Rainbow [ The Gravita' ]
9.7
2) หมู่บ้านอ้างว้างบนดินแดนอันห่างไกล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ บทที่ 2 หมู่บ้านอ้างว้างบนดินแดนอันห่างไกล
แม้จะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่เมื่อครั้งยังนอนอุตุรักษาบาดแผลอยู่ในบ้านของมารีน แต่เมื่อออกมาเดินแบบนี้ยิ่งทำให้เธอมั่นใจกับความแห้งแล้งตายซากของดาวดวงนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะถึงแม้สภาพอากาศโดยทั่วไปที่เธอสัมผัสได้นั้นจะสดชื่นและอบอุ่นด้วยไอแดดที่สาดส่องผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นดิน แต่สภาพภูมิประเทศโดยรอบกลับดูแห้งแล้งกันดารซะเหลือเกิน กระนั้นก็ไม่ถึงกับปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย เพราะยังพอมีต้นไม้เกิดขึ้นบ้างประปรายแม้ใบของมันจะเป็นสีน้ำตาลเพราะขาดสารอาหารก็เถอะ
" เป็นยังไงบ้างค่ะ หมู่บ้านของเรา " มารีนถามความคิดเห็นของเชอร์วูดที่เดินตามหลังเธอมาติดๆ
" ก็ดี "
เชอร์วูดตอบสั้นๆ มารีนยิ้มเล็กน้อย เธอไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอยังคงเดินนำทางเชอร์วูดออกไปเรื่อยๆจนทั้งคู่ทะลุออกไปด้านหลังหมู่บ้านที่มีโดมทรงกลมเล็กๆ สอง ถึงสามโดมสร้างด้วยเหล็กแล้วหุ้มด้วยอะไรบางอย่างที่เป็นแผ่นใสๆซึ่งเชอร์วูดไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆข้างในนั้นมีต้นไม้ พืช ผักที่มีใบสีเขียวเกิดอยู่เต็มไปหมดต่างจากนอกโดมโดยสิ้นเชิง
" โดมที่เห็นคือสวนผักของพวกเราค่ะ ถ้าความทรงจำของคุณเชอร์วูดกลับมาแล้วอาจจะจำได้แต่ถึงยังงั้นก็จะขออธิบายนิดนึงนะคะ "
เชอร์วูดพยักหน้าตอบรับคำขอของมารีน เมื่อมารีนเห็นท่าทางแบบนั้นก็เริ่มอธิบายต่อไป
" อย่างที่รู้กันอยู่ ว่าที่นี่คือดาวอังคาร ถึงแม้ว่าดาวดวงนี้จะมีชั้นบรรยากาศเหมือนโลกก็ตาม แต่ก็อย่างที่เห็น ดวงดาวดวงนี้ไม่มีน้ำเหมือนโลก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่ เพราะทุกชีวิตย่อมขาดน้ำไม่ได้ แถมสภาพผิวดินยังไม่เหมาะกับการเพาะปลูกอีก ดังนั้น ก่อนที่พวกเราจะมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่พวกเราจึงต้องเตรียมการอะไรบางอย่างซะก่อน "
มารีนเงียบไปพักนึงเพื่อดูความสนใจของคู่สนทนา เมื่อเห็นว่าเชอร์วูดตั้งใจฟังดี เธอก็เริ่มเล่าต่ออีกครั้ง
" เริ่มแรกเราใช้ยานมาสำรวจก่อน แล้วเราก็พบว่า ที่นี่ไม่ได้แห้งแล้งอย่างที่คิดเพราะยังมีน้ำอยู่ใต้ผิวดินมากมาย พวกเราเลยออกเดินทางมาที่นี่ ยาน 50 ลำที่บรรทุกคนกว่า4000คน และยานอีก 50 ลำที่บรรทุกอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำ พวกเราใช้เวลาเกือบปีจนมาถึงที่นี่ ยานแต่ละลำลงจอดแต่ละที่ทั่วดวงดาว แล้วพวกเราก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ที่โลกไหม่นี้ "
" แล้วสวนผัก... " เชอร์วูดพูดสวนมารีนทันควัน ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะขัดคำพุดของคนอื่นเท่าไหร่ แต่เธอเห็นว่าสิ่งที่มารีนเล่ามันไม่ได้เกี่ยวกับสวนผักนี่เลยซักนิด
" อ่า นั่นสินะคะ " มารีนหัวเราะคิกคักนิดหน่อย เธอรู้สึกดีใจที่เชอร์วูดพูดตอบโต้เธอมากขึ้นแม้จะเป้นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม
" ส่วนผักนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ค่ะ เพราะเมื่อยานของเราลงมาจอดที่นี่ พวกเราก็เอาดินที่บรรทุกด้วยปูรองพื้น แล้วสร้างโดมเพื่อปลูกพืชผักในการดำรงชีวิต เพราะแค่อาหารที่ติดมากับยานมันไม่ได้ช่วยให้พวกเราอยู่รอดได้ ถึงตอนนี้พวกเราจะพยายามปรับปรุงจนปลูกพืชผลบนดวงดาวนี้ได้แล้ว แต่โดมพวกนี้ก็ยังสำคัญกับพวกเราอยู่ดีค่ะ " มารีนเล่าวีรกรรมของโดมพวกนี้อย่างภูมิใจ เชอร์วูดเองก็เข้าใจในท่าทางของเธอดี แม้ตัวเธอจะไม่เคยมีความจำเป็นต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็เถอะ
...
หือ?
จู่ๆ เชอร์วูดก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังสัมผัสกับข้อเท้าของเธอภายใต้กระโปรงสีขาวของชุดที่เธอสวมอยู่ เมื่อเธอมองลงไปแล้วรื้อกระโปรงสูงขึ้นก็พบกับแมวดำตัวหนึ่งที่กำลังคลอเคลียกับขาเรียวงามของตัวเองอยู่ มารีนถึงกับเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่เธอจะก้มลงไปอุ้มแมวดำตัวนั้นขึ้นมากอดไว้ แต่แมวตัวดังกล่าวก็มีท่าทีขัดขืนเบาๆ ดูจากท่าทางมันคงพยายามจะไปหาเชอร์วูดแน่ๆ
" ท่าทางมันจะชอบคุณนะคะ " มารีนยิ้ม ก่อนที่เธอจะส่งแมวตัวดังกล่าวไปให้เชอร์วูด
เชอร์วูดเอื้อมมือไปหยิบแมวตัวนั้นขึ้นมาจ้องดู เธอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสของแมวดำตัวนั้นราวกับต้องการจะค้นหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน แมวตัวนั้นเองก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเชอร์วูดเช่นกัน ก่อนที่มันจะดิ้นดุกดิกในมือเธอสักครู่แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหัวไหล่ของเชอร์วูด ท่ามกลางเสียงหัวเราะของมารีน
" เราไปต่อกันเถอะคะ ยังมีอีกหลายที่เลยที่คุณต้องดู " มารีนบอก แล้วเธอก็เดินนำเชอร์วูดที่มีแมวนั่งเกาะอยู่บนไหล่ไปอีกครั้ง
" เฮ้อ "
กว่าครึ่งค่อนวันที่มารีนพาเธอท่องเที่ยวไปตามตัวหมู่บ้านของเธอที่มีบ้านเรือนไม่มากไปกว่า 50 หลังคาเรือน แต่มันกลับใช้เวลามากมายเหลือเกิน ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะการที่มารีนรู้จักกับคนทั่วไปในหมู่บ้านนั่นเองทำให้การเดินทางชมหมู่บ้านของพวกเธอต้องหยุดแวะข้างทางหลายต่อหลายครั้งเหมือนกับตอนนี้ที่พวกเธอต้องมาหยุดพักอยู่ที่แคร่หน้าบ้านของหญิงชราที่เคยให้ดอกไม้กับเชอร์วูดก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้ดอกไม้ที่ว่าก็ยังเหน็บอยู่บนอกเสื้อเธออยู่เลย
" น้ำชาจ๊ะ "
ถ้วยชาแบบญี่ปุ่นถูกวางไว้ข้างๆหญิงสาวทั้งสองพร้อมๆกับขนมกินเล่นยามว่าง เชอร์วูดถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นต่างจากมารีนที่ขอบคุณหญิงชราคนนั้น
" เป็นอะไรไปเหรอจ๊ะ หนูเชอร์วูด " หญิงชราถามเชอร์วูดเมื่อเห็นท่าทางของเธอ
" ปล่าว "
" ดูท่าคุณเชอร์วูดจะไม่ถูกโรคกับถ้วยชาแบบญี่ปุ่นนะคะ " มารีนหัวเราะ
อันที่จริงสิ่งที่มารีนพุดมามันก็ไม่ได้ผิดแผกอะไรจากความเป็นจริงนัก จะว่าไปมันก็ถุกต้องตรงเผงอย่างไม่น่าเชื่อซะด้วยซ้ำ เพราะถึงแม้เชอร์วูดจะชินชากับการดื่มชามาก แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่ต้องมานั่งดื่มชาในถ้วยชาของญี่ปุ่นมันจึงทำให้เธอรู้สึกแปลกๆไปบ้างด้วยความไม่เคยชิน
" ไม่ต้องกังวลหรอกจ๊ะ หนูเชอร์วูด " หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านบอก เธอเองก็เข้ามานั่งอยู่ไกล้ๆหญิงสาวทั้งสองแล้วหยิบถ้วยชาของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
" การดื่มชามันก็เหมือนการทำจิตใจให้สงบแล้วรับฟังสิ่งรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นชาแบบไหนก็มีจุดหมายแบบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น หนูไม่ต้องกลัวว่ามันจะผิดรูปแบบหรือธรรมเนียมหรอกจ๊ะ ของแบบนี้มันไม่มีกฎตายตัวหรอก "
แม้จะได้ยินแบบนั้น แต่ด้วยนิสัยของเชอร์วูด เธอจึงไม่อยากจะทำให้การดื่มชาครั้งนี้เสียจารีตประเพณีสักเท่าไหร่ แล้วเธอยังเคยได้ยินมาอีก ว่าสถานที่แห่งหนึ่งถือการดื่มชาเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม เธอจึงจดๆจ้องๆหญิงชราที่กำลังดื่มชาอยู่ไกล้ๆแล้วเริ่มทำตามที่เธอทำ พร้อมๆกับสังเกตพฤติกรรมทุกๆอย่างตามไปด้วยว่ามีอะไรที่ตัวเธอทำไม่ถูกต้องบ้าง และเมื่อเธอสังเกตจนพอใจแล้ว เธอก็ลงมือดื่มชาในถ้วยของตัวเองบ้าง
" คุณเชอร์วูดเนี่ย เป็นคนหัวแข็งไม่น้อยเลยนะคะเนี่ย " มารีนกับหญิงชราหัวเราะแล้วยิ้มให้เชอร์วูด
....
เชอร์วูดนิ่งไปเล็กน้อย ภาพหญิงสาวสี่คนที่กำลังนั่งดื่มชาฝรั่งอยู่บนโต๊ะกลมสีขาวภายในสวนเล็กๆ รายล้อมไปด้วยกุหลาบสีแดงที่กำลังเบ่งบานได้ที่ผุดขึ้นในหัวของเธอ หญิงสาวทั้งสี่คนต่างดูสนุกสนานร่าเริงราวกับภาพวาดที่ไม่มีสิ่งใดมาทำให้แปดเปื้อนหรือทำลายได้
" คุณเชอร์วูด คุณเชอร์วูดค่ะ? " มารีนร้องเรียกเชอร์วูดที่เหมือนจะเหม่อไป เชอร์วูดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันหน้ามามองหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
" นั่นสินะ สงสัยเป็นเพราะชั้นมีเพื่อนสนิทที่มีนิสัยเหมือนเด็กกับเพื่อนนิสัยแย่ๆที่ชอบแกล้งคนอื่นอยู่เรื่อยมั้ง ชั้นเลยต้องเอาจริงเอาจังสักหน่อย " เชอร์วูดบอก
" งั้นเหรอคะ เป็นแบบนี้นี่เอง "
" ...ว่าแต่ "
" ความทรงจำของคุณเชอร์วูดกลับมาแล้วเหรอคะเนี่ย? ถึงจำเรื่องแบบนั้นได้ "
เชอร์วูดแทบสำลักชาที่เธอกำลังดื่มอยู่ในมือ เธอลืมไปซะสนิทว่าตอนนี้เธอกำลังความจะเสื่อมอยู่ อาจเป็นเพราะที่นี่มันสงบเกินไปจนเธอไม่ระวังตัวก็ได้เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เธอคิดออกคือการหาอะไรบางอย่างที่พอจะทำให้สายตาและความสนใจของมารีนหันไปทางนั้นได้ แล้วเธอก็พบมัน
" ไม่รุ้สิ " เชอร์วูดตอบ เธอเอื้อมมือไปหยิบขนมที่ใช้กินเล่นกับชาแล้วยื่นมันไปไกล้ๆปากของแมวตัวที่เคยเกาะไหล่เธอ ซึ่งตอนนี้แมวตัวดังกล่าวกำลังนอนหลับปุ๋ยสบายใจอยู่บนตักแทน
ทั้งคู่ต่างก็ใช้สายตาของตนจับจ้องพฤติกรรมของแมวที่อยู่บนตักของเชอร์วูด ว่ามันจะทำอย่างไรเมื่อมีขนมอยู่มาใกล้ๆขนาดนี้ ทั้งคู่นิ่งอยู่นานจนเมื่อเจ้าแมวน้อยตัวนั้นได้กลิ่นของอาการมันจึงค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วเริ่มเลียขนมในมือของเชอร์วูดสักพัก แล้วมันก็กลับลงไปนอนเหมือนเดิม
" ท่าทางมันจะไม่ชอบนะคะ " มารีนให้ความคิดเห็น
" อืมมม ชั้นก็ว่างั้นแหละ " มารีนตอบกลับ
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังให้ความสนใจเจ้าแมวน้อยที่นอนอยู่บนตักของเชอร์วูด จู่ๆหญิงชราที่เคยนั่งอยู่ไกล้ๆพวกเธอก็ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในบ้านสักพัก เธอก็ออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ มันมีลักษณะเป็นก้อนสีดำๆขนาดเท่าไม้บรรทัดเรียวยาว ซึ่งเชอร์วูดไม่รู้จัก
" เอ๋!! นั่นมันปลาคลอไม่ใช่เหรอค่ะ? คุณยาย " มารีนรีบวิ่งเข้าไปดูสิ่งที่หญิงชราคนนั้นถือมาทันที เธอยิ้ม ซึ่งเชอร์วูดเองก็ไม่รุ้ว่าเจ้าปลาหน้าตาแปลกตัวนี้มันมีอะไรดีเหมือนกัน มารีนถึงได้ดีใจขนาดนี้
" คุณเชอร์วูด มาดูสิค่ะ เอ๊ะ! จริงด้วย คุณเชอร์วูดคงจะยังไม่รู้จักเจ้าปลาตัวนี้สินะคะ "
เชอร์วูดพยักหน้ารับ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับเธอที่จะไม่รุ้จักเพราะถึงยังไงจักรวาลนี้มันก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่คนๆเดียวจะรุ้จักทุกๆสิ่งอยู่แล้ว
" อิอิ เจ้าปลาเนี่ย เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดวงดาวนี้ค่ะ " มารีนบอก เชอร์วูดถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน เพราะเท่าที่เธอจำได้ มารีนเคยบอกกับเธอว่าบนดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิต และดุเหมือนว่ามารีนจะพอเดาได้อยู่เหมือนกัน
" จริงอยู่ว่าดาวดวงนี้มันไม่มีอะไรเลย แต่ว่าก็อย่างที่เคยบอกไปแล้ว ว่าดาวดวงนี้ยังมีน้ำที่อยู่ใต้ดิน แล้วในน้ำนั่น ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่เยอะเลยค่ะ เจ้าปลาตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นพวกเราเจอมันโดยบังเอิญที่โรงงานขุดเจาะน้ำเมื่อหลายปีก่อน แต่นานๆถึงจะสูบขึ้นมาแล้วติดมาด้วย มันหายากมากๆเลยค่ะ "
" คุณยายไปได้มันมาจากไหนค่ะเนี่ย " มารีนถาม
หญิงชรายิ้มให้มารีน เธอยื่นปลาตัวนั้นให้กับเชอร์วูด พร้อมๆกับท่าทางราวกับว่าต้องการที่จะให้เธอเอาปลาแห้งตัวนั้นให้แมวที่อยู่บนตักเธอกิน
" เอาเลยจ๊ะ หนูเชอร์วูด " หญิงชราพยักหน้าเมื่อเชอร์วูดรับปลาแห้งตัวนั้นจากมือของเธอไป เชอร์วูดมองปลาตัวดังกล่าวสักพัก ก่อนที่เธอจะเอาปลาตัวนั้นไปจ่อที่จมูกลูกแมว
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากทั้งสาม จะมีก็เพียงเสียงหายใจที่เบาบางของพวกเธอ ที่กำลังจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของลูกแมวที่อยู่บนตักของเชอร์วูดเท่านั้น และเมื่อเจ้าแมวได้กลิ่นของปลาแห้ง มันก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะคาบปลาตัวนั้นแล้วกระโดดลงจากตักของเชอร์วูด ลงไปกินอยู่ที่พื้นท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสาวๆ
กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่พวกเธอเที่ยวดูหลายๆสิ่งในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว เชอร์วูดก็มานั่งอยุ่หน้าบ้านโดยลำพังในขณะที่มารีนกำลังทำอาหารอยู่ในครัว แม้ในตอนนี้จะเป็นกลางคืน แต่การที่มีดวงจันทร์ถึงสองดวงขึ้นมาลอยเด่นบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้ทัศนวิสัยตรงหน้าสว่างขึ้นมาทันตา แต่ถึงไม่ต้องพึ่งของอย่างงั้น เชอร์วูดก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว รวมถึงทิวทัศน์ที่ไกลสุดลูกหูลูกตานี้ด้วย
" เป็นยังไงบ้างค่ะ คุณเชอร์วูด ชอบที่นี่ไหมคะ? " มารีนที่เดินเข้ามาหาเชอร์วูดอย่างเงียบๆถาม เพราะเธอนั่งมองเชอร์วูดอยู่นานแล้ว แล้วมันก็นานพอที่จะทำให้เธอมองเห็นใบหน้าเศร้าๆของเชอร์วูดด้วย
" ก็ดี "
เชอร์วูดเลี่ยงที่จะตอบคำถามของมารีนตรงๆ สายตาเธอยังคงจ้องมองไปที่ทิวทัศน์รอบนอก บ้านของมารีนเองก็ตั้งอยู่ห่างจากหมุ่บ้านไม่เท่าไหร่ แล้วที่สำคัญมันยังตั้งอยุ่บนที่สูงแม้จะไม่มากแต่ก็พอจะทำให้มองเห็นตัวหมู่บ้านข้างล่างได้ชัดเจนว่าในรอบรัศมีหลายสิบ หรืออาจจะหลายร้อยกิโลเมตรรอบๆนั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากต้นไม้ที่มีใบสีเหลือง ทราย และหิน
....
หมู่บ้าน ที่ปล่าวเปลี่ยวสุดลุกหูลูกตา หมู่บ้าน ที่แสนจะแห้งแล้งและห่างไกลจากความเจริญต่างๆนาๆ หมู่บ้าน ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
" ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ คุณเชอร์วูด หลังจากนั้นชั้นจะได้ดูแผลให้ด้วยเลย " มารีนเรียกเชอร์วูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ตัวเธอจะเดินเข้าบ้านไป ซึ่งเชอร์วูดเองก็เหมือนกันเธอค่อยๆลุกขึ้นจากที่ๆเธอนั่งอยู่ในตอนแรกแล้วมองไปที่วิวด้านหน้าอีกครั้ง
" ...บางที ที่นี่อาจจะไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่มั้ง " เชอร์วูดคิด แล้วเธอก็ละสายตาไปจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วเดินเข้าไปในบ้านของมารีน ตามคำเรียกของมารีนก่อนหน้านี้
แม้จะรู้อยู่แก่ใจตั้งแต่เมื่อครั้งยังนอนอุตุรักษาบาดแผลอยู่ในบ้านของมารีน แต่เมื่อออกมาเดินแบบนี้ยิ่งทำให้เธอมั่นใจกับความแห้งแล้งตายซากของดาวดวงนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะถึงแม้สภาพอากาศโดยทั่วไปที่เธอสัมผัสได้นั้นจะสดชื่นและอบอุ่นด้วยไอแดดที่สาดส่องผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นดิน แต่สภาพภูมิประเทศโดยรอบกลับดูแห้งแล้งกันดารซะเหลือเกิน กระนั้นก็ไม่ถึงกับปลูกอะไรไม่ขึ้นเลย เพราะยังพอมีต้นไม้เกิดขึ้นบ้างประปรายแม้ใบของมันจะเป็นสีน้ำตาลเพราะขาดสารอาหารก็เถอะ
" เป็นยังไงบ้างค่ะ หมู่บ้านของเรา " มารีนถามความคิดเห็นของเชอร์วูดที่เดินตามหลังเธอมาติดๆ
" ก็ดี "
เชอร์วูดตอบสั้นๆ มารีนยิ้มเล็กน้อย เธอไม่ได้ถามอะไรต่อ เธอยังคงเดินนำทางเชอร์วูดออกไปเรื่อยๆจนทั้งคู่ทะลุออกไปด้านหลังหมู่บ้านที่มีโดมทรงกลมเล็กๆ สอง ถึงสามโดมสร้างด้วยเหล็กแล้วหุ้มด้วยอะไรบางอย่างที่เป็นแผ่นใสๆซึ่งเชอร์วูดไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ที่แน่ๆข้างในนั้นมีต้นไม้ พืช ผักที่มีใบสีเขียวเกิดอยู่เต็มไปหมดต่างจากนอกโดมโดยสิ้นเชิง
" โดมที่เห็นคือสวนผักของพวกเราค่ะ ถ้าความทรงจำของคุณเชอร์วูดกลับมาแล้วอาจจะจำได้แต่ถึงยังงั้นก็จะขออธิบายนิดนึงนะคะ "
เชอร์วูดพยักหน้าตอบรับคำขอของมารีน เมื่อมารีนเห็นท่าทางแบบนั้นก็เริ่มอธิบายต่อไป
" อย่างที่รู้กันอยู่ ว่าที่นี่คือดาวอังคาร ถึงแม้ว่าดาวดวงนี้จะมีชั้นบรรยากาศเหมือนโลกก็ตาม แต่ก็อย่างที่เห็น ดวงดาวดวงนี้ไม่มีน้ำเหมือนโลก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่ เพราะทุกชีวิตย่อมขาดน้ำไม่ได้ แถมสภาพผิวดินยังไม่เหมาะกับการเพาะปลูกอีก ดังนั้น ก่อนที่พวกเราจะมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่พวกเราจึงต้องเตรียมการอะไรบางอย่างซะก่อน "
มารีนเงียบไปพักนึงเพื่อดูความสนใจของคู่สนทนา เมื่อเห็นว่าเชอร์วูดตั้งใจฟังดี เธอก็เริ่มเล่าต่ออีกครั้ง
" เริ่มแรกเราใช้ยานมาสำรวจก่อน แล้วเราก็พบว่า ที่นี่ไม่ได้แห้งแล้งอย่างที่คิดเพราะยังมีน้ำอยู่ใต้ผิวดินมากมาย พวกเราเลยออกเดินทางมาที่นี่ ยาน 50 ลำที่บรรทุกคนกว่า4000คน และยานอีก 50 ลำที่บรรทุกอุปกรณ์ขุดเจาะน้ำ พวกเราใช้เวลาเกือบปีจนมาถึงที่นี่ ยานแต่ละลำลงจอดแต่ละที่ทั่วดวงดาว แล้วพวกเราก็เริ่มใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ที่โลกไหม่นี้ "
" แล้วสวนผัก... " เชอร์วูดพูดสวนมารีนทันควัน ปกติเธอไม่ใช่คนที่จะขัดคำพุดของคนอื่นเท่าไหร่ แต่เธอเห็นว่าสิ่งที่มารีนเล่ามันไม่ได้เกี่ยวกับสวนผักนี่เลยซักนิด
" อ่า นั่นสินะคะ " มารีนหัวเราะคิกคักนิดหน่อย เธอรู้สึกดีใจที่เชอร์วูดพูดตอบโต้เธอมากขึ้นแม้จะเป้นเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม
" ส่วนผักนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ค่ะ เพราะเมื่อยานของเราลงมาจอดที่นี่ พวกเราก็เอาดินที่บรรทุกด้วยปูรองพื้น แล้วสร้างโดมเพื่อปลูกพืชผักในการดำรงชีวิต เพราะแค่อาหารที่ติดมากับยานมันไม่ได้ช่วยให้พวกเราอยู่รอดได้ ถึงตอนนี้พวกเราจะพยายามปรับปรุงจนปลูกพืชผลบนดวงดาวนี้ได้แล้ว แต่โดมพวกนี้ก็ยังสำคัญกับพวกเราอยู่ดีค่ะ " มารีนเล่าวีรกรรมของโดมพวกนี้อย่างภูมิใจ เชอร์วูดเองก็เข้าใจในท่าทางของเธอดี แม้ตัวเธอจะไม่เคยมีความจำเป็นต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็เถอะ
...
หือ?
จู่ๆ เชอร์วูดก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่กำลังสัมผัสกับข้อเท้าของเธอภายใต้กระโปรงสีขาวของชุดที่เธอสวมอยู่ เมื่อเธอมองลงไปแล้วรื้อกระโปรงสูงขึ้นก็พบกับแมวดำตัวหนึ่งที่กำลังคลอเคลียกับขาเรียวงามของตัวเองอยู่ มารีนถึงกับเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนที่เธอจะก้มลงไปอุ้มแมวดำตัวนั้นขึ้นมากอดไว้ แต่แมวตัวดังกล่าวก็มีท่าทีขัดขืนเบาๆ ดูจากท่าทางมันคงพยายามจะไปหาเชอร์วูดแน่ๆ
" ท่าทางมันจะชอบคุณนะคะ " มารีนยิ้ม ก่อนที่เธอจะส่งแมวตัวดังกล่าวไปให้เชอร์วูด
เชอร์วูดเอื้อมมือไปหยิบแมวตัวนั้นขึ้นมาจ้องดู เธอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าใสของแมวดำตัวนั้นราวกับต้องการจะค้นหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน แมวตัวนั้นเองก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเชอร์วูดเช่นกัน ก่อนที่มันจะดิ้นดุกดิกในมือเธอสักครู่แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนหัวไหล่ของเชอร์วูด ท่ามกลางเสียงหัวเราะของมารีน
" เราไปต่อกันเถอะคะ ยังมีอีกหลายที่เลยที่คุณต้องดู " มารีนบอก แล้วเธอก็เดินนำเชอร์วูดที่มีแมวนั่งเกาะอยู่บนไหล่ไปอีกครั้ง
" เฮ้อ "
กว่าครึ่งค่อนวันที่มารีนพาเธอท่องเที่ยวไปตามตัวหมู่บ้านของเธอที่มีบ้านเรือนไม่มากไปกว่า 50 หลังคาเรือน แต่มันกลับใช้เวลามากมายเหลือเกิน ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเพราะการที่มารีนรู้จักกับคนทั่วไปในหมู่บ้านนั่นเองทำให้การเดินทางชมหมู่บ้านของพวกเธอต้องหยุดแวะข้างทางหลายต่อหลายครั้งเหมือนกับตอนนี้ที่พวกเธอต้องมาหยุดพักอยู่ที่แคร่หน้าบ้านของหญิงชราที่เคยให้ดอกไม้กับเชอร์วูดก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้ดอกไม้ที่ว่าก็ยังเหน็บอยู่บนอกเสื้อเธออยู่เลย
" น้ำชาจ๊ะ "
ถ้วยชาแบบญี่ปุ่นถูกวางไว้ข้างๆหญิงสาวทั้งสองพร้อมๆกับขนมกินเล่นยามว่าง เชอร์วูดถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นต่างจากมารีนที่ขอบคุณหญิงชราคนนั้น
" เป็นอะไรไปเหรอจ๊ะ หนูเชอร์วูด " หญิงชราถามเชอร์วูดเมื่อเห็นท่าทางของเธอ
" ปล่าว "
" ดูท่าคุณเชอร์วูดจะไม่ถูกโรคกับถ้วยชาแบบญี่ปุ่นนะคะ " มารีนหัวเราะ
อันที่จริงสิ่งที่มารีนพุดมามันก็ไม่ได้ผิดแผกอะไรจากความเป็นจริงนัก จะว่าไปมันก็ถุกต้องตรงเผงอย่างไม่น่าเชื่อซะด้วยซ้ำ เพราะถึงแม้เชอร์วูดจะชินชากับการดื่มชามาก แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกสำหรับเธอที่ต้องมานั่งดื่มชาในถ้วยชาของญี่ปุ่นมันจึงทำให้เธอรู้สึกแปลกๆไปบ้างด้วยความไม่เคยชิน
" ไม่ต้องกังวลหรอกจ๊ะ หนูเชอร์วูด " หญิงชราผู้เป็นเจ้าของบ้านบอก เธอเองก็เข้ามานั่งอยู่ไกล้ๆหญิงสาวทั้งสองแล้วหยิบถ้วยชาของตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน
" การดื่มชามันก็เหมือนการทำจิตใจให้สงบแล้วรับฟังสิ่งรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นชาแบบไหนก็มีจุดหมายแบบนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น หนูไม่ต้องกลัวว่ามันจะผิดรูปแบบหรือธรรมเนียมหรอกจ๊ะ ของแบบนี้มันไม่มีกฎตายตัวหรอก "
แม้จะได้ยินแบบนั้น แต่ด้วยนิสัยของเชอร์วูด เธอจึงไม่อยากจะทำให้การดื่มชาครั้งนี้เสียจารีตประเพณีสักเท่าไหร่ แล้วเธอยังเคยได้ยินมาอีก ว่าสถานที่แห่งหนึ่งถือการดื่มชาเป็นขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม เธอจึงจดๆจ้องๆหญิงชราที่กำลังดื่มชาอยู่ไกล้ๆแล้วเริ่มทำตามที่เธอทำ พร้อมๆกับสังเกตพฤติกรรมทุกๆอย่างตามไปด้วยว่ามีอะไรที่ตัวเธอทำไม่ถูกต้องบ้าง และเมื่อเธอสังเกตจนพอใจแล้ว เธอก็ลงมือดื่มชาในถ้วยของตัวเองบ้าง
" คุณเชอร์วูดเนี่ย เป็นคนหัวแข็งไม่น้อยเลยนะคะเนี่ย " มารีนกับหญิงชราหัวเราะแล้วยิ้มให้เชอร์วูด
....
เชอร์วูดนิ่งไปเล็กน้อย ภาพหญิงสาวสี่คนที่กำลังนั่งดื่มชาฝรั่งอยู่บนโต๊ะกลมสีขาวภายในสวนเล็กๆ รายล้อมไปด้วยกุหลาบสีแดงที่กำลังเบ่งบานได้ที่ผุดขึ้นในหัวของเธอ หญิงสาวทั้งสี่คนต่างดูสนุกสนานร่าเริงราวกับภาพวาดที่ไม่มีสิ่งใดมาทำให้แปดเปื้อนหรือทำลายได้
" คุณเชอร์วูด คุณเชอร์วูดค่ะ? " มารีนร้องเรียกเชอร์วูดที่เหมือนจะเหม่อไป เชอร์วูดสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่เธอจะหันหน้ามามองหญิงสาวอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
" นั่นสินะ สงสัยเป็นเพราะชั้นมีเพื่อนสนิทที่มีนิสัยเหมือนเด็กกับเพื่อนนิสัยแย่ๆที่ชอบแกล้งคนอื่นอยู่เรื่อยมั้ง ชั้นเลยต้องเอาจริงเอาจังสักหน่อย " เชอร์วูดบอก
" งั้นเหรอคะ เป็นแบบนี้นี่เอง "
" ...ว่าแต่ "
" ความทรงจำของคุณเชอร์วูดกลับมาแล้วเหรอคะเนี่ย? ถึงจำเรื่องแบบนั้นได้ "
เชอร์วูดแทบสำลักชาที่เธอกำลังดื่มอยู่ในมือ เธอลืมไปซะสนิทว่าตอนนี้เธอกำลังความจะเสื่อมอยู่ อาจเป็นเพราะที่นี่มันสงบเกินไปจนเธอไม่ระวังตัวก็ได้เพราะฉะนั้น สิ่งแรกที่เธอคิดออกคือการหาอะไรบางอย่างที่พอจะทำให้สายตาและความสนใจของมารีนหันไปทางนั้นได้ แล้วเธอก็พบมัน
" ไม่รุ้สิ " เชอร์วูดตอบ เธอเอื้อมมือไปหยิบขนมที่ใช้กินเล่นกับชาแล้วยื่นมันไปไกล้ๆปากของแมวตัวที่เคยเกาะไหล่เธอ ซึ่งตอนนี้แมวตัวดังกล่าวกำลังนอนหลับปุ๋ยสบายใจอยู่บนตักแทน
ทั้งคู่ต่างก็ใช้สายตาของตนจับจ้องพฤติกรรมของแมวที่อยู่บนตักของเชอร์วูด ว่ามันจะทำอย่างไรเมื่อมีขนมอยู่มาใกล้ๆขนาดนี้ ทั้งคู่นิ่งอยู่นานจนเมื่อเจ้าแมวน้อยตัวนั้นได้กลิ่นของอาการมันจึงค่อยๆลุกขึ้นมาแล้วเริ่มเลียขนมในมือของเชอร์วูดสักพัก แล้วมันก็กลับลงไปนอนเหมือนเดิม
" ท่าทางมันจะไม่ชอบนะคะ " มารีนให้ความคิดเห็น
" อืมมม ชั้นก็ว่างั้นแหละ " มารีนตอบกลับ
ในขณะที่ทั้งคู่กำลังให้ความสนใจเจ้าแมวน้อยที่นอนอยู่บนตักของเชอร์วูด จู่ๆหญิงชราที่เคยนั่งอยู่ไกล้ๆพวกเธอก็ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปในบ้านสักพัก เธอก็ออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับอะไรบางอย่างที่อยู่ในมือ มันมีลักษณะเป็นก้อนสีดำๆขนาดเท่าไม้บรรทัดเรียวยาว ซึ่งเชอร์วูดไม่รู้จัก
" เอ๋!! นั่นมันปลาคลอไม่ใช่เหรอค่ะ? คุณยาย " มารีนรีบวิ่งเข้าไปดูสิ่งที่หญิงชราคนนั้นถือมาทันที เธอยิ้ม ซึ่งเชอร์วูดเองก็ไม่รุ้ว่าเจ้าปลาหน้าตาแปลกตัวนี้มันมีอะไรดีเหมือนกัน มารีนถึงได้ดีใจขนาดนี้
" คุณเชอร์วูด มาดูสิค่ะ เอ๊ะ! จริงด้วย คุณเชอร์วูดคงจะยังไม่รู้จักเจ้าปลาตัวนี้สินะคะ "
เชอร์วูดพยักหน้ารับ มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสำหรับเธอที่จะไม่รุ้จักเพราะถึงยังไงจักรวาลนี้มันก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่คนๆเดียวจะรุ้จักทุกๆสิ่งอยู่แล้ว
" อิอิ เจ้าปลาเนี่ย เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดวงดาวนี้ค่ะ " มารีนบอก เชอร์วูดถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน เพราะเท่าที่เธอจำได้ มารีนเคยบอกกับเธอว่าบนดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิต และดุเหมือนว่ามารีนจะพอเดาได้อยู่เหมือนกัน
" จริงอยู่ว่าดาวดวงนี้มันไม่มีอะไรเลย แต่ว่าก็อย่างที่เคยบอกไปแล้ว ว่าดาวดวงนี้ยังมีน้ำที่อยู่ใต้ดิน แล้วในน้ำนั่น ก็มีสิ่งมีชีวิตอยู่เยอะเลยค่ะ เจ้าปลาตัวนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นพวกเราเจอมันโดยบังเอิญที่โรงงานขุดเจาะน้ำเมื่อหลายปีก่อน แต่นานๆถึงจะสูบขึ้นมาแล้วติดมาด้วย มันหายากมากๆเลยค่ะ "
" คุณยายไปได้มันมาจากไหนค่ะเนี่ย " มารีนถาม
หญิงชรายิ้มให้มารีน เธอยื่นปลาตัวนั้นให้กับเชอร์วูด พร้อมๆกับท่าทางราวกับว่าต้องการที่จะให้เธอเอาปลาแห้งตัวนั้นให้แมวที่อยู่บนตักเธอกิน
" เอาเลยจ๊ะ หนูเชอร์วูด " หญิงชราพยักหน้าเมื่อเชอร์วูดรับปลาแห้งตัวนั้นจากมือของเธอไป เชอร์วูดมองปลาตัวดังกล่าวสักพัก ก่อนที่เธอจะเอาปลาตัวนั้นไปจ่อที่จมูกลูกแมว
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากทั้งสาม จะมีก็เพียงเสียงหายใจที่เบาบางของพวกเธอ ที่กำลังจับจ้องมองการเคลื่อนไหวของลูกแมวที่อยู่บนตักของเชอร์วูดเท่านั้น และเมื่อเจ้าแมวได้กลิ่นของปลาแห้ง มันก็ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะคาบปลาตัวนั้นแล้วกระโดดลงจากตักของเชอร์วูด ลงไปกินอยู่ที่พื้นท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสาวๆ
กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่พวกเธอเที่ยวดูหลายๆสิ่งในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว เชอร์วูดก็มานั่งอยุ่หน้าบ้านโดยลำพังในขณะที่มารีนกำลังทำอาหารอยู่ในครัว แม้ในตอนนี้จะเป็นกลางคืน แต่การที่มีดวงจันทร์ถึงสองดวงขึ้นมาลอยเด่นบนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้ทัศนวิสัยตรงหน้าสว่างขึ้นมาทันตา แต่ถึงไม่ต้องพึ่งของอย่างงั้น เชอร์วูดก็มองเห็นทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว รวมถึงทิวทัศน์ที่ไกลสุดลูกหูลูกตานี้ด้วย
" เป็นยังไงบ้างค่ะ คุณเชอร์วูด ชอบที่นี่ไหมคะ? " มารีนที่เดินเข้ามาหาเชอร์วูดอย่างเงียบๆถาม เพราะเธอนั่งมองเชอร์วูดอยู่นานแล้ว แล้วมันก็นานพอที่จะทำให้เธอมองเห็นใบหน้าเศร้าๆของเชอร์วูดด้วย
" ก็ดี "
เชอร์วูดเลี่ยงที่จะตอบคำถามของมารีนตรงๆ สายตาเธอยังคงจ้องมองไปที่ทิวทัศน์รอบนอก บ้านของมารีนเองก็ตั้งอยู่ห่างจากหมุ่บ้านไม่เท่าไหร่ แล้วที่สำคัญมันยังตั้งอยุ่บนที่สูงแม้จะไม่มากแต่ก็พอจะทำให้มองเห็นตัวหมู่บ้านข้างล่างได้ชัดเจนว่าในรอบรัศมีหลายสิบ หรืออาจจะหลายร้อยกิโลเมตรรอบๆนั้นไม่มีอะไรเลย นอกจากต้นไม้ที่มีใบสีเหลือง ทราย และหิน
....
หมู่บ้าน ที่ปล่าวเปลี่ยวสุดลุกหูลูกตา หมู่บ้าน ที่แสนจะแห้งแล้งและห่างไกลจากความเจริญต่างๆนาๆ หมู่บ้าน ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
" ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ คุณเชอร์วูด หลังจากนั้นชั้นจะได้ดูแผลให้ด้วยเลย " มารีนเรียกเชอร์วูดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ตัวเธอจะเดินเข้าบ้านไป ซึ่งเชอร์วูดเองก็เหมือนกันเธอค่อยๆลุกขึ้นจากที่ๆเธอนั่งอยู่ในตอนแรกแล้วมองไปที่วิวด้านหน้าอีกครั้ง
" ...บางที ที่นี่อาจจะไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่มั้ง " เชอร์วูดคิด แล้วเธอก็ละสายตาไปจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แล้วเดินเข้าไปในบ้านของมารีน ตามคำเรียกของมารีนก่อนหน้านี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ