หัวใจใส่ถุง
6.2
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 18.12 น.
11 ตอน
9 วิจารณ์
20.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 10.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ผู้คุมเกม(หัวใจ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เดี๋ยวก่อนสิพัส นี่มันเรื่องอะไรกัน บอกเราหน่อยสิพัส นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่เนี่ย”
ระหว่างทางวิทยาพยายามคาดคั้นเอาความจริงกับเพื่อนสาวคนสนิทมาตลอดทางด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะหลุดออกมาจากปากของหล่อนเลยแม้แต่น้อย
แต่ในที่สุด หล่อนก็บอกให้เขาหยุดรถและยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
“หา แต่ง…แต่งงานเหรอ นี่พัส…พัสจะ…จะแต่งงานกับนายเศรษฐีเพลย์บอยนั่นเนี่ยนะ”
วิทยาโวยวายขึ้นเป็นการใหญ่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของพัสรียาจบลง
“พัสยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะวิทย์ ก็แค่พ่อกับแม่ของหมอนั่นอยากให้พัสช่วยดัดนิสัยลูกชายพวกท่านก็แค่นั้นเอง”
“แต่ด้วยการให้พัสแต่งงานกับเจ้าหมอนั่นเนี่ยนะ อย่างนี้มันคล้ายๆ กับการจับลูกชายตัวเองคลุมถุงชนชัดๆ วิทย์ไม่เห็นด้วยเลยสักนิด แล้วมันกงการอะไรล่ะที่จะให้ต้องให้พัสไปเกี่ยวข้องกับคนอย่างหมอนั่นด้วย”
“คุณหญิงกับคุณท่านเป็นเพื่อนรักของพ่อกับแม่ของเรามาตั้งแต่สมัยเรียนน่ะวิทย์ ก็เพราะแบบนี้แหละ พัสถึงลำบากใจที่จะปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือพวกท่านไม่ได้”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราว่ามันไม่ยุติธรรมกับพัสเลย ให้ตายสิ ว่าแต่ว่าพัสจะทำยังไงต่อไปล่ะ อย่าบอกนะว่าจะยอมตกลงแต่งงานกับนายเพลบอยนั่นจริงๆ น่ะ”
สีหน้าของคนถามมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูกกับคำตอบที่จะได้รับ แต่เขาก็ยังแอบหวังในใจว่าคำตอบของหล่อนคงจะไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคิดไว้หรอกน่า
พัสรียาเงยหน้ามองเพื่อนชายคนสนิทสมัยเรียนคนเดียวของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ หล่อนส่ายหน้าช้าๆ และพูดว่า
“ตอนนี้เราก็ยังคิดอะไรไม่ออกเหมือนกันล่ะวิทย์”
ชายหนุ่มแอบโล่งใจในคำตอบที่ได้รับ แต่เขาก็อดที่จะห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาวตรงหน้านี้อยู่ไม่น้อย จะทำอย่างไรดีนะที่เขาจะช่วยเธอให้พ้นจากความลำบากในการตัดสินใจครั้งนี้ไปให้ได้
จู่ๆ เขาต้องหลุดออกจาภวังค์แห่งความคิดทั้งหลายทั้งปวงในทันที เมื่อหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างกระทันหัน จนเขาเองก็แทบตั้งตัวไม่ทัน
“วิทย์…นายช่วยไปส่งเราที่บ้านเกียรติการุณย์ตอนนี้ที เราต้องกลับแล้วล่ะ”
วิทยาแม้จะงุนงงกับการตัดสินใจอย่างกระทันหันของหล่อน แต่ก็ยอมขับรถไปส่งหล่อนแต่โดยดี
“ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เข้าใจยากแบบนี้สิ เราถึงได้ชอบเธอ…พัสรียา”
--------------------------------------------
ภายในห้องโถงใหญ่ ดูเหมือนว่าทุกคนจะนั่งรอคอยการกลับมาของเธออยู่นานแล้ว พัสรียาค่อยๆ เดินก้าวเข้ามาท่ามกลางทุกสายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณพัชราแม่ของเธอ เอ่ยปากถามทำลายความเงียบขึ้นเป็นคนแรก
“ไปไหนมาล่ะยัยพัส นี่ลูกรู้มั้ย หายออกไปไม่บอกพ่อกับแม่ซักคำ พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกมากเลยรู้มั้ย”
“อ้อ พัสขอโทษค่ะคุณพ่อคุณแม่ พอดีวิทย์เพื่อนสมัยเรียนของพัสเค้ามาหาน่ะค่ะ พัสเลยถือโอกาสชวนเขาออกไปคุยกันข้างนอก”
“เอ่อ! หนูพัสจ๊ะ เข้ามานั่งนี่ก่อนสิจ๊ะ คือวันนี้ที่พวกเราทุกคนมารอพบหนูอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกกับหนูน่ะจ้ะ”
คุณหญิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปออกมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ
“คือ…เอ่อ…คือ เจ้าก้องเกียรติ ลูกชายของฉัน บอกกับฉันว่า ต่อจากนี้ไปเขาจะเลิกกิน เลิกเที่ยว เลิกทำตัวไร้สาระไปวันๆ เขาจะหันมาตั้งใจทำงานและดูแลกิจการของตระกูลเกียรติการุณย์ แต่…แต่มีข้อแม้ว่า”
“ข้อแม้อะไรเหรอคะคุณหญิง”
พัสรียาเอ่ยปากถามออกไป ทั้งๆ ที่พอจะคาดเดาคำตอบได้ไม่ยากนัก ในขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มีสีหน้าและแววตานึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจอย่างปิดไม่มิดกับสิ่งที่เขาหมายมาดเอาไว้ว่ามันจะต้องสำเร็จในไม่ช้านี้เป็นแน่
“คือ…คือ หนูพัสจะต้องแต่งงานกับเจ้าก้องเกียรติและเข้ามาอยู่ในบ้านเกียรติการุณย์ในฐานะสะใภ้ของตระกูลเกียรติการุณย์น่ะจ้ะ”
“อะไรนะคะคุณหญิง…”
ถึงแม้จะพอรู้อยู่แล้วว่ามันน่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ความจริงที่ได้รู้จากปากของหญิงสูงวัย มารดาของชายหนุ่มเพลย์บอยคนนี้ มันก็ทำเอาหญิงสาวตกใจไม่น้อย
พัสรียาหันไปจ้องหน้าทายาทคนเดียวของตระกูลเกียรติการุณย์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ขณะที่ชายหนุ่มกลับส่งยิ้มกวนๆมาให้หล่อน เหมือนกับจะประกาศตัวกลายๆ ว่า คนที่ถือลำไพ่เหนือกว่าอยู่ตอนนี้ ก็คือเขาล่ะ…
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
ระหว่างทางวิทยาพยายามคาดคั้นเอาความจริงกับเพื่อนสาวคนสนิทมาตลอดทางด้วยความกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะหลุดออกมาจากปากของหล่อนเลยแม้แต่น้อย
แต่ในที่สุด หล่อนก็บอกให้เขาหยุดรถและยอมเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้
“หา แต่ง…แต่งงานเหรอ นี่พัส…พัสจะ…จะแต่งงานกับนายเศรษฐีเพลย์บอยนั่นเนี่ยนะ”
วิทยาโวยวายขึ้นเป็นการใหญ่เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของพัสรียาจบลง
“พัสยังไม่ได้พูดแบบนั้นเลยนะวิทย์ ก็แค่พ่อกับแม่ของหมอนั่นอยากให้พัสช่วยดัดนิสัยลูกชายพวกท่านก็แค่นั้นเอง”
“แต่ด้วยการให้พัสแต่งงานกับเจ้าหมอนั่นเนี่ยนะ อย่างนี้มันคล้ายๆ กับการจับลูกชายตัวเองคลุมถุงชนชัดๆ วิทย์ไม่เห็นด้วยเลยสักนิด แล้วมันกงการอะไรล่ะที่จะให้ต้องให้พัสไปเกี่ยวข้องกับคนอย่างหมอนั่นด้วย”
“คุณหญิงกับคุณท่านเป็นเพื่อนรักของพ่อกับแม่ของเรามาตั้งแต่สมัยเรียนน่ะวิทย์ ก็เพราะแบบนี้แหละ พัสถึงลำบากใจที่จะปฏิเสธไม่ยอมช่วยเหลือพวกท่านไม่ได้”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราว่ามันไม่ยุติธรรมกับพัสเลย ให้ตายสิ ว่าแต่ว่าพัสจะทำยังไงต่อไปล่ะ อย่าบอกนะว่าจะยอมตกลงแต่งงานกับนายเพลบอยนั่นจริงๆ น่ะ”
สีหน้าของคนถามมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูกกับคำตอบที่จะได้รับ แต่เขาก็ยังแอบหวังในใจว่าคำตอบของหล่อนคงจะไม่เลวร้ายอย่างที่เขาคิดไว้หรอกน่า
พัสรียาเงยหน้ามองเพื่อนชายคนสนิทสมัยเรียนคนเดียวของเธอ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ หล่อนส่ายหน้าช้าๆ และพูดว่า
“ตอนนี้เราก็ยังคิดอะไรไม่ออกเหมือนกันล่ะวิทย์”
ชายหนุ่มแอบโล่งใจในคำตอบที่ได้รับ แต่เขาก็อดที่จะห่วงใยความรู้สึกของหญิงสาวตรงหน้านี้อยู่ไม่น้อย จะทำอย่างไรดีนะที่เขาจะช่วยเธอให้พ้นจากความลำบากในการตัดสินใจครั้งนี้ไปให้ได้
จู่ๆ เขาต้องหลุดออกจาภวังค์แห่งความคิดทั้งหลายทั้งปวงในทันที เมื่อหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างกระทันหัน จนเขาเองก็แทบตั้งตัวไม่ทัน
“วิทย์…นายช่วยไปส่งเราที่บ้านเกียรติการุณย์ตอนนี้ที เราต้องกลับแล้วล่ะ”
วิทยาแม้จะงุนงงกับการตัดสินใจอย่างกระทันหันของหล่อน แต่ก็ยอมขับรถไปส่งหล่อนแต่โดยดี
“ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เข้าใจยากแบบนี้สิ เราถึงได้ชอบเธอ…พัสรียา”
--------------------------------------------
ภายในห้องโถงใหญ่ ดูเหมือนว่าทุกคนจะนั่งรอคอยการกลับมาของเธออยู่นานแล้ว พัสรียาค่อยๆ เดินก้าวเข้ามาท่ามกลางทุกสายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณพัชราแม่ของเธอ เอ่ยปากถามทำลายความเงียบขึ้นเป็นคนแรก
“ไปไหนมาล่ะยัยพัส นี่ลูกรู้มั้ย หายออกไปไม่บอกพ่อกับแม่ซักคำ พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกมากเลยรู้มั้ย”
“อ้อ พัสขอโทษค่ะคุณพ่อคุณแม่ พอดีวิทย์เพื่อนสมัยเรียนของพัสเค้ามาหาน่ะค่ะ พัสเลยถือโอกาสชวนเขาออกไปคุยกันข้างนอก”
“เอ่อ! หนูพัสจ๊ะ เข้ามานั่งนี่ก่อนสิจ๊ะ คือวันนี้ที่พวกเราทุกคนมารอพบหนูอยู่ที่นี่เพราะเรามีเรื่องสำคัญที่อยากจะบอกกับหนูน่ะจ้ะ”
คุณหญิงกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปออกมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ
“คือ…เอ่อ…คือ เจ้าก้องเกียรติ ลูกชายของฉัน บอกกับฉันว่า ต่อจากนี้ไปเขาจะเลิกกิน เลิกเที่ยว เลิกทำตัวไร้สาระไปวันๆ เขาจะหันมาตั้งใจทำงานและดูแลกิจการของตระกูลเกียรติการุณย์ แต่…แต่มีข้อแม้ว่า”
“ข้อแม้อะไรเหรอคะคุณหญิง”
พัสรียาเอ่ยปากถามออกไป ทั้งๆ ที่พอจะคาดเดาคำตอบได้ไม่ยากนัก ในขณะที่ชายหนุ่มที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม มีสีหน้าและแววตานึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจอย่างปิดไม่มิดกับสิ่งที่เขาหมายมาดเอาไว้ว่ามันจะต้องสำเร็จในไม่ช้านี้เป็นแน่
“คือ…คือ หนูพัสจะต้องแต่งงานกับเจ้าก้องเกียรติและเข้ามาอยู่ในบ้านเกียรติการุณย์ในฐานะสะใภ้ของตระกูลเกียรติการุณย์น่ะจ้ะ”
“อะไรนะคะคุณหญิง…”
ถึงแม้จะพอรู้อยู่แล้วว่ามันน่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ความจริงที่ได้รู้จากปากของหญิงสูงวัย มารดาของชายหนุ่มเพลย์บอยคนนี้ มันก็ทำเอาหญิงสาวตกใจไม่น้อย
พัสรียาหันไปจ้องหน้าทายาทคนเดียวของตระกูลเกียรติการุณย์ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ ขณะที่ชายหนุ่มกลับส่งยิ้มกวนๆมาให้หล่อน เหมือนกับจะประกาศตัวกลายๆ ว่า คนที่ถือลำไพ่เหนือกว่าอยู่ตอนนี้ ก็คือเขาล่ะ…
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ