ไกลปืนเที่ยง
5)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความชายหนุ่มสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้ก็เห็นร่างร่างหนึ่งนอนทอดยาวเหยียดบนแคร่ เจ้าของร่างนอนหงายยกเท้าซ้ายไขว้เท้าขวาในท่าสบายที่สุด ส่วนมือนั้นรองหนุนศรีษะมีหมวกสานใบเก่าขาดกะรุ่งกะริ่งปิดใบหน้าไว้ ด้วยความเหนื่อยจัดอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ ชายหนุ่มถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งบนแคร่ร่วมกับเจ้าของร่างที่นอนนิ่งทันที ขาเจ้ากรรมที่หมดแรงกระทันหันเพราะตะคริวเนื่องจากนั่งรถมาเป็นเวลานานทำเอาร่างของเขาพยุงตัวไม่ได้ก็เสียศูนย์หน้าคว่ำร่างทับกับร่างที่นอนอยู่พอดิบพอดี
"ว้ายยยย.... อะไรเนี่ย!!!!!" โดยทันใดร่างที่นอนนิ่งลุกพรวดด้วยความตกใจ วินาทีนั้นหมวกสานที่ปิดบังใบหน้าแสนสวยก็หล่นลงกับพื้นเผยโฉมให้เห็นใบหน้าสะคราญ ผมยาวสีดำตัดกับใบหน้านวลผ่องช่างดูกลมกลึงอะไรเช่นนั้น "ไอ้บ้า ..... จะมาลวนลามฉันเหรอ" ปากนิ่มอวบอิ่มเริ่มขยับเพื่อต่อว่าชายหนุ่ม
"เปล่า.....ผม อุ๊บ!!!!" ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะอธิบายใดๆทั้งสิ้นเท้าของหญิงสาวก็ถีบเข้ายอดอก ชายหนุ่มกระเด็นตกลงจากแคร่ไปกองที่พื้นดิน
"จุกโว้ยยย.....ไอ้แกละมากระทืบไอ้บ้ากามนี่หน่อยเร็ว!!!!" หญิงสาวร้องเรียกลูกสมุนทั้งสอง สักพักเจ้าแกละก็ถือไม้หน้าสามเดินก๋ามากับไอ้จุกผู้มีดุ้นไม้ฟืนเป็นอาวุธเช่นกัน
"ไหนพี่ปราง? ไอ้ตัวไหนที่มันมาบ้ากามกับพี่ ....ไอ้จุกคนนี้จะฟาดให้ตายคามือเชียว"
"โอ้ยยย .... เดี๋ยวๆๆ เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ฉันมาดีจ่ะไม่ได้มาร้าย อย่าทำร้ายฉันเลย" ชายหนุ่มยกมือปราม
"อย่ามาสะตอ(ตอแหล) เมื่อกี้เห็นอยู่ชัดๆล้มตัวทับฉัน จะลวนลามฉันใช่ไหม" หญิงสาวตะคอกใส่
"นี่คุณฟังก่อนสิเมื่อครู่มันเป็นอุบัติเหตุ ขาผมเป็นตะคริวล้มลงขณะที่จะนั่งบนแคร่พอดี ก็เลยเซล้มไปทับคุณเข้า ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
"อย่าไปฟังมันพี่ปราง .... ผมเผ้ารุงรังหนวดเคราครึ้มแบบนี้ ลูกน้องไอ้เคราดำแหงๆจอนนี่ว่าเอามันเลยดีกว่า" เจ้าจุกทำท่าฮึดฮัด หญิงสาวชำเลืองมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ใบหน้าคมเข้มผิวสีแทน ลักษณะผอมโปร่ง ไม่สูงไม่เตี้ยเกินไป ผมยาวรุงรัง ไว้หนวดเครา สวมเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ขาดๆรองเท้าผ้าใบเก่าๆ ลักษณะคล้ายพวกนักดนตรีโลโซ แบกเป้มาใบหนึ่ง ย่ามเก่าๆซีดๆใบหนึ่ง และของยาวใหญ่ลักษณะคล้ายกล่องเก็บกีตาร์ และที่สำคัญแววตาใสซื่อไม่เหี้ยมเกรียมเหมือนพวกลูกน้องไอ้เคราดำ
''หน้าตาก็ไม่ใช่คนแถวนี้ ..... มาจากไหนแล้วจะไปไหน" หญิงสาวยังคงซักต่อไป
"มาจากกรุงเทพ ..... ว่าจะไปหมู่บ้านโคกอีแร้งจ่ะ" ชายหนุ่มดีใจเมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวอ่อนลง
"ไปทำไมที่โคกอีแร้ง ... มีญาติที่นั่นรึ?" หญิงสาวยังคงซักไซร้ไล่เลียงต่อไปพลางมองอย่างไม่ไว้ใจ
"เปล่าจ่ะ .... ว่าจะมาเที่ยว.....เพื่อนแนะนำมา"
"เที่ยว? ..... ที่แบบนี้เนี่ยนะ" สาวสวยกระพริบขนตางอนถี่ๆพลางเบิกตากลมโตสีน้ำตาลอ่อน อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
"จ่ะ .... ฉันเป็นนักดนตรีเร่ร่อนน่ะ อยู่กรุงเทพก็เล่นตามผับตามบาร์อยากออกมาปลีกวิเวกบ้าง ได้ข่าวจากเพื่อนว่าที่นี่มันเงียบสงบดีไม่วุ่นวายเหมือนในเมืองหลวง ว่าจะมาหาแรงบันดาลใจที่นี่ อยากแต่งเพลงใหม่ๆน่ะ"
เมื่อได้ฟังหญิงสาวก็หันไปหาลูกสมุนพลางหัวเราะคิกคักๆกันสามคน เมื่อกลั้นหัวเราะได้จึงหันไปคุยกับชายหนุ่มต่อ
"ฉันว่าคุณมาผิดที่แล้วล่ะ ...... ที่นี่ไม่มีไอ้แรงบันดาลใจอะไรอย่างที่คุณว่าหรอก คุณกลับไปดีกว่าแล้วจะหาว่าไม่เตือน"
"ทำไมครับ? ...... ผมเป็นศิลปิน อยู่ที่ไหนใจของผมก็เป็นศิลปิน ผิดด้วยหรือที่ผมอยากสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆออกมาจากแรงบันดาลใจที่นี่ คุณมาไล่ผมแบบนี้เท่ากับปิดโอกาสในการสร้างสรรค์ผลงานของผมเลยนะครับเนี่ย"
"ไม่ใช่แบบน้าน ..... คือที่ฉันหมายถึงคือที่นี่อ่ะมันลำบาก แล้วก็อันตรายมากด้วยที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นที่คุณเคยไปเที่ยวหาแรงบันดาลใจมาหรอก"
"ต่างยังไงครับ? ไม่เหมือนตรงไหน? นอนกลางดินกินกลางทรายผมก้เคยมาแล้ว ก็อีแค่อยู่หมู่บ้านที่ทุรกันดารเรื่องนี้ถือว่าจิ๊บๆ" ชายหนุ่มพูดพลางกอดอกอย่างภูมิใจ แต่หญิงสาวกลับเบะปากใส่
"คุณไม่รู้หรอกที่นี่มันอันตรายแค่ไหน ..... ขอเตือนครั้งสุดท้าย คุณไปซะเถอะ"
"เอาน่าคุณ ..... ไหนๆผมก็มาแล้ว จะลองอยู่สักสามสี่วันก่อน อยู่ไม่ได้ค่อยตัดสินใจไปแหล่งอื่น" ชายหนุ่มต่อรอง
"โว้ยยยยย ... พูดไม่รู้เรื่องอยากอยู่ก็อยู่ไป เกิดอะไรขึ้นฉันไม่รับผิดชอบด้วย ถือว่าเตือนกันแล้ว ..... ไป!!!! ไอ้จุกไอ้แกละกลับบ้าน" พูดจบหญิงสาวหันหลังกลับไปสตาร์ทเครื่องมอเตอร์ไซค์ซาเล้ง ไอ้จุกกับแกละกระโดดขึ้นรถแผลวอย่างรู้งาน
"เดี๋ยวครับเดี๋ยว อย่าเพิ่งไป" ชายหนุ่มทัดทาน
"อะไรอีกล่ะ" หญิงสาวทำหน้าเซ็ง
"เอ่อ ... คือถ้าไม่รังเกียจ ผมขอติดรถไปลงที่หมู่บ้านโคกอีแร้งได้หรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มอ้อนวอนด้วยคำพูดสุภาพที่สุดเท่าทีทำได้
"รังเกียจ .... แล้วก็ไม่ให้ไปด้วย คุณเป็นใครฉันยังไม่รู้จักดีเลย เจอหน้ากันครั้งแรกก็จะลวนลามฉันเสียแล้ว ขืนเอาติดรถไปด้วยกลัวจะโดนข่มขืนกลางทาง ฉันไม่เสี่ยงหรอกย่ะ แต่จะบอกทางให้เอาบุญ จากนี่ไปเดินผ่านคันนาประมาณ 8 ไร่ แล้วถึงทางแยกเลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปอีกประมาณ 10 กิโล ก็ถึงละ" พูดจบหญิงสาวก็สตาร์ทเครื่องแล้วบิดเครื่องพาตัวรถเคลื่อนที่ออกไปจากบริเวณนั้นทิ้งไว้ก็เพียงชายหนุ่มกับสัมภาระของเขาไว้เบื้องหลัง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ