Lemon Sherbet รักเปรี้ยวจี๊ดสุดขีดหัวใจ
1.3
5) Face to Face
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ4
Face to face
ที่นี่เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่พวกลูกคุณหนูทั้งหลายชอบมากันที่นี่ ภายในร้านคนค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่ถึงยังไงก็ยังคงมีที่ว่างสำหรับคู่รักแห่งปีซึ่งก็คือฉันกับพี่โชนอยู่ดี (เกี่ยว?)
พอเดินเข้ามาในเขตร้านพวกพนักงานก็แทบจะมาปูพรมแดงรอรับทันที แต่ฉันเพียงแค่หันไปยิ้มให้น้อยๆ อย่างวางมาดที่ไม่ค่อยจะมีและถือวิสาสะเดินควงแขนพี่โชนเข้าไปหาเป้าหมายอย่างอวดๆ หึ... ได้เวลาเปิดตัวอย่างสุดอลังการซะแล้ว
“อุ๊ย! พี่โชน”
ฉันกระตุกยิ้มขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะแสร้งหมุนตัวหันกลับไปตามเสียงเรียกก็เห็นยัยแป้งร่อนและโปเซียร์นั่งกันอยู่
“อ้าว แป้งเปียก เอ้ย แป้งโกะ บังเอิญจังเลยนะที่มาเจอกันที่นี่”
“-__-;;”
ดูท่าทางยัยนี่อยากจะเต้นแล้วสินะ ก็เล่นจ้องหน้าจนฉันแทบจะสลายร่างอยู่แล้ว ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความบังเอิญอะไรหรอกนะ แต่เพราะความตั้งใจต่างหากล่ะที่ฉันเห็นว่าสองคนนี้อยู่ก็เลยอยากจะเข้ามาหาเรื่อง เอ้ย ทักทายซะหน่อย โฮะๆๆ (หัวเราะได้น่าตบมากๆ)
“นี่เธอมากับมันสองคนหรือไง”
ฉันตวัดสายตาไปมองโปเซียร์ที่บังอาจมาเรียกพี่โชนสุดที่รักว่า ‘มัน’ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจท่าทางหงุดหงิดของหมอนั่น
“ก็อย่างที่เห็น”
“เอ่อ... เชอร์เบท พี่ว่าเราไปหาที่นั่งกันดีกว่านะ”
“ไปสิคะ เชอร์เบทหิ๊วหิว”
อ้อนพี่โชนโชว์ซะเลย อิอิ ฉันเห็นยัยแป้งเปียกนั่นกำมือแน่นแถมยังตัวสั่นด้วยนะนั่น ท่าทางยกนี้ฉันจะชนะซะแล้วสิ
“ถ้าไม่รังเกียจนั่งทานด้วยกันมั้ยคะพี่โชน ทานหลายคนสนุกดี”
รังเกียจย่ะ
นี่เธอคิดว่าเรากำลังจะเล่นไพ่หรือไงถึงบอกว่าหลายคนถึงได้สนุก เสาตกน้ำมันก็มีตั้งเยอะแยะไม่รู้จักไปสิง ทำไมจะต้องมาเบียดเบียนพี่โชนของฉันด้วยเนี่ย สงสัยจะมีปัญหากับโพรงจมูก
แต่ก็นะ... ฉันรอคำนี้อยู่นี่นา
“อุ๊ย จะดีเหรอจ๊ะ พอดีเราอยากได้ความเป็นส่วนตัวน่ะ”
“จะไปชวนมันทำไม -_-“
ชิ คิดว่าฉันอยากจะอยู่ใกล้นายหรือไงยะโปเซียร์
“ฉันชวนพี่โชนไม่ได้ชวนเธอ”
“-__-++”
วอนแล้วมั้ยล่ะยัยตัวดี
“แต่ถ้าพี่โชนไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“เอ่อ...”
โถๆๆ แม่นางเอกผู้น่าสงสาร ส่วนพี่โชนของฉันก็พ่อพระซะเหลือเกิน เห็นยัยนี่มารยาแกล้งทำหน้าเศร้าเข้าหน่อยก็ไปไม่เป็นซะแล้ว ส่วนยัยแป้งเปียกนี่ยังไงนะ ทั้งที่มากินข้าวกับแฟนแท้ๆ ยังจะกล้าชวนผู้ชายคนอื่นร่วมโต๊ะอีก แต่ฉันก็ไม่ขัดศรัทธานะคะ
“เธออุตส่าห์แสดงน้ำใจอันน้อยนิดออกมาแล้วจะปฏิเสธก็กลัวจะเสียมารยาท ถ้างั้นเรานั่งกับพวกเค้าก็ได้นะคะพี่โชน”
ยัยแป้งเปียกมองฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะกระแทกก้นงามๆ ของเธอลงบนเก้าอี้อย่างทำอะไรไม่ได้ ส่วนฉันก็ย้ายตัวเองไปนั่งตรงข้ามกับยัยนั่นแหละพี่โชนก็เข้าไปนั่งตรงข้ามกับโปเซียร์นั่นเอง หวังว่าพี่โชนคงไม่ท้องหรอกนะในเมื่อโปเซียร์เล่นจ้องพี่โชนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยซะขนาดนั้น
นิสัยเสียจริงๆ เชอะ
“วันนี้พี่โชนมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
“พี่โชนเค้าชวนฉันมาดูหนัง”
“เอ๊ะ นี่ฉันถามเธอเมื่อไรกัน ยุ่งจริงๆ”
“ใครสนล่ะ คนที่เธอควรจะสนใจคือแฟนสุดที่รักของเธอไม่ใช่หรือไง”
“นี่เธอ..!!”
“พี่ว่าสั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะพนักงานรอนานแล้ว”
ฉันกับยัยแป้งเปียกสะบัดหน้าพรืดใส่กันก่อนจะคว้าเมนูอาหารขึ้นมาสั่งทันที
“โปเซียร์กินอะไรดีจ๊ะ”
แหวะ จะอ้วก
“ฉันว่าเมนูนี้น่าจะเหมาะกับเธอนะแป้งโกะ พี่คะเอายำนารีระริกระรี้”
“งั้นฉันว่าอันนี้เธอก็คงชอบกินนะเชอร์เบท พี่คะขอ ก๋วยเตี๋ยวเลือดสาด”
“-O-“ หน้าตาพนักงาน
อ้อ เล่นอย่างนี้เหรอ ได้เลย เชอร์เบทจัดให้ชุดใหญ่ค่ะ
“งั้นขอเพิ่มอีกค่ะ ผัดเผ็ดเอเลี่ยน”
“ตำยำผีกระหัง”
“รวมมิตรผีไม่มีศาล”
“ผักเผ็ดเกล็ดปลาดุก”
“เอ่อ... =O=”
“ปลาสองหน้านึ่งมะนาว”
“ยำมะเขือเผา”
“ปลาเก๋าใกล้ตาย”
“เฮือก O_O” กลายเป็นพี่โชนและโปเซียร์สะดุ้งแทนซะงั้น
“ขอโทษนะครับ ที่นี่ร้านอาหารอิตาเลียนไม่มีรายการอาหารแบบนั้นนะครับ TOT”
“เชอะ!”
แล้วฉันกับยัยแป้งเปียกก็สะบัดหน้าใส่กันอีกครั้งด้วยอารมณ์คุกรุ่น บ้าจริง นี่ทำไมฉันจะต้องกลายมาเป็นฝ่ายอารมณ์เสียแบบนี้ด้วยเนี่ย เสียลุคนางเอกแสนดีแอ๊บแบ๊วที่อยู่หน้าต่อพี่โชนหมดเลย ฮึ่ยๆๆ โมโหๆๆๆ
“เชอร์เบทชอบทานอะไรครับเดี๋ยวพี่สั่งให้นะ”
“คาลโซเน่”
“....”
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเมื่อโปเซียร์พูดออกมาแทนที่คำพูดนั่นจะเป็นของฉัน ยัยแป้งร่อนรีบหันขวับไปมองแฟนตัวเองตาเขียวปัด ไอ้บ้านี่ก็ไม่รู้เรื่องเอาซะเลยถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนี้
ว่าแต่... นายยังจำได้อีกเหรอว่าฉันชอบอะไร
“โปเซียร์งั้นเรามาสั่งกันมั่งดีกว่าเนอะ เอาสปาเก็ตตี้ไหม นายชอบกินหรือเปล่า”
“มั่วแล้วย่ะ โปเซียร์เค้าชอบกินลาซานญ่าต่างหาก”
“....”
“เอ่อ...”
ว่าแต่เขาแล้วทำไมฉันถึงมาเป็นเองเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ไปโพล่งบอกเค้าไปอย่างนั้น ทำให้ทุกคนมองมาทางฉันกันหมดเลย ส่วนโปเซียร์ก็มองด้วยสายตาที่ฉันอ่านยากสุดๆ ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่ ฮือๆๆ พลาดอย่างร้ายแรง แล้วดูยัยแป้งเปียกสิ นี่ถ้าเอาส้อมแทงฉันตายได้คงทำไปแล้ว
แล้วบรรยากาศในการกินข้าวก็ผ่านไปอย่างคึกคักน่ารักเวลาลงเล่น โดยมีฉันและยัยแป้งเปียกคอยแผ่รังสีใส่กันเป็นระยะๆ ไม่น่าเดินเข้ามาให้เสียอารมณ์เลยจริงๆ แทนที่จะได้ไปนั่งสวีทกันสองต่อสองกันอย่างเป็นส่วนตัวกับพี่โชน กลับต้องมานั่งเซ็งกับอารมณ์แปรปรวนของผู้หญิงวัยทองอย่างยัยแป้งเปียก และไหนจะอีตาโปเซียร์ที่จ้องฉันกับพี่โชนตลอดอย่างเสียมารยาทจนฉันรู้สึกอึดอัด เอ๊ะ หรือว่าฉันจะกินเยอะไปมันเลยแน่นพุง –O-
“พี่โชนคะ เดี๋ยวเชอร์เบทมานะ”
“จะไปไหนครับ”
“ไปเข้าห้องน้ำหน่อยอ่ะค่ะ”
“ปวดขี้หรือไง”
“-__-++”
ไม่มีมารยาทจริงๆ เลยยัยนี่ ใครให้มาพูดเรื่องขี้ๆ บนโต๊ะอาหารยะ
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”
กรี๊ด จะสุภาพบุรุษไปไหนคะพี่ แค่นี่ฉันก็เทใจให้ไปหมดแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ เชอร์เบทไปแป๊บเดียวเอง”
โดยไม่รอช้าฉันรีบวิ่งจู๊ดออกมาทันทีเหมือนกับว่าข้าศึกกำลังบุกตีหน้าด่านแต่ความจริงแล้วแค่ปวดฉี่เฉยๆ เท่านั้นแหละ ไม่อยากจะอั้นเอาไว้เพราะมันอาจจะทำให้กระเพราะปัสสาวะอักเสบและอาจจะเกิดนิ่วในไตได้ บลาๆๆ นี่ฉันพล่ามอะไรไร้สาระมากไปหรือเปล่านะ
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำแต่ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านเขาไป
“เธอไปรู้จักกับมันได้ยังไง”
“โปเซียร์!!”
เขาก็มาทำอะไรที่นี่เนี่ย ยังกินไม่อิ่มหรือยังไงถึงได้มาหาอะไรกินในห้องน้ำต่อ
“ตอบมาสิ ว่าไปรู้จักกับมันได้ยังไง”
“มันไหน”
“ก็ไอ้โชนนั่นไง”
หยาบคายจริงๆ กล้าเรียกพี่โชนว่า ‘มัน’ ชิ
ฉันกลอกตาไปมาพร้อมกับเบะปากออกมาด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ สายตาฉันมองไปทางด้านหลังของโปเซียร์ก็เห็นยัยซูซี่กับหลิงลี่ที่ไม่รู้วิ่งหนีหมูป่าที่ไหนมาถึงได้กระโจนพรวดพราดเข้ามาแต่ก็เกือบเบรกไม่ทันเมื่อเห็นฉันอยู่กับโปเซียร์ก็เลยหลบฉากไปอยู่มุมเสาแทนก่อนจะโผล่แต่หัวออกมาและเงี่ยหูฟังตามประสา (คนสอดรู้)
“ก็ไม่เห็นแปลกที่ฉันจะไปรู้จักกับเค้าเพราะพี่โชนออกจะดังขนาดนั้น แฟนนายยังรู้จักเลยไม่เห็นเหรอ”
“ฉันไม่สนว่าใครจะรู้จัก แต่ที่ฉันอยากรู้คือทำไมเธอถึงไปสนิทสนมอะไรกับมันมากมายขนาดนั้น”
“ในเมื่อฉันชอบพี่โชนก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดาสิ แล้วบางทีพี่โชนเค้าอาจจะชอบฉันก็ได้นะ”
นายจะได้เลิกคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันลืมนายไม่ได้สักทีไงล่ะ
“ชอบเหรอ เฮอะ!”
โปเซียร์ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเยาะๆ ทำให้ฉันตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ
“ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไง”
“นี่เธอไม่รู้เลยเหรอว่าไอ้โชนมันเป็นยังไง อย่างเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นมันเท่านั้นแหละ”
“พี่โชนจะเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ที่รู้น่ะ... พี่โชนดีกว่านายก็แล้วกัน”
ว่าแล้วก็สะบัดผมเดินผ่านไปด้วยมาดนางร้ายสุดๆ แต่ไอ้บ้าโปเซียร์กับคว้าแขนฉันไว้และดึงให้กลับมาประจันหน้ากันเหมือนเดิมทำให้ยัยซูซี่ที่หลบอยู่ไม่ไกลถึงกับกรีดร้องออกมาแต่ดีที่โปเซียร์ไม่ได้ยินและยัยนั่นก็ตะครุบปากไม่มีหูรูดของตัวเองเอาไว้ได้ทัน
ฉันมองโปเซียร์ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้
“ปล่อยนะโปเซียร์ นายไม่ควรจะทำแบบนี้”
“งั้นเธอก็บอกมาว่าจะเลิกยุ่งกับไอ้โชน”
“เอ๊ะ! แล้วมันธุระอะไรของนายไม่ทราบ ฉันจะไปทำอะไรกับใครมันก็เรื่องของฉันนะ”
“นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าไอ้โชนน่ะมันเพลย์บอยชัดๆ แล้วเธอคิดว่าจะรอดมือมันงั้นเหรอ”
เรื่องจริงเหรอเนี่ย ทำไมซูซี่ถึงไม่บอกข้อมูลนี้ให้ฉันรู้ล่ะ
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มฮอตไม่ใช่เหรอไง ทีนายขนาดคบกับฉันอยู่ก็ยังเป็นเหมือนกันนี่”
“เชอร์เบท ถ้าเธอหมายถึงเรื่องนั้นล่ะก็ที่จริงฉันแค่....”
ฉันรีบยกฝ่ามือขึ้นใส่หน้าโปเซียร์จนแทบจะเสยคางหงายเหมือนตำรวจจราจรตรงสี่แยกทำให้หมอนั่นผงะไป
“สต๊อป! ไม่ต้องเอาเรื่องเก่าๆ มารื้อฟื้นหรอกฉันไม่อยากฟัง เรื่องของฉันกับนายมันจบลงไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สิ่งที่นายควรจะทำคือเอาเวลาไปสนใจยัยแป้งเปียกหน้าวอกแฟนใหม่สุดที่รักของนายจะดีกว่า เพราะถึงยังไงฉันก็มีพี่โชนอยู่แล้วทั้งคน”
“ฉันเตือนเธอแล้วนะเชอร์เบท”
“อ้อ แล้วฉันก็ขออวยพรให้พวกนายสองคนรักกันไปนานๆ จนถึงโลกหน้านะจ๊ะ ทั้งที่ใจจริงอยากจะแช่งให้เลิกกันวันนี้เลยด้วยซ้ำ”
“-__-;;”
ฉันแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะและสะบัดแขนออกจากมือของโปเซียร์ก่อนจะยักไหล่และเดินจากไปอย่างไม่สนใจกับหน้าตาบึ้งๆ เนื่องจากหงุดหงิดสุดๆ ของหมอนั่น
เคยคบกันมาตั้งนานทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้โปเซียร์โมโหขนาดไหน เฮอะ! หงุดหงิดเข้าไปเถอะ สิ่งที่ฉันต้องการเห็นก็คือการที่นายเสียใจที่เลือกยัยแป้งเปียกนั่นแทนที่จะเป็นฉันยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะเป็นคนบอกเลิกโปเซียร์ก็เถอะ ใครจะสน หุหุ ด๊อนท์ แคร์
นางร้ายชัดๆ และแฮะฉัน =O=
ตอนนี้พวกเราเกิร์ลแก๊งมานั่งแฮงก์เอาท์กันอยู่หน้าคณะหลังจากที่เลิกเรียนกันแล้วแต่ยังไม่อยากจะออกไปไหนเพราะอากาศร้อนเอาโล่มากๆ ฉันปรายตามองยัยซูซี่ที่ดูดน้ำในแก้วเสียงดังซู้ดๆ อย่างไม่คิดจะเก็บเสียงเลยสักนิด ส่วนหลิงลี่ก็ยังคงนั่งมึนเอาหนังสืออะไรสักอย่างที่ยืมมาจากห้องสมุดมาอ่าน จะเคร่งไปไหนนะคะพี่น้อง -,.-
“เอิ๊ก~”
“ยัยซูซี่ แกช่วยเบาๆ หน่อยได้ไหมฉันอาย”
“เชอะ”
ยังจะมาชงมาเชอะใส่ฉันอีกนะ เป็นกระเทยที่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย อย่างนี้กรมแรงงาน (?) ไม่ให้ผ่านนะคะ
“เออนี่แก ฉันยังคิดไม่ตกเรื่องเมื่อวันก่อนเลยนะที่ฉันไปเดทกับพี่โชนน่ะ”
“อะไรอีก พี่โชนเค้าทำอะไรแกหรือไง”
“ถ้าเค้าทำจริงๆ ฉันจะมาบอกแกทำไมเพราะฉันสมยอมเองนี่ กรี๊ดด”
“ทำไมถึงได้กรูปรีจังเลยนะแกเนี่ย กระเทยอาย”
“ฉันเป็นกระต่ายน้อยที่น่ารัก คิกขุ แอ๊บแบ๊วต่างหากล่ะ”
“หราาา~”
ฉันเบ้ปากใส่ซูซี่อย่างไม่ใส่ใจ ฮ้า~ คิดถึงพี่โชนจังเลย
“ที่ฉันไม่เข้าใจก็คือว่าทำไมโปเซียร์จะต้องมาห้ามไม่ให้ฉันคบกับพี่โชนด้วย แถมยังว่าพี่โชนเสียๆ หายๆ อีก นี่ตกลงแกมีข้อมูลอะไรที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่าฮะซูซี่”
ซูซี่เลิกคิ้วนิ่งคิดไปนิดนึงก่อนจะส่ายหัวออกมา
“เท่าที่ฉันรู้มาเนี่ยมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอที่คนหล่อๆ อย่างพี่โชนจะมีสาวๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบซาลาเปาอยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่เห็นพี่โชนเค้าจะสนใจใครนี่นา ฉันเคยได้ยินพวกชะนีคนอื่นๆ พูดกันว่าพี่โชนเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเหมือนกันนะ”
“อุ๊ย! แล้วแบบนี้ฉันจะเสร็จพี่โชนไหมเนี่ย อ๊าย”
“ที่โวยวายเนี่ย เพราะดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่ยะ”
“ดีใจน่ะสิ โฮะๆ”
“=O=;;”
“เอ้า ทำไมล่ะ ฉันก็เป็นผู้หญิงที่อยากจะมีแฟนเป็นหนุ่มฮอตเหมือนกันนะ แต่เคสนี้รับรองว่าฉันไม่มีทางเปลืองตัวอย่างแน่นอน”
ฉันบอกออกมาอย่างมั่นใจและมองไปข้างหน้าอย่างมาดมั่น ถึงดูภายนอกจะเห็นว่าฉันดูแรงๆ และเนื้อเต้นบ่อยๆ เวลาเห็นผู้ชาย แต่ความจริงแล้วฉันก็ยังมีสำนึกในความเป็นกุลสตรีที่ต้องรักนวลสงวนตัวนะคะขอบอก
“ย่ะ แล้วฉันจะคอยดูว่าแกจะโดนพี่โชนสอยเมื่อไร”
“หยาบคาย คนนะไม่ใช่มะม่วงไม่ต้องสอยเดี๋ยวเค้าถอยลงไปหาเอง แอร๊ย >O<///”
“ระวังตัวหน่อยก็ดีนะเชอร์เบท ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย รับรองว่า...”
“หยุดเลยหลิงลี่ ฉันไม่ได้อยู่วัดนะตอนนี้”
“T^T”
“แต่ฉันว่านะ โปเซียร์คงหึงแกล่ะมั้ง”
“อะไร อย่าพูดอะไรชวนขนลุกแบบนั้นนะซูซี่ หมอนั่นจะมารู้สึกอะไรแบบนั้นได้ยังไง เราเลิกกันไปตั้งนานแล้วนะ”
ฉันหันไปมองซูซี่ที่พูดตรรกะไร้สาระออกมาอย่างไม่เชื่อ โปเซียร์เนี่ยนะจะมาหึงฉัน บ้าหรือเปล่า ถ้าหึงกันจริงๆ หมอนั่นก็ไม่ควรจะพาแฟนใหม่มาเย้ยฉันนะยะ แต่ก็อีกนั่นแหละ... ถ้าเกิดว่าโปเซียร์รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิ์เพราะก็เป็นได้แค่แฟนเก่า เฮอะ
“ถ้าไม่อย่างนั้นเค้าจะมาพูดแบบนั้นกับแกทำไมถ้าไม่ใช่เพราะหึงน่ะ คงจะอารมณ์แบบ... เคยเป็นแฟนกันมาก่อนเลยไม่อยากเห็นแกไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับผู้ชายคนอื่นไงล่ะ”
“หมาหวงก้างล่ะสิ”
“โปเซียร์ไม่ใช่หมาย่ะ”
ปกป้องกันจริงๆ เลยนะยะ ฉันโบกมืออย่างไม่ใส่ใจกันทฤษฏีบ้าบอของยัยซูซี่พลางคิดอะไรออก
“เฮ้ยแก! หรือว่าฉันจะใช้โอกาสนี้เล่นงานหมอนั่นไปเลย”
“ยังไง”
“ก็ถ้าเกิดว่าโปเซียร์เกิดมารู้สึกอะไรกับฉันตามที่แกบอกจริงๆ ฉันก็จะได้ยั่วหมอนั่นโดยการทำตัวใกล้ชิดกับพี่โชนเพื่อให้โปเซียร์กระอักเลือดจนแดดิ้นตายยังไงล่ะ เจ๋งปะ”
ยัยซูซี่และหลิงลี่หันขวับมามองฉันทันทีด้วยสายตาอึ้งๆ เอ่อ... มีอะไรติดฟันฉันงั้นเหรอ –O-
“เชอร์เบท! นี่อะไรเข้าสิงเธอเนี่ยทำไมเธอถึงได้มีความคิดร้ายกาจขนาดนี้”
“จะบ้าเหรอหลิงลี่ เลิกเอาน้ำในแก้วมาดีดใส่ฉันได้แล้วนะ นั่นมันน้ำหวานไม่ใช่น้ำมนต์!”
คิดว่าตัวเองเป็นหมอผีหรือไงเนี่ยยัยหมวย และฉันไม่ได้ถูกผีเข้าด้วย
“เธอเปลี่ยนไปนะเชอร์เบท”
“ก็เพราะว่ามียัยซูซี่คอยเสี้ยมอยู่น่ะสิ”
“อ้าวๆๆ มาโทษฉันได้ยังไงกันยะ ฉันอุตส่าห์หาทางช่วยแกนะ”
“แต่แผนนี้โอเคใช่ปะ”
“เจิดมากกก~”
“เห็นมั้ย หึๆ”
“ไอ้โอมันก็โอเคอยู่อะนะ แต่ฉันสงสัยว่านี่มันเป็นแผนจัดการโปเซียร์จริงๆ หรือว่าเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่แกจะได้หาทางใกล้ชิดกับพี่โชนกันแน่”
“=O=”
เชอะ เกลียดนักคนรู้ทัน
แต่ฉันก็ต้องยิ้มกว้างที่ซูซี่หันมาชูมือทำสัญลักษณ์โอเคให้ฉัน ซึ่งแปลได้ว่าแผนนี้ผ่านฉลุย อิอิ
“จะยังไงก็เถอะ เรื่องของโปเซียร์จะรู้สึกยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว ฉันสนแค่ยัยแป้งร่อนจอมเฟคนั่นต่างหากล่ะ”
“เกี่ยวอะไรกับยัยนั่นด้วย”
“อ๊ะ จะไม่เกี่ยวได้ยังไงล่ะยะ ถ้าเกิดว่าโปเซียร์กลับมาคิดอะไรกับแกจริงๆ แล้วล่ะก็... รับรองว่าแฟนใหม่อย่างยัยแป้งร่อนนั่นจะต้องดิ้นตายตามโปเซียร์ไปอย่างแน่นอน โฮะๆๆ และสิ่งที่ฉันรอคอยก็กำลังจะมาถึง ซึ่งก็คือความพ่ายแพ้ของยัยนั่นยังไงล่ะ อย่างนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรังเลยนะ”
นั่นสินะ ได้ทั้งโปเซียร์ ยัยแป้งร่อนและพี่โชน
ฉันกับยัยซูซี่หันมามองตากันอย่างรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าทีวีพูล หึๆ ไม่มีอะไรหอมหวานไปกว่าชัยชนะอีกแล้ว คอยดูเถอะ... ต่อจากนี้ไปฉันจะทำให้นายรู้เองว่านายไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียวโปเซียร์
“แต่ก็มิได้นำพา เฮ้อ”
บ่นอะไรอาหมวย -__-;;
และพวกเราก็นั่งเม้าท์นั่งคุยกันไปอีกนานสองนานจนลืมเวลาก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงแล้ว ความจริงก็ไม่รีบอะไรหรอกนะเพราะว่าพวกเรา (หมายถึงฉันกับซูซี่เท่านั้นน่ะนะ เพราะแม่ชีของเราเอาแต่สิงอยู่กับหนังสือในมือเท่านั้น) ก็วางแผนอันชั่วร้ายไปเรื่อยๆ ว่าจะทำยังไงถึงจะได้ใกล้ชิดพี่โชนให้มันไม่น่าเกลียดมากไปนัก แหมๆ กรุณาอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะคะ ก็บอกแล้วไงว่าฉันก็แคร์สายตาของคนอื่นเหมือนกันนะโดยเฉพาะความรู้สึกของพี่โชนที่อาจจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงที่วิ่งเข้าหาพี่เค้าอย่างเดียว
ทำอย่างนั้นดูไร้ค่าจะตาย... เชอะ (แล้วที่ทำอยู่นี่ดูดีเหลือเกินนะ -_-;;)
“เย็นแล้วนะ เรากลับกันดีกว่าไหม”
“เธอจะรีบไปไหนฮะหลิงลี่”
“ก็เปล่า เดี๋ยวอาม่าจะเป็นห่วง”
โถๆๆ อาหมวยน้อยของเรา เด็กดีจริงๆ
“งั้นเราไปหาอะไรกินก่อนกลับกันดีกว่าไหม ฉันหิวแล้วเนี่ย”
ฉันหันไปถามซูซี่ซึ่งก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“รีบไปสิ ตอนนี้ฉันหิวจนแทบจะกินผู้ชายได้ทั้งตัวแล้ว >.<”
ชัดเจนนะเพื่อนฉัน เฮ้อ...
ในขณะที่เราสามคนกำลังขยับกายาเพื่อไปตามทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ จู่ๆ เจ้าชายขี่ม้าขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าโดยไม่ต้องออกแรงเรียกหาให้เหนื่อย ฉันแอบหันไปขยิบตาให้กับยัยซูซี่อย่างรู้กัน โฮะๆ
“สวัสดีค่ะพี่โชน ^^”
“ครับ นี่จะกลับกันแล้วเหรอ”
“อ๋อค่ะ ว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วนี่พี่โชนจะไปไหนคะ”
ฉันแสร้งเอียงคอเบิกตาโตมองพี่โชนด้วยแววตาสงสัยอย่างแอ๊บๆ (ท่านี้ซูซี่สอนมา) ทำให้พี่โชนเอามือแตะที่ท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทางเก้อๆ ที่ดูน่ารักที่สุดที่เคยเห็นมา กรี๊ดดด
“พอดีพี่เพิ่งเลิกเรียนน่ะครับ แล้วก็เห็นเชอร์เบทอยู่แถวนี้ก็เลยจะชวนไปทานข้าวด้วยกันดีไหม”
“ดีค่ะ ดีๆๆ”
“=O=”
พี่โชนเค้าชวนฉันไม่ได้ชวนแกได้มั้ยล่ะยัยซูซี่
“เอ่อครับ พี่ชวนทุกคนเลย ซูซี่กับหลิงลี่ด้วยนะ ^^;;”
กลับลำได้ดีมากค่ะพี่โชน
“แต่ว่าหลิงลี่ต้องรีบ...”
“ไปสิจ๊ะหลิงลี่ ไปกันหลายคนสนุกดี”
“TOT”
ยัยซูซี่หันไปโอบไหล่หลิงลี่และพูดเสียงรอดไรฟันอย่างขู่ๆ ทำให้หลิงลี่หงอไปเลย
“แล้วเราจะไปกันที่ไหนคะพี่โชน”
คงจะเป็นร้านอาหารหรูๆ ที่มีพี่โชนเป็นเจ้ามือ หรือไม่ก็ร้านอาหารริมน้ำที่บรรยากาศดีๆ เหมาะแก่การนั่งคุยกัน หรือว่าจะเป็น...
“คอนโดฯ พี่ไงครับ”
ก็ดีเหมือนกันนะ...
“หา!!”
________________________________________________________________
แวะมาอ่านเเล้วอย่าลืมติชมกันได้นะคะทุกคน คนเขียนจะได้มีกำลังใจแต่งต่อไปค่ะ ^^
Face to face
ที่นี่เป็นร้านอาหารอิตาเลียนสุดหรูที่พวกลูกคุณหนูทั้งหลายชอบมากันที่นี่ ภายในร้านคนค่อนข้างเยอะพอสมควรแต่ถึงยังไงก็ยังคงมีที่ว่างสำหรับคู่รักแห่งปีซึ่งก็คือฉันกับพี่โชนอยู่ดี (เกี่ยว?)
พอเดินเข้ามาในเขตร้านพวกพนักงานก็แทบจะมาปูพรมแดงรอรับทันที แต่ฉันเพียงแค่หันไปยิ้มให้น้อยๆ อย่างวางมาดที่ไม่ค่อยจะมีและถือวิสาสะเดินควงแขนพี่โชนเข้าไปหาเป้าหมายอย่างอวดๆ หึ... ได้เวลาเปิดตัวอย่างสุดอลังการซะแล้ว
“อุ๊ย! พี่โชน”
ฉันกระตุกยิ้มขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะแสร้งหมุนตัวหันกลับไปตามเสียงเรียกก็เห็นยัยแป้งร่อนและโปเซียร์นั่งกันอยู่
“อ้าว แป้งเปียก เอ้ย แป้งโกะ บังเอิญจังเลยนะที่มาเจอกันที่นี่”
“-__-;;”
ดูท่าทางยัยนี่อยากจะเต้นแล้วสินะ ก็เล่นจ้องหน้าจนฉันแทบจะสลายร่างอยู่แล้ว ที่จริงแล้วมันไม่ใช่ความบังเอิญอะไรหรอกนะ แต่เพราะความตั้งใจต่างหากล่ะที่ฉันเห็นว่าสองคนนี้อยู่ก็เลยอยากจะเข้ามาหาเรื่อง เอ้ย ทักทายซะหน่อย โฮะๆๆ (หัวเราะได้น่าตบมากๆ)
“นี่เธอมากับมันสองคนหรือไง”
ฉันตวัดสายตาไปมองโปเซียร์ที่บังอาจมาเรียกพี่โชนสุดที่รักว่า ‘มัน’ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจท่าทางหงุดหงิดของหมอนั่น
“ก็อย่างที่เห็น”
“เอ่อ... เชอร์เบท พี่ว่าเราไปหาที่นั่งกันดีกว่านะ”
“ไปสิคะ เชอร์เบทหิ๊วหิว”
อ้อนพี่โชนโชว์ซะเลย อิอิ ฉันเห็นยัยแป้งเปียกนั่นกำมือแน่นแถมยังตัวสั่นด้วยนะนั่น ท่าทางยกนี้ฉันจะชนะซะแล้วสิ
“ถ้าไม่รังเกียจนั่งทานด้วยกันมั้ยคะพี่โชน ทานหลายคนสนุกดี”
รังเกียจย่ะ
นี่เธอคิดว่าเรากำลังจะเล่นไพ่หรือไงถึงบอกว่าหลายคนถึงได้สนุก เสาตกน้ำมันก็มีตั้งเยอะแยะไม่รู้จักไปสิง ทำไมจะต้องมาเบียดเบียนพี่โชนของฉันด้วยเนี่ย สงสัยจะมีปัญหากับโพรงจมูก
แต่ก็นะ... ฉันรอคำนี้อยู่นี่นา
“อุ๊ย จะดีเหรอจ๊ะ พอดีเราอยากได้ความเป็นส่วนตัวน่ะ”
“จะไปชวนมันทำไม -_-“
ชิ คิดว่าฉันอยากจะอยู่ใกล้นายหรือไงยะโปเซียร์
“ฉันชวนพี่โชนไม่ได้ชวนเธอ”
“-__-++”
วอนแล้วมั้ยล่ะยัยตัวดี
“แต่ถ้าพี่โชนไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“เอ่อ...”
โถๆๆ แม่นางเอกผู้น่าสงสาร ส่วนพี่โชนของฉันก็พ่อพระซะเหลือเกิน เห็นยัยนี่มารยาแกล้งทำหน้าเศร้าเข้าหน่อยก็ไปไม่เป็นซะแล้ว ส่วนยัยแป้งเปียกนี่ยังไงนะ ทั้งที่มากินข้าวกับแฟนแท้ๆ ยังจะกล้าชวนผู้ชายคนอื่นร่วมโต๊ะอีก แต่ฉันก็ไม่ขัดศรัทธานะคะ
“เธออุตส่าห์แสดงน้ำใจอันน้อยนิดออกมาแล้วจะปฏิเสธก็กลัวจะเสียมารยาท ถ้างั้นเรานั่งกับพวกเค้าก็ได้นะคะพี่โชน”
ยัยแป้งเปียกมองฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะกระแทกก้นงามๆ ของเธอลงบนเก้าอี้อย่างทำอะไรไม่ได้ ส่วนฉันก็ย้ายตัวเองไปนั่งตรงข้ามกับยัยนั่นแหละพี่โชนก็เข้าไปนั่งตรงข้ามกับโปเซียร์นั่นเอง หวังว่าพี่โชนคงไม่ท้องหรอกนะในเมื่อโปเซียร์เล่นจ้องพี่โชนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยซะขนาดนั้น
นิสัยเสียจริงๆ เชอะ
“วันนี้พี่โชนมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ”
“พี่โชนเค้าชวนฉันมาดูหนัง”
“เอ๊ะ นี่ฉันถามเธอเมื่อไรกัน ยุ่งจริงๆ”
“ใครสนล่ะ คนที่เธอควรจะสนใจคือแฟนสุดที่รักของเธอไม่ใช่หรือไง”
“นี่เธอ..!!”
“พี่ว่าสั่งอาหารกันก่อนดีกว่านะพนักงานรอนานแล้ว”
ฉันกับยัยแป้งเปียกสะบัดหน้าพรืดใส่กันก่อนจะคว้าเมนูอาหารขึ้นมาสั่งทันที
“โปเซียร์กินอะไรดีจ๊ะ”
แหวะ จะอ้วก
“ฉันว่าเมนูนี้น่าจะเหมาะกับเธอนะแป้งโกะ พี่คะเอายำนารีระริกระรี้”
“งั้นฉันว่าอันนี้เธอก็คงชอบกินนะเชอร์เบท พี่คะขอ ก๋วยเตี๋ยวเลือดสาด”
“-O-“ หน้าตาพนักงาน
อ้อ เล่นอย่างนี้เหรอ ได้เลย เชอร์เบทจัดให้ชุดใหญ่ค่ะ
“งั้นขอเพิ่มอีกค่ะ ผัดเผ็ดเอเลี่ยน”
“ตำยำผีกระหัง”
“รวมมิตรผีไม่มีศาล”
“ผักเผ็ดเกล็ดปลาดุก”
“เอ่อ... =O=”
“ปลาสองหน้านึ่งมะนาว”
“ยำมะเขือเผา”
“ปลาเก๋าใกล้ตาย”
“เฮือก O_O” กลายเป็นพี่โชนและโปเซียร์สะดุ้งแทนซะงั้น
“ขอโทษนะครับ ที่นี่ร้านอาหารอิตาเลียนไม่มีรายการอาหารแบบนั้นนะครับ TOT”
“เชอะ!”
แล้วฉันกับยัยแป้งเปียกก็สะบัดหน้าใส่กันอีกครั้งด้วยอารมณ์คุกรุ่น บ้าจริง นี่ทำไมฉันจะต้องกลายมาเป็นฝ่ายอารมณ์เสียแบบนี้ด้วยเนี่ย เสียลุคนางเอกแสนดีแอ๊บแบ๊วที่อยู่หน้าต่อพี่โชนหมดเลย ฮึ่ยๆๆ โมโหๆๆๆ
“เชอร์เบทชอบทานอะไรครับเดี๋ยวพี่สั่งให้นะ”
“คาลโซเน่”
“....”
เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งเมื่อโปเซียร์พูดออกมาแทนที่คำพูดนั่นจะเป็นของฉัน ยัยแป้งร่อนรีบหันขวับไปมองแฟนตัวเองตาเขียวปัด ไอ้บ้านี่ก็ไม่รู้เรื่องเอาซะเลยถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนี้
ว่าแต่... นายยังจำได้อีกเหรอว่าฉันชอบอะไร
“โปเซียร์งั้นเรามาสั่งกันมั่งดีกว่าเนอะ เอาสปาเก็ตตี้ไหม นายชอบกินหรือเปล่า”
“มั่วแล้วย่ะ โปเซียร์เค้าชอบกินลาซานญ่าต่างหาก”
“....”
“เอ่อ...”
ว่าแต่เขาแล้วทำไมฉันถึงมาเป็นเองเนี่ย อยู่ดีๆ ก็ไปโพล่งบอกเค้าไปอย่างนั้น ทำให้ทุกคนมองมาทางฉันกันหมดเลย ส่วนโปเซียร์ก็มองด้วยสายตาที่ฉันอ่านยากสุดๆ ว่าหมอนั่นคิดอะไรอยู่ ฮือๆๆ พลาดอย่างร้ายแรง แล้วดูยัยแป้งเปียกสิ นี่ถ้าเอาส้อมแทงฉันตายได้คงทำไปแล้ว
แล้วบรรยากาศในการกินข้าวก็ผ่านไปอย่างคึกคักน่ารักเวลาลงเล่น โดยมีฉันและยัยแป้งเปียกคอยแผ่รังสีใส่กันเป็นระยะๆ ไม่น่าเดินเข้ามาให้เสียอารมณ์เลยจริงๆ แทนที่จะได้ไปนั่งสวีทกันสองต่อสองกันอย่างเป็นส่วนตัวกับพี่โชน กลับต้องมานั่งเซ็งกับอารมณ์แปรปรวนของผู้หญิงวัยทองอย่างยัยแป้งเปียก และไหนจะอีตาโปเซียร์ที่จ้องฉันกับพี่โชนตลอดอย่างเสียมารยาทจนฉันรู้สึกอึดอัด เอ๊ะ หรือว่าฉันจะกินเยอะไปมันเลยแน่นพุง –O-
“พี่โชนคะ เดี๋ยวเชอร์เบทมานะ”
“จะไปไหนครับ”
“ไปเข้าห้องน้ำหน่อยอ่ะค่ะ”
“ปวดขี้หรือไง”
“-__-++”
ไม่มีมารยาทจริงๆ เลยยัยนี่ ใครให้มาพูดเรื่องขี้ๆ บนโต๊ะอาหารยะ
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”
กรี๊ด จะสุภาพบุรุษไปไหนคะพี่ แค่นี่ฉันก็เทใจให้ไปหมดแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ เชอร์เบทไปแป๊บเดียวเอง”
โดยไม่รอช้าฉันรีบวิ่งจู๊ดออกมาทันทีเหมือนกับว่าข้าศึกกำลังบุกตีหน้าด่านแต่ความจริงแล้วแค่ปวดฉี่เฉยๆ เท่านั้นแหละ ไม่อยากจะอั้นเอาไว้เพราะมันอาจจะทำให้กระเพราะปัสสาวะอักเสบและอาจจะเกิดนิ่วในไตได้ บลาๆๆ นี่ฉันพล่ามอะไรไร้สาระมากไปหรือเปล่านะ
หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำแต่ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังจะเดินผ่านเขาไป
“เธอไปรู้จักกับมันได้ยังไง”
“โปเซียร์!!”
เขาก็มาทำอะไรที่นี่เนี่ย ยังกินไม่อิ่มหรือยังไงถึงได้มาหาอะไรกินในห้องน้ำต่อ
“ตอบมาสิ ว่าไปรู้จักกับมันได้ยังไง”
“มันไหน”
“ก็ไอ้โชนนั่นไง”
หยาบคายจริงๆ กล้าเรียกพี่โชนว่า ‘มัน’ ชิ
ฉันกลอกตาไปมาพร้อมกับเบะปากออกมาด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ สายตาฉันมองไปทางด้านหลังของโปเซียร์ก็เห็นยัยซูซี่กับหลิงลี่ที่ไม่รู้วิ่งหนีหมูป่าที่ไหนมาถึงได้กระโจนพรวดพราดเข้ามาแต่ก็เกือบเบรกไม่ทันเมื่อเห็นฉันอยู่กับโปเซียร์ก็เลยหลบฉากไปอยู่มุมเสาแทนก่อนจะโผล่แต่หัวออกมาและเงี่ยหูฟังตามประสา (คนสอดรู้)
“ก็ไม่เห็นแปลกที่ฉันจะไปรู้จักกับเค้าเพราะพี่โชนออกจะดังขนาดนั้น แฟนนายยังรู้จักเลยไม่เห็นเหรอ”
“ฉันไม่สนว่าใครจะรู้จัก แต่ที่ฉันอยากรู้คือทำไมเธอถึงไปสนิทสนมอะไรกับมันมากมายขนาดนั้น”
“ในเมื่อฉันชอบพี่โชนก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดาสิ แล้วบางทีพี่โชนเค้าอาจจะชอบฉันก็ได้นะ”
นายจะได้เลิกคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันลืมนายไม่ได้สักทีไงล่ะ
“ชอบเหรอ เฮอะ!”
โปเซียร์ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างเยาะๆ ทำให้ฉันตวัดสายตาไปมองอย่างไม่พอใจ
“ทำเสียงแบบนั้นหมายความว่าไง”
“นี่เธอไม่รู้เลยเหรอว่าไอ้โชนมันเป็นยังไง อย่างเธอก็เป็นได้แค่ของเล่นมันเท่านั้นแหละ”
“พี่โชนจะเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ที่รู้น่ะ... พี่โชนดีกว่านายก็แล้วกัน”
ว่าแล้วก็สะบัดผมเดินผ่านไปด้วยมาดนางร้ายสุดๆ แต่ไอ้บ้าโปเซียร์กับคว้าแขนฉันไว้และดึงให้กลับมาประจันหน้ากันเหมือนเดิมทำให้ยัยซูซี่ที่หลบอยู่ไม่ไกลถึงกับกรีดร้องออกมาแต่ดีที่โปเซียร์ไม่ได้ยินและยัยนั่นก็ตะครุบปากไม่มีหูรูดของตัวเองเอาไว้ได้ทัน
ฉันมองโปเซียร์ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขามีสิทธิ์อะไรมาทำกับฉันแบบนี้
“ปล่อยนะโปเซียร์ นายไม่ควรจะทำแบบนี้”
“งั้นเธอก็บอกมาว่าจะเลิกยุ่งกับไอ้โชน”
“เอ๊ะ! แล้วมันธุระอะไรของนายไม่ทราบ ฉันจะไปทำอะไรกับใครมันก็เรื่องของฉันนะ”
“นี่เธอไม่รู้หรือไงว่าไอ้โชนน่ะมันเพลย์บอยชัดๆ แล้วเธอคิดว่าจะรอดมือมันงั้นเหรอ”
เรื่องจริงเหรอเนี่ย ทำไมซูซี่ถึงไม่บอกข้อมูลนี้ให้ฉันรู้ล่ะ
“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มฮอตไม่ใช่เหรอไง ทีนายขนาดคบกับฉันอยู่ก็ยังเป็นเหมือนกันนี่”
“เชอร์เบท ถ้าเธอหมายถึงเรื่องนั้นล่ะก็ที่จริงฉันแค่....”
ฉันรีบยกฝ่ามือขึ้นใส่หน้าโปเซียร์จนแทบจะเสยคางหงายเหมือนตำรวจจราจรตรงสี่แยกทำให้หมอนั่นผงะไป
“สต๊อป! ไม่ต้องเอาเรื่องเก่าๆ มารื้อฟื้นหรอกฉันไม่อยากฟัง เรื่องของฉันกับนายมันจบลงไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นเราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก สิ่งที่นายควรจะทำคือเอาเวลาไปสนใจยัยแป้งเปียกหน้าวอกแฟนใหม่สุดที่รักของนายจะดีกว่า เพราะถึงยังไงฉันก็มีพี่โชนอยู่แล้วทั้งคน”
“ฉันเตือนเธอแล้วนะเชอร์เบท”
“อ้อ แล้วฉันก็ขออวยพรให้พวกนายสองคนรักกันไปนานๆ จนถึงโลกหน้านะจ๊ะ ทั้งที่ใจจริงอยากจะแช่งให้เลิกกันวันนี้เลยด้วยซ้ำ”
“-__-;;”
ฉันแสยะยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะและสะบัดแขนออกจากมือของโปเซียร์ก่อนจะยักไหล่และเดินจากไปอย่างไม่สนใจกับหน้าตาบึ้งๆ เนื่องจากหงุดหงิดสุดๆ ของหมอนั่น
เคยคบกันมาตั้งนานทำไมฉันจะไม่รู้ว่าตอนนี้โปเซียร์โมโหขนาดไหน เฮอะ! หงุดหงิดเข้าไปเถอะ สิ่งที่ฉันต้องการเห็นก็คือการที่นายเสียใจที่เลือกยัยแป้งเปียกนั่นแทนที่จะเป็นฉันยังไงล่ะ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะเป็นคนบอกเลิกโปเซียร์ก็เถอะ ใครจะสน หุหุ ด๊อนท์ แคร์
นางร้ายชัดๆ และแฮะฉัน =O=
ตอนนี้พวกเราเกิร์ลแก๊งมานั่งแฮงก์เอาท์กันอยู่หน้าคณะหลังจากที่เลิกเรียนกันแล้วแต่ยังไม่อยากจะออกไปไหนเพราะอากาศร้อนเอาโล่มากๆ ฉันปรายตามองยัยซูซี่ที่ดูดน้ำในแก้วเสียงดังซู้ดๆ อย่างไม่คิดจะเก็บเสียงเลยสักนิด ส่วนหลิงลี่ก็ยังคงนั่งมึนเอาหนังสืออะไรสักอย่างที่ยืมมาจากห้องสมุดมาอ่าน จะเคร่งไปไหนนะคะพี่น้อง -,.-
“เอิ๊ก~”
“ยัยซูซี่ แกช่วยเบาๆ หน่อยได้ไหมฉันอาย”
“เชอะ”
ยังจะมาชงมาเชอะใส่ฉันอีกนะ เป็นกระเทยที่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย อย่างนี้กรมแรงงาน (?) ไม่ให้ผ่านนะคะ
“เออนี่แก ฉันยังคิดไม่ตกเรื่องเมื่อวันก่อนเลยนะที่ฉันไปเดทกับพี่โชนน่ะ”
“อะไรอีก พี่โชนเค้าทำอะไรแกหรือไง”
“ถ้าเค้าทำจริงๆ ฉันจะมาบอกแกทำไมเพราะฉันสมยอมเองนี่ กรี๊ดด”
“ทำไมถึงได้กรูปรีจังเลยนะแกเนี่ย กระเทยอาย”
“ฉันเป็นกระต่ายน้อยที่น่ารัก คิกขุ แอ๊บแบ๊วต่างหากล่ะ”
“หราาา~”
ฉันเบ้ปากใส่ซูซี่อย่างไม่ใส่ใจ ฮ้า~ คิดถึงพี่โชนจังเลย
“ที่ฉันไม่เข้าใจก็คือว่าทำไมโปเซียร์จะต้องมาห้ามไม่ให้ฉันคบกับพี่โชนด้วย แถมยังว่าพี่โชนเสียๆ หายๆ อีก นี่ตกลงแกมีข้อมูลอะไรที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่าฮะซูซี่”
ซูซี่เลิกคิ้วนิ่งคิดไปนิดนึงก่อนจะส่ายหัวออกมา
“เท่าที่ฉันรู้มาเนี่ยมันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอที่คนหล่อๆ อย่างพี่โชนจะมีสาวๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบซาลาเปาอยู่บ้าง แต่ฉันก็ไม่เห็นพี่โชนเค้าจะสนใจใครนี่นา ฉันเคยได้ยินพวกชะนีคนอื่นๆ พูดกันว่าพี่โชนเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยเหมือนกันนะ”
“อุ๊ย! แล้วแบบนี้ฉันจะเสร็จพี่โชนไหมเนี่ย อ๊าย”
“ที่โวยวายเนี่ย เพราะดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่ยะ”
“ดีใจน่ะสิ โฮะๆ”
“=O=;;”
“เอ้า ทำไมล่ะ ฉันก็เป็นผู้หญิงที่อยากจะมีแฟนเป็นหนุ่มฮอตเหมือนกันนะ แต่เคสนี้รับรองว่าฉันไม่มีทางเปลืองตัวอย่างแน่นอน”
ฉันบอกออกมาอย่างมั่นใจและมองไปข้างหน้าอย่างมาดมั่น ถึงดูภายนอกจะเห็นว่าฉันดูแรงๆ และเนื้อเต้นบ่อยๆ เวลาเห็นผู้ชาย แต่ความจริงแล้วฉันก็ยังมีสำนึกในความเป็นกุลสตรีที่ต้องรักนวลสงวนตัวนะคะขอบอก
“ย่ะ แล้วฉันจะคอยดูว่าแกจะโดนพี่โชนสอยเมื่อไร”
“หยาบคาย คนนะไม่ใช่มะม่วงไม่ต้องสอยเดี๋ยวเค้าถอยลงไปหาเอง แอร๊ย >O<///”
“ระวังตัวหน่อยก็ดีนะเชอร์เบท ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย รับรองว่า...”
“หยุดเลยหลิงลี่ ฉันไม่ได้อยู่วัดนะตอนนี้”
“T^T”
“แต่ฉันว่านะ โปเซียร์คงหึงแกล่ะมั้ง”
“อะไร อย่าพูดอะไรชวนขนลุกแบบนั้นนะซูซี่ หมอนั่นจะมารู้สึกอะไรแบบนั้นได้ยังไง เราเลิกกันไปตั้งนานแล้วนะ”
ฉันหันไปมองซูซี่ที่พูดตรรกะไร้สาระออกมาอย่างไม่เชื่อ โปเซียร์เนี่ยนะจะมาหึงฉัน บ้าหรือเปล่า ถ้าหึงกันจริงๆ หมอนั่นก็ไม่ควรจะพาแฟนใหม่มาเย้ยฉันนะยะ แต่ก็อีกนั่นแหละ... ถ้าเกิดว่าโปเซียร์รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่มีสิทธิ์เพราะก็เป็นได้แค่แฟนเก่า เฮอะ
“ถ้าไม่อย่างนั้นเค้าจะมาพูดแบบนั้นกับแกทำไมถ้าไม่ใช่เพราะหึงน่ะ คงจะอารมณ์แบบ... เคยเป็นแฟนกันมาก่อนเลยไม่อยากเห็นแกไปจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับผู้ชายคนอื่นไงล่ะ”
“หมาหวงก้างล่ะสิ”
“โปเซียร์ไม่ใช่หมาย่ะ”
ปกป้องกันจริงๆ เลยนะยะ ฉันโบกมืออย่างไม่ใส่ใจกันทฤษฏีบ้าบอของยัยซูซี่พลางคิดอะไรออก
“เฮ้ยแก! หรือว่าฉันจะใช้โอกาสนี้เล่นงานหมอนั่นไปเลย”
“ยังไง”
“ก็ถ้าเกิดว่าโปเซียร์เกิดมารู้สึกอะไรกับฉันตามที่แกบอกจริงๆ ฉันก็จะได้ยั่วหมอนั่นโดยการทำตัวใกล้ชิดกับพี่โชนเพื่อให้โปเซียร์กระอักเลือดจนแดดิ้นตายยังไงล่ะ เจ๋งปะ”
ยัยซูซี่และหลิงลี่หันขวับมามองฉันทันทีด้วยสายตาอึ้งๆ เอ่อ... มีอะไรติดฟันฉันงั้นเหรอ –O-
“เชอร์เบท! นี่อะไรเข้าสิงเธอเนี่ยทำไมเธอถึงได้มีความคิดร้ายกาจขนาดนี้”
“จะบ้าเหรอหลิงลี่ เลิกเอาน้ำในแก้วมาดีดใส่ฉันได้แล้วนะ นั่นมันน้ำหวานไม่ใช่น้ำมนต์!”
คิดว่าตัวเองเป็นหมอผีหรือไงเนี่ยยัยหมวย และฉันไม่ได้ถูกผีเข้าด้วย
“เธอเปลี่ยนไปนะเชอร์เบท”
“ก็เพราะว่ามียัยซูซี่คอยเสี้ยมอยู่น่ะสิ”
“อ้าวๆๆ มาโทษฉันได้ยังไงกันยะ ฉันอุตส่าห์หาทางช่วยแกนะ”
“แต่แผนนี้โอเคใช่ปะ”
“เจิดมากกก~”
“เห็นมั้ย หึๆ”
“ไอ้โอมันก็โอเคอยู่อะนะ แต่ฉันสงสัยว่านี่มันเป็นแผนจัดการโปเซียร์จริงๆ หรือว่าเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อที่แกจะได้หาทางใกล้ชิดกับพี่โชนกันแน่”
“=O=”
เชอะ เกลียดนักคนรู้ทัน
แต่ฉันก็ต้องยิ้มกว้างที่ซูซี่หันมาชูมือทำสัญลักษณ์โอเคให้ฉัน ซึ่งแปลได้ว่าแผนนี้ผ่านฉลุย อิอิ
“จะยังไงก็เถอะ เรื่องของโปเซียร์จะรู้สึกยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้ว ฉันสนแค่ยัยแป้งร่อนจอมเฟคนั่นต่างหากล่ะ”
“เกี่ยวอะไรกับยัยนั่นด้วย”
“อ๊ะ จะไม่เกี่ยวได้ยังไงล่ะยะ ถ้าเกิดว่าโปเซียร์กลับมาคิดอะไรกับแกจริงๆ แล้วล่ะก็... รับรองว่าแฟนใหม่อย่างยัยแป้งร่อนนั่นจะต้องดิ้นตายตามโปเซียร์ไปอย่างแน่นอน โฮะๆๆ และสิ่งที่ฉันรอคอยก็กำลังจะมาถึง ซึ่งก็คือความพ่ายแพ้ของยัยนั่นยังไงล่ะ อย่างนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกทั้งรังเลยนะ”
นั่นสินะ ได้ทั้งโปเซียร์ ยัยแป้งร่อนและพี่โชน
ฉันกับยัยซูซี่หันมามองตากันอย่างรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าทีวีพูล หึๆ ไม่มีอะไรหอมหวานไปกว่าชัยชนะอีกแล้ว คอยดูเถอะ... ต่อจากนี้ไปฉันจะทำให้นายรู้เองว่านายไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันเลยแม้แต่นิดเดียวโปเซียร์
“แต่ก็มิได้นำพา เฮ้อ”
บ่นอะไรอาหมวย -__-;;
และพวกเราก็นั่งเม้าท์นั่งคุยกันไปอีกนานสองนานจนลืมเวลาก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงแล้ว ความจริงก็ไม่รีบอะไรหรอกนะเพราะว่าพวกเรา (หมายถึงฉันกับซูซี่เท่านั้นน่ะนะ เพราะแม่ชีของเราเอาแต่สิงอยู่กับหนังสือในมือเท่านั้น) ก็วางแผนอันชั่วร้ายไปเรื่อยๆ ว่าจะทำยังไงถึงจะได้ใกล้ชิดพี่โชนให้มันไม่น่าเกลียดมากไปนัก แหมๆ กรุณาอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะคะ ก็บอกแล้วไงว่าฉันก็แคร์สายตาของคนอื่นเหมือนกันนะโดยเฉพาะความรู้สึกของพี่โชนที่อาจจะมองว่าฉันเป็นผู้หญิงที่วิ่งเข้าหาพี่เค้าอย่างเดียว
ทำอย่างนั้นดูไร้ค่าจะตาย... เชอะ (แล้วที่ทำอยู่นี่ดูดีเหลือเกินนะ -_-;;)
“เย็นแล้วนะ เรากลับกันดีกว่าไหม”
“เธอจะรีบไปไหนฮะหลิงลี่”
“ก็เปล่า เดี๋ยวอาม่าจะเป็นห่วง”
โถๆๆ อาหมวยน้อยของเรา เด็กดีจริงๆ
“งั้นเราไปหาอะไรกินก่อนกลับกันดีกว่าไหม ฉันหิวแล้วเนี่ย”
ฉันหันไปถามซูซี่ซึ่งก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างง่ายดาย
“รีบไปสิ ตอนนี้ฉันหิวจนแทบจะกินผู้ชายได้ทั้งตัวแล้ว >.<”
ชัดเจนนะเพื่อนฉัน เฮ้อ...
ในขณะที่เราสามคนกำลังขยับกายาเพื่อไปตามทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ จู่ๆ เจ้าชายขี่ม้าขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าโดยไม่ต้องออกแรงเรียกหาให้เหนื่อย ฉันแอบหันไปขยิบตาให้กับยัยซูซี่อย่างรู้กัน โฮะๆ
“สวัสดีค่ะพี่โชน ^^”
“ครับ นี่จะกลับกันแล้วเหรอ”
“อ๋อค่ะ ว่าจะไปหาอะไรกินกันก่อน แล้วนี่พี่โชนจะไปไหนคะ”
ฉันแสร้งเอียงคอเบิกตาโตมองพี่โชนด้วยแววตาสงสัยอย่างแอ๊บๆ (ท่านี้ซูซี่สอนมา) ทำให้พี่โชนเอามือแตะที่ท้ายทอยตัวเองด้วยท่าทางเก้อๆ ที่ดูน่ารักที่สุดที่เคยเห็นมา กรี๊ดดด
“พอดีพี่เพิ่งเลิกเรียนน่ะครับ แล้วก็เห็นเชอร์เบทอยู่แถวนี้ก็เลยจะชวนไปทานข้าวด้วยกันดีไหม”
“ดีค่ะ ดีๆๆ”
“=O=”
พี่โชนเค้าชวนฉันไม่ได้ชวนแกได้มั้ยล่ะยัยซูซี่
“เอ่อครับ พี่ชวนทุกคนเลย ซูซี่กับหลิงลี่ด้วยนะ ^^;;”
กลับลำได้ดีมากค่ะพี่โชน
“แต่ว่าหลิงลี่ต้องรีบ...”
“ไปสิจ๊ะหลิงลี่ ไปกันหลายคนสนุกดี”
“TOT”
ยัยซูซี่หันไปโอบไหล่หลิงลี่และพูดเสียงรอดไรฟันอย่างขู่ๆ ทำให้หลิงลี่หงอไปเลย
“แล้วเราจะไปกันที่ไหนคะพี่โชน”
คงจะเป็นร้านอาหารหรูๆ ที่มีพี่โชนเป็นเจ้ามือ หรือไม่ก็ร้านอาหารริมน้ำที่บรรยากาศดีๆ เหมาะแก่การนั่งคุยกัน หรือว่าจะเป็น...
“คอนโดฯ พี่ไงครับ”
ก็ดีเหมือนกันนะ...
“หา!!”
________________________________________________________________
แวะมาอ่านเเล้วอย่าลืมติชมกันได้นะคะทุกคน คนเขียนจะได้มีกำลังใจแต่งต่อไปค่ะ ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ