สัญญามันใจ..ยายตัวแสบ
6.2
19)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลาผ่านไปกว่า 3 ทุ่ม มีนาเริ่มรู้สึกเบื่อๆ งานเลี้ยงเธอจึงหามุมที่จะเดินออกจากฝูงชน เพื่อสูดอากาศดีๆ
“มีนา...”ธนายืนอยู่ด้านหลังของเธอ เสียงที่เรียกฟังแล้วได้ความรู้สึกเศร้าและอ่อนไหวนัก มีนาหันกลับมาก็พบว่า
“พี่ธนา!..เอ๋นาย”มีนาหลงอารมณ์ไปเพียงชั่วครู่เธอก็ได้สติ ตอนนี้เธอไปได้อยู่ในสถานะของผู้อาศัยเหมือนเคย
“ทำไมถึงไม่เรียกพี่ เหมือนเดิมหละ..”ธนาดูจะแปลกใจ และผิดหวังในนาทีเดียวกัน
“ขอโทษค่ะ สัญญาของเราระบุไว้ชัดเจน เมื่อไรที่ฉันออกจากบ้านนี้ไปสัญญาสงบศึกถือเป็นโมฆะ”มีนาย้ำ
“แต่..”ธนากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
“นายกับไปดูแลแฟนของนายเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องมีใครฉันก็อยู่ได้”มีนาพูดจบเธอรีบเดินผ่านธนาไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด หากเธอยังยืนฟังเขาอีกแค่นาทีเดียว ความรู้สึกที่มีทั้งหมดมันคงกดไว้ไม่อยู่ ตะกอนคงกลับมาขุ่นอีกครั้ง หัวใจเธอคงต้องสับสนเป็นแน่
“แต่..สัญญาฉบับนั้นมันจบไปแล้ว เราทำสัญญาใหม่แล้ว”ธนาได้แต่พูดลำพังเมื่อมองเธอเดินไปจนลับสายตา
ธนาเดินตามหลังมีนาเข้ามาในงาน คนที่มองสังเกตดูท่าทางของทั้งคู่นั้นคือเจนจิตร และสายธาร
“ยายน้องฉันขอถามเธอสักข้อสิ ยายมีนากับพี่ชายของเธอเป็นอะไรกัน”เจนจิตรไม่รอช้าถามความสงสัยของเธอ
“ดูสิ เธอไม่เห็นหรือไง พวกเขาก็เป็นคนที่รักกันไม่ได้นะสิ”สายธารตอบ เจนจิตรดูท่าทางงง เธอพยายามคิด
“เอาหละครับเป็นโอกาสที่เหมาะสม ที่ผมจะของพูดเพื่อเปิดงานเลี้ยงนี้”ธนาขึ้นเวทีพูด และทุกคนให้ความสนใจ
“อันดับแรกผมต้องขอขอบพระคุณอย่างสูงไปยัง คุณพ่ออาทรและแม่ดาวเรืองที่ทำให้ผมมีชีวิต” ทุกคนตบมือตามธนา เสียงดังรั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี แม่ดาวเรืองจูงมือพ่ออาทรเข้าไปหน้าเวที สายธารถือพวงมาลัยยื่นให้กับธนา เขากราบลงที่หน้าอกของพ่อและยื่นพวงมาลัยให้ ตามด้วยแม่ดาวเรืองเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งพ่ออาทรถูกยุให้พูดเพื่อเป็นการอวยพรลูกชาย ธนาไม่ได้คาดหวังไว้เช่นนั้นเพราะพ่อลูกคู่นี้ไม่คุยกันมานานแล้ว
“เอ่อ...สำหรับธนา เขาได้สร้างความผิดหวังให้กับครอบครัวเรา เพราะลูกชายเพียงคนเดียวที่ไม่เลือกเดินบนถนนที่โรยด้วยกรีบดอกไม้ แต่กับเลือกที่จะเดินบนทางที่มีหญ้ารกๆ นั้น” ธนามองผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากเห็นลูกลำบาก ข้อนี้ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว”พ่ออาทรหันมองลูกชาย ที่ดูจะสำนึกผิดไม่น้อย
“แต่แล้วเขาก็ทำให้ผมคิดได้อยู่ข้อหนึ่งว่า ความสุขของแต่ละคนต่างกัน นั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน ว่าจะต้องการอะไร แบบไหน หากความสุขของเขาคือการอยู่อย่างพอเพียงหละก็ ผู้เป็นพ่อแม่ก็ควรจะยินดีใช่ไหม”พ่ออาทรพูดขึ้นและหันมายิ้มให้กับลูกชาย ธนาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาดีใจที่มีวันนี้ ธนาโผเข้ากอดพ่ออาทรด้วยความทราบซึ้งใจ เช่นเดียวกับน้ำตาแห่งความปราบปลี้มกับหลายคนในที่นี่ มีนาก็เช่นกันเธอประทับใจภาพนี้จริงๆ
“ก่อนที่ทุกท่านจะร่วมดื่มผมอยากบอกว่า งานเลี้ยงวันนี้อาจจะไม่ได้จัดมันอีก เพราะผมคงต้องใช้ชีวิตอยู่บนดอยตุงไปจนแก่จนเฒ่า พร้อมๆ กับภรรยาในอนาคต”ธนาพูดขึ้นทุกคนต่างพากันอื่อฮา ด้วยความแปลกใจ
“งานวันนี้นอกจากจะถือเป็นวันวันเกิดผมแล้ว มันยังสำคัญอีกย่างที่ผมจะประกาศงานหมั่นระหว่าง”ธนายิ้มให้กับทุกๆ คน ยกเว้นเมื่อสบตากับมีนาที่นั่งนิ่งราวกับถูกสะกดเอาไว้ เขาคงคิดไม่ออกหรอกว่าเธอกำลังซ็อก..
“ระหว่างผม กับนิษา ที่เรารักกันมานานถึง 5 ปีครับ”ธนาหันไปยิ้มให้กับนิษาที่นั่งอยู่ข้างๆ กับสุธี เธอยังคงอึ้งและตกใจ เมื่อทุกๆ สายตาจ้องมองมาที่เธอ มีนาพยายามที่จะทนนั่งฟังต่อ ทั้งที่อยากจะรีบๆ เดินหนีไป สุธียิ้มส่งสัญญาณให้กับธนา เพราะดูทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิด ธนาเดินลงมาจากเวทีและเดินตรงไปที่นิษา ระหว่างที่ทุกคนให้ความสนใจนิษาอยู่ มีนาหลบออกมาจากกลุ่มนั้นตรงไปยังรถ เธอเดินผ่านนิตยาและฝากลาทุกคน ก่อนจะกลับ
“นิษามากับผมสิ”ธนากระซิบบอกให้เธอเดินตามขึ้นไปยังเวที เธอยังคงอยู่ในอาการซ็อก และรู้ตัวอีกที่ก็เดินขึ้นมาอยู่กลางเวทีเสียแล้ว หลอนตกใจอย่างมากเมื่อเห็นทุกสายตามองมาที่เธอ
“ไม่...ไม่ค่ะฉันคงใช้ชีวิตอยู่กับคุณอย่างนั้นไม่ได้หรอก”นิษาปฏิเสธเสียงแข็งกลางเวที ทุกคนต่างพากันโฮ่และซุบซุบ มองนิษาอย่างนางร้ายในละคร เธอมองทุกสายตาที่ได้จ้องเธอ ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็ซ๊อคไปพร้อมๆ กัน
“นิษา คุณไม่รักผมแล้วหรือ”ธนาทำหน้าซื่อเรียกร้องความเห็นใจ แต่เจ้าหล่อนกับสลับมือเธอออกจากมือธนา
“ชีวิตจริงไม่ได้เหมือนนิยาย ที่จะรักอย่างกัดก้อนเกลือกินได้หรอก เพราะคนที่ฉันเลือกคือสุธี”นิษาประกาศขึ้นหน้าเวที ทุกคนต่างมองไปที่สุธี นั่งรวมทั้งสายธาร เธอดูจะผิดหวังจนฟ้องที่สายตาเวลามองสุธี จนเขารู้สึกใจหาย
“สุธีคุณพูดสิค่ะว่าคุณก็รักฉัน”นิษาตะโกนลงไป สายธารทนดูทนฟังต่อไปไม่ได้เธอวิ่งเข้าไปในบ้าน สุธีมองตาม แต่เขาก็ต้องยอมให้เธอวิ่งไป ไม่อย่างนั้นแผนทุกอย่างที่เตรียมมาอย่างดี คงต้องพังลงแน่น สุธีเดินขึ้นไปเวที
“ครับ...ผมจะพูด”เสียงซุบซิบกันให้ดังทั่วงาน แววๆ มาว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดบ้าง แทงข้างหลังบ้าง
“ผมจะพูดว่า ผู้หญิงที่มีใจโลเลอย่างคุณ ผมคงไม่อาจทำใจให้รักลงได้”สุธีพูดจบ และเดินเข้าไปโอบคอธนา
“ถ้าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีรัก มีสิทธิ์เลือกมันด้วยตัวเองได้ ผมจะไม่มีวันเอาความรู้สึกเข้าไปอยู่ในสถานะการณ์เสี่ยงเด็ดขาด ถ้าต้องรักและรู้ว่าคงเหนื่อย หรือไม่ดีอย่างที่คิด ผมคิดว่าอย่ามีมันเลยเสียจะดีกว่า”สุธีพูดขึ้นทุกคนในงานพากันตบมือ
“ว่าอะไรนะ! คุณว่าอะไร นี่คุณสองคนหลอกฉันงั้นเหรอ”นิษามองหน้าชายหนุ่มทั้งสอง สลับกับทุกสายตาที่กำลังจ้องมองเธออยู่ คนที่กลายเป็นตัวร้ายในงานอย่างนิษาก็ทนอยู่แทบไม่ไหว หล่อนรีบหนีกลับไป สุธียิ้มให้ธนา เมื่อแผนการเป็นนั้นจบสิ้นลงสักที คนในงานสนุกกันต่อหลังจากที่ต้องลุ้นกับหลายๆ ความรู้สึกก่อนหน้านี้
“ขอบใจนายมากนะ ที่ทำให้ฉันตัดขาดจากนิษาได้”ธนาดีใจจนหน้าที่เคยเศร้า และเครียดกับมายิ้มอีกครั้ง
“ถ้าจะให้ดี นายก็ยกน้องสาวให้ฉันสิ”สุธีพูดทีเล่นทีจริง ธนาเหล่ตามมองเพื่อนรักอย่างพิจารณา
“ถ้านายคิดว่านายจะสามารถอธิบาย เรื่องนี้ให้ยายน้องเชื่อได้ฉันจะยอมเปิดทางให้นาย”ธนาพูดขึ้น สุธีดีใจจนกระโดดกอดเพื่อน และรีบตามหาสายธารทันที ธนาคิดถึงมีนาก็นึกขึ้นได้ เขามองหาเธอจนทั่วงานไม่เห็นแม้เงาเธอ
เจนจิตรมองเห็นธนากำลังนั่งคอตกอยู่นอกงานเลี้ยง เธอจึงเดินมานั่งข้างๆ ธนาตกใจ เมื่อเห็นหล่อน
“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นเลยนี่ค่ะ”เจนจิตรมีท่าทางน้อยใจ
“พี่ขอโทษนะ เจนเป็นอย่างไงบ้าง กับเพื่อนยังทะเละกันอยู่ไหม”ธนาถาม เจนจิตรยิ้มก่อนจะพูดไปว่า
“ไม่แล้วหละค่ะ อ้อแต่กับมีนา ยังคงมีเรื่องกันเรื่อยๆ” ธนามองหน้าฉงน เจนจิตรกำลังพูดถึงครู่อริแต่กับหัวเราะ
“พี่ธนาตามหามีนาสินะ เธอกลับไปแล้วหละ กับไปตั้งแต่พี่ประกาศหมั่น”เจนจิตรบอกเขา ธนาทำหน้าสลด
“งานนี้พี่คงลำบากแล้วหละ เท่าที่ทราบมามีนาเธอเชื่อมั่นตัวเองมาก เกลียดใครก็เกลียดจริงสะด้วย แต่ถ้าพี่อกหักแล้วไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครหละก็ เจนยังว่างรอพี่เสมอนะค่ะ”เจนจิตรพูดจบก็ลุกขึ้นและยิ้มให้ธนา ก่อนจะเดินไป
ส่วนสุธียืนชะเง้อขึ้นไปบนบ้าน เข้าไม่กล้าที่จะขึ้นไปด้านบน จนพ่ออาทรและแม่ดาวเรืองเดินเข้ามา
“สุธี ทำอะไรอยู่ตรงนี้หละลูก”แม่ดาวเรืองถามและมองตามสุธีขึ้นไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่าง
“เอ่อ ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับน้องนะครับ แต่น้องไม่ยอมลงมา”สุธีหน้าเศร้าผู้พ่ออาทรหัวเราะดังจนทำให้ทั้งคู่งง
“อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ ทำให้ลูกสาวอาเสียใจก็ต้องปลอบใจกันเอง ไปเถอะแม่เรื่องของเด็กๆ เขา ไม่รู้ว่าหนุ่มๆ สมัยนี้มันเล่นอะไรกัน ทำเอาคนแก่อย่างเรา หัวใจแทบวายตาย”สุธียังคงฉงนงงงวยกับคำพูดของพ่ออาทร
“ถ้างั้นคงเป็นวันหลังเถอะ น้องคงไม่ลงมาแล้วมั้ง ป่านนี้คงร้องไห้จนน้ำท่วงห้องแล้วหละ”แม่ดาวเรืองยิ้ม และเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวดี เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ สุธีเดินคอตกกลับออกไป และหันมองยังหน้าต่างห้องของสายธาร ที่กำลังแอบมองเขาอยู่เช่นกัน เธอรีบหลบเพราะกลัวว่าสุธีจะเห็น สุธียืนมองอยู่นาน จนต้องจำใจเดินคอตกก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไปจากไร่ สายธารมองตามทั้งยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด...
ธนายังคงวุ้นๆ อยู่กับเตรียมของเพื่อขึ้นดอย ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาสำรวจ และพูดขึ้น
“คราวนี้จะอยู่สักกี่เดือนหละ”ธนาสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาหันมายิ้มให้ผู้เป็นพ่อ
“ใจไม่อยู่กับล่องกับลอยอย่างนี้ จะอยู่ได้สักกี่วันกัน”ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างสบประมาทให้กับลูกชาย
“ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย วันนี้พ่อไม่เข้าบริษัทหรือครับ”ธนาถามแต่สีหน้านั้นยังคงดูหมองเศร้า
“ทำหน้ายังกับคนอกหัก หรือยังเสียใจที่แม่นิษาเขาไม่ยอมแต่งงานด้วย บอกแล้วใช่ไหม ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาอยากลำบากหรอก”ผู้เป็นพ่อพูดธนายิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องนิษา
“ไม่หรอกครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างนิษาเธอไม่ชอบลำบาก แต่ผมก็กลัวถ้าเธอคนนั้นก็ไม่ชอบลำบากเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ผมคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำอย่างไงดี”ธนาพูดด้วยสายตาที่ทอดยาวไร้จุดหมาย ผู้เป็นพ่อเข้าใจมันดี
“ก็ไม่รอถามหนูมีนาดูหละ จะได้ไม่ต้องมานั่งเศร้าเพราะคิดเองแบบนี้”พ่ออาทรพูดขึ้น ธนาหันมองอย่างสงสัย
“พ่อ...รู้ได้อย่างไงครับว่าผมหมายถึงใคร”ธนายิ้มด้วยท่าทางเขินอาย....
“เธอยังเด็ก ผมคิดว่ายังไม่ถึงเวลานั้นหรอกครับ”ธนาพูดและนั่งถอนหายใจใหญ่ ผู้เป็นพ่ออมยิ้มแต่แตะหลังเบาๆ ให้กำลังใจผู้เป็นลูกชาย ที่กำลังถอนหายใจใหญ่
“ระวังหน่อยนะ หนูมีนาทั้งสวย ทั้งเก่งแบบนั้น คงมีอีกหลายที่อยากจะได้เธอเป็นคนรัก”พ่ออาทรหัวเราะล้วน
สอบปลายภาควันสุดท้าย ถึงมีนาและสายธารพยายามทำตัวร่าเริงเท่าไหร่ แต่สายตาของพวกเธอก็ฟ้อง
“มีนา น้อง เธอจะเดินไปไหนทั้งคู่นะ”มินทร์ตาถามท่าทางอันเหม่อลอยของเพื่อนสาว เจนจิตรนึกขำทั้งคู่
“อ้อ..ฉันจะไปโรงอาหาร”มีนาพูดและชี้ไปด้านหน้า แต่ตรงหน้าของพวกเธอคือห้องน้ำ ดาวล้อมหัวเราะอีกคน
“มีนา ฉันว่าเราคงมาผิดทาง”สายธารดึงมือมีนา และเดินนำพวกเพื่อนๆ ที่ยืนขำทั้งสอง มินทร์ตาดุพวกเจนจิตร
“ฉันรอไม่ไหวแล้วนะ ทำไมพวกเธอต้องห้ามไม่ให้ฉันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นด้วยนะ ดูสิทั้งคู่นั้นเหมือนศพเดินได้ไร้ชีวิตชีวา”มินทร์ตาโวยวาย และกำลังจะเดินไปหาเพื่อนรัก แต่เจนจิตรดึงเอาไว้เสียก่อน
“หยุดเลย ถ้าเธอพูดหละก็ พวกฉันจะจับเธอถอดเสื้อผ้าแบบวันนั้นแน่นอน”เจนจิตรพูดและหัวเราะ
“นี่พวกเธอกล้าขู่ฉันเหรอ” มินทร์ตารีบปิดเสื้อผ้า เดินออกห่างทันที เจนจิตรและเพื่อนต่างหัวเราะใหญ่ และพวกเธอจึงอธิบายให้มินทร์ตาเข้าใจถึงเหตุผลทั้งหมด
มีนาเก็บกระเป๋าเพื่อที่จะกลับกรุงเทพ เธอไม่รอช้าที่จะไปจากที่นี่ เพราะเธออยากจะหนีความรู้สึกนั้น ขณะที่เธอกำลังเก็บอยู่นั้น กระดาษที่พับเป็นรู้หัวใจว่างอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอหวนคิดถึงใครบางคนที่เธออยากหนี
“ไม่นะ มีนานี่เธอคิดถึงเขาอีกไม่ได้ เธอไม่ได้ยินหรือไงเขาประกาศหมั่น และไม่นานคงจะแต่งงานกับคนที่เขารัก เราก็เป็นแค่เด็กที่เขาเคยเอ็นดู ไม่ได้เป็นผู้หญิงในสายตาของเขา”มีนาพูดกับตัวเองและขยำกระดาษนั้นทิ้งลงขยะ
เสียงรถจอดที่หน้าบ้าน สายธารวิ่งออกมาด้วยท่าทางดีใจ และเธอก็นึกขึ้นได้เมื่อสบตาเข้ากับสุธีที่ส่งยิ้มให้ เธอลืมตัวที่วิ่งออกมารับเขาเหมือนทุกๆ ครั้ง สายธารเชิดหน้าเดินหนีเข้าไปในบ้าน สุธีมองตาม..
“อ้าว..เราก็นึกว่าจะหายโกรธแล้วเสียอีก”สุธีพูดกับตัวเอง ด้วยท่าทางผิดหวัง และรีบเดินตามเข้าไป
“น้อง..เดี๋ยวสิ น้องพี่ขอคุณด้วยได้ไหม”สุธีวิ่งตามมาทันก่อนที่เธอจะเดินหนีขึ้นห้อง เขาดึงมือเธอไว้
“แต่น้องไม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับพี่...ไปหาผู้หญิงที่พี่เลือกเถอะค่ะ พี่ธนาไม่อยู่ พี่มีธุระอะไรที่นี่ แต่ถึงพี่ชายจะอยู่ก็ไม่ควรมา เพราะเพื่อนที่กล้าหักหลังกันแบบนั้น ไม่สมควรที่คบต่อไป”สายธารพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ และเย็นชา สุธีมองหน้าที่ดูบึ้งตรึง ก่อนจะนึกขัน สายธารยิ่งโมโหไปใหญ่ รีบสลับมือออก
“เดี๋ยวสิน้อง..ขอให้พี่ได้พูดก่อนได้ไหม ถ้าพูดจบน้องจะเกลียดพี่ไปจนวันตายพี่ก็จะยอมง้อน้องไปตลอดชีวิต”สุธีอ้อนวอนขอความเห็นใจ สายธารเหล่ตามอง แต่เธอยังคงวางท่าทางเฉยชา และเดินไปที่สวนหลังบ้าน
“รีบพูดหน่อยนะค่ะ น้องไม่มีเวลามากนัก”สายธารนั่งกอดอก เชิดหน้านั่งรอฟังเขา
“พี่อยากให้น้องเป็นเหมือนเดิมได้ไหม พี่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าน้องโกรธพี่ พี่ก็จะเสียใจมาก”สุธีพูด
“ต่อให้พี่เสียใจจนตาย น้องก็ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้ พี่หักหลังพี่ชาย พี่ทำได้อย่างไง”สายธารขึ้นเสียง
“เรื่องวันนั้นหรือ น้องทำไมไม่อยู่ให้จบงานหละ”สุธีพูด สายธารหันมามองตาเขียวด้วยความโกรธ
“ใครจะไปทนอยู่ฟังได้หละ พี่ทำได้อย่างไง นั้นคนรักของเพื่อน น้องผิดหวังในตัวพี่มาก”สายธารพูดจบเธอลุกขึ้นจะเดินหนี แต่สุธี จับเมื่อเธอไว้ สายธารหันไปมองมือของสุธี และขมวดคิ้วก่อนจะพยายามสลับมือที่จับไว้แน่น
“ปล่อยค่ะ น้องไม่อยากให้มือที่จับคนโน้นคนนี้มาแตะตัวน้อง ถึงพี่ธนาอภัยให้พี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะยอมรับ หรืออภัยให้พี่ ถ้าคนที่พี่รักคือนิษา”สายธารสลับมือเต็มแรง และผลักสุธีล้มลงก่อนจะเดินหนี
“ถ้าคนที่พี่รักคือน้องหละ น้องจะยอมอภัยให้พี่ได้ไหม”สุธีตะโกนตามหลัง สายธารตกใจและหยุดนิ่ง เธอหูฟาดไปหรือเปล่า เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรกันนะ สายธารยังคงรู้สึกมึนๆ และไม่แน่นใจในสิ่งที่เธอได้ยิน
“ถ้าคนที่พี่รัก...ไม่ใช่นิษา น้องจะอภัยให้พี่ใช่ไหม”สุธีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า และเดินเข้ามาหาสายธารที่ยังยืนนิ่ง
“เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ คนที่พี่รักไม่ใช่นิษา แล้วเป็นใครนะ”สายธารอยากจะได้ยินมันอีกครั้ง สุธีทำเป็นเฉยเขาไม่ยอมพูดถึงมันอีก ได้แต่ยืนยันว่าคนที่เขารักไม่ใช่นิษาอย่างแน่นอน และเรื่องวันนั้นเป็นแผนของเขากับธนา
สายธารรีบเข้ามายังคอนโด ของเพื่อนสาว แต่พนักงานต้อนรับแจ้งสายธารว่ามีนาออกไปตั้งแต่เช้ามืด เธอคงกลับกรุงเทพไปแล้วสายธารมีท่าทางผิดหวังไม่น้อย เธอจึงมุ้งหน้าไปยังโรงพยาบาล และเล่าให้สุธีฟัง
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธนาจัดการเองเถอะ เรารอดูอยู่ห่างๆ ก็พอ”สุธีออกความคิดเห็น
“พี่น่าจะรู้จักเพื่อนพี่ดีนะ รายนั้นก็คงคิดได้อยู่หรอกมั้ง น้องฟันธงเลยว่าพี่ธนาไม่คิดจะฉุดมีนาลงมาติดดินได้หรอก”สายธารพูดอย่างมีเหตุผล สุธีคิดตามมันก็คงจะจริงอย่างที่สายธารพูดจริงๆ
“มีนา...”ธนายืนอยู่ด้านหลังของเธอ เสียงที่เรียกฟังแล้วได้ความรู้สึกเศร้าและอ่อนไหวนัก มีนาหันกลับมาก็พบว่า
“พี่ธนา!..เอ๋นาย”มีนาหลงอารมณ์ไปเพียงชั่วครู่เธอก็ได้สติ ตอนนี้เธอไปได้อยู่ในสถานะของผู้อาศัยเหมือนเคย
“ทำไมถึงไม่เรียกพี่ เหมือนเดิมหละ..”ธนาดูจะแปลกใจ และผิดหวังในนาทีเดียวกัน
“ขอโทษค่ะ สัญญาของเราระบุไว้ชัดเจน เมื่อไรที่ฉันออกจากบ้านนี้ไปสัญญาสงบศึกถือเป็นโมฆะ”มีนาย้ำ
“แต่..”ธนากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
“นายกับไปดูแลแฟนของนายเถอะ ฉันไม่จำเป็นต้องมีใครฉันก็อยู่ได้”มีนาพูดจบเธอรีบเดินผ่านธนาไปด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด หากเธอยังยืนฟังเขาอีกแค่นาทีเดียว ความรู้สึกที่มีทั้งหมดมันคงกดไว้ไม่อยู่ ตะกอนคงกลับมาขุ่นอีกครั้ง หัวใจเธอคงต้องสับสนเป็นแน่
“แต่..สัญญาฉบับนั้นมันจบไปแล้ว เราทำสัญญาใหม่แล้ว”ธนาได้แต่พูดลำพังเมื่อมองเธอเดินไปจนลับสายตา
ธนาเดินตามหลังมีนาเข้ามาในงาน คนที่มองสังเกตดูท่าทางของทั้งคู่นั้นคือเจนจิตร และสายธาร
“ยายน้องฉันขอถามเธอสักข้อสิ ยายมีนากับพี่ชายของเธอเป็นอะไรกัน”เจนจิตรไม่รอช้าถามความสงสัยของเธอ
“ดูสิ เธอไม่เห็นหรือไง พวกเขาก็เป็นคนที่รักกันไม่ได้นะสิ”สายธารตอบ เจนจิตรดูท่าทางงง เธอพยายามคิด
“เอาหละครับเป็นโอกาสที่เหมาะสม ที่ผมจะของพูดเพื่อเปิดงานเลี้ยงนี้”ธนาขึ้นเวทีพูด และทุกคนให้ความสนใจ
“อันดับแรกผมต้องขอขอบพระคุณอย่างสูงไปยัง คุณพ่ออาทรและแม่ดาวเรืองที่ทำให้ผมมีชีวิต” ทุกคนตบมือตามธนา เสียงดังรั้นด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี แม่ดาวเรืองจูงมือพ่ออาทรเข้าไปหน้าเวที สายธารถือพวงมาลัยยื่นให้กับธนา เขากราบลงที่หน้าอกของพ่อและยื่นพวงมาลัยให้ ตามด้วยแม่ดาวเรืองเป็นภาพที่น่าประทับใจยิ่งพ่ออาทรถูกยุให้พูดเพื่อเป็นการอวยพรลูกชาย ธนาไม่ได้คาดหวังไว้เช่นนั้นเพราะพ่อลูกคู่นี้ไม่คุยกันมานานแล้ว
“เอ่อ...สำหรับธนา เขาได้สร้างความผิดหวังให้กับครอบครัวเรา เพราะลูกชายเพียงคนเดียวที่ไม่เลือกเดินบนถนนที่โรยด้วยกรีบดอกไม้ แต่กับเลือกที่จะเดินบนทางที่มีหญ้ารกๆ นั้น” ธนามองผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนอยากเห็นลูกลำบาก ข้อนี้ทุกคนคงรู้ดีอยู่แล้ว”พ่ออาทรหันมองลูกชาย ที่ดูจะสำนึกผิดไม่น้อย
“แต่แล้วเขาก็ทำให้ผมคิดได้อยู่ข้อหนึ่งว่า ความสุขของแต่ละคนต่างกัน นั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคน ว่าจะต้องการอะไร แบบไหน หากความสุขของเขาคือการอยู่อย่างพอเพียงหละก็ ผู้เป็นพ่อแม่ก็ควรจะยินดีใช่ไหม”พ่ออาทรพูดขึ้นและหันมายิ้มให้กับลูกชาย ธนาแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เขาดีใจที่มีวันนี้ ธนาโผเข้ากอดพ่ออาทรด้วยความทราบซึ้งใจ เช่นเดียวกับน้ำตาแห่งความปราบปลี้มกับหลายคนในที่นี่ มีนาก็เช่นกันเธอประทับใจภาพนี้จริงๆ
“ก่อนที่ทุกท่านจะร่วมดื่มผมอยากบอกว่า งานเลี้ยงวันนี้อาจจะไม่ได้จัดมันอีก เพราะผมคงต้องใช้ชีวิตอยู่บนดอยตุงไปจนแก่จนเฒ่า พร้อมๆ กับภรรยาในอนาคต”ธนาพูดขึ้นทุกคนต่างพากันอื่อฮา ด้วยความแปลกใจ
“งานวันนี้นอกจากจะถือเป็นวันวันเกิดผมแล้ว มันยังสำคัญอีกย่างที่ผมจะประกาศงานหมั่นระหว่าง”ธนายิ้มให้กับทุกๆ คน ยกเว้นเมื่อสบตากับมีนาที่นั่งนิ่งราวกับถูกสะกดเอาไว้ เขาคงคิดไม่ออกหรอกว่าเธอกำลังซ็อก..
“ระหว่างผม กับนิษา ที่เรารักกันมานานถึง 5 ปีครับ”ธนาหันไปยิ้มให้กับนิษาที่นั่งอยู่ข้างๆ กับสุธี เธอยังคงอึ้งและตกใจ เมื่อทุกๆ สายตาจ้องมองมาที่เธอ มีนาพยายามที่จะทนนั่งฟังต่อ ทั้งที่อยากจะรีบๆ เดินหนีไป สุธียิ้มส่งสัญญาณให้กับธนา เพราะดูทุกอย่างเป็นไปอย่างที่คิด ธนาเดินลงมาจากเวทีและเดินตรงไปที่นิษา ระหว่างที่ทุกคนให้ความสนใจนิษาอยู่ มีนาหลบออกมาจากกลุ่มนั้นตรงไปยังรถ เธอเดินผ่านนิตยาและฝากลาทุกคน ก่อนจะกลับ
“นิษามากับผมสิ”ธนากระซิบบอกให้เธอเดินตามขึ้นไปยังเวที เธอยังคงอยู่ในอาการซ็อก และรู้ตัวอีกที่ก็เดินขึ้นมาอยู่กลางเวทีเสียแล้ว หลอนตกใจอย่างมากเมื่อเห็นทุกสายตามองมาที่เธอ
“ไม่...ไม่ค่ะฉันคงใช้ชีวิตอยู่กับคุณอย่างนั้นไม่ได้หรอก”นิษาปฏิเสธเสียงแข็งกลางเวที ทุกคนต่างพากันโฮ่และซุบซุบ มองนิษาอย่างนางร้ายในละคร เธอมองทุกสายตาที่ได้จ้องเธอ ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างก็ซ๊อคไปพร้อมๆ กัน
“นิษา คุณไม่รักผมแล้วหรือ”ธนาทำหน้าซื่อเรียกร้องความเห็นใจ แต่เจ้าหล่อนกับสลับมือเธอออกจากมือธนา
“ชีวิตจริงไม่ได้เหมือนนิยาย ที่จะรักอย่างกัดก้อนเกลือกินได้หรอก เพราะคนที่ฉันเลือกคือสุธี”นิษาประกาศขึ้นหน้าเวที ทุกคนต่างมองไปที่สุธี นั่งรวมทั้งสายธาร เธอดูจะผิดหวังจนฟ้องที่สายตาเวลามองสุธี จนเขารู้สึกใจหาย
“สุธีคุณพูดสิค่ะว่าคุณก็รักฉัน”นิษาตะโกนลงไป สายธารทนดูทนฟังต่อไปไม่ได้เธอวิ่งเข้าไปในบ้าน สุธีมองตาม แต่เขาก็ต้องยอมให้เธอวิ่งไป ไม่อย่างนั้นแผนทุกอย่างที่เตรียมมาอย่างดี คงต้องพังลงแน่น สุธีเดินขึ้นไปเวที
“ครับ...ผมจะพูด”เสียงซุบซิบกันให้ดังทั่วงาน แววๆ มาว่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดบ้าง แทงข้างหลังบ้าง
“ผมจะพูดว่า ผู้หญิงที่มีใจโลเลอย่างคุณ ผมคงไม่อาจทำใจให้รักลงได้”สุธีพูดจบ และเดินเข้าไปโอบคอธนา
“ถ้าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีรัก มีสิทธิ์เลือกมันด้วยตัวเองได้ ผมจะไม่มีวันเอาความรู้สึกเข้าไปอยู่ในสถานะการณ์เสี่ยงเด็ดขาด ถ้าต้องรักและรู้ว่าคงเหนื่อย หรือไม่ดีอย่างที่คิด ผมคิดว่าอย่ามีมันเลยเสียจะดีกว่า”สุธีพูดขึ้นทุกคนในงานพากันตบมือ
“ว่าอะไรนะ! คุณว่าอะไร นี่คุณสองคนหลอกฉันงั้นเหรอ”นิษามองหน้าชายหนุ่มทั้งสอง สลับกับทุกสายตาที่กำลังจ้องมองเธออยู่ คนที่กลายเป็นตัวร้ายในงานอย่างนิษาก็ทนอยู่แทบไม่ไหว หล่อนรีบหนีกลับไป สุธียิ้มให้ธนา เมื่อแผนการเป็นนั้นจบสิ้นลงสักที คนในงานสนุกกันต่อหลังจากที่ต้องลุ้นกับหลายๆ ความรู้สึกก่อนหน้านี้
“ขอบใจนายมากนะ ที่ทำให้ฉันตัดขาดจากนิษาได้”ธนาดีใจจนหน้าที่เคยเศร้า และเครียดกับมายิ้มอีกครั้ง
“ถ้าจะให้ดี นายก็ยกน้องสาวให้ฉันสิ”สุธีพูดทีเล่นทีจริง ธนาเหล่ตามมองเพื่อนรักอย่างพิจารณา
“ถ้านายคิดว่านายจะสามารถอธิบาย เรื่องนี้ให้ยายน้องเชื่อได้ฉันจะยอมเปิดทางให้นาย”ธนาพูดขึ้น สุธีดีใจจนกระโดดกอดเพื่อน และรีบตามหาสายธารทันที ธนาคิดถึงมีนาก็นึกขึ้นได้ เขามองหาเธอจนทั่วงานไม่เห็นแม้เงาเธอ
เจนจิตรมองเห็นธนากำลังนั่งคอตกอยู่นอกงานเลี้ยง เธอจึงเดินมานั่งข้างๆ ธนาตกใจ เมื่อเห็นหล่อน
“ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นเลยนี่ค่ะ”เจนจิตรมีท่าทางน้อยใจ
“พี่ขอโทษนะ เจนเป็นอย่างไงบ้าง กับเพื่อนยังทะเละกันอยู่ไหม”ธนาถาม เจนจิตรยิ้มก่อนจะพูดไปว่า
“ไม่แล้วหละค่ะ อ้อแต่กับมีนา ยังคงมีเรื่องกันเรื่อยๆ” ธนามองหน้าฉงน เจนจิตรกำลังพูดถึงครู่อริแต่กับหัวเราะ
“พี่ธนาตามหามีนาสินะ เธอกลับไปแล้วหละ กับไปตั้งแต่พี่ประกาศหมั่น”เจนจิตรบอกเขา ธนาทำหน้าสลด
“งานนี้พี่คงลำบากแล้วหละ เท่าที่ทราบมามีนาเธอเชื่อมั่นตัวเองมาก เกลียดใครก็เกลียดจริงสะด้วย แต่ถ้าพี่อกหักแล้วไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครหละก็ เจนยังว่างรอพี่เสมอนะค่ะ”เจนจิตรพูดจบก็ลุกขึ้นและยิ้มให้ธนา ก่อนจะเดินไป
ส่วนสุธียืนชะเง้อขึ้นไปบนบ้าน เข้าไม่กล้าที่จะขึ้นไปด้านบน จนพ่ออาทรและแม่ดาวเรืองเดินเข้ามา
“สุธี ทำอะไรอยู่ตรงนี้หละลูก”แม่ดาวเรืองถามและมองตามสุธีขึ้นไปก็ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่าง
“เอ่อ ผมมีเรื่องอยากจะพูดกับน้องนะครับ แต่น้องไม่ยอมลงมา”สุธีหน้าเศร้าผู้พ่ออาทรหัวเราะดังจนทำให้ทั้งคู่งง
“อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะ ทำให้ลูกสาวอาเสียใจก็ต้องปลอบใจกันเอง ไปเถอะแม่เรื่องของเด็กๆ เขา ไม่รู้ว่าหนุ่มๆ สมัยนี้มันเล่นอะไรกัน ทำเอาคนแก่อย่างเรา หัวใจแทบวายตาย”สุธียังคงฉงนงงงวยกับคำพูดของพ่ออาทร
“ถ้างั้นคงเป็นวันหลังเถอะ น้องคงไม่ลงมาแล้วมั้ง ป่านนี้คงร้องไห้จนน้ำท่วงห้องแล้วหละ”แม่ดาวเรืองยิ้ม และเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวดี เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่ สุธีเดินคอตกกลับออกไป และหันมองยังหน้าต่างห้องของสายธาร ที่กำลังแอบมองเขาอยู่เช่นกัน เธอรีบหลบเพราะกลัวว่าสุธีจะเห็น สุธียืนมองอยู่นาน จนต้องจำใจเดินคอตกก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไปจากไร่ สายธารมองตามทั้งยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด...
ธนายังคงวุ้นๆ อยู่กับเตรียมของเพื่อขึ้นดอย ผู้เป็นพ่อเดินเข้ามาสำรวจ และพูดขึ้น
“คราวนี้จะอยู่สักกี่เดือนหละ”ธนาสะดุ้งด้วยความตกใจ เขาหันมายิ้มให้ผู้เป็นพ่อ
“ใจไม่อยู่กับล่องกับลอยอย่างนี้ จะอยู่ได้สักกี่วันกัน”ผู้เป็นพ่อยิ้มอย่างสบประมาทให้กับลูกชาย
“ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย วันนี้พ่อไม่เข้าบริษัทหรือครับ”ธนาถามแต่สีหน้านั้นยังคงดูหมองเศร้า
“ทำหน้ายังกับคนอกหัก หรือยังเสียใจที่แม่นิษาเขาไม่ยอมแต่งงานด้วย บอกแล้วใช่ไหม ไม่มีผู้หญิงที่ไหนเขาอยากลำบากหรอก”ผู้เป็นพ่อพูดธนายิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องนิษา
“ไม่หรอกครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าคนอย่างนิษาเธอไม่ชอบลำบาก แต่ผมก็กลัวถ้าเธอคนนั้นก็ไม่ชอบลำบากเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ผมคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำอย่างไงดี”ธนาพูดด้วยสายตาที่ทอดยาวไร้จุดหมาย ผู้เป็นพ่อเข้าใจมันดี
“ก็ไม่รอถามหนูมีนาดูหละ จะได้ไม่ต้องมานั่งเศร้าเพราะคิดเองแบบนี้”พ่ออาทรพูดขึ้น ธนาหันมองอย่างสงสัย
“พ่อ...รู้ได้อย่างไงครับว่าผมหมายถึงใคร”ธนายิ้มด้วยท่าทางเขินอาย....
“เธอยังเด็ก ผมคิดว่ายังไม่ถึงเวลานั้นหรอกครับ”ธนาพูดและนั่งถอนหายใจใหญ่ ผู้เป็นพ่ออมยิ้มแต่แตะหลังเบาๆ ให้กำลังใจผู้เป็นลูกชาย ที่กำลังถอนหายใจใหญ่
“ระวังหน่อยนะ หนูมีนาทั้งสวย ทั้งเก่งแบบนั้น คงมีอีกหลายที่อยากจะได้เธอเป็นคนรัก”พ่ออาทรหัวเราะล้วน
สอบปลายภาควันสุดท้าย ถึงมีนาและสายธารพยายามทำตัวร่าเริงเท่าไหร่ แต่สายตาของพวกเธอก็ฟ้อง
“มีนา น้อง เธอจะเดินไปไหนทั้งคู่นะ”มินทร์ตาถามท่าทางอันเหม่อลอยของเพื่อนสาว เจนจิตรนึกขำทั้งคู่
“อ้อ..ฉันจะไปโรงอาหาร”มีนาพูดและชี้ไปด้านหน้า แต่ตรงหน้าของพวกเธอคือห้องน้ำ ดาวล้อมหัวเราะอีกคน
“มีนา ฉันว่าเราคงมาผิดทาง”สายธารดึงมือมีนา และเดินนำพวกเพื่อนๆ ที่ยืนขำทั้งสอง มินทร์ตาดุพวกเจนจิตร
“ฉันรอไม่ไหวแล้วนะ ทำไมพวกเธอต้องห้ามไม่ให้ฉันบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นด้วยนะ ดูสิทั้งคู่นั้นเหมือนศพเดินได้ไร้ชีวิตชีวา”มินทร์ตาโวยวาย และกำลังจะเดินไปหาเพื่อนรัก แต่เจนจิตรดึงเอาไว้เสียก่อน
“หยุดเลย ถ้าเธอพูดหละก็ พวกฉันจะจับเธอถอดเสื้อผ้าแบบวันนั้นแน่นอน”เจนจิตรพูดและหัวเราะ
“นี่พวกเธอกล้าขู่ฉันเหรอ” มินทร์ตารีบปิดเสื้อผ้า เดินออกห่างทันที เจนจิตรและเพื่อนต่างหัวเราะใหญ่ และพวกเธอจึงอธิบายให้มินทร์ตาเข้าใจถึงเหตุผลทั้งหมด
มีนาเก็บกระเป๋าเพื่อที่จะกลับกรุงเทพ เธอไม่รอช้าที่จะไปจากที่นี่ เพราะเธออยากจะหนีความรู้สึกนั้น ขณะที่เธอกำลังเก็บอยู่นั้น กระดาษที่พับเป็นรู้หัวใจว่างอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอหวนคิดถึงใครบางคนที่เธออยากหนี
“ไม่นะ มีนานี่เธอคิดถึงเขาอีกไม่ได้ เธอไม่ได้ยินหรือไงเขาประกาศหมั่น และไม่นานคงจะแต่งงานกับคนที่เขารัก เราก็เป็นแค่เด็กที่เขาเคยเอ็นดู ไม่ได้เป็นผู้หญิงในสายตาของเขา”มีนาพูดกับตัวเองและขยำกระดาษนั้นทิ้งลงขยะ
เสียงรถจอดที่หน้าบ้าน สายธารวิ่งออกมาด้วยท่าทางดีใจ และเธอก็นึกขึ้นได้เมื่อสบตาเข้ากับสุธีที่ส่งยิ้มให้ เธอลืมตัวที่วิ่งออกมารับเขาเหมือนทุกๆ ครั้ง สายธารเชิดหน้าเดินหนีเข้าไปในบ้าน สุธีมองตาม..
“อ้าว..เราก็นึกว่าจะหายโกรธแล้วเสียอีก”สุธีพูดกับตัวเอง ด้วยท่าทางผิดหวัง และรีบเดินตามเข้าไป
“น้อง..เดี๋ยวสิ น้องพี่ขอคุณด้วยได้ไหม”สุธีวิ่งตามมาทันก่อนที่เธอจะเดินหนีขึ้นห้อง เขาดึงมือเธอไว้
“แต่น้องไม่มีเรื่องอะไรที่จะพูดกับพี่...ไปหาผู้หญิงที่พี่เลือกเถอะค่ะ พี่ธนาไม่อยู่ พี่มีธุระอะไรที่นี่ แต่ถึงพี่ชายจะอยู่ก็ไม่ควรมา เพราะเพื่อนที่กล้าหักหลังกันแบบนั้น ไม่สมควรที่คบต่อไป”สายธารพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ และเย็นชา สุธีมองหน้าที่ดูบึ้งตรึง ก่อนจะนึกขัน สายธารยิ่งโมโหไปใหญ่ รีบสลับมือออก
“เดี๋ยวสิน้อง..ขอให้พี่ได้พูดก่อนได้ไหม ถ้าพูดจบน้องจะเกลียดพี่ไปจนวันตายพี่ก็จะยอมง้อน้องไปตลอดชีวิต”สุธีอ้อนวอนขอความเห็นใจ สายธารเหล่ตามอง แต่เธอยังคงวางท่าทางเฉยชา และเดินไปที่สวนหลังบ้าน
“รีบพูดหน่อยนะค่ะ น้องไม่มีเวลามากนัก”สายธารนั่งกอดอก เชิดหน้านั่งรอฟังเขา
“พี่อยากให้น้องเป็นเหมือนเดิมได้ไหม พี่เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าน้องโกรธพี่ พี่ก็จะเสียใจมาก”สุธีพูด
“ต่อให้พี่เสียใจจนตาย น้องก็ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมได้ พี่หักหลังพี่ชาย พี่ทำได้อย่างไง”สายธารขึ้นเสียง
“เรื่องวันนั้นหรือ น้องทำไมไม่อยู่ให้จบงานหละ”สุธีพูด สายธารหันมามองตาเขียวด้วยความโกรธ
“ใครจะไปทนอยู่ฟังได้หละ พี่ทำได้อย่างไง นั้นคนรักของเพื่อน น้องผิดหวังในตัวพี่มาก”สายธารพูดจบเธอลุกขึ้นจะเดินหนี แต่สุธี จับเมื่อเธอไว้ สายธารหันไปมองมือของสุธี และขมวดคิ้วก่อนจะพยายามสลับมือที่จับไว้แน่น
“ปล่อยค่ะ น้องไม่อยากให้มือที่จับคนโน้นคนนี้มาแตะตัวน้อง ถึงพี่ธนาอภัยให้พี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะยอมรับ หรืออภัยให้พี่ ถ้าคนที่พี่รักคือนิษา”สายธารสลับมือเต็มแรง และผลักสุธีล้มลงก่อนจะเดินหนี
“ถ้าคนที่พี่รักคือน้องหละ น้องจะยอมอภัยให้พี่ได้ไหม”สุธีตะโกนตามหลัง สายธารตกใจและหยุดนิ่ง เธอหูฟาดไปหรือเปล่า เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรกันนะ สายธารยังคงรู้สึกมึนๆ และไม่แน่นใจในสิ่งที่เธอได้ยิน
“ถ้าคนที่พี่รัก...ไม่ใช่นิษา น้องจะอภัยให้พี่ใช่ไหม”สุธีพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า และเดินเข้ามาหาสายธารที่ยังยืนนิ่ง
“เมื่อกี้พี่พูดว่าอะไรนะ คนที่พี่รักไม่ใช่นิษา แล้วเป็นใครนะ”สายธารอยากจะได้ยินมันอีกครั้ง สุธีทำเป็นเฉยเขาไม่ยอมพูดถึงมันอีก ได้แต่ยืนยันว่าคนที่เขารักไม่ใช่นิษาอย่างแน่นอน และเรื่องวันนั้นเป็นแผนของเขากับธนา
สายธารรีบเข้ามายังคอนโด ของเพื่อนสาว แต่พนักงานต้อนรับแจ้งสายธารว่ามีนาออกไปตั้งแต่เช้ามืด เธอคงกลับกรุงเทพไปแล้วสายธารมีท่าทางผิดหวังไม่น้อย เธอจึงมุ้งหน้าไปยังโรงพยาบาล และเล่าให้สุธีฟัง
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธนาจัดการเองเถอะ เรารอดูอยู่ห่างๆ ก็พอ”สุธีออกความคิดเห็น
“พี่น่าจะรู้จักเพื่อนพี่ดีนะ รายนั้นก็คงคิดได้อยู่หรอกมั้ง น้องฟันธงเลยว่าพี่ธนาไม่คิดจะฉุดมีนาลงมาติดดินได้หรอก”สายธารพูดอย่างมีเหตุผล สุธีคิดตามมันก็คงจะจริงอย่างที่สายธารพูดจริงๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ