หัวใจใส่ถุง
6.2
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 18.12 น.
11 ตอน
9 วิจารณ์
20.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 10.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ศึกชิงนาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ คุณ เอ่อ…คุณ”
เสียงถามไถ่ดังมาจากใครคนหนึ่ง พัสรียาเงยหน้าขึ้นมามองช้าๆ ชายหนุ่มนิรนามคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่ไม่ห่างจากหล่อนมากนัก เขาส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้เธอโดยไม่มีปิดบัง
“อ้อ ขอโทษทีนะครับคุณผู้หญิงที่ผมเสียมารยาทกับคุณ คุณอาจจะตกใจและแปลกใจกับการมาของผม ผม ‘ธนรัฐ’ เรียกผมว่า รัฐ ก็ได้ครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมอยากจะขอนั่งเป็นเพื่อนคุณจะได้มั้ยครับ”
พัสรียา มองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่นิ่งสักครู่ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“หากคุณไม่ได้ประสงค์อย่างอื่น นอกจากเพียงแค่อยากนั่งเป็นเพื่อนดิฉัน ดิฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรังเกียจคุณหรอกค่ะ”
“อืม หน้าตา กิริยา ท่าทาง คำพูดคำจาของคุณดูเข้าท่ากว่าผู้หญิงทุกคนของไอ้ก้องที่ผมเคยรู้จัก คุณอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไอ้ก้องจะต้องเสียใจ ถ้ามันจะเห็นคุณเป็นแค่คู่ควงเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมาของมัน”
“ฟังจากที่คุณพูดมา ดิฉันเดาว่าคุณคงจะรู้จักคุณก้องเกียรติดีมิใช่น้อย ถูกต้องมั้ยคะ”
ธนรัฐยักคิ้วให้หล่อนทีนึง ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ของหญิงสาว ก่อนพูดขึ้นว่า
“คุณเข้าใจถูกต้องแล้วล่ะครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทของนายก้องเกียรตินั่นแหละครับ อ้อ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ได้โปรดอย่าเพิ่งเหมารวมว่าผมกับไอ้เจ้าก้องจะต้องเหมือนกันไปหมดซะทุกอย่างเชียวนะครับ ถ้าหากคุณมองผมแบบนั้น ผมคงจะต้องเสียใจมากแน่ๆ เชียว”
พัสรียายิ้มนิดๆ บนใบหน้า ก่อนพูดว่า
“อ้อ ดิฉันคงไม่บังอาจคิดอย่างนั้นได้หรอกนะคะ เพราะเท่าที่ดิฉันรู้จักคุณในวันนี้ ดิฉันว่าคำพูดของคุณดูจะมีเลศนัยเคลือบแฝงมากกว่าคุณก้องหลายเท่าตัวนักเชียวค่ะ”
ธนรัฐหัวเราะเบาๆ เขารู้สึกถูกใจหญิงสาวตรงหน้าคนนี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หล่อนเป็นผู้หญิงที่แปลกกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยรู้จักมา หล่อนสามารถใช้วาจาเป็นอาวุธเพื่อประหัตประหารหรือปลอบประโลมฝ่ายตรงข้ามได้ชะงัดนักแล เขาแอบนึกในใจ
“ผู้หญิงแบบนี้สิ ถึงจะดูเป็นคู่แข่งบนสนามประลองที่สมน้ำสมเนื้อกับแบดบอยอย่างแก ไอ้ก้อง แต่ตอนนี้ชั้นชักอยากเปลี่ยนใจไปเข้าข้างเธอเสียแล้วสิ”
พัสรียาชำเลืองมองหน้าชายหนุ่มสักพักด้วยความแปลกใจที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็มองหน้าหล่อนและหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่ทราบว่าคุณขำอะไรนักหนาคะ คุณธนรัฐ หน้าดิฉันเหมือนตัวตลกในหนังที่คุณชอบดูหรือยังไงคะ”
“อ้อ เปล่าๆ ครับ ผมแค่รู้สึกว่า วันนี้ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้คุยกับคุณ เอ่อ แล้วคุณจะบอกผมได้หรือยังครับว่าคุณชื่ออะไร และทำไมพ่อแม่ของเจ้าก้องถึงยอมให้คุณเข้ามาอยู่ในบ้านมันได้ล่ะครับ”
“เธอชื่อ ‘พัสรียา’ ที่พ่อกับแม่ชั้นยอมให้เธอเข้ามาที่นี่ได้ก็เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของชั้น แล้วเธอก็กำลังจะเข้ามาเป็นสะใภ้ของเกียรติการุณย์เร็วๆ นี้ด้วย ได้ยินชัดมั้ยวะ ไอ้รัฐ”
ธนรัฐยักไหล่ไม่ใส่ใจอาการขึงขังจริงจังในคำตอบเน้นย้ำของเพื่อนเกลอเท่าใดนัก อาการเช่นนั้นสร้างความหงุดหงิดไม่พอใจให้ก้องเกียรติได้ไม่น้อยเลย เขาเพียงแค่ตอบทีเล่นทีจริงตามแบบฉบับของเขาไปว่า
“เฮ้ย! ใจเย็นๆ สิเพื่อน ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วยวะ ปกติแกไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า วันนี้แกต้องกินยาผิดสำแดงแน่ๆเลยว่ะไอ้ก้อง”
“นี่ไอ้รัฐ แกไม่ต้องชวนฉันออกนอกเรื่องเลยนะ แล้วแกมาหาฉันที่นี่มีอะไรก็ว่ามา วันนี้ที่บ้านฉันยุ่งๆ ฉันคงจะออกไปดื่มกับแกไม่ได้ว่ะ”
“เฮ้ย! อะไรกันเนี่ยก้อง วันนี้แกมาแปลกว่ะ ปกติฉันมาชวนแกทีไร แกไม่เคยปฏิเสธฉันซักครั้ง แถมยังเป็นคนนัดแนะฉันก่อนอีกแน่ะ อย่างนี้มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเพลย์บอยเจ้าสำราญอย่างแกแน่ๆ”
“แกจะบ้าใหญ่แล้ว ไอ้รัฐ อย่ามาหาเรื่องกันหน่อยเลย วันนี้ชั้นแค่ไม่มีอารมณ์ดริ๊งค์แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรอย่างที่แกคิดหรอก”
“อ้าว เฮ้ย! รีบปฏิเสธเชียวนะแก อย่างนี้มันกินปูนร้อนท้องนี่หว่า ไอ้ผู้ร้ายปากแข็งเอ๊ย ฉันว่าที่แกเป็นอย่างนี้ เพราะว่า…”
พูดจบธนรัฐก็บุ้ยปากไปทางหญิงสาวหนึ่งเดียวที่นั่งเงียบๆอยู่ในวงสนทนาโดยไม่ปริปากอะไรมาได้สักพักแล้ว แต่ในที่สุดหญิงสาวก็ขยับตัวลุกจากเก้าอี้ และเอ่ยขึ้นว่า
“ขอโทษนะคะ ดิฉันคิดว่าดิฉันเห็นจะต้องขอตัวก่อน ดูเหมือนว่าพวกคุณคงมีเรื่องที่ต้องพูดกันอีกยาว และดิฉันก็ไม่มีความจำเป็นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องอยู่ร่วมในวงสนทนานี้”
พูดจบพัสรียาก็ขยับเตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป แต่ทว่าโดยมิได้นัดหมาย ทั้งก้องเกียรติและธนรัฐกลับฉวยข้อมือนุ่มเรียวเล็กของหญิงสาวเอาไว้คนละข้างอย่างกะทันหัน และแทบจะร้องห้ามพร้อมกันว่า
“เดี๋ยวก่อน/เดี๋ยวครับคุณพัส”
หญิงสาวชะงักไปนิดนึง ก่อนจะสะบัดข้อมือออกจากมือของชายหนุ่มทั้งสอง ดูเหมือนว่าบรรยากาศในสวนด้านนอก ณ ตอนนี้ดูไม่แตกต่างจากภายในบ้านเท่าไหร่
การปรึกษาหารือของผู้ใหญ่ทั้งสี่ภายในห้องโถงใหญ่ กำลังตึงเครียดไม่น้อยเลยทีเดียว ทุกคนกำลังนั่งครุ่นคิดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกันอย่างคร่ำเคร่ง โดยไม่มีโอกาสจะรู้เลยว่าภายในสวนด้านนอกตัวบ้านหวิดจะเกิดศึกชิงนางขึ้นเสียแล้ว
พัสรียามองหน้าชายหนุ่มทั้งสองสลับไปมาอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สีหน้าของหล่อนเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย
“เอ่อ! ขอโทษครับคุณพัส ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ธนรัฐตัดสินใจโพล่งขึ้นทำลายความเงียบเป็นคนแรก และตามด้วยชายหนุ่มฉายาเพลย์บอยเจ้าสำราญอีกคน ซึ่งเป็นการพูดกันคนละประเด็นอย่างสิ้นเชิง
“นี่พัสรียา เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเดินหนีไปดื้อๆ ทั้งๆที่คู่หมั้นของเธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ เธอนี่มันจริงๆเลย ให้ตายสิ”
“ขอโทษนะคะ คุณคงลืมไปแล้วว่า คุณไม่ปรารถนาที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับดิฉันตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว และดิฉันก็มีสิทธิ์ของความเป็นคนเต็มที่ที่จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากใคร เพราะดิฉันไม่ใช่ทาสของใครทั้งนั้น”
เสียงปรบมือและอาการหัวเราะชอบใจจากชายหนุ่มนามธนรัฐดังขึ้นทันที หลังจากพัสรียาพูดจบลง
“เยี่ยมจริงๆ ครับคุณพัส ผมเห็นด้วยกับคุณเป็นอย่างยิ่ง คุณเป็นผู้หญิงที่ห้าวหาญจริงๆ นานๆ ผมจะได้เจอผู้หญิงแบบคุณสักทีหนึ่ง ผู้หญิงที่ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจเงินของเจ้าแบดบอยก้องเกียรตินี่หายากนะครับ ผมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรีและทระนงตนพอสมควร แต่ถึงอย่างไร ผมก็ชอบนะครับแบบนี้”
คำพูดทีเล่นทีจริงของธนรัฐทำเอาก้องเกียรติรู้สึกชาวูบไปทั้งตัวทีเดียว โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่แฝงนัยสำคัญทิ้งท้ายเอาไว้
“...ผมก็ชอบนะครับแบบนี้”
พัสรียารู้สึกอยากปลีกตัวออกไปจากวงสนทนาอันยืดเยื้อนี้เต็มทนแล้ว ไม่มีอะไรดีมากไปกว่าการยุติการสนทนานี้ให้จบลงโดยเร็วที่สุด แต่หล่อนจะทำอย่างไรดีหนอ?
จู่ๆ เหมือนเสียงฟ้าเสียงสวรรค์ที่มาช่วยหล่อนไว้ได้ทันเวลาพอดี เมื่อเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังคนทั้งสาม
“พัสๆๆ นี่เราเองนะ วิทย์ วิทยาไง แหมมากรุงเทพฯไม่เห็นบอกเราสักคำเลย นี่ถ้าเราไม่โทรหาคุณน้าแพท เราก็คงจะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ แต่เอ! ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอคงยังไม่สะดวกที่จะคุยกับเราเท่าไหร่ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะรอ…”
วิทยาพูดยังไม่ทันจะจบประโยคดี เพื่อนสาวคนสนิทที่เขาแอบประทับใจเธออยู่เงียบๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนก็ปรี่เข้ามาฉุดแขนเขาและลากออกไปนอกบ้านอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เขาเองยังตั้งตัวไม่ติดเสียด้วยซ้ำ ภายในสวนหลังบ้านเหลือเพียงสองหนุ่มที่ต่างก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจนับตั้งแต่รู้จักกับเธอ “พัสรียา”...
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
เสียงถามไถ่ดังมาจากใครคนหนึ่ง พัสรียาเงยหน้าขึ้นมามองช้าๆ ชายหนุ่มนิรนามคนหนึ่งยืนกอดอกอยู่ไม่ห่างจากหล่อนมากนัก เขาส่งรอยยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้เธอโดยไม่มีปิดบัง
“อ้อ ขอโทษทีนะครับคุณผู้หญิงที่ผมเสียมารยาทกับคุณ คุณอาจจะตกใจและแปลกใจกับการมาของผม ผม ‘ธนรัฐ’ เรียกผมว่า รัฐ ก็ได้ครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมอยากจะขอนั่งเป็นเพื่อนคุณจะได้มั้ยครับ”
พัสรียา มองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่นิ่งสักครู่ ก่อนเอ่ยขึ้นว่า
“หากคุณไม่ได้ประสงค์อย่างอื่น นอกจากเพียงแค่อยากนั่งเป็นเพื่อนดิฉัน ดิฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรังเกียจคุณหรอกค่ะ”
“อืม หน้าตา กิริยา ท่าทาง คำพูดคำจาของคุณดูเข้าท่ากว่าผู้หญิงทุกคนของไอ้ก้องที่ผมเคยรู้จัก คุณอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ไอ้ก้องจะต้องเสียใจ ถ้ามันจะเห็นคุณเป็นแค่คู่ควงเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมาของมัน”
“ฟังจากที่คุณพูดมา ดิฉันเดาว่าคุณคงจะรู้จักคุณก้องเกียรติดีมิใช่น้อย ถูกต้องมั้ยคะ”
ธนรัฐยักคิ้วให้หล่อนทีนึง ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ ของหญิงสาว ก่อนพูดขึ้นว่า
“คุณเข้าใจถูกต้องแล้วล่ะครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทของนายก้องเกียรตินั่นแหละครับ อ้อ แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ได้โปรดอย่าเพิ่งเหมารวมว่าผมกับไอ้เจ้าก้องจะต้องเหมือนกันไปหมดซะทุกอย่างเชียวนะครับ ถ้าหากคุณมองผมแบบนั้น ผมคงจะต้องเสียใจมากแน่ๆ เชียว”
พัสรียายิ้มนิดๆ บนใบหน้า ก่อนพูดว่า
“อ้อ ดิฉันคงไม่บังอาจคิดอย่างนั้นได้หรอกนะคะ เพราะเท่าที่ดิฉันรู้จักคุณในวันนี้ ดิฉันว่าคำพูดของคุณดูจะมีเลศนัยเคลือบแฝงมากกว่าคุณก้องหลายเท่าตัวนักเชียวค่ะ”
ธนรัฐหัวเราะเบาๆ เขารู้สึกถูกใจหญิงสาวตรงหน้าคนนี้อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน หล่อนเป็นผู้หญิงที่แปลกกว่าผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยรู้จักมา หล่อนสามารถใช้วาจาเป็นอาวุธเพื่อประหัตประหารหรือปลอบประโลมฝ่ายตรงข้ามได้ชะงัดนักแล เขาแอบนึกในใจ
“ผู้หญิงแบบนี้สิ ถึงจะดูเป็นคู่แข่งบนสนามประลองที่สมน้ำสมเนื้อกับแบดบอยอย่างแก ไอ้ก้อง แต่ตอนนี้ชั้นชักอยากเปลี่ยนใจไปเข้าข้างเธอเสียแล้วสิ”
พัสรียาชำเลืองมองหน้าชายหนุ่มสักพักด้วยความแปลกใจที่จู่ๆ ชายหนุ่มก็มองหน้าหล่อนและหัวเราะออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไม่ทราบว่าคุณขำอะไรนักหนาคะ คุณธนรัฐ หน้าดิฉันเหมือนตัวตลกในหนังที่คุณชอบดูหรือยังไงคะ”
“อ้อ เปล่าๆ ครับ ผมแค่รู้สึกว่า วันนี้ผมรู้สึกดีจริงๆ ที่ได้คุยกับคุณ เอ่อ แล้วคุณจะบอกผมได้หรือยังครับว่าคุณชื่ออะไร และทำไมพ่อแม่ของเจ้าก้องถึงยอมให้คุณเข้ามาอยู่ในบ้านมันได้ล่ะครับ”
“เธอชื่อ ‘พัสรียา’ ที่พ่อกับแม่ชั้นยอมให้เธอเข้ามาที่นี่ได้ก็เพราะเธอเป็นคู่หมั้นของชั้น แล้วเธอก็กำลังจะเข้ามาเป็นสะใภ้ของเกียรติการุณย์เร็วๆ นี้ด้วย ได้ยินชัดมั้ยวะ ไอ้รัฐ”
ธนรัฐยักไหล่ไม่ใส่ใจอาการขึงขังจริงจังในคำตอบเน้นย้ำของเพื่อนเกลอเท่าใดนัก อาการเช่นนั้นสร้างความหงุดหงิดไม่พอใจให้ก้องเกียรติได้ไม่น้อยเลย เขาเพียงแค่ตอบทีเล่นทีจริงตามแบบฉบับของเขาไปว่า
“เฮ้ย! ใจเย็นๆ สิเพื่อน ทำไมต้องโมโหขนาดนั้นด้วยวะ ปกติแกไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่หว่า วันนี้แกต้องกินยาผิดสำแดงแน่ๆเลยว่ะไอ้ก้อง”
“นี่ไอ้รัฐ แกไม่ต้องชวนฉันออกนอกเรื่องเลยนะ แล้วแกมาหาฉันที่นี่มีอะไรก็ว่ามา วันนี้ที่บ้านฉันยุ่งๆ ฉันคงจะออกไปดื่มกับแกไม่ได้ว่ะ”
“เฮ้ย! อะไรกันเนี่ยก้อง วันนี้แกมาแปลกว่ะ ปกติฉันมาชวนแกทีไร แกไม่เคยปฏิเสธฉันซักครั้ง แถมยังเป็นคนนัดแนะฉันก่อนอีกแน่ะ อย่างนี้มันต้องมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเพลย์บอยเจ้าสำราญอย่างแกแน่ๆ”
“แกจะบ้าใหญ่แล้ว ไอ้รัฐ อย่ามาหาเรื่องกันหน่อยเลย วันนี้ชั้นแค่ไม่มีอารมณ์ดริ๊งค์แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรอย่างที่แกคิดหรอก”
“อ้าว เฮ้ย! รีบปฏิเสธเชียวนะแก อย่างนี้มันกินปูนร้อนท้องนี่หว่า ไอ้ผู้ร้ายปากแข็งเอ๊ย ฉันว่าที่แกเป็นอย่างนี้ เพราะว่า…”
พูดจบธนรัฐก็บุ้ยปากไปทางหญิงสาวหนึ่งเดียวที่นั่งเงียบๆอยู่ในวงสนทนาโดยไม่ปริปากอะไรมาได้สักพักแล้ว แต่ในที่สุดหญิงสาวก็ขยับตัวลุกจากเก้าอี้ และเอ่ยขึ้นว่า
“ขอโทษนะคะ ดิฉันคิดว่าดิฉันเห็นจะต้องขอตัวก่อน ดูเหมือนว่าพวกคุณคงมีเรื่องที่ต้องพูดกันอีกยาว และดิฉันก็ไม่มีความจำเป็นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะต้องอยู่ร่วมในวงสนทนานี้”
พูดจบพัสรียาก็ขยับเตรียมจะหมุนตัวเดินออกไป แต่ทว่าโดยมิได้นัดหมาย ทั้งก้องเกียรติและธนรัฐกลับฉวยข้อมือนุ่มเรียวเล็กของหญิงสาวเอาไว้คนละข้างอย่างกะทันหัน และแทบจะร้องห้ามพร้อมกันว่า
“เดี๋ยวก่อน/เดี๋ยวครับคุณพัส”
หญิงสาวชะงักไปนิดนึง ก่อนจะสะบัดข้อมือออกจากมือของชายหนุ่มทั้งสอง ดูเหมือนว่าบรรยากาศในสวนด้านนอก ณ ตอนนี้ดูไม่แตกต่างจากภายในบ้านเท่าไหร่
การปรึกษาหารือของผู้ใหญ่ทั้งสี่ภายในห้องโถงใหญ่ กำลังตึงเครียดไม่น้อยเลยทีเดียว ทุกคนกำลังนั่งครุ่นคิดแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกันอย่างคร่ำเคร่ง โดยไม่มีโอกาสจะรู้เลยว่าภายในสวนด้านนอกตัวบ้านหวิดจะเกิดศึกชิงนางขึ้นเสียแล้ว
พัสรียามองหน้าชายหนุ่มทั้งสองสลับไปมาอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา สีหน้าของหล่อนเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย
“เอ่อ! ขอโทษครับคุณพัส ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ธนรัฐตัดสินใจโพล่งขึ้นทำลายความเงียบเป็นคนแรก และตามด้วยชายหนุ่มฉายาเพลย์บอยเจ้าสำราญอีกคน ซึ่งเป็นการพูดกันคนละประเด็นอย่างสิ้นเชิง
“นี่พัสรียา เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเดินหนีไปดื้อๆ ทั้งๆที่คู่หมั้นของเธอก็ยืนอยู่ตรงนี้ เธอนี่มันจริงๆเลย ให้ตายสิ”
“ขอโทษนะคะ คุณคงลืมไปแล้วว่า คุณไม่ปรารถนาที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับดิฉันตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว และดิฉันก็มีสิทธิ์ของความเป็นคนเต็มที่ที่จะทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องได้รับการอนุญาตจากใคร เพราะดิฉันไม่ใช่ทาสของใครทั้งนั้น”
เสียงปรบมือและอาการหัวเราะชอบใจจากชายหนุ่มนามธนรัฐดังขึ้นทันที หลังจากพัสรียาพูดจบลง
“เยี่ยมจริงๆ ครับคุณพัส ผมเห็นด้วยกับคุณเป็นอย่างยิ่ง คุณเป็นผู้หญิงที่ห้าวหาญจริงๆ นานๆ ผมจะได้เจอผู้หญิงแบบคุณสักทีหนึ่ง ผู้หญิงที่ไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจเงินของเจ้าแบดบอยก้องเกียรตินี่หายากนะครับ ผมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรีและทระนงตนพอสมควร แต่ถึงอย่างไร ผมก็ชอบนะครับแบบนี้”
คำพูดทีเล่นทีจริงของธนรัฐทำเอาก้องเกียรติรู้สึกชาวูบไปทั้งตัวทีเดียว โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่แฝงนัยสำคัญทิ้งท้ายเอาไว้
“...ผมก็ชอบนะครับแบบนี้”
พัสรียารู้สึกอยากปลีกตัวออกไปจากวงสนทนาอันยืดเยื้อนี้เต็มทนแล้ว ไม่มีอะไรดีมากไปกว่าการยุติการสนทนานี้ให้จบลงโดยเร็วที่สุด แต่หล่อนจะทำอย่างไรดีหนอ?
จู่ๆ เหมือนเสียงฟ้าเสียงสวรรค์ที่มาช่วยหล่อนไว้ได้ทันเวลาพอดี เมื่อเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังคนทั้งสาม
“พัสๆๆ นี่เราเองนะ วิทย์ วิทยาไง แหมมากรุงเทพฯไม่เห็นบอกเราสักคำเลย นี่ถ้าเราไม่โทรหาคุณน้าแพท เราก็คงจะไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ แต่เอ! ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอคงยังไม่สะดวกที่จะคุยกับเราเท่าไหร่ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะรอ…”
วิทยาพูดยังไม่ทันจะจบประโยคดี เพื่อนสาวคนสนิทที่เขาแอบประทับใจเธออยู่เงียบๆ มาตั้งแต่สมัยเรียนก็ปรี่เข้ามาฉุดแขนเขาและลากออกไปนอกบ้านอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เขาเองยังตั้งตัวไม่ติดเสียด้วยซ้ำ ภายในสวนหลังบ้านเหลือเพียงสองหนุ่มที่ต่างก็มีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจนับตั้งแต่รู้จักกับเธอ “พัสรียา”...
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ