สัญญามันใจ..ยายตัวแสบ

6.2

เขียนโดย แสงจันทรา

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 เวลา 13.50 น.

  24 ตอน
  1 วิจารณ์
  35.99K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

24)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
                 2 ปีผ่านไป... ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น สายธารและสุธียังคงไปมาหาสู่กันเป็นประจำอยู่เสมอ มินทร์ตา ได้พบเพื่อนชายที่สนิทสนมกันตั้งแต่วันไปเข้าค่ายอาสา เจนจิตรและเพื่อนๆ เลิกทานยาหลังจากเข้ารับการบำบัดผู้ติดยาเสพติดนานกว่าครึ่งปี แอนนาหญิงสาวที่เคยอ่อนแอ และไม่สู้ใคร ตอนนี้เธอก็กลายเป็นตัวตั้งตัวตีเขี้ยวเข็นกลุ่มพวกเจนจิตรให้เรียนจบพร้อมๆ เพื่อนคนอื่นๆ แต่มีนาและเจนจิตรก็ยังคงวางฟอร์มใส่กันอยู่เหมือนเดิม แต่มันก็ทำให้ชีวิตวัยเรียนของพวกเขาสนุก และมีรสชาติขึ้นมากทีเดียว เพื่อนกันจะทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้างก็มีความสุขดี
     “พี่ธนาค่ะ อาทิตย์หน้าก็วันสอบวันสุดท้ายแล้วนะ มีนาคงต้องกลับบ้านจนถึงวันรับปริญญาโน้น อย่างลืมตอบจดหมายนะ ไม่งั้นมีนาจะไปขุดเอาสัญญามาเผาทิ้ง ปล.คิดถึง... ท้องฟ้าที่โน้นจัง มีนา” ธนาอ่านจดหมายที่มีนาเขียนมาถึงฉบับล่าสุด เขายิ้มให้กับทุกคำพูดของเธอ แค่อ่านจดหมายก็สามารถที่จะเห็นท่าทางของเธออันสดใสของเธอ
     “นี่ฉบับที่ 99 แล้วนะเธอยังไม่เคยลงท้ายว่า รักและคิดถึงสักครั้ง”ธนาบ่นอยู่ลำพัง และหันมองท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ จนมองเห็นทางช้างเผือก
 
 มีนาและธนาติดต่อกันทางจดหมาย ทั้งๆ ที่โทรศัพท์ก็สามารถที่จะพูดคุยกันได้ และยังได้ยินเสียงสดๆ ของคนที่คิดถึงและอยู่แสนไกล แต่พวกเขากับคิดว่า การได้รอคอยเพื่ออ่านจดหมายของคนที่คิดถึงและอยู่แสนไกลมันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้น น่าดีใจ  และมีความสุข คำพูดหรือจะสำคัญเท่าตัวอักษรที่จาลึกไว้ และเป็นเหมือนสัญญา ที่ผูกมัดพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกัน จะหยิบมันขึ้นมาอ่านครั้งแล้วครั้งเล่า ก็สามารถเรียกรอยยิ้มขึ้นมาได้ทุกที
     “ป่านนี้ เธอจะมองท้องฟ้าเหมือนกับพี่ไหม”คำถามของธนา ยากที่จะมีคำตอบ เพราะเธอก็ถามคำถามเดียวกับเขา
     “ป่านนี้ พี่จะมองท้องฟ้าเหมือนฉันอยู่ไหม” มีนาถามกับฟ้า ถามสายลม และดวงดาวเช่นกันในอีกสถานทีหนึ่ง
 
                ก๊อก .. ก๊อก เสียงเคาะประตูดังอยู่นาน มีนาลุกขึ้นมาจากที่นอน และเดินไปเปิดประตู
     “อ้อ..แม่เองหรือค่ะ”มีนาทำน้ำเสียงงัวเงีย เพราะถูกปลุกให้ตื่น ผู้เป็นแม่นึกขันสภาพของลูกสาว ที่ใครๆ ชมอยู่เสมอว่าเธอดูสวย ตาคมและน่ารัก มันช่างต่างจากวันนี้ อย่างสิ้นเชิง
     “คุณแม่มีธุระสำคัญหรือเปล่าค่ะ”มีนาล้มตัวลงไปนอนกับเตียงอีกครั้ง
     “เมื่อไหร่จะลุกสักที เป็นสาวเป็นนาง นอนตื่นสายอย่างนี้ใครจะมาขอกันเล่า”แม่กาญดาพูด มีนาแอบยิ้มเมื่อนึกถึงใครบางคน
     “หรือว่ามีแล้ว ไม่คิดจะเล่าให้แม่ฟังบ้างหรือ”แม่กาญดาสงสัย มีนาลุกขึ้นมานั่งด้วยอาการสดชื้นผิดปกติ
     “ยังค่ะ..ยังไม่มีใครมาบอกรักมีนาเลย”มีนาทำหน้าเศร้าเมื่อพยายามคิดเท่าไหร่ เธอก็นึกไม่ออกสักที่ว่าเขาคนนั้นเคยบอกรักเธอหรือเปล่า
     “นั่นสินะ...ยังไม่เคยได้ยินคำนั้นจริงๆ”มีนาทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที
     “อาทิตย์หน้า เราก็รับปริญญาแล้วนี่ จะทำงานที่ไหนคิดไว้หรือยัง”ผู้เป็นแม่ยังคงถามต่อ
     “อื่อ..คุณแม่เคยบอกมีนาว่า สงสารคนที่เขาไม่มีโอกาสเรียนบ้างนะลูก.. แม่จำได้ไหมค่ะ”มีนาถามดูเชิงผู้เป็นแม่
     “อื่อ...ใช่ แล้วอย่างไง มีอะไรงั้นเหรอ”แม่กาญดาสงสัยในคำถามลูกสาว
     “ถ้ามีนา จะหยิบยื่นโอกาสให้กับคนอื่นที่ด้อยโอกาสแม่คิดว่าเป็นอย่างไงค่ะ”มีนาถามและลุ้นคำตอบนั้น
     “ลูกอยากเป็นครูงั้นเหรอ”แม่กาญดาคิดอยู่นานก่อนจะพูดขึ้นมา
     “ถ้าเป็นครูดีไหมค่ะ”มีนา ดูจะดีใจเกินเหตุ ทำให้เป็นที่น่าสงสัย ปกติเธอไม่เคยพูดว่าอยากเป็นครูเลยสักครั้ง
     “จะไปสอนโรงเรียนไหนก็บอกแม่แล้วกันนะ แม่จะจัดการให้”แม่กาญดาพูดจบและเดินออกไป มีนายังคงอยู่ในอารมณ์ดีใจจนไม่ได้ฟังที่ผู้เป็นแม่พูด เพราะจิตใจเธอล่องลอยไปถึงดอยตุงเสียแล้ว
 
                ในวันรับปริญญาผู้คนมากมายจนแทบจะหามุมถ่ายภาพดีๆ ลำบาก มีนายังคงชอบที่จะเป็นช่างภาพ มากกว่าเป็นนางแบบ เธอยังอาสาที่จะถ่ายภาพให้มินทร์ตากับครอบครัว ระหว่างรอผู้เป็นแม่ที่กำลังตามมาทีหลัง
     “มีนา เธอไม่ถ่ายรูปหรือ”มินทร์ตาถาม หล่อนสวมชุดบัณฑิต ยืนเรียกมีนาอยู่หน้าซุ้มดอกไม้
     “ขอฉันเป็นคนถ่ายเถอะ แล้วนี่สายธารไปไหนนะยังไม่เห็นเลย”มีนาถามและมองดูรอบๆ เธอยิ้มขึ้นอย่างดีใจ
     “มีนา...”เสียงนั้นเองที่ทำให้เธอยิ้ม สายธารเดินตรงมาพร้อมกับพ่อและแม่ที่ถือดอกไม้มา 2 ช่อ มีนายกมือไหว้
     “สำหรับหนูยินดีด้วยนะ”พ่ออาทรยื่นดอกไม้แสดงความยินดี เช่นกันกับแม่ดาวเรืองที่ส่งให้มินทร์ตา
     “ขอบคุณมากค่ะ”ทั้งมีนา และมินทร์ตาพูดขึ้นพร้อมกัน สายธารมองดูรอบๆ อย่างแปลกใจ เช่นเดียวกับมีนา
     “แม่ของเธอหละมีนา”สายธารถามขึ้น ที่ไม่เห็นแม่ของมีนา แต่เพื่อนสาวเหมือนจะไม่ได้ยิน
     “นี่..ฉันถามว่าแม่กาญดาไม่มาหรือ แล้วนี้เธอมองหาใครอยู่”สายธารมองตามสายตาของเพื่อนสาว
     “หรือว่ามองหา พี่ธนาเหรอ”สายธารพอจะเดาออก เพราะมีนาแทบไม่สนใจฟังเธอสักนิด
     “ใช่ เอ๋..เปล่า ฉันรอแม่ฉันต่างหาก เห็นบอกว่าไปรับเพื่อนของเขา พอดีอยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ”มีนาปฏิเสธ แต่สายตาของเธอฟ้อง ว่าคนที่เธอมองหาอยู่ไม่ใช่แม่ของเธออย่างแน่นอน
     “น่าสงสารพี่ชาย ที่แท้ก็ไม่มีใครเขารอ เพื่ออยากเจอสักนิด” สายธารพูดขึ้นมาลอยๆ ทำให้มีนาหันกับมามอง และทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนผู้ใหญ่พากันไปนั่งคุยกันอยู่อีกมุมปล่อยให้เด็ก ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาม เมื่อเจนจิตรและเพื่อนๆ ตามมาสมทบ ไม่นานนักแม่กาญดาก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา
     “คุณอาทร คุณดาวเรืองสวัสดีค่ะ”แม่กาญดาทักทายทั้งสองและแนะนำให้รู้จักกันอย่างทั่วหน้า
     “นี่เพื่อนของดิฉันเองค่ะ พึ่งย้ายมาทำธุระกิจที่เชียงใหม่ แล้วนี่ลูกชายคนเดียวชื่อมาวิน”ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อมถอมตน ก่อนที่จะหันไปมองกลุ่มสาวๆ ที่ดูร่าเริงสดใส่ ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
     “คนที่ถือกล้องนั่น..ใช่น้องมีนาหรือเปล่าครับคุณน้า”ชายหนุ่มมองดูด้วยสายตาชื่นชม
     “ใช่แล้วจ๊ะ นั่นแหละน้อง”แม่กาญดาพูด และดูท่าทางของมาวินจะสนใจมีนามองไม่ละสายตา ผู้เป็นแม่ของทั้งสองดูจะชอบอกชอบใจ เหมือนว่าจะจับคู่ให้เด็กทั้งสอง
     “มีนา นั่นใครกันหรอกหล่อชะมัด และกำลังจ้องมาที่เราด้วย”เจนจิตรหันมาเจอหนุ่มมาดเข้ม แต่งตัวดูดี เขามองมา
     “ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้จัก”มีนาหันกลับไป ก็พบว่าแม่ของเธอมาแล้ว เธอโบกมือให้ผู้เป็นแม่ก่อนจะเดินมาหา
     “แม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ”มีนาถาม และรู้สึกแปลกใจที่มีคนแปลกหน้าสองคนกำลังยืนมองเธอด้วยรอยยิ้ม
     “นี่ไงป้าอารี กับพี่มาวินจำได้ไหมที่เคยอยู่ข้างๆ บ้านเราตอนเด็กๆ ไงลูก”มีนามองดูดีๆ พยายามนึกถึงภาพในอดีต
                “พี่วิน.. พี่วิน มีนาอยากกินไอติม พี่ไปขอกับลุงเขาให้หน่อยสิ”เด็กผู้หญิงอายุ 5 กำลังชี้ไปยังลุงที่ขายไอศรีม
     “ขอไม่ได้หรอกมีนา เราต้องซื้อเขา ถึงจะได้กิน”เด็กผู้ชายอายุ 8 ขวบหยุดจักรยานก่อนจะตอบไป
     “ซื้อเหรอ..เอ๋แล้วเอาอะไรซื้อ เหมือนที่เราเล่นขายของกันไหมค่ะ”เด็กหญิงช่างสงสัยถามขึ้นอีกครั้ง
     “อื้อ..ใช่แล้ว”พอฟังคำตอบนั้นเด็กหญิงขี้สงสัย จึงลงจากรถจักรยานและวิ่งไปเด็ดใบไม้ 4-5 ใบ ก่อนจะวิ่งไปยังลุงขายไอศรีม ที่มองอย่างฉงนใจ เมื่อเห็นเด็กน้อยกำลังยื้นใบไม้ให้
     “อะไรหรือจ๊ะ หนู”ลุงขายไอศรีมก้มลงถาม เด็กผู้ชายรีบจอดรถจักรยานวิ่งตามไปอย่างหน้าตาตื่น
     “ขอซื้อไอติมค่ะ” เด็กหญิงหน้าตาใสซื่อหลับตาปริบๆ รอคอย คำตอบรับจากลุง และเธอก็ต้องทำหน้ายุ้งขึ้นมาทันที เมื่อลุงขายไอศรีมหัวเราะดังรั่น
     “ขอโทษฮะ น้องสาวผมเขายังเด็ก”เด็กผู้ชายก้มหัวกล่าวคำขอโทษก่อนจะจับใบไม้ออกจากมือของเด็กผู้หญิง
     “อ้าว..ทำไมหละค่ะ มีนาอยากกินไอติมนี่” เธอยังคงยืนยันที่จะซื้อมัน จนลุงขายไอศรีมหันมามองด้วยรอยยิ้ม
    “ไม่มีเงินกันหรือหนูน้อย”ลุงผู้มีท่าทางใจดีถาม เด็กหญิงยังคงไม่เข้าใจว่าเงินนั่นคืออะไร แต่เด็กผู้ชายส่ายหัว
     “ไม่มีฮะ พอดีเราออกมาขี่รถเล่นเลยไม่ได้หยิบเงินมาด้วย”เด็กผู้ชายตอบก่อนจะจูงมือเด็กหญิงที่กำลังงง อยู่
    “เดี๋ยวเราให้พ่อกับแม่พี่ พาไปกินดีกว่านะ”เด็กผู้ชายพยายามปลอบเด็กหญิงที่ทำหน้าผิดหวังราวจะร้องไห้
     “มะ! ลุงขายให้ มีเงินมากี่สิบหละแม่หนู”ลุงขายไอศรีมหยิบไอศรีมให้ทั้งสองคนละแท่งเด็กผู้หญิงดีใจจนหน้าบาน
     “หนูให้หมดเลยค่ะ ตั้งหลายร้อย”เด็กน้อยทั้งสองยิ้มร่าเริงก่อนจะยกมือขึ้นไหว้และรับไอศรีมนั้น
                 “พี่วิน นี่พี่มาวินจริงๆ หรือค่ะ”มีนา มีท่าทางดีใจเป็นพิเศษเมื่อเธอทบทวนความทรงจำนั่นอีกครั้ง
     “โตขึ้นสวยจนจำไม่ได้เลยนะเรา” ชายหนุ่มขยี่หัว เธออย่างสนิทสนมและเอ็นดู ดูเหมือนว่ามาวินและมีนาจะเข้ากันได้เป็นอย่างดี อาจเป็นเพราะว่าเขาและเธอเคยผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก
     “ถ้าลูกชายของฉันได้แต่งงานกับลูกของเธอก็ดีสิ เราจะได้เป็นดอกกันสะที”แม่ของมาวินพูดเมื่อมองดูเด็กทั้งสอง
     “ฉันคิดว่าคงแล้วแต่ลูกนะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน”แม่กาญดาออกความเห็น และมองดูลูกๆ อยู่ห่าง ๆ มีนาพามาวินไปแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จัก รอยยิ้มของเธอไม่เคยหายไปจากใบหน้านั้นเลย จากสายตาของคนที่มองดูอยู่
     “พ่อๆ แม่เสียดายหนูมีนาจัง ลูกของเราไม่ได้เรื่องจริงๆ แบบนี้คงไม่ทันเขาหรอก”แม่ดาวเรืองกระซิบ
     “พูดถึงก็มาโน้นแล้ว”พ่ออาทรโบกมือเป็นสัญญาให้กับธนาและสุธี ที่เดินเข้ามาและกำลังมองหาอยู่ เมื่อธนาเดินมาถึงก็ยกมือไหว้เหล่าผู้ใหญ่ที่พากันยืนอยู่ใต้ร่มไม้ แต่ไม่เห็นบัณฑิตใหม่อยู่ตรงนั้นสักคน
     “แล้วบัณฑิตใหม่ไปไหนกันหมดหละครับ”ธนาถามขึ้น และมองตามมือที่ชี้ไปยังซุ้มต่างๆ เขาเห็นพวกสาวๆ สวมชุดบัณฑิตถ่ายภาพกันด้วยสีหน้ายินดี ธนายิ้มและตั้งใจจะเดินเข้าไปร่วมกลุ่มนั้น ก่อนที่ธนาจะเดินมาถึง ชายหนุ่มแต่งตัวดี หน้าตานับว่าหล่อเอาการ กำลังถ่ายภาพให้กับสาวๆ เดินเข้ามาคุยกันมีนาท่าทางสนิทสนม
     “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”สุธีถามอย่างแปลกใจ แต่ธนากับยืนนิ่งตะลึงอยู่กับที่ สายธารมองมาเห็นพอดี...
     “พี่ธนา พี่สุธีมาถ่ายรูปด้วยกันนะค่ะ”สายธารตะโกนออกไป มีนาได้ยิน และหันกลับไปมอง อย่างดีใจ แต่เมื่อสบตากับธนา ที่ยืนมองดูเธอกับมาวินด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง มีนารู้สึกใจหายขึ้นมาทันที เธอขยับตัวออกห่างจากมาวิน
     “ยินดีด้วยนะครับสาว ๆ”สุธีพูดขึ้นเพราะดูบรรยกาศจะเงียบจนผิดปกติ ธนารีบเปลี่ยนท่าทีโดยฉับพลัน
     “ยินดีด้วยกับทุกคนนะครับ”ธนาพูดกับทุกๆ คนและจบสายตาไว้ที่มีนา เธอคิดว่าเขาจะไม่ทักทายเธอเสียแล้ว
     “สบายดีใช่ไหมค่ะ”มีนาถามธนา ที่ยังคอยหลบสายตาของเธอ ธนาหันกลับมาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่รู้สึกไม่พอใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอนัก เขาพยักหน้าแทนการตอบ และหันไปสนใจถ่ายรูปกับสาวๆ ที่ดึงตัวธนา ไปถ่ายด้วย มีนามองด้วยความรู้สึกน้อยใจ
     “ไม่สมกับที่เรารอคอยเพื่อที่จะพบกันเลยสักนิด”มีนาคิดผิดหวังในใจ รอยยิ้มของเธอเริ่มหายไปทันที เมื่อธนาแอบมองดู ไม่เห็นว่าเธอจะรู้สึกเดือดร้อนอะไร และยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออยู่ข้างๆ ผู้ชายคนนั้นเธอดูจะร่าเริงสดใส่
     “สงสัยคราวนี้นายคงต้องลำบากเจอคู่แข่งที่น่ากลัวเข้าแล้ว”สุธีตบหลังเพื่อนสนิท ที่เอาแต่จ้องมองมีนา
     “มีนามาทางนี้หน่อย”สายธารเรียกมีนา เธอฝากดอกไม้ให้มาวินถือ พร้อมด้วยรอยยิ้ม ธนาดูจะหมั่นไส้เอามาก ๆ
     “ช่วยถ่ายรูปฉันกับพี่ชายทั้งสองให้หน่อยนะ”สายธารยัดกล้องใส่มือมีนาจำต้องทำ เธอเห็นท่าทางของธนาผ่านเลนกล้อง ด้วยท่าทางอันเมินเฉยเย็นชา ยิ่งทำให้รู้สึกหมั่นไส้มากขึ้น สายธารถ่ายไปได้ 2 ภาพเธอก็อาสาเป็นคนถ่ายบ้าง โดนผลักให้มีนาไปยืนแทนที่ของเธอ สุธีแอบเดินออกจากฉากนั้นและปล่อยให้ทั้งสองถ่ายรูปคู่กัน
     “อ้าว..อยู่ชิดๆ กันหน่อยได้ไหม”สายธารตะโกนออกมา มีนาและธนามองหน้ากันและขยับเข้าไป แต่มันก็ยังห่างอยู่ดี สายธารดูท่าทางไม่ดีนัก เพราะสองคนนั้นทำท่าทางเมินเฉยใส่กัน เธอจึงสบตาเพื่อให้เจนจิตรและมินทร์ตาช่วย
     “ตามสบายแล้วกัน ฉันจะนับ 1 ถึง 3”สายธารส่งสายตาทำสัญญาณให้เพื่อนสาวที่ยืนประกบทั้งสองอยู่ หล่อนแอบยิ้ม และเริ่มนับ 1-3 ทันที ที่นับสาม ก่อนที่สายธารจะกดชัดเตอร์ มินทร์ตาและเจนจิตรผลักทั้งสองเข้าด้วยกัน มีนาตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว ธนาก็เช่นกัน แต่เขารีบรับมีนาเข้ามาประคองเอาไว้ก่อนที่เธอจะล้ม
     “สวย..”สายธารยิ้มเพราะภาพนี้เป็นภาพที่ดีที่สุด ธนาโอบกอดมีนาเอาไว้ สายตาที่ธนามองด้วยความห่วยใย และสายตาซาบซึ้งเมื่อทั้งสองจ้องตากัน สายธารกดชัดเตอร์ไม่หยุดได้ไปกว่า 10 รูป กว่าสองคนนั้นจะรู้ตัว
     “ยายน้อง พวกเธอแกล้งฉันงั้นเหรอ”มีนาหันกับมามองเพื่อนๆ ตาเขียว ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีมีนา ธนานึกขำ กับเหตุการณ์เมื่อครู่ สุธียิ้มตาม เมื่อเห็นธนายิ้มได้อีกครั้ง มีนาหันกลับมามองธนา ก็พบว่าเขากำลังส่งยิ้มให้เธอ
 
                ตลอดเวลาที่ทุกคนดูจะมีความสุข ไม่มีใครนอกจากเจนจิตรที่แอบมองมาวิน อยู่ห่างๆ ก็เห็นสายตาที่มีความหมายมากมายซ่อนอยู่
     “ดูเธอกำลังแอบมองเขาคนนั้นอยู่หรือเปล่า”ดาวล้อมกระซิบถาม เมื่อเห็นเจนจิตรมองมิวอย่างเพลิดเพลิน
     “บ้าน่า..ฉันกำลังจับผิดนายคนนั้นต่างหาก เธอดูสิเหมือนเขาสนใจยายมีนาเอามากๆ”เจนจิตรพูด
     “ก็แน่แหละ เขาสนิทกันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ”ดาวล้อมพูด เจนจิตรถอนหายใจใหญ่
     “อย่างนี้ยายมีนาต้องหักอกพี่ธนาของฉันแน่นๆ คอยดูนะฉันจะขัดขวางให้ถึงที่สุด ทางฝ่ายมาวินที่มองมีนาอยู่นั้น
     “แม่ครับน้องมีนา ดูเธอสดใสน่ารักดีนะครับ”มิว ชายหนุ่มหล่อมาสเข้มมองดูเธอไม่ละสายตา
     “แล้วลูกชอบน้องหรือเปล่าหละ”ผู้เป็นแม่หวังจะจับคู่ให้ลูกชาย มาวินยอมรับและยิ้มความรู้สึกบอกว่าเขาสนใจเธอ แต่สายตาของเขาที่เห็นภาพอยู่ตอนนี้ มันบอกให้รู้ว่า มีนาและธนาดูเหมือนทั้งคู่จะมีใจให้กัน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา