สาวใชแห่งวิฬาร์คฤหาสน์

10.0

เขียนโดย knichaay

วันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554 เวลา 17.57 น.

  5 chapter
  5 วิจารณ์
  12.23K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ 1  สำรวจทาง
      คฤหาสน์แคทเทนเดียตั้งตระหง่านบนยอดเขา   สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร   บริเวณรอบรายล้อมด้วยป่าดิบเขา  ป่าสนเขา   มีต้นสนสามใบขึ้นติดกันเป็นดง  ใบเล็กเรียวแหลมยาวเป็นเข็ม  รวมกันกระจุกละสามใบ  จึงได้ชื่อว่าสนสามใบ  น่าแปลกที่ลำต้นสีน้ำตาลแดงยาวตรงสง่า  แต่กิ่งก้านสาขาแตกออกไป  กลับโค้งซิกแซกไปมา  บ้างโค้งบิดจนเหมือนงูเลื่อยเลี้ยว  บ้างโค้งงิกดูเหมือนกิ่งหัก     ยามเช้าหมอกหนาทาท้องฟ้านอกหน้าต่างเป็นสีขาว  สภาพอากาศค่อนข้างหนาวเย็นยาวนานตลอดทั้งปี  อากาศบางวันเย็นจัด  ยิ่งตกดึกหนาวเหน็บไปทั้งกายทั้งใจ   บางวันเย็นสบาย   มักมีลมเย็นวาบพัดมาเป็นครั้งเป็นคราไป   กลิ่นหวานของอากาศหนาวลอยมาสลับกับกลิ่นคาวเลือด    เมื่อลมพัดมาหอบหมอกไป  เผยให้เห็นทิวทัศน์จากเขาสูง   ทัศนียภาพเบื้องล่างเป็นป่า เป็นเขา ยาวไกลสุดสายตาจดขอบฟ้า


      สิบกิโลเมตรถัดไป   ตามเส้นทางวกวนแสนขรุขระ   ยังมีหมู่บ้านเล็กๆ   อันเป็นที่อยู่ของชาวป่า ชาวเขา      ผู้คนละแวกใกล้เคียงไม่มีวันได้ย่างกรายเข้าไปในคฤหาสน์บนยอดเขา   แม้แต่ก้าวเดียว  ได้แต่ทำตัวเป็นนักสำรวจอยู่ห่างๆ   แล้วบอกข่าวเล่าเรื่องแต่งเติมสารพัด   จนยากที่จะหาความจริง   ความจริงมีอยู่ว่าทุกดินแดนทุกแห่งหน   ที่ใดมีความลับ   ที่นั้นย่อมมีนิทาน  แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้    โดยที่ยังสงสัยว่าตัวเองไม่รู้ความจริง  การเชื่ออะไรง่ายๆก็เป็นทางออกของความกลัวว่าตัวเองจะโง่    เรื่องราวแสนวุ่นวายของมนุษย์ ล้วนเกิดจากการเล่านิทานหลอกลวงตัวเองกันไปทั้งนั้น    สารพัดเรื่องหลอกลวงเรื่องแต่งเติม ความเชื่อที่คอยหลอกหลอนผู้คน  กัดกร่อนจิตใจ   จนกลายเป็นเรือนร้าง    ไม่ต่างไปจากบ้านผีสิง  รั้วไม้ผุไม่เคยกีดกั้นผู้ใดที่มิใช่เจ้าบ้าน   หากแต่เหตุใดจึงปราศจากรอยเท้าของผู้เยี่ยมเยียน  หรือเพราะเจ้าบ้านได้ตายไปแล้วทั้งสิ้น


      เมื่อใครคนหนึ่งเอ่ยถึงคฤหาสน์บนยอดเขา  เกิดสัญญาณแห่งการสิ้นสุดของวงสนทนาขึ้นมาทันที   รอยยิ้มที่เคยปรากฏกลับกลายเป็นใบหน้าซีดเผือด พ่อค้าชาวเขาหันไปพูดกับชายแก่สักยันด้วยภาษาที่เชื่อว่าคนถามไม่มีวันเข้าใจ   

        “เอ่อ  ขอโทษนะครับ  บ้านบนเขานั้น มีคนพักอยู่ไหมครับ”

      ชายหนุ่มผู้ถามเดาไม่ยากว่าเป็นนักเดินทาง  แต่ดูสมบุกสมบันไปหน่อย  เสื้อผ้งเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่ง   ผิวขาวแต่เนื้อตัวมอมแมม   รูปร่างค่อนข้างเล็ก ผอมโซ  แต่ใบหน้ายิ้มแย้มมีชีวิตชีวา  คงผจญภัยท่องเที่ยวมาไม่น้อย  รถมอเตอร์ไซต์ูคู่ใจ รุ่น F013 Helldog Combat อยู่ในสภาพที่ดูไม่ออกเลยว่าเป็นรุ่นพิเศษ    บริษัท Camfedurate Motor สั่งทำขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบวันเกิดห้าขวบของลูกสาวประธานบริษัท  มีเพียงห้าคันในโลก  F013 Helldog Combat นั้น มีความพิเศษที่ทั้งคันเป็นสีดำทั้งหมด  แต่คันนี้พิเศษกว่า เพราะเป็นคันที่หก  เกิดความผิดพลาดในการประสานงานของพนักงาน ทำให้ผลิต F013 Helldog Combat ขึ้นมาหกคัน ท่านประธานไม่พอใจมาก  สั่งให้ทำลายคันที่หกทิ้งเสีย  เพราะผู้คนทั่วทั้งโลกได้รับทราบแล้วว่า F013 Helldog Combat จะมีเพียงห้าคันเท่านั้น เพื่อเป็นเกียรติให้กับแอนดาร่า ลูกสาวของท่าน  พนักงานผู้ได้รับคำสั่งเกิดเสียดาย  จึงนำไปซ่อนไว้  แล้วบดทำลายคันอื่่นแทน  แต่ด้วยความที่เป็นคนของบริษัท  จะนำไปใช้ไปอวดใคร ก็ไม่ได้ จะแอบขายก็เสียดาย  เพราะเขารู้็สึกหลงรักมันเข้าให้  แต่สิ่งที่เขาทำ  ถ้าท่านประธานรู้ มีหวังได้ตายสถานเดียว  พนักงานผู้มีวัยล่วงมาถึง 50 ปีแล้ว จึงแยกชิ้นส่วน  ส่งไปให้หลานชายวัย 9 ขวบที่บ้านนอก  ระหว่างทางรถขนส่งเกิดอุบัติเหตุ ทำให้กล่องพัสดุไปไม่ถึงมือหลานชาย  แต่กลายเป็นเพื่อนรักเพื่อนคู่ใจของชายผู้โดดเดี่ยวผู้หนึ่งเรื่อยมา  จนถึงทุกวันนี้  F013 มันก็ไม่ได้อยู่ในสถานะของรถซูเปอร์สตาร์เช่นพี่น้องของมัน  ก็ในเมื่อเจ้าของมันเป็นอย่างไร  มันก็เป็นเช่นนั้น

        “มีอะไรหรอจ๊ะ  พ่อหนุ่ง  ที่น่าน่ะ มีโคะอยู่  อยากได้ที่พ้าก  หรอจ๊ะ (มีอะไรหรือจ๊ะ  พ่อหนุ่ม  ที่นั่นน่ะ  มีคนอยู่ อยากได้ที่พักหรอจ๊ะ)” แม่ค้าปากหวานรู้ดีว่า  ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครคิดจะตอบ  เธอจึงแสดงความใจกล้าตอบออกมา
        “ไม่ใฉ่หรอกครับ  ผมแค่สงสัย  เพราะได้ยีนพวกเดกๆเล่าว่าเป็นบ้านผีสิง  เลยเกิดอยากรูขึ้นมา แล้วที่นี่มีโฮมสเตย์ไหมครับ  ผมเพลียมากเลย” น้ำเสียงแปร่งๆ ของชายหนุ่มสอดรับเข้ากับเสียงพูดของชาวเขา

        “ตามฉะมาเลยจ๊ะ  บ้านฉะเอง  ป่ะ   ไปอาบน้ามอ่าท่ากันเถอะ  นี่  พ่อหนุ่ง เช่อไรจ๊ะ”
        “อะไรคือเช่อ ครับ ผมไม่รูจัก”
        “ก็เช่อไง เช่ออะ”
        “ห๊า”
        “ก็เช่อเล่น  เช่อจริงไง ฉันเช่อมูเนอ”
        “อ๋อ  เข้าใจแล้ว คุณชื่อมูเนอ  ผมชื่อโรอัลริโค่”
        “โอ้ ฝรั่ง เยส เยส  ยูอาร์โรอัลริโค่  แอมมูเนอ ไนท์ทูมีทยู”
        “ครับ  แต่ผมเป็นลูกครึ่งน่ะครับ”
        “อ่ะอ่ะ  มีทู”

ลับหลังชายหนุ่มไป    นิทานเรื่องคฤหาสน์บนเขาได้ขับขาน  ชาวเขาเคล้าเสียงหัวเราะ เสียงหวีดร้อง  สลับเสียงเงียบงัน  บรรเลงเป็นท่วงทำนองสอดประสาน  

“รู้ไหม ตอนที่ฉันแอบย่องไปที่นั่น  ตอนเช้ามืด  ฉันเห็นนังแม่มดกำลังต้มเด็กดอง  กลิ่นนี่  เหม็นฟุ้ง  ยิ่งกว่าปลาร้าปลาแดก”

สาวชาวเขาทำเสียงคล้ายจะอาเจียนออกมา

“เมื่อวันก่อน  ไอ้เด็กผี  แม่งวิ่งไล่ตรู  มันจ้องตาเขม็ง  ตรูรีบวิ่งหนีมา  ไม่งั้นมันมาฆ่าตรูแน่แท้”

“ฉันก็เจ๊อะ”

“เป ฉ่า  ม่าขึ ปะ หรอะ (เป็นฉัน  ไม่ขึ้นไปหรอก)”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา