สัญญามันใจ..ยายตัวแสบ
6.2
20)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตั้งแต่ช่วงเวลาปิดเทอมสายธารก็สังเกตดูพี่ชาย ที่ดูทรุดโทรม และเคร่งขรึมจนกลายเป็นคนเย็นชา
“น่าเป็นหวงจริงๆ พี่สุธีค่ะ เราคงปล่อยให้สองคนนั้นพูดกันเองไม่ได้แล้วหละ คนอย่างมีนาปากแข็งใจแข็งอย่างนั้นคงยากที่จะพูดกับพี่ธนาก่อน และพี่ธนาก็คงไม่มีทางดึงมีนาลงมาลำบากกับเขา น้องว่าท่าทางสองคนนั้น ต่างคิดพยายามที่จะลืมอีกฝ่ายมากกว่านะ”สายธารกำลังโทรศัพท์พูดอยู่กับสุธี แต่สายตายังคงจ้องมองที่พี่ชาย สุธีจึงหาทางคิดแผนที่จะทำให้ทั้งสอง กลับมาพบกันและพูดกันอีกครั้ง สายธารเห็นด้วยกับแผนนั้น เธอจึงจัดการตามแผนของสุธี
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากเปิดเทอม เจนจิตรตั้งตัวเป็นประธานเข้าค่ายอาสา
“นี่...พวกเธอต้องไปให้ได้นะ เราจะไปช่วยเด็กๆ ที่ไร้โอกาสและห่างไกลความเจริญกัน”มีนามองเจนจิตรอยู่นานสายตาแปลกใจ นี่มันใช่เจนจิตรตัวจริงหรือ เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นไปได้ มีนาคิดอยู่ในใจ
“ยายมีนา มองฉันแบบนั้นหมายความว่าอย่างไง ถ้าข้องใจหละก็ไปด้วยกันเลยดีกว่า”มีนานึกขำ
“นี่เธอตัวจริงหรือ ไม่อยากจะเชื่อ”มีนาพูดและหยิบรูปสถานีที่ ไปพัฒนาชมชน
“แล้วมันที่ไหนกันหละ”คำถามนั้นทำเอาทุกคนเงียบและมองหน้ากันเอง มีนามองดูพวกนั่นท่าทางน่าสงสัย
“เอ้ย..เธอจะไปจริงหรือเปล่า ที่นั้นสวยงามบรรยกาศดีมากๆ รับรองได้”เจนจิตรพูดและหลบตา เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ที่แกล้งทำตัวยุ้ง มีนามองดูก็ยิ่งน่าสงสัยเหมือนมีพิรุธ
“ก็ได้ๆ พวกเธอไปกันหมดนี่ แล้วฉันจะไม่ไปได้อย่างไง”มีนาพูด ทุกคนต่างพากันดีใจหันมาสนใจมีนาอีกครั้ง
ในทุกๆ วันหลังเลิกเรียนเจนจิตรแบ่งเพื่อนๆ ออกไปหาคนสนับสนุนโครงการของพวกเขา โดยมุ่งไปตามบริษัทใหญ่ๆ เลี่ยรายเงินสมทบทุน แต่ละคนจนได้เงินก้อนโตพอสมควร
“โฮ้...ยอดบริจากมันมากขนาดนี้เชียวหรือ”มินทร์ตาทำหน้าที่เป็นเหรัญญิก ตกตะลึงกับยอดเงินรวมทั้งหมด
“อื่อฉันบังคับพ่อได้มา 50,000 บาท”เจนจิตรพูดขึ้นและอมยิ้ม เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ได้มาด้วยวิธีที่คล้ายๆ กัน
“มีอย่างที่ไหนไปบังคับพ่อแม่”มีนาต่อว่าเจนจิตร เธอเดินเข้ามาดูยอดเงินบริจาก เจนจิตรทำท่าทางจะโวยวาย
“น้อย.. แล้วเธอหละได้มาไม่น้อยเลยนี่ แล้วได้มาด้วยวิธีไหนไม่ทราบ”เจนจิตรย้อนถามมีนาอมยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่ตนเองขอร้องแกมบังคับที่บ้านเช่นกัน ก่อนจะยิ้มอย่างเขินอายกับเพื่อนๆ ก็มันเป็นวิธีเดียวกันนี่...
เวลาผ่านไปรวดเร็วนั้นเพราะพวกเขาสนุกและมีความสุขในการเรียนจนถึงวันที่พวกเขารอคอย มีนากลับมาสนุน และร่าเริงเหมือนแต่ก่อน จนเกือบจะลืมความเศร้าที่อยู่ในใจของเธอได้หมดสิ้น
“เอาหละ พรุ่งนี้เรานัดกันที่หน้ามหาวิทยาลัยเวลา 10 โมงตรงนะค่ะ ห้ามสายไม่งั้นได้วิ่งตามรถแน่”เจนจิตร ขู่หลังจากชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด มีนาดูจะสนใจฟัง จนไม่รู้เลยว่าสายธารและมินทร์ตากำลังแอบมองดูอยู่
“มีนาจะไม่โกรธเราหรือ ถ้ารู้ความจริง”มินทร์ตากระซิบข้างหูเพื่อนสาวเจ้าวางแผน สายธารส่ายหน้าและยิ้ม
“ถึงวันนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่ให้เจนจิตรเป็นตัวตั้งตัวตีขนาดนี้ กว่ามีนาจะรู้ก็คงไปถึงที่นั้นหละมั้ง”สายธารตอบ
“ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”มินตร์ตาซุบซิบกันต่อ มีนาหันมาเห็นท่าทางน่าสงสัยของทั่งคู่พอดี
“นี่..สองคนนั้นนะจะฟังไหม ถ้าไม่อยากฟังเดี๋ยวจะให้ไปช่วยจัดของ”เจนจิตรมองมาทางทั้งสอง พร้อมกับสายตาคนอื่น ๆ เจ้าหล่อนแอบหัวเราะเพราะทั่งคู่หน้าจ๋อยไปทันที หล่อนสนุกมากที่ได้แกล้งเพื่อน
“ไม่น่าให้ยายเจนเป็นประธานเลยดูสิ ขุ่มขู่เราใหญ่”มินทร์ตาบ่น เมื่อเห็นท่าทางของเจนจิตร สายธารนึกขำ
เช้าวันต่อมาสุธีถือกระเป๋าเดินตรงมายังรถทัวร์ที่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัย คนอื่นๆ ทำนิ่งเฉยยกเว้น
“อ้าว คุณหมอไปด้วยหรือค่ะ”มีนาถามด้วยท่าทางสงสัย สายธารกำลังคิดหาคำแก้ตัว
“อ้อ..ผมลาพักร้อน อาทิตย์หนึ่งพอดีครับ เห็นพวกสาวๆ จะไปออกค่ายอาสากัน ก็เลยขอตามไปเป็นหมออาสาด้วยคน คุณมีนาคงไม่ว่าผมนะครับ”สุธีหัวไวคิดได้ทันที สายธารดูจะโล่งอกหันไปยิ้มให้สุธี
“งั้นเหรอค่ะ ก็ดีสิ”มีนายิ้มและนั่งลงข้างๆ มินทร์ตา สายธารและสุธีถอนหายใจพร้อมกันด้วยความโล่งใจ
รถออกเวลา 10:00 น.ตามกำหนดการที่ได้แจ้งไว้ เจนจิตรพาเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งตีกลองร้องเพลงตลอดการเดินทางเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีนายังคงยิ้มและตบมือตามจังหวะของเสียงเพลง สายธารและสุธีแอบมองมีนาด้วยความกังวลอยู่ปล่อยครั้ง เธอคิดตลอดเวลาว่าถ้ามีนารู้จะโกรธหรือไม่นะ...
การเดินทางก็สิ้นสุดลงเมื่อรถจอดที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง คนอื่นๆ ทะยอยกันลงจากรถ มีนายังคงหลับอยู่
“มีนา ถึงแล้วลงเถอะ”มินทร์ตาปลุกเพื่อนสาว เธอมองดูรอบๆ ก็พบว่าคนอื่นๆ ลงกันหมดแล้ว
“ถึงแล้วเหรอ อื่อว่าแต่เรามาที่ไหนนะ”มีนาขยี่ตาให้ดูสว่างๆ และบิดขี้เกียจ มินทร์ตารีบลงไปจากรถโดยไม่พูดอะไร มีนามองด้วยความแปลกใจก่อนจะลงตามมาติดๆ และกำลังจะตำหนิเพื่อนสาว แต่แล้วเธอก็ได้คำตอบนั้น
“ดอยตุง..!”มีนาตกใจอย่างมาก เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขามาค่ายอาสาที่ไหน หรือเป็นเพราะพวกนั้นปิดบังกันแน่ มีนามองดูรอบๆ มันไม่ผิดอย่างแน่นอน ทางเส้นนั้น ต้นไม้ต้นนั้น และป้ายหมู่บ้านก็ยืนยันชัดเจน
“พวกเธอลองบอกฉันสิว่าไม่มีอะไรปิดบังฉันไปมากกว่านี้”มีนามีท่าทางไม่ไว้ใจ ทั้งสายธารและมินทร์ตาตะกุกตะกัก ไม่กล้ามองหน้ามีนาที่ดูเหมือนจะโกรธเอามาก เจตจิตรมองดูสถานะการณ์น่าเป็นห่วง
“รีบหน่อยเถอะ เด็กๆ รอยู่นะ”เจนจิตรตะโกนบอก ทำให้สายธารรีบยกของและดึงมีนาให้ตามกลุ่มเพื่อนๆ ไป
มีนาเดินท้ายสุดเธอมองดูรอบๆ ที่แห่งเดิม เธอเห็นเงาของใครบางคน เหมือนว่าเธอได้ย้อยเห็นภาพในอดีต ทุกคนเดินมาหยุดที่หน้าโรงเรียน ที่นั้นมีเด็กๆ และชาวบ้านกำลังยืนรอต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“สวัสดีครับ ยินดีตอบรับทุกคนที่มาที่นี่”เสียงที่ดังออกมาจากลุ่มชาวบ้านนั้นฟังดูคุ้นหู มีนาชะเง้อมอง
“ชาวบ้านได้เตรียมสถานที่ไว้อาบน้ำและพักผ่อน ฝ่ายหญิงอยู่ด้านซ้ายมือ และฝ่ายชายจะอยู่ด้านขาวมือนะครับ”ธนาจัดแจงอย่างเป็นสัดส่วน เมื่อเขาพูดจบทุกคนก็ทะยอยกันไปเตรียมตั้งเต็น เหลือแต่มีนาที่ยังคงยืนมองธนา อยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคู่ เธอเหมือนกับถูกสะกดนิ่ง ธนากำลังจะหันไปที่อื่น แต่ภาพที่ผ่านสายตาเขาเมื่อสักครู่นั้น...
“มีนา..!”ธนาเองก็ตกใจไม่น้อย และเมื่อหันมองชัดๆ เขาไม่แน่ใจว่านี้มันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีนาจะมาที่นี่ด้วย และนึกว่าเธอคงไม่อยากเจอหน้าเขาแล้ว
“นั้นมีนาจริงๆ เหรอ”ธนายังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเดินเข้าไปหาเธอ เดินเข้ามาใกล้จนมีนาตั้งสติได้ เธอหยิบกระเป๋า และเดินผ่านไปโดยไม่มีแม้แต่คำทักทายสักคำ...ธนาต้องหุบรอยยิ้มนั้นไปด้วยความผิดหวัง
สุธีถูกลากตัวมายังสนามเด็กเล่น ก่อนจะถูกสักถามอย่างผู้ต้องหา
“นายทำไมไม่บอกฉัน ว่ามีนาก็มาด้วย”ธนาขึ้นเสียง ด้วยความตื่นเต้น จนทำอะไรไม่ถูก
“นายรู้แล้วจะทำไม อีกแค่เขายืนอยู่ตรงหน้ายังไม่มีปัญญาทำอะไร”สุธีตำหนิเพื่อนรักที่ไม่เอาไหน
“ก็ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน เธอก็เดินหนีซะแล้ว”ธนาทำหน้าเศร้า และนั่งลงด้วยความหดหู่ใจ
“เอาเถอะ นายมีเวลาเป็นอาทิตย์ที่จะปรับความเข้าใจกับเธอ”สุธีปลอบใจเพื่อน ก่อนจะเดินจากไป
ตกเย็นวันนั้นพวกเขามีชุมนุมกองไฟ และร่วมทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีนานั่งอยู่ตรงข้ามกับธนา เธอต้องคอยหลับสายตาที่ธนามองมาบ่อยๆ ด้วยท่าทางอึดอัดใจ ก่อนจะขอตัวออกไปนอกกลุ่ม ธนามองตามมีนา
“นายจะมองเธอถึงเช้าเลยไหมเนี่ย รีบตามไปสิ”สุธีอดที่จะหงุดหงิดเพื่อน ที่ดูจะซื่อไม่ได้ดังใจ ธนาลุกขึ้นเดินตามมีนาไป ก็พบว่ามีนากำลังยืนมองดาวที่มีอยู่เต็มฟ้า แล้วสวยงามมากที่สุดเท่าที่ได้เห็นมา เธอยิ้มอย่างชอบใจ
“ดาวที่นี่สวยกว่าที่บ้านไร่ มีนาว่าจริงไหม”ธนาเดินมายืนข้างๆ เธอ ทำเอามีนาตกใจ และขยับตัวออกห่าง
“ไม่เห็นมันจะสวยตรงไหน ขอตัวนะค่ะ”มีนาพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนคิดเดินหนี แต่ธนาจับมือเธอไว้
“ท่าทางของมีนาเมื่อกี้ ดูจะชอบมันมาไม่ใช่เหรอ”ธนาถาม และหันมาจ้องมองเธอ
“ถ้านายไม่อยากเจ็บตัวก็ปล่อยฉัน ฉันไม่ใช่คู่หมั่นของนายที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ”มีนาเสียงแข็ง
“คู่หมั่นที่ไหนกัน พี่อยู่คนเดียว”ธนาพูดและแอบยิ้ม ท่าทางอันแข็งก้าวของมีนาดูจะอ่อนลงทันที
“ถึงอย่างไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”มีนาสลัดมือ เต็มแรงและผลักจนธนาล้มลง
“โอ้ย!! ” มีนาหันไปมองหน้าตาตื่นด้วยความตกใจสายตานั้นมันแฝงไปด้วยความห่วงใจ แต่แล้ว...
“ฉันเตือนนายแล้วนะ...”มีนาเชิดหน้าใส่ธนา และตั้งใจจะเดินหนี ธนาดูท่าไม่ดี
“โอ้ย..! ทำไงดีลุกไปขึ้น”ธนาแกล้งทำเสียงเจ็บปวด เรียกร้องความสนใจ มีนาหันกับมามองอย่างตกใจ
“นี่..นายคิดว่าฉันจะเห็นใจนายหรือไง ต่อให้นายตายตรงนี้ฉันก็ไม่สนใจ”มีนาตะคอกใส่หน้าธนาและเดินหนี
“นั้นสินะ ถ้าพี่ต้องตาย คงไม่มีใครมาสนใจ คงต้องตายอยู่บนดอยนี่หละ”มีนาหยุดเหล่ตามองด้วยความหมั่นไส้
การชุมนุมกองไฟถึงเวลาสมควรแก่การสิ้นสุด มินทร์ตามองรอบๆ จนทั่ว สายธารมองตามอย่างสงสัย
“มินทร์ตา เธอมองหาอะไรอยู่เหรอ”สายธารถาม เพราะไม่เห็นจะมีอะไรหน้าสนใจ หรือผิดปกติ
“น้องเธอเห็นมีนาบ้างไหม ฉันหาจนทั่วแล้ว”สายธารพึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นมีนา ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว
“นั่นไงมีนา” แต่แล้วทั้งสองต้องแปลกใจเมื่อเห็นมีนาเดินกลับเข้ามากับธนา ด้วยท่าทางเคร่งขรึม มีนาเดินผ่านเพื่อนสาวไปยังที่พัก โดยมีธนาเดินตามมาติดๆ สายธารดึงตัวธนาเอาไว้ เพราะเขากำลังจะเดินเข้าไปยังที่พักผู้หญิง
“พี่ชาย จะไปไหนนะ นั้นมันเขตหวงข้ามสำหรับผู้ชาย”สายธารพูดขึ้น ทำให้ธนาหันมายิ้มด้วยความเขินอาย
“ตกลงพี่ธนา คุยกับมีนาแล้วหรือค่ะ”มินทร์ตาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ยัง...ยังไม่ทันพูดอะไรเธอไม่ยอมฟังสักอย่าง” ธนาทำหน้าเช็งก่อนจะส่ายหน้าคอตก
“ไม่ได้เรื่องจริงๆ เลยพี่ชายเรา”สายธารพูด ดูถูกธนาก่อนเชิดหน้าจะจูงมือเพื่อนสาวไปยังที่พัก
ธนาเดินกลับไปยังบ้านพัก เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งเศร้าสลด แต่แล้วเขาก็ต้องยิ้มเมื่อมองเห็นภาพที่ฝาผนัง
“มีนา พี่ต้องทำอย่างไง เธอจึงจะอภัยให้พี่”ธนาพูดกับรูปภาพของมีนาที่รอยยิ้มเล็กของเธอนั้นเป็นกำลังใจให้เขาเสมอมา เป็นภาพที่ธนาแอบถ่ายตอนที่เธอนั่งเล่นอยู่ลำธารนั้น และที่หน้าต่างห้องนอนของเขาก็ยังมีกระถ่างกุหลาบที่ออกดอกเต็มต้นไปหมด ธนาหยิบมันขึ้นมาชื่นชม อย่างมีความสุขของเหล่านี้เป็นตัวแทนของเธอ
ในเช้าวันต่อมา ทุกคนรวมกลุ่มกันเพื่อทำงานตามที่ได้วางแผลเอาไว้ ตามโครงการสร้างห้องสมุดของโรงเรียน มีนาเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมงานโดยมีนักศึกษาทั้งชายและหญิงกว่า 20 ชีวิตพร้อมชาวบ้าน
“เอาหละค่ะ วัสดุ และอุปกรณ์ของพวกเราได้มาถึงเมื่อเช้านี้แล้วถึงเวลาที่พวกเราจะดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดด้วยนะค่ะ ถ้าเวลาเหลือเราจะได้ถือโอกาสนี้พักผ่อน ก่อนจะเปิดเทอม”มีนาพูดเสียงดังฟังชัด ทุกคนพร้อมใจกัน ส่วนสายธาร และมินทร์ตาเป็นลูกมือหมอสุธี ตั้งซุ้มตรวจโรครักษาผู้ป่วยอยู่อีกด้าน ทั้งคนชราและเด็กก็ให้ความสนใจไม่น้อย ธนาแอบยิ้มด้วยความปลื้มปิติ ที่ทุกคนตั้งใจกันอย่างเต็มที่ เขาแอบมองดูมีนาอยู่ตลอดเวลา
“ครู..ครู”เด็กนักเรียนอายุ ประมาณ 7-10 ปี กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเรียกธนาอยู่นาน จนต้องใช้วิธีสะกิด
“อ้อ..ว่าไงเด็กชายชาตรี พาเพื่อนๆ มาทำอะไรกัน”ธนาหันไปคุยกับเด็กๆ ด้วยท่าทางใจดี รอยยิ้มของเขาไม่เคยห่างไปจากใบหน้านั้น และดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขมากที่ได้พูดคุยกับเด็กๆ เหล่านั้น มีนายิ้มเมื่อแอบมองธนา
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็หาน้ำให้พี่ๆ เขาแล้วกันนะ”ธนาพูดจบเด็กๆ ต่างไชโยด้วยความดีใจ พวกเขาขันอาสาขอช่วยงาน ธนานึกอยู่นานกว่าจะจัดแจงให้เด็กๆ ที่คิดอยากช่วยงาน เขามองดูเด็กๆ และยิ้ม เมื่อหันกับมาก็พบว่ามีนากำลังยืนมองเขาอยู่ ธนายิ้ม ทำให้มีนารู้สึกตัวจากภวังค์นั้น เธอรีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อทันที
เวลาผ่านไปอากาศเริ่มร้อนเพราะกำลังใกล้เที่ยง ทุกคนดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่แล้ว...
“พี่ครับๆ ทานน้ำก่อนนะครับ”เสียงเด็กผู้ชายที่กระตุกเสื้อนักศึกษาชาย หันมาส่งยิ้ม เมื่อเห็นหน้าและแววตาอันสดใสของเด็กๆ เขารับแก้วน้ำและจับหัวของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ประทับใจกับภาพที่ได้เห็น มีนาหันไปดูรอบๆ ก็พบว่าเด็กเหล่านั้นต่างถือแก้วน้ำกันคนละแก้วเพื่อส่งให้พี่ๆ ที่กำลังทำงานอยู่ ทุกคนต้องยิ้มด้วยความปิติ
“พี่สุธี ดูโน้นสิค่ะ”สายธารเรียกให้สุธีมองตาม ภาพที่แสนจะประทับใจ ทุกคนมีรอยยิ้ม และตั้งใจทำงานต่อ
“น่ารัก น่ายินดี พี่รู้สึกมีความสุขมาก”สุธีพูดและอมยิ้มเช่นเดียวกัน สายธาร และมินทร์ตา
เวลาผ่านไปรวดเร็วทุกคนยังคงมีรอยยิ้มเหมือนกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถึงแม้ร่างกายจะดูไร้เรียวแรง
“เหนื่อยไหม มีนา”เสียงของธนาทำเอามีนาตกใจหันไปมอง เธอดูท่าทางดีใจ แต่หน้าของเธอกับค้อนใส่เข้าสะนี่
“ไม่นี่ นายไปดูแลคนอื่นๆ เถอะอย่ามายุ้งกับฉัน”มีนาเชิดหน้าและเดินหนี ธนาคอตกด้วยความผิดหวัง
“แค่นี้ก็จะท้อแล้วหรือเพื่อน”สุธีเดินเข้ามาเกาะไหล่เพื่อนสนิท ธนาหันไปยิ้มแห้งๆ ไร้ชีวิตชีวา
“มีนา เธอใจแข็งยิ่งกว่าหินสะอีก ฉันอธิบายเขาและก็ไม่เห็นจะได้ผลอะไร”ธนาพูด สุธีวิเคราะห์ตาม และยิ้ม
“อื่อ นั้นสินะฉันก็ลืมคิดถึงข้อนี้”ธนามองดูหน้าสุธีและทำหน้าเศร้าเขาพอจะมีหวังบ้างไหมเนี่ย
“ฉันคิดอะไรออกแล้ว เอาอย่างนี่แล้วกัน”สุธีกระซิบข้างหูธนาเมื่อคิดแผนออก ธนาทำหน้าฉงนสงสัย
“น่าเป็นหวงจริงๆ พี่สุธีค่ะ เราคงปล่อยให้สองคนนั้นพูดกันเองไม่ได้แล้วหละ คนอย่างมีนาปากแข็งใจแข็งอย่างนั้นคงยากที่จะพูดกับพี่ธนาก่อน และพี่ธนาก็คงไม่มีทางดึงมีนาลงมาลำบากกับเขา น้องว่าท่าทางสองคนนั้น ต่างคิดพยายามที่จะลืมอีกฝ่ายมากกว่านะ”สายธารกำลังโทรศัพท์พูดอยู่กับสุธี แต่สายตายังคงจ้องมองที่พี่ชาย สุธีจึงหาทางคิดแผนที่จะทำให้ทั้งสอง กลับมาพบกันและพูดกันอีกครั้ง สายธารเห็นด้วยกับแผนนั้น เธอจึงจัดการตามแผนของสุธี
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากเปิดเทอม เจนจิตรตั้งตัวเป็นประธานเข้าค่ายอาสา
“นี่...พวกเธอต้องไปให้ได้นะ เราจะไปช่วยเด็กๆ ที่ไร้โอกาสและห่างไกลความเจริญกัน”มีนามองเจนจิตรอยู่นานสายตาแปลกใจ นี่มันใช่เจนจิตรตัวจริงหรือ เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นไปได้ มีนาคิดอยู่ในใจ
“ยายมีนา มองฉันแบบนั้นหมายความว่าอย่างไง ถ้าข้องใจหละก็ไปด้วยกันเลยดีกว่า”มีนานึกขำ
“นี่เธอตัวจริงหรือ ไม่อยากจะเชื่อ”มีนาพูดและหยิบรูปสถานีที่ ไปพัฒนาชมชน
“แล้วมันที่ไหนกันหละ”คำถามนั้นทำเอาทุกคนเงียบและมองหน้ากันเอง มีนามองดูพวกนั่นท่าทางน่าสงสัย
“เอ้ย..เธอจะไปจริงหรือเปล่า ที่นั้นสวยงามบรรยกาศดีมากๆ รับรองได้”เจนจิตรพูดและหลบตา เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ ที่แกล้งทำตัวยุ้ง มีนามองดูก็ยิ่งน่าสงสัยเหมือนมีพิรุธ
“ก็ได้ๆ พวกเธอไปกันหมดนี่ แล้วฉันจะไม่ไปได้อย่างไง”มีนาพูด ทุกคนต่างพากันดีใจหันมาสนใจมีนาอีกครั้ง
ในทุกๆ วันหลังเลิกเรียนเจนจิตรแบ่งเพื่อนๆ ออกไปหาคนสนับสนุนโครงการของพวกเขา โดยมุ่งไปตามบริษัทใหญ่ๆ เลี่ยรายเงินสมทบทุน แต่ละคนจนได้เงินก้อนโตพอสมควร
“โฮ้...ยอดบริจากมันมากขนาดนี้เชียวหรือ”มินทร์ตาทำหน้าที่เป็นเหรัญญิก ตกตะลึงกับยอดเงินรวมทั้งหมด
“อื่อฉันบังคับพ่อได้มา 50,000 บาท”เจนจิตรพูดขึ้นและอมยิ้ม เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่ได้มาด้วยวิธีที่คล้ายๆ กัน
“มีอย่างที่ไหนไปบังคับพ่อแม่”มีนาต่อว่าเจนจิตร เธอเดินเข้ามาดูยอดเงินบริจาก เจนจิตรทำท่าทางจะโวยวาย
“น้อย.. แล้วเธอหละได้มาไม่น้อยเลยนี่ แล้วได้มาด้วยวิธีไหนไม่ทราบ”เจนจิตรย้อนถามมีนาอมยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่ตนเองขอร้องแกมบังคับที่บ้านเช่นกัน ก่อนจะยิ้มอย่างเขินอายกับเพื่อนๆ ก็มันเป็นวิธีเดียวกันนี่...
เวลาผ่านไปรวดเร็วนั้นเพราะพวกเขาสนุกและมีความสุขในการเรียนจนถึงวันที่พวกเขารอคอย มีนากลับมาสนุน และร่าเริงเหมือนแต่ก่อน จนเกือบจะลืมความเศร้าที่อยู่ในใจของเธอได้หมดสิ้น
“เอาหละ พรุ่งนี้เรานัดกันที่หน้ามหาวิทยาลัยเวลา 10 โมงตรงนะค่ะ ห้ามสายไม่งั้นได้วิ่งตามรถแน่”เจนจิตร ขู่หลังจากชี้แจงรายละเอียดทั้งหมด มีนาดูจะสนใจฟัง จนไม่รู้เลยว่าสายธารและมินทร์ตากำลังแอบมองดูอยู่
“มีนาจะไม่โกรธเราหรือ ถ้ารู้ความจริง”มินทร์ตากระซิบข้างหูเพื่อนสาวเจ้าวางแผน สายธารส่ายหน้าและยิ้ม
“ถึงวันนั้นค่อยว่ากันอีกที แต่ให้เจนจิตรเป็นตัวตั้งตัวตีขนาดนี้ กว่ามีนาจะรู้ก็คงไปถึงที่นั้นหละมั้ง”สายธารตอบ
“ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น”มินตร์ตาซุบซิบกันต่อ มีนาหันมาเห็นท่าทางน่าสงสัยของทั่งคู่พอดี
“นี่..สองคนนั้นนะจะฟังไหม ถ้าไม่อยากฟังเดี๋ยวจะให้ไปช่วยจัดของ”เจนจิตรมองมาทางทั้งสอง พร้อมกับสายตาคนอื่น ๆ เจ้าหล่อนแอบหัวเราะเพราะทั่งคู่หน้าจ๋อยไปทันที หล่อนสนุกมากที่ได้แกล้งเพื่อน
“ไม่น่าให้ยายเจนเป็นประธานเลยดูสิ ขุ่มขู่เราใหญ่”มินทร์ตาบ่น เมื่อเห็นท่าทางของเจนจิตร สายธารนึกขำ
เช้าวันต่อมาสุธีถือกระเป๋าเดินตรงมายังรถทัวร์ที่จอดอยู่หน้ามหาวิทยาลัย คนอื่นๆ ทำนิ่งเฉยยกเว้น
“อ้าว คุณหมอไปด้วยหรือค่ะ”มีนาถามด้วยท่าทางสงสัย สายธารกำลังคิดหาคำแก้ตัว
“อ้อ..ผมลาพักร้อน อาทิตย์หนึ่งพอดีครับ เห็นพวกสาวๆ จะไปออกค่ายอาสากัน ก็เลยขอตามไปเป็นหมออาสาด้วยคน คุณมีนาคงไม่ว่าผมนะครับ”สุธีหัวไวคิดได้ทันที สายธารดูจะโล่งอกหันไปยิ้มให้สุธี
“งั้นเหรอค่ะ ก็ดีสิ”มีนายิ้มและนั่งลงข้างๆ มินทร์ตา สายธารและสุธีถอนหายใจพร้อมกันด้วยความโล่งใจ
รถออกเวลา 10:00 น.ตามกำหนดการที่ได้แจ้งไว้ เจนจิตรพาเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งตีกลองร้องเพลงตลอดการเดินทางเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีนายังคงยิ้มและตบมือตามจังหวะของเสียงเพลง สายธารและสุธีแอบมองมีนาด้วยความกังวลอยู่ปล่อยครั้ง เธอคิดตลอดเวลาว่าถ้ามีนารู้จะโกรธหรือไม่นะ...
การเดินทางก็สิ้นสุดลงเมื่อรถจอดที่ลานกว้างแห่งหนึ่ง คนอื่นๆ ทะยอยกันลงจากรถ มีนายังคงหลับอยู่
“มีนา ถึงแล้วลงเถอะ”มินทร์ตาปลุกเพื่อนสาว เธอมองดูรอบๆ ก็พบว่าคนอื่นๆ ลงกันหมดแล้ว
“ถึงแล้วเหรอ อื่อว่าแต่เรามาที่ไหนนะ”มีนาขยี่ตาให้ดูสว่างๆ และบิดขี้เกียจ มินทร์ตารีบลงไปจากรถโดยไม่พูดอะไร มีนามองด้วยความแปลกใจก่อนจะลงตามมาติดๆ และกำลังจะตำหนิเพื่อนสาว แต่แล้วเธอก็ได้คำตอบนั้น
“ดอยตุง..!”มีนาตกใจอย่างมาก เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขามาค่ายอาสาที่ไหน หรือเป็นเพราะพวกนั้นปิดบังกันแน่ มีนามองดูรอบๆ มันไม่ผิดอย่างแน่นอน ทางเส้นนั้น ต้นไม้ต้นนั้น และป้ายหมู่บ้านก็ยืนยันชัดเจน
“พวกเธอลองบอกฉันสิว่าไม่มีอะไรปิดบังฉันไปมากกว่านี้”มีนามีท่าทางไม่ไว้ใจ ทั้งสายธารและมินทร์ตาตะกุกตะกัก ไม่กล้ามองหน้ามีนาที่ดูเหมือนจะโกรธเอามาก เจตจิตรมองดูสถานะการณ์น่าเป็นห่วง
“รีบหน่อยเถอะ เด็กๆ รอยู่นะ”เจนจิตรตะโกนบอก ทำให้สายธารรีบยกของและดึงมีนาให้ตามกลุ่มเพื่อนๆ ไป
มีนาเดินท้ายสุดเธอมองดูรอบๆ ที่แห่งเดิม เธอเห็นเงาของใครบางคน เหมือนว่าเธอได้ย้อยเห็นภาพในอดีต ทุกคนเดินมาหยุดที่หน้าโรงเรียน ที่นั้นมีเด็กๆ และชาวบ้านกำลังยืนรอต้อนรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“สวัสดีครับ ยินดีตอบรับทุกคนที่มาที่นี่”เสียงที่ดังออกมาจากลุ่มชาวบ้านนั้นฟังดูคุ้นหู มีนาชะเง้อมอง
“ชาวบ้านได้เตรียมสถานที่ไว้อาบน้ำและพักผ่อน ฝ่ายหญิงอยู่ด้านซ้ายมือ และฝ่ายชายจะอยู่ด้านขาวมือนะครับ”ธนาจัดแจงอย่างเป็นสัดส่วน เมื่อเขาพูดจบทุกคนก็ทะยอยกันไปเตรียมตั้งเต็น เหลือแต่มีนาที่ยังคงยืนมองธนา อยู่ที่เดิมตั้งแต่เมื่อคู่ เธอเหมือนกับถูกสะกดนิ่ง ธนากำลังจะหันไปที่อื่น แต่ภาพที่ผ่านสายตาเขาเมื่อสักครู่นั้น...
“มีนา..!”ธนาเองก็ตกใจไม่น้อย และเมื่อหันมองชัดๆ เขาไม่แน่ใจว่านี้มันเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่ เพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีนาจะมาที่นี่ด้วย และนึกว่าเธอคงไม่อยากเจอหน้าเขาแล้ว
“นั้นมีนาจริงๆ เหรอ”ธนายังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เขาเดินเข้าไปหาเธอ เดินเข้ามาใกล้จนมีนาตั้งสติได้ เธอหยิบกระเป๋า และเดินผ่านไปโดยไม่มีแม้แต่คำทักทายสักคำ...ธนาต้องหุบรอยยิ้มนั้นไปด้วยความผิดหวัง
สุธีถูกลากตัวมายังสนามเด็กเล่น ก่อนจะถูกสักถามอย่างผู้ต้องหา
“นายทำไมไม่บอกฉัน ว่ามีนาก็มาด้วย”ธนาขึ้นเสียง ด้วยความตื่นเต้น จนทำอะไรไม่ถูก
“นายรู้แล้วจะทำไม อีกแค่เขายืนอยู่ตรงหน้ายังไม่มีปัญญาทำอะไร”สุธีตำหนิเพื่อนรักที่ไม่เอาไหน
“ก็ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน เธอก็เดินหนีซะแล้ว”ธนาทำหน้าเศร้า และนั่งลงด้วยความหดหู่ใจ
“เอาเถอะ นายมีเวลาเป็นอาทิตย์ที่จะปรับความเข้าใจกับเธอ”สุธีปลอบใจเพื่อน ก่อนจะเดินจากไป
ตกเย็นวันนั้นพวกเขามีชุมนุมกองไฟ และร่วมทำกิจกรรมอย่างสนุกสนาน มีนานั่งอยู่ตรงข้ามกับธนา เธอต้องคอยหลับสายตาที่ธนามองมาบ่อยๆ ด้วยท่าทางอึดอัดใจ ก่อนจะขอตัวออกไปนอกกลุ่ม ธนามองตามมีนา
“นายจะมองเธอถึงเช้าเลยไหมเนี่ย รีบตามไปสิ”สุธีอดที่จะหงุดหงิดเพื่อน ที่ดูจะซื่อไม่ได้ดังใจ ธนาลุกขึ้นเดินตามมีนาไป ก็พบว่ามีนากำลังยืนมองดาวที่มีอยู่เต็มฟ้า แล้วสวยงามมากที่สุดเท่าที่ได้เห็นมา เธอยิ้มอย่างชอบใจ
“ดาวที่นี่สวยกว่าที่บ้านไร่ มีนาว่าจริงไหม”ธนาเดินมายืนข้างๆ เธอ ทำเอามีนาตกใจ และขยับตัวออกห่าง
“ไม่เห็นมันจะสวยตรงไหน ขอตัวนะค่ะ”มีนาพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจก่อนคิดเดินหนี แต่ธนาจับมือเธอไว้
“ท่าทางของมีนาเมื่อกี้ ดูจะชอบมันมาไม่ใช่เหรอ”ธนาถาม และหันมาจ้องมองเธอ
“ถ้านายไม่อยากเจ็บตัวก็ปล่อยฉัน ฉันไม่ใช่คู่หมั่นของนายที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ”มีนาเสียงแข็ง
“คู่หมั่นที่ไหนกัน พี่อยู่คนเดียว”ธนาพูดและแอบยิ้ม ท่าทางอันแข็งก้าวของมีนาดูจะอ่อนลงทันที
“ถึงอย่างไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”มีนาสลัดมือ เต็มแรงและผลักจนธนาล้มลง
“โอ้ย!! ” มีนาหันไปมองหน้าตาตื่นด้วยความตกใจสายตานั้นมันแฝงไปด้วยความห่วงใจ แต่แล้ว...
“ฉันเตือนนายแล้วนะ...”มีนาเชิดหน้าใส่ธนา และตั้งใจจะเดินหนี ธนาดูท่าไม่ดี
“โอ้ย..! ทำไงดีลุกไปขึ้น”ธนาแกล้งทำเสียงเจ็บปวด เรียกร้องความสนใจ มีนาหันกับมามองอย่างตกใจ
“นี่..นายคิดว่าฉันจะเห็นใจนายหรือไง ต่อให้นายตายตรงนี้ฉันก็ไม่สนใจ”มีนาตะคอกใส่หน้าธนาและเดินหนี
“นั้นสินะ ถ้าพี่ต้องตาย คงไม่มีใครมาสนใจ คงต้องตายอยู่บนดอยนี่หละ”มีนาหยุดเหล่ตามองด้วยความหมั่นไส้
การชุมนุมกองไฟถึงเวลาสมควรแก่การสิ้นสุด มินทร์ตามองรอบๆ จนทั่ว สายธารมองตามอย่างสงสัย
“มินทร์ตา เธอมองหาอะไรอยู่เหรอ”สายธารถาม เพราะไม่เห็นจะมีอะไรหน้าสนใจ หรือผิดปกติ
“น้องเธอเห็นมีนาบ้างไหม ฉันหาจนทั่วแล้ว”สายธารพึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นมีนา ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว
“นั่นไงมีนา” แต่แล้วทั้งสองต้องแปลกใจเมื่อเห็นมีนาเดินกลับเข้ามากับธนา ด้วยท่าทางเคร่งขรึม มีนาเดินผ่านเพื่อนสาวไปยังที่พัก โดยมีธนาเดินตามมาติดๆ สายธารดึงตัวธนาเอาไว้ เพราะเขากำลังจะเดินเข้าไปยังที่พักผู้หญิง
“พี่ชาย จะไปไหนนะ นั้นมันเขตหวงข้ามสำหรับผู้ชาย”สายธารพูดขึ้น ทำให้ธนาหันมายิ้มด้วยความเขินอาย
“ตกลงพี่ธนา คุยกับมีนาแล้วหรือค่ะ”มินทร์ตาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ยัง...ยังไม่ทันพูดอะไรเธอไม่ยอมฟังสักอย่าง” ธนาทำหน้าเช็งก่อนจะส่ายหน้าคอตก
“ไม่ได้เรื่องจริงๆ เลยพี่ชายเรา”สายธารพูด ดูถูกธนาก่อนเชิดหน้าจะจูงมือเพื่อนสาวไปยังที่พัก
ธนาเดินกลับไปยังบ้านพัก เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งเศร้าสลด แต่แล้วเขาก็ต้องยิ้มเมื่อมองเห็นภาพที่ฝาผนัง
“มีนา พี่ต้องทำอย่างไง เธอจึงจะอภัยให้พี่”ธนาพูดกับรูปภาพของมีนาที่รอยยิ้มเล็กของเธอนั้นเป็นกำลังใจให้เขาเสมอมา เป็นภาพที่ธนาแอบถ่ายตอนที่เธอนั่งเล่นอยู่ลำธารนั้น และที่หน้าต่างห้องนอนของเขาก็ยังมีกระถ่างกุหลาบที่ออกดอกเต็มต้นไปหมด ธนาหยิบมันขึ้นมาชื่นชม อย่างมีความสุขของเหล่านี้เป็นตัวแทนของเธอ
ในเช้าวันต่อมา ทุกคนรวมกลุ่มกันเพื่อทำงานตามที่ได้วางแผลเอาไว้ ตามโครงการสร้างห้องสมุดของโรงเรียน มีนาเป็นผู้รับผิดชอบในการควบคุมงานโดยมีนักศึกษาทั้งชายและหญิงกว่า 20 ชีวิตพร้อมชาวบ้าน
“เอาหละค่ะ วัสดุ และอุปกรณ์ของพวกเราได้มาถึงเมื่อเช้านี้แล้วถึงเวลาที่พวกเราจะดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดด้วยนะค่ะ ถ้าเวลาเหลือเราจะได้ถือโอกาสนี้พักผ่อน ก่อนจะเปิดเทอม”มีนาพูดเสียงดังฟังชัด ทุกคนพร้อมใจกัน ส่วนสายธาร และมินทร์ตาเป็นลูกมือหมอสุธี ตั้งซุ้มตรวจโรครักษาผู้ป่วยอยู่อีกด้าน ทั้งคนชราและเด็กก็ให้ความสนใจไม่น้อย ธนาแอบยิ้มด้วยความปลื้มปิติ ที่ทุกคนตั้งใจกันอย่างเต็มที่ เขาแอบมองดูมีนาอยู่ตลอดเวลา
“ครู..ครู”เด็กนักเรียนอายุ ประมาณ 7-10 ปี กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเรียกธนาอยู่นาน จนต้องใช้วิธีสะกิด
“อ้อ..ว่าไงเด็กชายชาตรี พาเพื่อนๆ มาทำอะไรกัน”ธนาหันไปคุยกับเด็กๆ ด้วยท่าทางใจดี รอยยิ้มของเขาไม่เคยห่างไปจากใบหน้านั้น และดูเหมือนว่าเขาจะมีความสุขมากที่ได้พูดคุยกับเด็กๆ เหล่านั้น มีนายิ้มเมื่อแอบมองธนา
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็หาน้ำให้พี่ๆ เขาแล้วกันนะ”ธนาพูดจบเด็กๆ ต่างไชโยด้วยความดีใจ พวกเขาขันอาสาขอช่วยงาน ธนานึกอยู่นานกว่าจะจัดแจงให้เด็กๆ ที่คิดอยากช่วยงาน เขามองดูเด็กๆ และยิ้ม เมื่อหันกับมาก็พบว่ามีนากำลังยืนมองเขาอยู่ ธนายิ้ม ทำให้มีนารู้สึกตัวจากภวังค์นั้น เธอรีบก้มหน้าก้มตาทำงานต่อทันที
เวลาผ่านไปอากาศเริ่มร้อนเพราะกำลังใกล้เที่ยง ทุกคนดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย แต่แล้ว...
“พี่ครับๆ ทานน้ำก่อนนะครับ”เสียงเด็กผู้ชายที่กระตุกเสื้อนักศึกษาชาย หันมาส่งยิ้ม เมื่อเห็นหน้าและแววตาอันสดใสของเด็กๆ เขารับแก้วน้ำและจับหัวของเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู ประทับใจกับภาพที่ได้เห็น มีนาหันไปดูรอบๆ ก็พบว่าเด็กเหล่านั้นต่างถือแก้วน้ำกันคนละแก้วเพื่อส่งให้พี่ๆ ที่กำลังทำงานอยู่ ทุกคนต้องยิ้มด้วยความปิติ
“พี่สุธี ดูโน้นสิค่ะ”สายธารเรียกให้สุธีมองตาม ภาพที่แสนจะประทับใจ ทุกคนมีรอยยิ้ม และตั้งใจทำงานต่อ
“น่ารัก น่ายินดี พี่รู้สึกมีความสุขมาก”สุธีพูดและอมยิ้มเช่นเดียวกัน สายธาร และมินทร์ตา
เวลาผ่านไปรวดเร็วทุกคนยังคงมีรอยยิ้มเหมือนกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ถึงแม้ร่างกายจะดูไร้เรียวแรง
“เหนื่อยไหม มีนา”เสียงของธนาทำเอามีนาตกใจหันไปมอง เธอดูท่าทางดีใจ แต่หน้าของเธอกับค้อนใส่เข้าสะนี่
“ไม่นี่ นายไปดูแลคนอื่นๆ เถอะอย่ามายุ้งกับฉัน”มีนาเชิดหน้าและเดินหนี ธนาคอตกด้วยความผิดหวัง
“แค่นี้ก็จะท้อแล้วหรือเพื่อน”สุธีเดินเข้ามาเกาะไหล่เพื่อนสนิท ธนาหันไปยิ้มแห้งๆ ไร้ชีวิตชีวา
“มีนา เธอใจแข็งยิ่งกว่าหินสะอีก ฉันอธิบายเขาและก็ไม่เห็นจะได้ผลอะไร”ธนาพูด สุธีวิเคราะห์ตาม และยิ้ม
“อื่อ นั้นสินะฉันก็ลืมคิดถึงข้อนี้”ธนามองดูหน้าสุธีและทำหน้าเศร้าเขาพอจะมีหวังบ้างไหมเนี่ย
“ฉันคิดอะไรออกแล้ว เอาอย่างนี่แล้วกัน”สุธีกระซิบข้างหูธนาเมื่อคิดแผนออก ธนาทำหน้าฉงนสงสัย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ