ฝากหัวใจไว้ที่...ฮานอย
3) แปลกที่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเมื่อหญิงสาวเดินออกจากสนามบิน
“ตายแล้ว ไม่ได้หาข้อมูลมาเลย เข้าเมืองยังไงล่ะทีนี้”
เธอรู้แต่ว่า มีคนเตือนมาหลายคนว่า ไปเวียดนามระวังโดนหลอกนะแล้วผู้หญิงตัวคนเดียวแบบปิ่นปักล่ะ ทีงี้จะทำไง จะเข้าเมืองยังไงดีละเนี่ย ดีนะนี่ยังเช้าอยู่ เพราะเครื่องลงตอนประมาณ 9 โมงเช้าแต่ลึกๆ หญิงสาวก็กลัวและกังวลเหมือนกัน เพราะเป็นครั้งแรกที่เดินทางมาต่างบ้านต่างเมืองคนเดียว
เมื่อเดินออกจากประตูสนามบิน หันซ้าย หันขวา “เอาไงดีละเนี่ย ภาษาก็ไม่ได้เรื่อง” แต่ตอนจองตั๋วมาลืมคิดเรื่องนี้ซะสนิท เนื่องจากต้องการหลบหน้าและหลีกเลี่ยงการตอบข้อซักถามของคนรอบข้าง ในเรื่องระหว่างเธอและเดชา
ธงรบเดินผ่านหน้าหญิงสาวไป เพื่อหารถเข้าเมือง เพราะเขาศึกษาเรื่องการเดินทางมาพอสมควร แต่จะให้นั่งรถเมล์เหรอชายหนุ่มที่เคยสบายมาตลอดไม่นั่งหรอก หารถแท็กซี่ เข้าเมืองดีกว่า เขาคิด พลางเหลือบตาดูหญิงสาวที่เขาตั้งฉายาว่า ยัยบ๊อง ก่อนจะเห็นว่า ตอนนี้คนขับแท็กซี่ชาวฮานอย กำลังรุมตื้อหญิงสาวอย่างไม่ลดละ อยู่ถึง 5 คน ชายหนุ่มแอบหัวเราะ “สมน้ำหน้า...ยัยบ๊อง”
ปิ่นปัก ก็ได้แต่พูดกับคนขับแท็กซี่ที่คอยต้อนหน้าต้อนหลังเธออยู่ว่า “No no no” แล้วเหลือบตามองชายหนุ่มอย่างต้องการความช่วยเหลือ แต่เมื่อคิดได้ ก็ เมินซะเถอะ อย่างหวังว่าคนอย่างฉัน จะขอความช่วยเหลือจากนาย “คนบ้า” แล้วก็หันมาพูดกับคนขับทั้งหลายว่า “No no no”
ธงรบ ตกลงราคากับคนขับรายหนึ่งได้สำเร็จ เตรียมตัวขึ้นรถ แต่เมื่อรถกำลังจะออก เขาบอกกับคนขับให้รอก่อน เนื่องจากหันไปเห็นว่าหญิงสาว ยังโดนรุมล้อมอยู่ จึงตัดสินใจลงจากรถและเดินตรงไปยังหญิงสาว
“นี่คุณจะเข้าเมืองใช่หรือเปล่า ถ้าใช่จะไปกับผมมั๊ย ผมก็กำลังจะเข้าเมือง”
ตอนแรกปิ่นปักเองก็กำลังจะอ้าปากบอกปฏิเสธ แต่นึกขึ้นได้ว่า อย่างน้อยก็คนไทยเหมือนกัน น่าจะปลอดภัยกว่าคนที่กำลังรุมล้อมหญิงสาวอยู่เมื่อกี้แน่ๆ หลังจากขึ้นไปนั่งรถทางด้านหลังกับธงรบ ซึ่งรถออกไปได้สักระยะหนึ่ง หญิงสาวก็ตัดสินใจหันไปพูดเบาๆ แบบไม่เต็มใจกับชายหนุ่มว่า
“ขอบคุณนะ”
“อะไร นะคุณ ผมได้ยินไม่ชัด พูดให้มันชัดเจนเหมือนตอนด่าผมหน่อยสิคุณ” เขาแกล้งพูดยั่วเธอ
“ผมก็ไม่ได้อยากจะช่วยคุณหรอกนะ เพราะตอนแรกนึกว่าคุณชอบที่มีหนุ่มๆ มารุมล้อม” แล้วเขาก็หัวเราะแบบเยาะๆ ใส่ที่ตาหญิงสาว
“ทีหลังไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ บอกคนขับ ฉันจะลงตรงนี้” หญิงสาวโมโหชายหนุ่ม
“คุณจะบ้าเหรอ นี่ไม่ใช่ สาทร หรือ สีลม เมืองไทยนะ จะได้ลงแล้ว หาที่ไปต่อง่ายๆ หรืออยากไปต่อกับหนุ่มเวียดนามล่ะ”
ปิ่นปักถอนหายใจอย่างแรง และพูดเบาๆ ว่า “ฝากไว้ก่อนเหอะ”
ชายหนุ่มได้ยิน เลยหันไปพูดใส่หน้าแบบขำๆ ว่า “อย่าลืมมาเอาคืนล่ะ ยัยคนอกตัญญู ไม่รู้จักบุญคุณ คนเขาอุตส่าห์ช่วยเหลือ”
ปิ่นปัก แทบจากจะเอากำปั้นทุบหน้าธงรบ ซักครั้ง สองครั้งด้วยความโมโห ก็ได้แต่นั่งกำมือด้วยความอัดอั้น
ธงรบแอบชำเรืองมองแล้วหัวเราะในท่าทางของหญิงสาว พลันสายตาของชายหนุ่มก็เหลือบไปเห็น กระเป๋าสะพายใบย่อมตกอยู่ที่พื้นรถฝั่งของเขา แล้วเขาก็แอบหัวเราะในใจเพราะเขาจำได้ว่าเขาเห็นเธอสะพายมันอยู่ที่สนามบิน ค่อยๆ ก้มหยิบมันขึ้นมาแล้วแอบเปิดดู แต่เป็นเพราะหญิงสาวยังโกรธเขาอยู่ จึงหันหน้าออกไปชมวิวข้างทาง ไม่ทันได้เห็นว่าชายหนุ่มคนที่นั่งข้างๆ กำลังทำอะไร
ชายหนุ่มเปิดกระเป๋า และเขาก็พบว่า ข้างในมีเงินดอลล่าร์ เงินไทย และเงินด่อง (เวียดนาม) พร้อมทั้งพาสปอร์ตของเธอที่เขาห็นในพาสปอร์ตเขียนว่า นางสาว ปิ่นปัก ทิราพรกุล แล้วชายหนุ่มก็ตั้งชื่อให้หญิงสาวซะใหม่ “ยัยปิ่นหัก”
อยู่ๆ ชายหนุ่มก็นึกสนุก อยากแกล้งแม่สาวขี้วีน คนนี้ขึ้นมา ด้วยเขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุ ว่าทำไมอยากตอแย อยากแกล้ง ยัยบ๊อง นี่นัก
แล้วความคิดชั่วร้ายก็แล่นมาในสมองว่า ให้เขาเก็บกระเป๋า พร้อมของกลางไว้แกล้งคนขี้วีนเล่นดีกว่า เขาจึงแอบเก็บกระเป๋าใบสวยไว้ในเป้ ที่เขาสะพายมันขึ้นมาในรถด้วย พลางนึกในใจ “เดี๋ยวเถอะ ยัยบ๊อง เธอได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งเหมือนตอนอยู่บนเครื่องแน่ๆ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ