลับมาน่ะคะ พี่กล้าเพิ่งบอกแก้วมาเมื่อกี้นี้เอง” ฉันรีบต่อแระโยคสุดท้ายในทันใดเมื่อเห็นดวงตาของแม่ที่หรี่ลงเล็กน้อย

 

         “ไม่ใช่ตาแก่นั่นแอบไปมีกิ๊กเป็นแหม่นที่ไหนหรอกนะ”

 

          “ไม่หรอกฮะแม่ พ่อเขายังทำงานไม่เสร็จเลยยังกลับมาไม่ได้ แต่ติมคิดภึงแม่ก็เลยกลับมาก่อน” โทโมะเป็นคนกู้สถานการณ์แทนฉัน ฉันหันไปมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ

 

         “ปากหวานจริงนะเรา ไปเถอะ กลับบ้านกัน”

 

         ฉันกับโทโมะหันกลับไปมองหน้ากันอีกครั้ง เรื่องนั้น...มันไม่ได้อยู่ในแผนนี่!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา