Rainbow [ The Gravita' ]
9.7
3) หนึ่งวันที่วุ่นวาย I
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ บทที่ 3 หนึ่งวันที่วุ่นวาย I
เสียงที่ดังระงมขึ้นเป็นระยะๆราวกับผึ้งแตกรังช่วยปลุกให้หญิงสาวตื่นจากการหลับใหลยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี มารีน ที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในบ้านถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เธอมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะหันหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงซึ่งชี้บอกเวลา 6 นาฬิกากับอีกนิดๆ มารีนเกาหัวตัวเองเล็กน้อยแล้วพยายามสะบัดหัวไล่ความง่วง ก่อนที่เจ้าตัวจะชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้าบ้าน
...
คุณครู !
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนเอ่อออกับเพื่อนๆหน้าบ้านของมารีนร้องขึ้นมา และนั่นมันก็ทำให้เด็กคนอื่นๆหันหน้าขึ้นมามองเธอด้วย
" คุณครูมารีนตื่นแล้ว ๆ " เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชาย-หญิงดังขึ้นอีกครั้ง มารีนไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากรอยยิ้มของเธอที่ส่งให้กับเด็กๆที่อยู่ข้างล่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะมุดหัวเข้ามาในห้องตัวเองอีกครั้ง
" ลืมไปเลยนะเนี่ย "
กว่าสามสิบนาทีที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุด ประตูหน้าบ้านของมารีนก็ถูกเปิดออก พร้อมๆกับความโกลาหลเล็กๆที่ตามมาด้วยฝีมือเด็กๆประมาณ7-8คน ที่วิ่งสวนเข้าไปในตัวบ้าน ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ไม้ปัดฝุ่นที่อยู่หลังบ้านถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ มารีนทำได้แต่เพียงส่งยิ้มให้เมื่อเห็นเด็กๆทั้งหลาย กำลังทำความสะอาดตัวบ้านอยู่เท่านั้น
" งั้นก็ เตรียมอาหารไว้สักหน่อยน่าจะดี " เมื่อคิดได้ดังนั้น มารีนก็ละสายตาจากพวกเด็กๆเพื่อเข้าครัวที่หลังบ้าน แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปถึง อยู่ๆ เด็กชายหญิงคู่หนึ่งก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาจนมารีนตกใจ
" มีอะไรเหรอจ๊ะ เลนคุง ริโอะจัง ? " มารีนถามเด็กทั้งสองคนนั้น
" คนไข้!! คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงหายไปแล้วค่ะครู "
ริโอะบอกกับมารีนด้วยท่าทางตกใจมาก แต่มารีนกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรเลย เพราะเธอพอจะเดาได้ ว่าคนไข้ที่ริโอะจังบอกกับเธอเมื่อครู่น่าจะเป็นเชอร์วูดไม่ผิดแน่ แสดงว่าพวกเด็กๆยังไม่รู้เรื่องที่เธอพาเชอร์วูดไปเที่ยวชมหมู่บ้านเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้แน่ๆ
" เอ่อ.. คือ.. "
มารีนกำลังจะอธิบายเรื่องราวให้ทั้งคู่ฟัง แต่เธอก็ต้องหยุดเสียงลงทันใด เมื่อจู่ๆมีเสียงๆหนึ่งดังไปทั่วทั้งบ้าน เด็กคนอื่นๆที่กำลังทำความสะอาดบ้านอย่างขมี้ขมัน ถึงกับหยุดการกระทำของตัวเองเพื่อเงี่ยหูฟังเสียงดนตรีที่แว่วมาตามสายลม เสียงขลุ่ยที่ขับกล่อมยามเช้า
" เพราะจัง ใครเป็นคนเป่านะ "
เด็กๆทั้งหลาย ต่างพากันพูดถึงเสียงขลุ่ยที่เพิ่งจะเงียบไปเมื่อครู่ มารีนได้แต่ยิ้มเพราะเธอพอจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนเป่า มารีนค่อยๆเดินถอยหลังเข้าไปหลังบ้านอย่างช้าๆ เพื่อเตรียมทำอาหารให้เด็กๆทาน พลางร้องบอกอะไรบางอย่างให้เด็กๆรู้
" งั้น วันนี้เรามาเล่นอะไรสนุกๆกันดีกว่านะจ๊ะทุกคน "
" เล่นอะไรเหรอคะ? คุณครู " ริโอะถามมารีนด้วยความตื่นเต้น เด็กๆคนอื่นที่อยู่ไกล้ๆก็มีท่าทางคล้ายๆกัน
เมื่อมารีนเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของพวกเด็กๆแล้วก็อดขำไม่ได้ เธอแหงนมองนาฬิกาสีน้ำเงินรูปปลาที่แขวนอยู่ข้างผนังสีฟ้าอ่อนที่ชี้เวลา 7.30 น. สักครู่ ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองพวกเด็กๆอีกครั้ง เธอชำเลืองสายตาของเธอหาพวกเด็กๆอย่างมีเลศนัย
" เราจะมาตามหาตัวแม่มดกัน แม่มดใจดีในชุดขาวที่เพิ่งจะเป่าขลุ่ยให้พวกเธอฟังเมื่อครู่ ครูให้เวลาพวกเธอ 20 เอ... 30 นาทีก็แล้วกันจนกว่าครูจะทำอาหารเสร็จ ตกลงไหมจ้า ? "
" ค่าาาาาา / คร๊าบบบบ "
เสียงตอบรับของเด็กๆเป็นไปด้วยดี มารีนยิ้มนิดหน่อยเมื่อได้เห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของพวกเขา พลางคิดเผื่อไปถึงเชอร์วูดที่ไม่รู่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดมันจะถูกรึปล่าว เธอไม่รู้ว่าเชอร์วูดเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่ทุกครั้งที่เธอมองเข้าไปในดวงตาของเธอ มันเหมือนกับว่าเธอยังคงมีความรู้สึกอะไรบางอย่างฝังลึกอยู่ในใจ และเธอก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นตลอดไป
" เอาล่ะ " มารีนที่อยู่ในชุดกับเปื้อนเดินเข้ามาหาพวกเด็กๆอีกครั้ง เธอค่อยๆย่อตัวลงแล้วใช้ตะหลิวในมือของตัวเอง ชี้ออกไปนอกบ้าน
" กำหนดเวลา 30 นาทีนะจ๊ะเด็กๆ ถ้าหมดเวลาเมื่อไหร่ครูจะให้สัญญาณอีกที สำหรับคนที่หาตัวแม่มดใจดีคนนั้นเจอ ครูจะทำพาสต้าสูตรพิเศษของครูให้ทานนะจ๊ะ "
เมื่อได้ยินคำว่าพาสต้าสูตรพิเศษ เด็กๆที่อยู่ตรงนั้นก็หายวับไปกับตาในทันทีจนมารีนใจหาย เธอลุกขึ้นพลางใช้มือเกาหัวแล้วยิ้มแหยงๆขึ้นมา
" คุณเชอร์วูดจะไหวไหมเนี่ย " มารีนคิด
การค้นหาแม่มดยังคงเป็นไปอย่างอึกทึกครึกโครม ถึงเสียงขลุ่ยจะยังลอยมาตามลมตลอดแต่พวกเด็กๆก็ยังคงหาตัวแม่มดคนนั้นไม่เจอซักที เพราะเสียงขลุ่ยของเธอนั้นดังสะท้อนไปมากับต้นไม้จึงทำให้เด็กๆไม่สามารถหาต้นตอของเสียงได้จนกระทั่งส่วนใหญ่เริ่มท้อในการค้นหา ยกเว้นเลนกับริโอะที่กำลังจดๆจ้องๆต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่หลังบ้าน
" จะขึ้นไปจริงๆเหรอ? เนลคุง " ริโอะถามเนลอย่างกลัวๆกล้าๆ
" อื้อ เชื่อชั้นสิ ริโอะ แม่มดต้องอยู่บนหลังคาแน่ๆเลย " เนลบอก
เป็นที่รู้กัน ว่าบ้านของมารีนนั้น เป็นบ้านทรงยุโรปที่มีสองชั้น และมีทางขึ้นไปนั่งเล่นบนหลังคาบ้านได้โดยปีนต้นไม้ต้นนี้ขึ้นไป โดยปกติแล้วมารีนจะไม่อนุญาตให้พวกเด็กๆปีนขึ้นไปเล่นบนนั้นเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ และพวกเด็กๆก็เชื่อฟังแล้วทำตามมาตลอด
" ตะ ...แต่ อ๊ะ เนลคุง "
ริโอะร้องเรียกเนลที่กำลังปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เสียงของริโอะนั้นช่วยเรียกเพื่อนๆคนอื่นๆที่นั่งพักหรือหาอยู่ที่อื่นๆให้มารวมตัวกันใต้ต้นไม้ได้เป็นอย่างดี เด็กๆบางคนก็ช่วยเชียร์เนลให้ขึ้น บางคนก็ห้ามปราม แต่ตัวเนลที่อยู่ข้างบนไม่ได้สนใจจะฟังเสียงของคนที่อยู่ข้างล่างแล้วในตอนนี้
" อึ๊บ ดีล่ะ ในที่สุดก็ถึงแล้ว ถ้าแม่มดอยู่บนนี้เราจะได้กินพาสต้าของครูมารีนแล้วก็... " เนลมองลงไปหาริโอะที่อยู่ข้างล่าง เจ้าตัวยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ แล้วเริ่มตั้งหน้าตั้งตาปีนขึ้นไปอีกครั้ง
" ถึงแล้ว " เนลร้องอย่างดีใจที่ตัวเองขึ้นมายืนอยู่ที่ส่วนยอดของต้นไม้ได้ เจ้าตัวค่อยๆใช้ขาข้างหนึ่งยื่นไปบนหลังคาเพื่อดีดตัวขึ้นไป สายตาของเนลชำเลืองมองไปทั่วบนนั้นแล้วเขาก็นิ่งไป
สายลมอันแผ่วเบาช่วยให้ชุดสีขาวฟูฟ่องพลิ้วไสวตามสายลม เส้นผมสีเงินที่ส่องประกายกระทบแสงอาทิตย์ยามเช้าสะกดเนลที่กำลังจะก้าวขึ้นมาบนนั้นให้หยุดนิ่งราวกับต้องมนต์ แม้เขาจะเคยเห็นคนๆนี้บ่อยแล้วในตอนที่เธอสลบอยู่บนเตียงคนไข้แต่มันกลับเทียบไม่ได้เลยกับภาพในตอนนี้
" แม่มด!? "
…
เปร๊ยะ !? โครมมม!?
" เนลคุงงง "
อยู่ๆ ไม้ที่รับน้ำหนักของเนลอยู่ก็ปริแตกและหักลงมาดื้อๆ ทำให้ร่างของเนลร่วงลงมาจากส่วนยอดของต้นไม้ทันที เสียงกรีดร้องของเด็กๆที่อยู่ข้างล่างดังระงมขึ้นเมื่อเห็นร่างของเนลค่อยๆหล่นลงมาจากยอดไม้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ในตอนนั้นไม่มีใครทำอะไรถูก เด็กแต่ละคนต่างตกใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่ตัวเนลเอง
" ว๊ากกกก " เนลร้องสียงดังเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังหล่นจากต้นไม้ เขาพยายามใช้มือเอื้อมคว้าอะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้เขาร่วงลงไป แต่มันก็เหมือนจะสูญเปล่า เพราะจุดที่เขาตกลงมานั้นไม่มีอะไรที่พอจะเกาะได้เลยนอกจากอากาศ
เนลหลับตาปี๋เมื่อรู้ว่าตัวเองหมดหวังจะคว้าจับอะไรได้แล้ว เขารู้สึกกลัวมากถ้าต้องกระทบพื้นเดินแข็งๆที่อยู่ข้างล่าง แต่อยู่ๆเนลก็รู้สึกประหลาดราวกับมีอะไรบางอย่างมาอุ้มเขาเอาไว้ และเขาก็รู้สึกว่าการร่วงหล่นของเขาช้าลงจนผ่านไปสักพัก เขาก็ไม่รู้สึกถึงลมที่พัดใส่เขาตอนร่วงลงมาอีก จะมีก็แค่เสียงร้องเอะอะโวยวายรอบๆตัวเท่านั้น
" เนลคุง เนลคุง เป็นอะไรรึปล่าว ? "
เนลค่อยๆหรี่ตาของตัวเองขึ้นทีละน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกของริโอะ เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของแม่มดที่นั่งอยู่บนหลังคาเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสีครามของเธอจับจ้องมองดวงตาของเนลก่อนที่เธอจะปล่อยตัวเนลให้ลงไปยืนบนพื้นดิน
" แง เนลคุง " ริโอะกอดคอของเนลไว้แน่นจนเจ้าตัวตกใจ แต่เนลก็แอบดีใจอยู่ที่ริโอะเป็นห่วงเขา เมื่อสังเกตจากใบหน้าของเนลแดงเรืองๆขึ้นมา
" ปะ .. ปล่อยน่า ริโอะ " เนลพยายามสลัดอ้อมแขนของริโอะที่กอดตนเองเอาไว้ แต่ริโอะกลับกอดเขาแน่นจนเขาสลัดไม่หลุด
เชอร์วูดมองเด็กทั้งสองด้วยสายตาที่เฉยชา เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมามากนัก เธอเพียงแต่ไม่เข้าใจนิดหน่อย ว่าทำไมถึงมีเด็กอยู่ที่บ้านของเชอร์วูด ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันนั้นวันที่เธอกับเชอร์วูดเข้าไปในหมู่บ้าน แต่เธอก็ต้องหยุดความคิดต่างๆของเธอลง เมือเธอละสายตาจากเด็กทั้งสองที่กอดกันกลมดิ๊ก มาเจอกับสายตาของเด็กคนอื่นๆที่รุมล้อมตัวเธอ
" ยอดไปเลย! เมื่อกี้นี้พี่สาวทำได้ยังไง เหมือนกับแม่มดเลย "
" ใช่ๆ เหมือนกับมีเวทย์มนต์เลยค่ะ อยู่ๆก็บินฉิวลงมา "
คำถามของเด็กๆที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ประดังเข้าหาเชอร์วูด เธอไม่รุ้ว่าจะตอบคำถามของเด็กคนไหนก่อนดี แล้วตอนนี้เอก้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะตอบคำถามได้ทุกคนด้วย เชอร์วูดยกนิ้วชี้ของเธอขึ้นมาปิดปากเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะถามคำถามเธอ เมื่อเด็กคนอื่นๆเห็นแบบนั้นก็เงียบแล้วถอยหลังออกห่างเชอร์วูดเพราะคิดว่าพวกเขารบกวนเธอ แต่หลังจากที่เอทำแบบนั้นไปแล้ว เธอกลับชักมือกลับแล้วใช้มือข้างนั้นลูบหัวของเด็กคนดังกล่าวเบาๆ
" ก็ชั้นเป็นแม่มดนี่นะ เพราะฉะนั้น เวทย์มนต์แค่นี้ไม่แปลกหรอก " เชอร์วูดบอกกับเด็กๆซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กๆที่อยู่รอบๆตาเป็นประกายขึ้นมา แต่ก่อนที่พายุคำถามจะวนกลับมาอีกเชอร์วูดก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
" แต่ว่า! เวทย์มนต์น่ะเป็นสิ่งต้องห้าม ชั้นอาจจะสอนให้พวกเธอไม่ได้ แต่ไม่แน่ว่าสักวัน พวกเธออาจจะใช้มันได้ก็ได้ "
เชอร์วูดบอกกับพวกเด้กๆ และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่ มารีน ร้องเรียกพวกเขาให้กลับมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน เมื่อเด็กๆได้ยินเสียงของมารีนก็พากันวิ่งเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะลากแขนเชอร์วูดเข้าไปในบ้านด้วย
" ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณเชอร์วูด "
" นี่เธอไม่คิดจะบอกชั้นเลยใช่ไหม ? " เชอร์วูดค้อนมารีนนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย
" ก็... ที่นี่ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้นะคะ แต่ตอนนี้ไปทานข้าวได้แล้วนะคะ พวกเด็กๆรอแล้ว "
เชอร์วุดชะโงกหน้าเข้าไปในตัวบ้านตรงโต๊ะอาหาร เธอมองเห้นพวกเด็กๆนั่งรอพวกเธอทั้งคู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว เชอร์วูดหลับตาลงแล้วยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะหายไปในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีใครมองเห็น
เสียงที่ดังระงมขึ้นเป็นระยะๆราวกับผึ้งแตกรังช่วยปลุกให้หญิงสาวตื่นจากการหลับใหลยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี มารีน ที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่ในบ้านถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เธอมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะหันหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงซึ่งชี้บอกเวลา 6 นาฬิกากับอีกนิดๆ มารีนเกาหัวตัวเองเล็กน้อยแล้วพยายามสะบัดหัวไล่ความง่วง ก่อนที่เจ้าตัวจะชะโงกหน้าออกไปดูที่หน้าบ้าน
...
คุณครู !
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนเอ่อออกับเพื่อนๆหน้าบ้านของมารีนร้องขึ้นมา และนั่นมันก็ทำให้เด็กคนอื่นๆหันหน้าขึ้นมามองเธอด้วย
" คุณครูมารีนตื่นแล้ว ๆ " เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชาย-หญิงดังขึ้นอีกครั้ง มารีนไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากรอยยิ้มของเธอที่ส่งให้กับเด็กๆที่อยู่ข้างล่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะมุดหัวเข้ามาในห้องตัวเองอีกครั้ง
" ลืมไปเลยนะเนี่ย "
กว่าสามสิบนาทีที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุด ประตูหน้าบ้านของมารีนก็ถูกเปิดออก พร้อมๆกับความโกลาหลเล็กๆที่ตามมาด้วยฝีมือเด็กๆประมาณ7-8คน ที่วิ่งสวนเข้าไปในตัวบ้าน ไม้กวาด ไม้ถูพื้น ไม้ปัดฝุ่นที่อยู่หลังบ้านถูกหยิบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ มารีนทำได้แต่เพียงส่งยิ้มให้เมื่อเห็นเด็กๆทั้งหลาย กำลังทำความสะอาดตัวบ้านอยู่เท่านั้น
" งั้นก็ เตรียมอาหารไว้สักหน่อยน่าจะดี " เมื่อคิดได้ดังนั้น มารีนก็ละสายตาจากพวกเด็กๆเพื่อเข้าครัวที่หลังบ้าน แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปถึง อยู่ๆ เด็กชายหญิงคู่หนึ่งก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบมาหาจนมารีนตกใจ
" มีอะไรเหรอจ๊ะ เลนคุง ริโอะจัง ? " มารีนถามเด็กทั้งสองคนนั้น
" คนไข้!! คนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงหายไปแล้วค่ะครู "
ริโอะบอกกับมารีนด้วยท่าทางตกใจมาก แต่มารีนกลับไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไรเลย เพราะเธอพอจะเดาได้ ว่าคนไข้ที่ริโอะจังบอกกับเธอเมื่อครู่น่าจะเป็นเชอร์วูดไม่ผิดแน่ แสดงว่าพวกเด็กๆยังไม่รู้เรื่องที่เธอพาเชอร์วูดไปเที่ยวชมหมู่บ้านเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้แน่ๆ
" เอ่อ.. คือ.. "
มารีนกำลังจะอธิบายเรื่องราวให้ทั้งคู่ฟัง แต่เธอก็ต้องหยุดเสียงลงทันใด เมื่อจู่ๆมีเสียงๆหนึ่งดังไปทั่วทั้งบ้าน เด็กคนอื่นๆที่กำลังทำความสะอาดบ้านอย่างขมี้ขมัน ถึงกับหยุดการกระทำของตัวเองเพื่อเงี่ยหูฟังเสียงดนตรีที่แว่วมาตามสายลม เสียงขลุ่ยที่ขับกล่อมยามเช้า
" เพราะจัง ใครเป็นคนเป่านะ "
เด็กๆทั้งหลาย ต่างพากันพูดถึงเสียงขลุ่ยที่เพิ่งจะเงียบไปเมื่อครู่ มารีนได้แต่ยิ้มเพราะเธอพอจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนเป่า มารีนค่อยๆเดินถอยหลังเข้าไปหลังบ้านอย่างช้าๆ เพื่อเตรียมทำอาหารให้เด็กๆทาน พลางร้องบอกอะไรบางอย่างให้เด็กๆรู้
" งั้น วันนี้เรามาเล่นอะไรสนุกๆกันดีกว่านะจ๊ะทุกคน "
" เล่นอะไรเหรอคะ? คุณครู " ริโอะถามมารีนด้วยความตื่นเต้น เด็กๆคนอื่นที่อยู่ไกล้ๆก็มีท่าทางคล้ายๆกัน
เมื่อมารีนเห็นท่าทางอยากรู้อยากเห็นของพวกเด็กๆแล้วก็อดขำไม่ได้ เธอแหงนมองนาฬิกาสีน้ำเงินรูปปลาที่แขวนอยู่ข้างผนังสีฟ้าอ่อนที่ชี้เวลา 7.30 น. สักครู่ ก่อนที่เธอจะหันกลับมามองพวกเด็กๆอีกครั้ง เธอชำเลืองสายตาของเธอหาพวกเด็กๆอย่างมีเลศนัย
" เราจะมาตามหาตัวแม่มดกัน แม่มดใจดีในชุดขาวที่เพิ่งจะเป่าขลุ่ยให้พวกเธอฟังเมื่อครู่ ครูให้เวลาพวกเธอ 20 เอ... 30 นาทีก็แล้วกันจนกว่าครูจะทำอาหารเสร็จ ตกลงไหมจ้า ? "
" ค่าาาาาา / คร๊าบบบบ "
เสียงตอบรับของเด็กๆเป็นไปด้วยดี มารีนยิ้มนิดหน่อยเมื่อได้เห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของพวกเขา พลางคิดเผื่อไปถึงเชอร์วูดที่ไม่รู่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดมันจะถูกรึปล่าว เธอไม่รู้ว่าเชอร์วูดเคยผ่านอะไรมาบ้าง แต่ทุกครั้งที่เธอมองเข้าไปในดวงตาของเธอ มันเหมือนกับว่าเธอยังคงมีความรู้สึกอะไรบางอย่างฝังลึกอยู่ในใจ และเธอก็หวังว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นตลอดไป
" เอาล่ะ " มารีนที่อยู่ในชุดกับเปื้อนเดินเข้ามาหาพวกเด็กๆอีกครั้ง เธอค่อยๆย่อตัวลงแล้วใช้ตะหลิวในมือของตัวเอง ชี้ออกไปนอกบ้าน
" กำหนดเวลา 30 นาทีนะจ๊ะเด็กๆ ถ้าหมดเวลาเมื่อไหร่ครูจะให้สัญญาณอีกที สำหรับคนที่หาตัวแม่มดใจดีคนนั้นเจอ ครูจะทำพาสต้าสูตรพิเศษของครูให้ทานนะจ๊ะ "
เมื่อได้ยินคำว่าพาสต้าสูตรพิเศษ เด็กๆที่อยู่ตรงนั้นก็หายวับไปกับตาในทันทีจนมารีนใจหาย เธอลุกขึ้นพลางใช้มือเกาหัวแล้วยิ้มแหยงๆขึ้นมา
" คุณเชอร์วูดจะไหวไหมเนี่ย " มารีนคิด
การค้นหาแม่มดยังคงเป็นไปอย่างอึกทึกครึกโครม ถึงเสียงขลุ่ยจะยังลอยมาตามลมตลอดแต่พวกเด็กๆก็ยังคงหาตัวแม่มดคนนั้นไม่เจอซักที เพราะเสียงขลุ่ยของเธอนั้นดังสะท้อนไปมากับต้นไม้จึงทำให้เด็กๆไม่สามารถหาต้นตอของเสียงได้จนกระทั่งส่วนใหญ่เริ่มท้อในการค้นหา ยกเว้นเลนกับริโอะที่กำลังจดๆจ้องๆต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่หลังบ้าน
" จะขึ้นไปจริงๆเหรอ? เนลคุง " ริโอะถามเนลอย่างกลัวๆกล้าๆ
" อื้อ เชื่อชั้นสิ ริโอะ แม่มดต้องอยู่บนหลังคาแน่ๆเลย " เนลบอก
เป็นที่รู้กัน ว่าบ้านของมารีนนั้น เป็นบ้านทรงยุโรปที่มีสองชั้น และมีทางขึ้นไปนั่งเล่นบนหลังคาบ้านได้โดยปีนต้นไม้ต้นนี้ขึ้นไป โดยปกติแล้วมารีนจะไม่อนุญาตให้พวกเด็กๆปีนขึ้นไปเล่นบนนั้นเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ และพวกเด็กๆก็เชื่อฟังแล้วทำตามมาตลอด
" ตะ ...แต่ อ๊ะ เนลคุง "
ริโอะร้องเรียกเนลที่กำลังปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เสียงของริโอะนั้นช่วยเรียกเพื่อนๆคนอื่นๆที่นั่งพักหรือหาอยู่ที่อื่นๆให้มารวมตัวกันใต้ต้นไม้ได้เป็นอย่างดี เด็กๆบางคนก็ช่วยเชียร์เนลให้ขึ้น บางคนก็ห้ามปราม แต่ตัวเนลที่อยู่ข้างบนไม่ได้สนใจจะฟังเสียงของคนที่อยู่ข้างล่างแล้วในตอนนี้
" อึ๊บ ดีล่ะ ในที่สุดก็ถึงแล้ว ถ้าแม่มดอยู่บนนี้เราจะได้กินพาสต้าของครูมารีนแล้วก็... " เนลมองลงไปหาริโอะที่อยู่ข้างล่าง เจ้าตัวยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์ แล้วเริ่มตั้งหน้าตั้งตาปีนขึ้นไปอีกครั้ง
" ถึงแล้ว " เนลร้องอย่างดีใจที่ตัวเองขึ้นมายืนอยู่ที่ส่วนยอดของต้นไม้ได้ เจ้าตัวค่อยๆใช้ขาข้างหนึ่งยื่นไปบนหลังคาเพื่อดีดตัวขึ้นไป สายตาของเนลชำเลืองมองไปทั่วบนนั้นแล้วเขาก็นิ่งไป
สายลมอันแผ่วเบาช่วยให้ชุดสีขาวฟูฟ่องพลิ้วไสวตามสายลม เส้นผมสีเงินที่ส่องประกายกระทบแสงอาทิตย์ยามเช้าสะกดเนลที่กำลังจะก้าวขึ้นมาบนนั้นให้หยุดนิ่งราวกับต้องมนต์ แม้เขาจะเคยเห็นคนๆนี้บ่อยแล้วในตอนที่เธอสลบอยู่บนเตียงคนไข้แต่มันกลับเทียบไม่ได้เลยกับภาพในตอนนี้
" แม่มด!? "
…
เปร๊ยะ !? โครมมม!?
" เนลคุงงง "
อยู่ๆ ไม้ที่รับน้ำหนักของเนลอยู่ก็ปริแตกและหักลงมาดื้อๆ ทำให้ร่างของเนลร่วงลงมาจากส่วนยอดของต้นไม้ทันที เสียงกรีดร้องของเด็กๆที่อยู่ข้างล่างดังระงมขึ้นเมื่อเห็นร่างของเนลค่อยๆหล่นลงมาจากยอดไม้ด้วยความเร็วที่น่าตกใจ ในตอนนั้นไม่มีใครทำอะไรถูก เด็กแต่ละคนต่างตกใจเป็นอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่ตัวเนลเอง
" ว๊ากกกก " เนลร้องสียงดังเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังหล่นจากต้นไม้ เขาพยายามใช้มือเอื้อมคว้าอะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้เขาร่วงลงไป แต่มันก็เหมือนจะสูญเปล่า เพราะจุดที่เขาตกลงมานั้นไม่มีอะไรที่พอจะเกาะได้เลยนอกจากอากาศ
เนลหลับตาปี๋เมื่อรู้ว่าตัวเองหมดหวังจะคว้าจับอะไรได้แล้ว เขารู้สึกกลัวมากถ้าต้องกระทบพื้นเดินแข็งๆที่อยู่ข้างล่าง แต่อยู่ๆเนลก็รู้สึกประหลาดราวกับมีอะไรบางอย่างมาอุ้มเขาเอาไว้ และเขาก็รู้สึกว่าการร่วงหล่นของเขาช้าลงจนผ่านไปสักพัก เขาก็ไม่รู้สึกถึงลมที่พัดใส่เขาตอนร่วงลงมาอีก จะมีก็แค่เสียงร้องเอะอะโวยวายรอบๆตัวเท่านั้น
" เนลคุง เนลคุง เป็นอะไรรึปล่าว ? "
เนลค่อยๆหรี่ตาของตัวเองขึ้นทีละน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียกของริโอะ เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของแม่มดที่นั่งอยู่บนหลังคาเรียบร้อยแล้ว ดวงตาสีครามของเธอจับจ้องมองดวงตาของเนลก่อนที่เธอจะปล่อยตัวเนลให้ลงไปยืนบนพื้นดิน
" แง เนลคุง " ริโอะกอดคอของเนลไว้แน่นจนเจ้าตัวตกใจ แต่เนลก็แอบดีใจอยู่ที่ริโอะเป็นห่วงเขา เมื่อสังเกตจากใบหน้าของเนลแดงเรืองๆขึ้นมา
" ปะ .. ปล่อยน่า ริโอะ " เนลพยายามสลัดอ้อมแขนของริโอะที่กอดตนเองเอาไว้ แต่ริโอะกลับกอดเขาแน่นจนเขาสลัดไม่หลุด
เชอร์วูดมองเด็กทั้งสองด้วยสายตาที่เฉยชา เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆออกมามากนัก เธอเพียงแต่ไม่เข้าใจนิดหน่อย ว่าทำไมถึงมีเด็กอยู่ที่บ้านของเชอร์วูด ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันนั้นวันที่เธอกับเชอร์วูดเข้าไปในหมู่บ้าน แต่เธอก็ต้องหยุดความคิดต่างๆของเธอลง เมือเธอละสายตาจากเด็กทั้งสองที่กอดกันกลมดิ๊ก มาเจอกับสายตาของเด็กคนอื่นๆที่รุมล้อมตัวเธอ
" ยอดไปเลย! เมื่อกี้นี้พี่สาวทำได้ยังไง เหมือนกับแม่มดเลย "
" ใช่ๆ เหมือนกับมีเวทย์มนต์เลยค่ะ อยู่ๆก็บินฉิวลงมา "
คำถามของเด็กๆที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ประดังเข้าหาเชอร์วูด เธอไม่รุ้ว่าจะตอบคำถามของเด็กคนไหนก่อนดี แล้วตอนนี้เอก้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะตอบคำถามได้ทุกคนด้วย เชอร์วูดยกนิ้วชี้ของเธอขึ้นมาปิดปากเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะถามคำถามเธอ เมื่อเด็กคนอื่นๆเห็นแบบนั้นก็เงียบแล้วถอยหลังออกห่างเชอร์วูดเพราะคิดว่าพวกเขารบกวนเธอ แต่หลังจากที่เอทำแบบนั้นไปแล้ว เธอกลับชักมือกลับแล้วใช้มือข้างนั้นลูบหัวของเด็กคนดังกล่าวเบาๆ
" ก็ชั้นเป็นแม่มดนี่นะ เพราะฉะนั้น เวทย์มนต์แค่นี้ไม่แปลกหรอก " เชอร์วูดบอกกับเด็กๆซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กๆที่อยู่รอบๆตาเป็นประกายขึ้นมา แต่ก่อนที่พายุคำถามจะวนกลับมาอีกเชอร์วูดก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
" แต่ว่า! เวทย์มนต์น่ะเป็นสิ่งต้องห้าม ชั้นอาจจะสอนให้พวกเธอไม่ได้ แต่ไม่แน่ว่าสักวัน พวกเธออาจจะใช้มันได้ก็ได้ "
เชอร์วูดบอกกับพวกเด้กๆ และเป็นช่วงจังหวะเดียวกันที่ มารีน ร้องเรียกพวกเขาให้กลับมารับประทานอาหารเช้าด้วยกัน เมื่อเด็กๆได้ยินเสียงของมารีนก็พากันวิ่งเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่ลืมที่จะลากแขนเชอร์วูดเข้าไปในบ้านด้วย
" ยินดีต้อนรับกลับค่ะ คุณเชอร์วูด "
" นี่เธอไม่คิดจะบอกชั้นเลยใช่ไหม ? " เชอร์วูดค้อนมารีนนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย
" ก็... ที่นี่ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้นะคะ แต่ตอนนี้ไปทานข้าวได้แล้วนะคะ พวกเด็กๆรอแล้ว "
เชอร์วุดชะโงกหน้าเข้าไปในตัวบ้านตรงโต๊ะอาหาร เธอมองเห้นพวกเด็กๆนั่งรอพวกเธอทั้งคู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว เชอร์วูดหลับตาลงแล้วยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะหายไปในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีใครมองเห็น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ