หัวใจใส่ถุง
6.2
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 18.12 น.
11 ตอน
9 วิจารณ์
20.50K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 10.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ รถสปอร์ตคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาจอดภายในบ้านอย่างเงียบเชียบ ก้องเกียรติก้าวออกมาจากตัวรถ เหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ลึกๆ แล้วเขาเองก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ด้วยทิฐิอันแรงกล้าของเขา เขาจึงตัดสินใจก้าวเข้ามายืนอยู่ข้างหน้าตึกใหญ่ได้โดยไม่ลังเล
ชายหนุ่มรีรออยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าประตูห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นห้องรับแขกของตัวบ้าน แต่บรรยากาศภายในกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ภายในห้องมีบุคคลนั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน 5 คน
แน่นอนว่าสองในห้าคือคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ พ่อกับแม่ของเขาเอง แต่อีกสามคนนี่สิ เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าคร่าตามาก่อนเสียด้วยซ้ำ ทุกคนกำลังคุยกันอย่างถูกคอ
ยกเว้นเพียง “หล่อน” คนเดียวเท่านั้น หญิงสาวท่าทางสงบเสงี่ยมที่นั่งเงียบๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดูราวกับว่าเธอไม่มีอารมณ์ร่วมกับวงสนทนาเอาเสียเลย
สักพักใหญ่ๆ หล่อนก็ขอแยกตัวออกมา โดยไม่รู้สักนิดเลยว่า “ลูกชายเจ้าของบ้าน” ได้กลับเข้ามาและเขาแอบลอบสังเกตการณ์ทุกคนในบ้านอยู่นานแล้ว
พัสรียาขอตัวออกมาด้วยว่าผู้ใหญ่ทุกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติเพื่อหาหนทางที่จะดัดนิสัยจอมเกเรของลูกชายแห่งบ้านเกียรติการุณย์ได้แล้ว ทั้งๆที่ความเดือดร้อนใจทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่ “หล่อน” เพียงคนเดียวแท้ๆ
หญิงสาวเดินออกมาจากตัวบ้านเรื่อยๆ เธอเดินมาตามทางเดินในสวน ที่มีแสงไฟจากโคมไฟประดับรอบๆสวนอันสวยงาม ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆกับลานน้ำพุกลางสวนแห่งนี้และปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามสายน้ำเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย
“นี่เธอ เป็นใคร เข้ามาในบ้านและในสวนส่วนตัวของฉันได้ยังไง”
หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจที่ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเธอ หญิงสาวหันหน้ากลับไปมอง แสงจากโคมประดับเผยให้เห็น รูปหน้าชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเธอคนหนึ่ง สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ ใบหน้าของเขาบ่งบอกความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ! ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่านี่เป็นสวนส่วนตัวของคุณ ดิฉันจะกลับออกไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
ดูจากท่าทางและการแสดงออกของเขาแล้ว หล่อนเดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาคือใคร หลังจากพูดจบหญิงสาวก็เตรียมที่จะสาวเท้าก้าวออกไปจากสวนแห่งนั้นโดยไม่รอช้า แต่ทว่าชายหนุ่มกลับจงใจก้าวมายืนขวางทางเธอเอาไว้ ก่อนพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวก่อน เธอคิดว่าเธอเข้ามาในที่ส่วนตัวของฉัน แล้วจะออกไปได้ง่ายๆงั้นรึ”
พูดจบ เขาก็ยิ้มเยาะ เป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยและดูเหมือนจะน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในเวลานี้สำหรับพัสรียายิ่งนัก
“คุณ…ต้องการอะไร”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังกลัวฉันอยู่นะ”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ มีเหตุผลอะไรที่ดิฉันต้องกลัวคุณ ในเมื่อดิฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณเดือดเนื้อร้อนใจ หรือถ้าหากมีดิฉันก็ได้ขอโทษไปแล้ว และคิดว่าคุณคงจะไม่ถือสาเอาความอะไรกับดิฉัน เพราะดิฉันคิดว่าคุณคงจะมีมนุษยธรรมมากพอ”
“เธอกล้ามากนะ ตกลงว่าเธอเป็นใครกันแน่ นานๆทีฉันจะได้รู้จักคนที่กล้าต่อปากต่อคำกับฉันโดยไม่กลัวเกรงเจ้าของบ้านอย่างฉันสักทีหนึ่ง”
“ดิฉันเป็นแต่เพียงแขกของคุณท่านกับคุณหญิงเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนพื้นที่ส่วนตัวของคุณอีกครั้ง อย่างนั้นดิฉันขอตัวค่ะ”
พูดจบพัสรียาก็สาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าขืนช้ากว่านั้นชายหนุ่มอาจจะบันดาลโทสะทำร้ายเธอเอาได้ ก้องเกียรติมองตามหลังหญิงสาว หล่อนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้
พัสรียาเดินเข้ามานั่งแหมะอยู่ที่โซฟาตัวเดิม เธอไม่ได้ปริปากเล่าเรื่องที่ไปประสบพบเจอมากับใคร ด้วยวิสัยที่เธอไม่เห็นความจำเป็นอันใดที่จะเอะอะโวยวายทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
เพียงครู่เดียวก้องเกียรติก็เข้ามาปรากฏกายต่อหน้าทุกคนในห้องโถง เขาไล่มองไปทีละคนทุกคนดูเหมือนจะชะงักงันไปกะทันหัน
ยกเว้น “หล่อน” เท่านั้น หล่อนไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆ ต่อการมาของเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นแหละจึงเป็นสาเหตุให้สายตาของเขาลอบดูพฤติกรรมของเธออย่างสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“อ้าวก้อง กลับมาแล้วเหรอลูก มาๆ มานี่เร็ว แม่จะแนะนำให้รู้จักแขกพิเศษที่จะมาพักที่บ้านเรา พวกเค้าเป็นเพื่อนรักสมัยเรียนของพ่อกับแม่เองจ้ะ”
ดูเหมือนคุณหญิงกัลยาณีจะคิดแก้ไขสถานการณ์ที่ดูเหมือนเริ่มจะตึงเครียดให้ผ่อนคลายลงได้เป็นคนแรก เธอเดินไปจูงแขนบุตรชายเพียงคนเดียวเข้ามานั่งที่โซฟา แม้ว่าเขาจะทำท่าทีปฏิเสธก็ตาม
“นี่คุณพิชัยเพื่อนรักของคุณพ่อจ๊ะ ส่วนนี่ก็คุณพัชราเป็นเพื่อนรักของแม่เองจ้ะ”
ก้องเกียรติยกมือไหว้บุคคลที่เป็นแขกพิเศษของครอบครัวในค่ำคืนนี้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะลอบชำเลืองไปที่หญิงสาวอีกคนที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆคุณพัชรา
“แล้วนี่ก็…พัสรียา เธอเป็นคู่หมั้นของลูก และว่าที่ลูกสะไภ้ของแม่ในอนาคตจ้ะ”
“อะไรนะครับแม่ นี่มันเรื่องจริงเหรอครับ เธอ…เป็นคู่หมั้นของผม ไม่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่เชื่อหรอก”
เมื่อพูดจบคุณหญิงกัลยาณีหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้อย่างนึกกังวลใจยิ่งนัก ถ้าเธอไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี
เธอรู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่ต้องใช้วิธีนี้กับหล่อนและบุตรชายของเธอเอง แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่เห็นแก่ตัวไปหน่อยก็ตามที
“เอ่อ! ขอโทษนะคะ ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”
หญิงสาวโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนที่เธอจะรีบผลุนผลันออกไปทันที
“ผมก็ขอตัวนะครับพ่อ แม่ แล้วเรื่องนี้เราจะมาว่ากันอีกที มันยังไม่จบง่ายๆหรอกครับ ผมไม่ยอมแน่”
ก้องเกียรติเดินตามพัสรียาออกมาจนทัน เขาพูดขึ้นข้างหลังเธอว่า
“เห็นหน้าตาหงิมๆใสๆซื่อๆแบบนี้ ไม่คิดว่าจะคิดรวยทางลัด ด้วยการจับผู้ชายรวยๆ ไอ้ที่เห็นว่าใสซื่อ บริสุทธิ์ ที่แท้ก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง”
หญิงสาวหยุดเดินและหันกลับมาเผชิญหน้า ก้องเกียรติเตรียมจะเอามืออุดหูอยู่แล้วเชียวด้วยคิดว่าเธอต้องโต้กลับชุดใหญ่จากคำพูดเสียดสีของเขา แต่เขากลับผิดคาด เมื่อหญิงสาวเพียงแต่ยิ้มน้อยๆและเอ่ยเรียบๆว่า
“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่อาจรับเอาคำพูดของคุณเมื่อสักครู่นี้มาใส่ใจได้ เพราะดิฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดทำสิ่งที่คุณพูดเลยแม้สักอย่างเดียว”
“อ้อ เธอกำลังจะบอกฉันล่ะสิว่าที่เธอแอบอ้างเป็นคู่หมั้นของฉัน เพราะเธอประสงค์อย่างอื่นที่มันร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกใช่มั๊ย”
“ดิฉันคิดว่า ถึงจะพูดอะไรออกไปตอนนี้ ดิฉันก็ไม่วายตกเป็นผู้ต้องสงสัยของคุณอยู่ดี เพราะฉะนั้นดิฉันจะไม่ขอแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ดิฉันบอกได้แต่เพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าคุณจะเปิดใจให้กว้างกว่านี้อีกสักนิด คุณก็จะเข้าใจในความหวังดีและห่วงใยของคุณพ่อคุณแม่ของคุณที่มีต่อลูกชายเพียงคนเดียวของท่านอย่างสุดซึ้ง”
“นี่เธอ พูดอะไรของเธอพัสรียา อย่าทำเป็นบังอาจมาสั่งสอนคนอย่างฉันเชียวนะ”
“ขอโทษนะคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ดิฉันต้องขอตัวไปนอนแล้วล่ะค่ะคุณก้องเกียรติ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
ชายหนุ่มมองตามหลังหญิงสาวด้วยความฉงนใจ นี่เธอยังใจเย็นอยู่ได้อย่างไรกัน อีกทั้งใบหน้าอันเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดจาเสียดสีก้าวร้าว ประชดประชันของเขา ทั้งๆที่หากเป็นคนอื่นอาจจะกระโดดกัดคอเขาไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่กับหญิงสาวนาม “พัสรียา” คนนี้เธอแปลก แปลกมากจริงๆ แปลกจนเขาบรรยายไม่ถูก แต่ก็นั่นแหละมันทำให้เขารู้สึกสนุกและท้าทายกับการทำสงครามประสาทกับเธออย่างช่วยไม่ได้เสียแล้วสิ...
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
ชายหนุ่มรีรออยู่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าประตูห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นห้องรับแขกของตัวบ้าน แต่บรรยากาศภายในกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ภายในห้องมีบุคคลนั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน 5 คน
แน่นอนว่าสองในห้าคือคนที่เขารู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ พ่อกับแม่ของเขาเอง แต่อีกสามคนนี่สิ เขาไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าคร่าตามาก่อนเสียด้วยซ้ำ ทุกคนกำลังคุยกันอย่างถูกคอ
ยกเว้นเพียง “หล่อน” คนเดียวเท่านั้น หญิงสาวท่าทางสงบเสงี่ยมที่นั่งเงียบๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดูราวกับว่าเธอไม่มีอารมณ์ร่วมกับวงสนทนาเอาเสียเลย
สักพักใหญ่ๆ หล่อนก็ขอแยกตัวออกมา โดยไม่รู้สักนิดเลยว่า “ลูกชายเจ้าของบ้าน” ได้กลับเข้ามาและเขาแอบลอบสังเกตการณ์ทุกคนในบ้านอยู่นานแล้ว
พัสรียาขอตัวออกมาด้วยว่าผู้ใหญ่ทุกคนคุยกันอย่างออกรสออกชาติเพื่อหาหนทางที่จะดัดนิสัยจอมเกเรของลูกชายแห่งบ้านเกียรติการุณย์ได้แล้ว ทั้งๆที่ความเดือดร้อนใจทั้งหมดกลับตกมาอยู่ที่ “หล่อน” เพียงคนเดียวแท้ๆ
หญิงสาวเดินออกมาจากตัวบ้านเรื่อยๆ เธอเดินมาตามทางเดินในสวน ที่มีแสงไฟจากโคมไฟประดับรอบๆสวนอันสวยงาม ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆกับลานน้ำพุกลางสวนแห่งนี้และปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามสายน้ำเบื้องหน้าอย่างเลื่อนลอย
“นี่เธอ เป็นใคร เข้ามาในบ้านและในสวนส่วนตัวของฉันได้ยังไง”
หญิงสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ ด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจที่ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของเธอ หญิงสาวหันหน้ากลับไปมอง แสงจากโคมประดับเผยให้เห็น รูปหน้าชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเธอคนหนึ่ง สวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ ใบหน้าของเขาบ่งบอกความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ! ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่านี่เป็นสวนส่วนตัวของคุณ ดิฉันจะกลับออกไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
ดูจากท่าทางและการแสดงออกของเขาแล้ว หล่อนเดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาคือใคร หลังจากพูดจบหญิงสาวก็เตรียมที่จะสาวเท้าก้าวออกไปจากสวนแห่งนั้นโดยไม่รอช้า แต่ทว่าชายหนุ่มกลับจงใจก้าวมายืนขวางทางเธอเอาไว้ ก่อนพูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวก่อน เธอคิดว่าเธอเข้ามาในที่ส่วนตัวของฉัน แล้วจะออกไปได้ง่ายๆงั้นรึ”
พูดจบ เขาก็ยิ้มเยาะ เป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยและดูเหมือนจะน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดในเวลานี้สำหรับพัสรียายิ่งนัก
“คุณ…ต้องการอะไร”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอกำลังกลัวฉันอยู่นะ”
“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ มีเหตุผลอะไรที่ดิฉันต้องกลัวคุณ ในเมื่อดิฉันไม่ได้ทำอะไรให้คุณเดือดเนื้อร้อนใจ หรือถ้าหากมีดิฉันก็ได้ขอโทษไปแล้ว และคิดว่าคุณคงจะไม่ถือสาเอาความอะไรกับดิฉัน เพราะดิฉันคิดว่าคุณคงจะมีมนุษยธรรมมากพอ”
“เธอกล้ามากนะ ตกลงว่าเธอเป็นใครกันแน่ นานๆทีฉันจะได้รู้จักคนที่กล้าต่อปากต่อคำกับฉันโดยไม่กลัวเกรงเจ้าของบ้านอย่างฉันสักทีหนึ่ง”
“ดิฉันเป็นแต่เพียงแขกของคุณท่านกับคุณหญิงเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ดิฉันต้องขอโทษด้วยที่มารบกวนพื้นที่ส่วนตัวของคุณอีกครั้ง อย่างนั้นดิฉันขอตัวค่ะ”
พูดจบพัสรียาก็สาวเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าขืนช้ากว่านั้นชายหนุ่มอาจจะบันดาลโทสะทำร้ายเธอเอาได้ ก้องเกียรติมองตามหลังหญิงสาว หล่อนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้
พัสรียาเดินเข้ามานั่งแหมะอยู่ที่โซฟาตัวเดิม เธอไม่ได้ปริปากเล่าเรื่องที่ไปประสบพบเจอมากับใคร ด้วยวิสัยที่เธอไม่เห็นความจำเป็นอันใดที่จะเอะอะโวยวายทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
เพียงครู่เดียวก้องเกียรติก็เข้ามาปรากฏกายต่อหน้าทุกคนในห้องโถง เขาไล่มองไปทีละคนทุกคนดูเหมือนจะชะงักงันไปกะทันหัน
ยกเว้น “หล่อน” เท่านั้น หล่อนไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆ ต่อการมาของเขาเลยแม้แต่น้อย นั่นแหละจึงเป็นสาเหตุให้สายตาของเขาลอบดูพฤติกรรมของเธออย่างสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“อ้าวก้อง กลับมาแล้วเหรอลูก มาๆ มานี่เร็ว แม่จะแนะนำให้รู้จักแขกพิเศษที่จะมาพักที่บ้านเรา พวกเค้าเป็นเพื่อนรักสมัยเรียนของพ่อกับแม่เองจ้ะ”
ดูเหมือนคุณหญิงกัลยาณีจะคิดแก้ไขสถานการณ์ที่ดูเหมือนเริ่มจะตึงเครียดให้ผ่อนคลายลงได้เป็นคนแรก เธอเดินไปจูงแขนบุตรชายเพียงคนเดียวเข้ามานั่งที่โซฟา แม้ว่าเขาจะทำท่าทีปฏิเสธก็ตาม
“นี่คุณพิชัยเพื่อนรักของคุณพ่อจ๊ะ ส่วนนี่ก็คุณพัชราเป็นเพื่อนรักของแม่เองจ้ะ”
ก้องเกียรติยกมือไหว้บุคคลที่เป็นแขกพิเศษของครอบครัวในค่ำคืนนี้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะลอบชำเลืองไปที่หญิงสาวอีกคนที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆคุณพัชรา
“แล้วนี่ก็…พัสรียา เธอเป็นคู่หมั้นของลูก และว่าที่ลูกสะไภ้ของแม่ในอนาคตจ้ะ”
“อะไรนะครับแม่ นี่มันเรื่องจริงเหรอครับ เธอ…เป็นคู่หมั้นของผม ไม่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมไม่เชื่อหรอก”
เมื่อพูดจบคุณหญิงกัลยาณีหันไปมองหน้าหญิงสาวผู้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้อย่างนึกกังวลใจยิ่งนัก ถ้าเธอไม่ทำเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าเธอจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี
เธอรู้สึกผิดต่อหญิงสาวที่ต้องใช้วิธีนี้กับหล่อนและบุตรชายของเธอเอง แม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่เห็นแก่ตัวไปหน่อยก็ตามที
“เอ่อ! ขอโทษนะคะ ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”
หญิงสาวโพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนที่เธอจะรีบผลุนผลันออกไปทันที
“ผมก็ขอตัวนะครับพ่อ แม่ แล้วเรื่องนี้เราจะมาว่ากันอีกที มันยังไม่จบง่ายๆหรอกครับ ผมไม่ยอมแน่”
ก้องเกียรติเดินตามพัสรียาออกมาจนทัน เขาพูดขึ้นข้างหลังเธอว่า
“เห็นหน้าตาหงิมๆใสๆซื่อๆแบบนี้ ไม่คิดว่าจะคิดรวยทางลัด ด้วยการจับผู้ชายรวยๆ ไอ้ที่เห็นว่าใสซื่อ บริสุทธิ์ ที่แท้ก็แค่เปลือกนอกเท่านั้นเอง”
หญิงสาวหยุดเดินและหันกลับมาเผชิญหน้า ก้องเกียรติเตรียมจะเอามืออุดหูอยู่แล้วเชียวด้วยคิดว่าเธอต้องโต้กลับชุดใหญ่จากคำพูดเสียดสีของเขา แต่เขากลับผิดคาด เมื่อหญิงสาวเพียงแต่ยิ้มน้อยๆและเอ่ยเรียบๆว่า
“ขอโทษนะคะ ดิฉันไม่อาจรับเอาคำพูดของคุณเมื่อสักครู่นี้มาใส่ใจได้ เพราะดิฉันไม่เคยแม้แต่จะคิดทำสิ่งที่คุณพูดเลยแม้สักอย่างเดียว”
“อ้อ เธอกำลังจะบอกฉันล่ะสิว่าที่เธอแอบอ้างเป็นคู่หมั้นของฉัน เพราะเธอประสงค์อย่างอื่นที่มันร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกใช่มั๊ย”
“ดิฉันคิดว่า ถึงจะพูดอะไรออกไปตอนนี้ ดิฉันก็ไม่วายตกเป็นผู้ต้องสงสัยของคุณอยู่ดี เพราะฉะนั้นดิฉันจะไม่ขอแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ดิฉันบอกได้แต่เพียงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ถ้าคุณจะเปิดใจให้กว้างกว่านี้อีกสักนิด คุณก็จะเข้าใจในความหวังดีและห่วงใยของคุณพ่อคุณแม่ของคุณที่มีต่อลูกชายเพียงคนเดียวของท่านอย่างสุดซึ้ง”
“นี่เธอ พูดอะไรของเธอพัสรียา อย่าทำเป็นบังอาจมาสั่งสอนคนอย่างฉันเชียวนะ”
“ขอโทษนะคะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ดิฉันต้องขอตัวไปนอนแล้วล่ะค่ะคุณก้องเกียรติ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
ชายหนุ่มมองตามหลังหญิงสาวด้วยความฉงนใจ นี่เธอยังใจเย็นอยู่ได้อย่างไรกัน อีกทั้งใบหน้าอันเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดจาเสียดสีก้าวร้าว ประชดประชันของเขา ทั้งๆที่หากเป็นคนอื่นอาจจะกระโดดกัดคอเขาไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่กับหญิงสาวนาม “พัสรียา” คนนี้เธอแปลก แปลกมากจริงๆ แปลกจนเขาบรรยายไม่ถูก แต่ก็นั่นแหละมันทำให้เขารู้สึกสนุกและท้าทายกับการทำสงครามประสาทกับเธออย่างช่วยไม่ได้เสียแล้วสิ...
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ