Rainbow [ The Gravita' ]
9.7
1) บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ บทที่ 1 แดฟโฟดิล
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกลางแผ่นดินอันแห้งแล้งสีน้ำตาลเข้มที่มีแต่หิน ดิน และทรายล้อมรอบไปทั่วทั้งดวงดาว หญิงสาวคนหนึ่งนอนสลบอยู่ท่ามกลางที่แห่งนั้นโดนไม่ได้ขยับไปไหน เป็นเวลานานเท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ที่เธอมาอยู่ ณ ตรงจุดนั้น รู้แต่เพียงว่าจนบัดนี้นับตั้งแต่หญิงสาวนอนอยู่ เธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายเลย หรืออาจเป็นตัวของเธอเองที่ไม่ต้องการตื่นขึ้นมาพบเจอกับความจริงอันโหดร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน
…
" เซราฟีม "
นั่นเป็นคำพูดแรกของหญิงสาวที่เพ้อขึ้นมาคำแรก เปลือกตาของเธอค่อยๆเผยออกมารับแสงสว่างหลังจากการหลับไหลอันยาวนาน และสิ่งแรกที่เธอเห็น คือหญิงสาวอีกคนที่กำลังใช้ผ้าสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำวางไว้บนหน้าผากของเธอ เพื่อลดไข้
" เจ้าเป็นใคร? " หญิงสาวถามและพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอนที่เธอนอนอยู่ แต่เธอก็ต้องนอนลงไปบนเตียงเดิมอีก เมื่อเจอกับแรงผลักอันเบาบางของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอ
" คุณยังไม่หายดี พักผ่อนสักหน่อยดีไหม? "
หญิงสาวคนนั้นบอกด้วยความห่วงใย เธอยิ้มให้กับหญิงสาวที่อยู่บนเตียงเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกออกไปเพื่อเปลี่ยนน้ำที่ใช้เช็ดตัวหญิงสาวเมื่อสักครู่ ท่ามกลางสายตาอันสับสนของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
" หลับให้สบายเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณต้องกลัว ทำใจให้สบายเถอะค่ะ " และด้วยคำพูดนั้นเอง หญิงสาว ก็หลับลงไปอีกครั้ง
ในห้องสีขาวเล็กๆที่ถูกประดับไว้อย่างง่ายๆด้วยหินหลากสีสันที่ห้อยระโยงระยางไว้ตามกำแพง หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เธอเอื้อมมือเรียวงามของเธอจับไปที่หน้าอกเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลที่พันเป็นแนวทแยงสะพายแล่งทางขวาแล้วเธอก็ถอนหายใจ
" คุณสลบไปเป็นอาทิตย์แนะ ชั้นนึกว่าคุณจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก "
หญิงสาวอีกคนกล่าวขึ้น ขณะที่เธอกำลังเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ในมือของเธอถือดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย หญิงสาวที่อยู่บนเตียงจ้องมองเรือนผมสีน้ำเงินที่ถูกตัดสั้นเสมอไหล่อีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย ก่อนที่สายตาของเธอจะเลือนจากหญิงสาวผมสีน้ำเงินตรงหน้า ลอดออกไปจากหน้าต่างที่อยู่ใกล้ตัวของเธอแทน
" ท่าทางแผลที่หน้าอกของคุณคงจะหายดีแล้วสินะคะ แผลใหญ่ขนาดนั้นแค่อาทิตย์กว่าๆก็หายแล้ว สงสัยจะเป็นมนต์วิเศษของดวงดาวแห่งนี้แน่ๆเลย คุณคิดแบบนั้นไหม? " หญิงสาวผมสีน้ำเงินกล่าว ตอนนี้ดอกไม้ในมือเธอนั้นหายไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงแจกันใบใหญ่ที่มีดอกไม้ประดับถูกตั้งไว้ที่ข้างหัวเตียงแทน
หญิงสาวยังคงไม่ตอบคำถามใดๆทั้งนั้น สายตาของเธอยังคงเหม่อมองทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่างอย่างตั้งใจ แม้ทิวทัศน์ภายนอกจะมีสีแดงจากดินและหินที่ประดับไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็ตาม
" ที่นี่ที่ไหน ? " หญิงสาวถามหลังจากเธอมองออกไปนอกหน้าต่างนานพอสมควร แต่กระนั้น เธอก็ไม่แสดงทีท่าสนใจคู่สนทนาเลย
" ที่นี่ก็ดาวอังคารไงคะ คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็ตั้งใจเดินทางมาที่นี่อยู่แล้วนี่คะ หรือว่าคุณไม่ใช่? " หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ แต่เธอก็ได้รับเพียงความเงียบกลับมาเหมือนเดิม
หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ เธอส่งสายตาไปยังหญิงสาวที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง เธอไม่รู้หรอก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนี้มาบ้าง แต่เท่าที่เธอรู้ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอคงต้องการเวลาอีกมากในการทำความเข้าใจกับตัวเอง แล้วเมื่อถึงเวลานั้น " เธอก็คงจะบอกเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง "
" ชั้นชื่อมารีน ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็… "
" ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งนี้ค่ะ "
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง หญิงสาวก็พลันนึกถึงหน้าของคนๆหนึ่งขึ้นมา เมื่อเธอมองเห็นรอยยิ้มของมารีนที่ส่งให้ ก่อนที่เธอจะออกไปจากห้อง
….
" เซราฟีม "
บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ บทที่ 1 แดฟโฟดิล
แสงแดดจางๆสาดส่องลงมายังเบื้องล่างในตอนเช้า แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันก็เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ที่ได้สัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆแบบนี้บนดวงดาวที่ไม่รู้จัก หลังจากที่เธอต้องนอนอยู่กับเตียงมามากกว่าสองอาทิตย์เพราะอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี
" ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี อย่าเพิ่งหักโหมนะค่ะ ถ้าทำอะไรมากไปมันอาจจะมีผลกับความทรงจำก็ได้ " มารีนที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวร้องบอกด้วยความหวังดี
" อื้อ " หญิงสาวตอบรับสั้นๆ
สายลมอันอบอุ่น พัดผ่านร่างกายที่เอาแต่หมกตัวอยู่บนเตียงมานาน แม้บรรยากาศโดยรอบจะค่อนข้างแห้งแล้ง แต่มันกลับไม่ได้ร้อนอย่างทีคิด กลับกัน มันออกจะอบอุ่นชุ่มชื่นซะด้วยซ้ำ ช่างน่าแปลกซะเหลือเกินที่ดาวดวงนี้แห้งแล้งขนาดนี้ ทั้งๆอากาศเหมาะแก่การเพาะปลูกมากขนาดนี้
อุ๊บ !
หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมาตรงบาดแผลนิดหน่อย เป็นเวลามากกว่าสิบห้าวันแล้ว ที่มารีนคอยดูแลเธอที่กำลังบาดเจ็บสาหัส ซึ่งสำหรับหญิงสาวแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นแม้แต่น้อย เพราะร่างกายของเธอสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่า และตัวเธอก็ไม่ได้สนใจกับอาการบาดเจ็บมากมาย แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับการยุ่มย่ามเกินความจำเป็นหรอกนะ
" ทานข้าวได้แล้วค่ะ "
มารีนร้องบอกหญิงสาวหลังจากที่เธอเพิ่งทำอาหารเสร็จ เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้น เธอก็พักจากการอาบบรรยากาศที่แสนจะอ่อนโยนไว้ก่อน แล้วหันหลังกลับเข้าไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนที่จะโดนมารีนเอ็ดเอาเหมือนวันอื่นๆ ที่เธอพยายามจะเดินออกมาข้างนอกทั้งๆที่แผลยังไม่หายดี
" รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ " มารีนถามหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังทานอาหารอยู่ หญิงสาวมองหน้ามารีนเล็กน้อย
" ก็ อร่อยดี " หญิงสาวตอบห้วนๆ ถึงแม้รสชาติอาหารของมารีนจะไม่ได้เลอเลิศมากไปกว่าอาหารหลายๆอย่างที่เธอเคยทานมาแถมยังรสชาติแปลกนิดๆ แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าข้าวต้มที่เธอต้องทานในช่วงที่นอนพักอยู่บนเตียงโขล่ะ
การสนทนาของทั้งคู่ยังดำเนินไปเรื่อยๆ ถึงแม้รอยยิ้มของมารีนไม่อาจทลายใบหน้าที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งของหญิงสาวคนนี้ได้ แต่หญิงสาวคนนี้ก็ยอมพุดคุยกับเธอมากขึ้นไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่หญิงสาวเอาแต่นั่นนิ่งมองวิวนอกหน้าต่างอยู่บนเตียงเพียงอย่างเดียว จนกระทั้งหญิงสาวทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จ มารีนจึงกุลีกุจอเก็บจานชามเพื่อนำมันไปล้างเก็บให้เรียบร้อย หญิงสาวเองก็ลุกขึ้นและพยายามทำสิ่งที่มารีนทำเช่นกัน
" อุ๊ย ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง คุณยังเจ็บอยู่ นั่งดูอยู่เฉยๆดีกว่านะคะ " มารีนบอก พร้อมๆกับมือของเธอที่คว้าจานชามของหญิงสาวด้วยความรวดเร็ว แล้วมารีนก็พุ่งตัวหายลับไปหลังบ้านทันที
หญิงสาวอึ้งเล็กน้อย อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ก็เป็นได้ แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย เพราะโดยปกติ คนที่ยุ่มย่ามจู้จี้กับชีวิตคนอื่นน่าจะเป็นตัวเธอซะมากกว่านี่นะ
" เอ่อ ชั้นมาคิดๆดูแล้ว การที่คุณเสียความทรงจำแบบนี้มันคงลำบากแย่เลยสินะคะ? "
หือ ?!
หญิงสาวอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกขึ้นได้ว่าเคยบอกอะไรแบบนั้นให้มารีนฟัง แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำอะไรอย่างนั้นหรอก แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่ให้มารีนคิดแบบนั้น และที่สำคัญที่สุด เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเท่าไหร่ด้วย
" ก็คงงั้นล่ะ แต่ชั้นก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ " แม้เธอจะตอบคำถามของมารีน แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงมองแต่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างอยู่เหมือนเช่นทุกครั้ง
" มันก็จริงนะคะ แต่ถ้าความทรงจำของคุณยังไม่กลับมาอยู่แบบนี้ ชั้นก็คงจะปล่อยให้คุณไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ " มารีนยิ้ม
คำพุดของมารีนทำให้หญิงสาวต้องหันขวับมามองเธอในทันควัน เธอไม่คิดเลยสักนิดว่ามารีนจะเล่นมุขนี้กับเธอ แต่ครั้นจะบอกว่าความทรงจำกลับมาแล้วมารีนก็คงไม่คิดจะเชื่อเธอแน่ๆ ถึงแม้การจากไปอย่างเงียบๆมันจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ แต่มันคงไม่เป็นการดีที่จะทำให้คนที่ดูแลเธอมาตลอดเป็นห่วงแน่ ไม่คิดเลยว่าการพูดโดยไม่คิดของเธอจะเป็นการแขวนคอตัวเองไปซะแล้ว ท่าทางเธอคงต้องจัดความคิดความอ่านของเธอใหม่สักหน่อยหลังจากที่นอนอืดมานาน
" เดินเล่นซักหน่อยไหมค่ะ? "
...
จากบ้านหลังเล็กๆที่ตั้งรกรากห่างไกลเข้าไปในซอกภูเขา สู่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่ หญิงสาวและมารีน กำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นอย่างสบายอกสบายใจโดยเฉพาะมารีน เพราะถึงแม้ว่าบ้านของเธอจะอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านไปสักหน่อยแต่มันก็ยังเป็นหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่ ไม่เหมือนกับหญิงสาวที่ไม่รุ้จักใครเลย เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนมาทักทายมารีนด้วยความเป็นมิตร
" สวัสดีจ๊ะมารีน อยู่ข้างบนเป็นยังไงบ้าง " หญิงชราคนหนึ่งทักทายระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านหน้าบ้านของเธอ ซึ่งมารีนก็ทักทายเธอกลับเช่นกัน
" ท่าทางเธอจะเป็นที่นิยมมากเลยนะ ? " หญิงสาวถามมารีนหลังจากที่เธอคุยกับหญิงชราคนเมื่อครู่เสร็จแล้ว
" ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คนที่ย้ายจากโลกมาอยู่ดาวอังคารยังมีน้อยอยู่ แล้วแต่ละคนก็อยู่กระจายๆกันไปตามที่อื่นๆบนดวงดาวทำให้แต่ละหมู่บ้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก จะรู้จักทั้งหมดก็ไม่แปลกหรอกค่ะ "
แม้มารีนจะพยายามอธิบายเหตุผลหลายๆอย่างให้หญิงสาวฟัง แต่หญิงสาวก็ไม่คิดจะฟังสิ่งที่เธอเล่าแม้แต่น้อย สายตาของหญิงสาวยังคงจับจ้องมองออกไปยังทิวทัศน์รอบนอกเหมือนกับทุกที จนกระทั่งหญิงชราที่เข้ามาคุยกับมารีนในตอนแรกเดินเข้ามาหาแล้วหยุดตรงหน้าเธอพร้อมๆกับรอยยิ้มที่ดูสวยงามสำหรับคนอายุมาก
" นี่จ๊ะ แม่หนู " หญิงชรายื่นดอกไม้สีเหลืองดอกหนึ่งให้กับหญิงสาว แม้หญิงสาวจะไม่เข้าใจความหมายของมันแต่เธอก็รับไว้แต่โดยที่ก่อนที่เธอจะโค้งให้กับหญิงชราที่กำลังเดินห่างออกไป ท่ามกลางสายตาและรอยยิ้มของมารีนที่อยู่ไกล้ๆ
" มีอะไรรึปล่าว ? " หญิงสาวถามมารีนด้วยความสงสัยจากท่าทางของเธอ
" รู้ไหมค่ะ ความหมายของดอกแดฟโฟดิลน่ะคือการหยิบยื่นไมตรีให้แก่กันนะคะ "
หญิงสาวยืนนิ่งไปเล็กน้อยหลังจากที่ฟังมารีนพูดจบ เอมองดูดอกไม้ในมือของตัวเองด้วยความสงสัยปนแปลกใจ หญิงสาวหลับตาเพื่อให้ร่างกายสัมผัสกับไออุ่นของแดดยามเช้าที่กำลังทอประกายสาดส่องลงมาที่ร่างของเธอ และรับรู้สายลมอ่อนๆที่พัดกระทบร่างกายบอบบางของเธอเป็นระยะๆ ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา
" นั่นสินะ เอาล่ะ! ไปกันได้แล้ว " หญิงสาวบอกกับมารีน แต่มารีนกลับทำหน้าเหมือนกับมีคำถามจะถามเธอแต่หญิงสาวกลับตอบคำถามของมารีนที่ยังไม่ทันได้ออกจากปากขึ้นมาซะก่อน
" ก็... เธอจะพาชั้นเที่ยวหมู่บ้านนี้ไม่ใช่เหรอ? "
" ค๊า งั้นชั้นจะพาคุณไปดูให้ทั่วๆเลยนะคะ คุณ... "
" เชอร์วูด สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของชั้นคือชื่อของชั้น เชอร์วูด " หญิงสาวแจ้งชื่อของตนให้มารีนได้รับรู้ ซึ่งมันก็ทำให้มารีนรู้สึกดีใจมากตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันมา
" ค่ะ คุณเชอร์วูด ตามมาให้ดีๆนะคะ "
แล้วมารีนก็ออกเดินนำไป โดยที่มีเชอร์วูดเดินตามไม่ห่างไปไหน ในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเธอนั่นเอง
…
" เซราฟีม "
นั่นเป็นคำพูดแรกของหญิงสาวที่เพ้อขึ้นมาคำแรก เปลือกตาของเธอค่อยๆเผยออกมารับแสงสว่างหลังจากการหลับไหลอันยาวนาน และสิ่งแรกที่เธอเห็น คือหญิงสาวอีกคนที่กำลังใช้ผ้าสีขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำวางไว้บนหน้าผากของเธอ เพื่อลดไข้
" เจ้าเป็นใคร? " หญิงสาวถามและพยายามลุกขึ้นจากเตียงนอนที่เธอนอนอยู่ แต่เธอก็ต้องนอนลงไปบนเตียงเดิมอีก เมื่อเจอกับแรงผลักอันเบาบางของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอ
" คุณยังไม่หายดี พักผ่อนสักหน่อยดีไหม? "
หญิงสาวคนนั้นบอกด้วยความห่วงใย เธอยิ้มให้กับหญิงสาวที่อยู่บนเตียงเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกออกไปเพื่อเปลี่ยนน้ำที่ใช้เช็ดตัวหญิงสาวเมื่อสักครู่ ท่ามกลางสายตาอันสับสนของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
" หลับให้สบายเถอะค่ะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณต้องกลัว ทำใจให้สบายเถอะค่ะ " และด้วยคำพูดนั้นเอง หญิงสาว ก็หลับลงไปอีกครั้ง
ในห้องสีขาวเล็กๆที่ถูกประดับไว้อย่างง่ายๆด้วยหินหลากสีสันที่ห้อยระโยงระยางไว้ตามกำแพง หญิงสาวลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เธอเอื้อมมือเรียวงามของเธอจับไปที่หน้าอกเพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลที่พันเป็นแนวทแยงสะพายแล่งทางขวาแล้วเธอก็ถอนหายใจ
" คุณสลบไปเป็นอาทิตย์แนะ ชั้นนึกว่าคุณจะไม่ตื่นขึ้นมาแล้วซะอีก "
หญิงสาวอีกคนกล่าวขึ้น ขณะที่เธอกำลังเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ในมือของเธอถือดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย หญิงสาวที่อยู่บนเตียงจ้องมองเรือนผมสีน้ำเงินที่ถูกตัดสั้นเสมอไหล่อีกครั้งด้วยอารมณ์ที่ต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย ก่อนที่สายตาของเธอจะเลือนจากหญิงสาวผมสีน้ำเงินตรงหน้า ลอดออกไปจากหน้าต่างที่อยู่ใกล้ตัวของเธอแทน
" ท่าทางแผลที่หน้าอกของคุณคงจะหายดีแล้วสินะคะ แผลใหญ่ขนาดนั้นแค่อาทิตย์กว่าๆก็หายแล้ว สงสัยจะเป็นมนต์วิเศษของดวงดาวแห่งนี้แน่ๆเลย คุณคิดแบบนั้นไหม? " หญิงสาวผมสีน้ำเงินกล่าว ตอนนี้ดอกไม้ในมือเธอนั้นหายไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เพียงแจกันใบใหญ่ที่มีดอกไม้ประดับถูกตั้งไว้ที่ข้างหัวเตียงแทน
หญิงสาวยังคงไม่ตอบคำถามใดๆทั้งนั้น สายตาของเธอยังคงเหม่อมองทิวทัศน์ที่อยู่นอกหน้าต่างอย่างตั้งใจ แม้ทิวทัศน์ภายนอกจะมีสีแดงจากดินและหินที่ประดับไปไกลสุดลูกหูลูกตาก็ตาม
" ที่นี่ที่ไหน ? " หญิงสาวถามหลังจากเธอมองออกไปนอกหน้าต่างนานพอสมควร แต่กระนั้น เธอก็ไม่แสดงทีท่าสนใจคู่สนทนาเลย
" ที่นี่ก็ดาวอังคารไงคะ คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนก็ตั้งใจเดินทางมาที่นี่อยู่แล้วนี่คะ หรือว่าคุณไม่ใช่? " หญิงสาวถามด้วยความแปลกใจ แต่เธอก็ได้รับเพียงความเงียบกลับมาเหมือนเดิม
หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นช้าๆ เธอส่งสายตาไปยังหญิงสาวที่อยู่บนเตียงอีกครั้ง เธอไม่รู้หรอก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวคนนี้มาบ้าง แต่เท่าที่เธอรู้ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอคงต้องการเวลาอีกมากในการทำความเข้าใจกับตัวเอง แล้วเมื่อถึงเวลานั้น " เธอก็คงจะบอกเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง "
" ชั้นชื่อมารีน ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็… "
" ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนแห่งนี้ค่ะ "
แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง หญิงสาวก็พลันนึกถึงหน้าของคนๆหนึ่งขึ้นมา เมื่อเธอมองเห็นรอยยิ้มของมารีนที่ส่งให้ ก่อนที่เธอจะออกไปจากห้อง
….
" เซราฟีม "
บทเพลงแห่งฤดูใบไม้ผลิ บทที่ 1 แดฟโฟดิล
แสงแดดจางๆสาดส่องลงมายังเบื้องล่างในตอนเช้า แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันก็เป็นครั้งแรกของหญิงสาว ที่ได้สัมผัสกับแสงแดดอ่อนๆแบบนี้บนดวงดาวที่ไม่รู้จัก หลังจากที่เธอต้องนอนอยู่กับเตียงมามากกว่าสองอาทิตย์เพราะอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี
" ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี อย่าเพิ่งหักโหมนะค่ะ ถ้าทำอะไรมากไปมันอาจจะมีผลกับความทรงจำก็ได้ " มารีนที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวร้องบอกด้วยความหวังดี
" อื้อ " หญิงสาวตอบรับสั้นๆ
สายลมอันอบอุ่น พัดผ่านร่างกายที่เอาแต่หมกตัวอยู่บนเตียงมานาน แม้บรรยากาศโดยรอบจะค่อนข้างแห้งแล้ง แต่มันกลับไม่ได้ร้อนอย่างทีคิด กลับกัน มันออกจะอบอุ่นชุ่มชื่นซะด้วยซ้ำ ช่างน่าแปลกซะเหลือเกินที่ดาวดวงนี้แห้งแล้งขนาดนี้ ทั้งๆอากาศเหมาะแก่การเพาะปลูกมากขนาดนี้
อุ๊บ !
หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปล็บขึ้นมาตรงบาดแผลนิดหน่อย เป็นเวลามากกว่าสิบห้าวันแล้ว ที่มารีนคอยดูแลเธอที่กำลังบาดเจ็บสาหัส ซึ่งสำหรับหญิงสาวแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นแม้แต่น้อย เพราะร่างกายของเธอสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้เร็วกว่าคนธรรมดาหลายเท่า และตัวเธอก็ไม่ได้สนใจกับอาการบาดเจ็บมากมาย แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจอะไรกับการยุ่มย่ามเกินความจำเป็นหรอกนะ
" ทานข้าวได้แล้วค่ะ "
มารีนร้องบอกหญิงสาวหลังจากที่เธอเพิ่งทำอาหารเสร็จ เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้น เธอก็พักจากการอาบบรรยากาศที่แสนจะอ่อนโยนไว้ก่อน แล้วหันหลังกลับเข้าไปรอที่โต๊ะอาหารก่อนที่จะโดนมารีนเอ็ดเอาเหมือนวันอื่นๆ ที่เธอพยายามจะเดินออกมาข้างนอกทั้งๆที่แผลยังไม่หายดี
" รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ " มารีนถามหญิงสาวในขณะที่เธอกำลังทานอาหารอยู่ หญิงสาวมองหน้ามารีนเล็กน้อย
" ก็ อร่อยดี " หญิงสาวตอบห้วนๆ ถึงแม้รสชาติอาหารของมารีนจะไม่ได้เลอเลิศมากไปกว่าอาหารหลายๆอย่างที่เธอเคยทานมาแถมยังรสชาติแปลกนิดๆ แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าข้าวต้มที่เธอต้องทานในช่วงที่นอนพักอยู่บนเตียงโขล่ะ
การสนทนาของทั้งคู่ยังดำเนินไปเรื่อยๆ ถึงแม้รอยยิ้มของมารีนไม่อาจทลายใบหน้าที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งของหญิงสาวคนนี้ได้ แต่หญิงสาวคนนี้ก็ยอมพุดคุยกับเธอมากขึ้นไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่หญิงสาวเอาแต่นั่นนิ่งมองวิวนอกหน้าต่างอยู่บนเตียงเพียงอย่างเดียว จนกระทั้งหญิงสาวทั้งสองรับประทานอาหารเสร็จ มารีนจึงกุลีกุจอเก็บจานชามเพื่อนำมันไปล้างเก็บให้เรียบร้อย หญิงสาวเองก็ลุกขึ้นและพยายามทำสิ่งที่มารีนทำเช่นกัน
" อุ๊ย ไม่ต้องค่ะ ไม่ต้อง คุณยังเจ็บอยู่ นั่งดูอยู่เฉยๆดีกว่านะคะ " มารีนบอก พร้อมๆกับมือของเธอที่คว้าจานชามของหญิงสาวด้วยความรวดเร็ว แล้วมารีนก็พุ่งตัวหายลับไปหลังบ้านทันที
หญิงสาวอึ้งเล็กน้อย อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้ก็เป็นได้ แต่เธอกลับรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย เพราะโดยปกติ คนที่ยุ่มย่ามจู้จี้กับชีวิตคนอื่นน่าจะเป็นตัวเธอซะมากกว่านี่นะ
" เอ่อ ชั้นมาคิดๆดูแล้ว การที่คุณเสียความทรงจำแบบนี้มันคงลำบากแย่เลยสินะคะ? "
หือ ?!
หญิงสาวอุทานขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกขึ้นได้ว่าเคยบอกอะไรแบบนั้นให้มารีนฟัง แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำอะไรอย่างนั้นหรอก แต่มันจะเป็นการดีกว่าที่ให้มารีนคิดแบบนั้น และที่สำคัญที่สุด เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเท่าไหร่ด้วย
" ก็คงงั้นล่ะ แต่ชั้นก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ " แม้เธอจะตอบคำถามของมารีน แต่ดวงตาของเธอก็ยังคงมองแต่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างอยู่เหมือนเช่นทุกครั้ง
" มันก็จริงนะคะ แต่ถ้าความทรงจำของคุณยังไม่กลับมาอยู่แบบนี้ ชั้นก็คงจะปล่อยให้คุณไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ " มารีนยิ้ม
คำพุดของมารีนทำให้หญิงสาวต้องหันขวับมามองเธอในทันควัน เธอไม่คิดเลยสักนิดว่ามารีนจะเล่นมุขนี้กับเธอ แต่ครั้นจะบอกว่าความทรงจำกลับมาแล้วมารีนก็คงไม่คิดจะเชื่อเธอแน่ๆ ถึงแม้การจากไปอย่างเงียบๆมันจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอ แต่มันคงไม่เป็นการดีที่จะทำให้คนที่ดูแลเธอมาตลอดเป็นห่วงแน่ ไม่คิดเลยว่าการพูดโดยไม่คิดของเธอจะเป็นการแขวนคอตัวเองไปซะแล้ว ท่าทางเธอคงต้องจัดความคิดความอ่านของเธอใหม่สักหน่อยหลังจากที่นอนอืดมานาน
" เดินเล่นซักหน่อยไหมค่ะ? "
...
จากบ้านหลังเล็กๆที่ตั้งรกรากห่างไกลเข้าไปในซอกภูเขา สู่หมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่ หญิงสาวและมารีน กำลังตั้งหน้าตั้งตาเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้นอย่างสบายอกสบายใจโดยเฉพาะมารีน เพราะถึงแม้ว่าบ้านของเธอจะอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านไปสักหน่อยแต่มันก็ยังเป็นหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่ ไม่เหมือนกับหญิงสาวที่ไม่รุ้จักใครเลย เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคนมาทักทายมารีนด้วยความเป็นมิตร
" สวัสดีจ๊ะมารีน อยู่ข้างบนเป็นยังไงบ้าง " หญิงชราคนหนึ่งทักทายระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านหน้าบ้านของเธอ ซึ่งมารีนก็ทักทายเธอกลับเช่นกัน
" ท่าทางเธอจะเป็นที่นิยมมากเลยนะ ? " หญิงสาวถามมารีนหลังจากที่เธอคุยกับหญิงชราคนเมื่อครู่เสร็จแล้ว
" ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คนที่ย้ายจากโลกมาอยู่ดาวอังคารยังมีน้อยอยู่ แล้วแต่ละคนก็อยู่กระจายๆกันไปตามที่อื่นๆบนดวงดาวทำให้แต่ละหมู่บ้านไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก จะรู้จักทั้งหมดก็ไม่แปลกหรอกค่ะ "
แม้มารีนจะพยายามอธิบายเหตุผลหลายๆอย่างให้หญิงสาวฟัง แต่หญิงสาวก็ไม่คิดจะฟังสิ่งที่เธอเล่าแม้แต่น้อย สายตาของหญิงสาวยังคงจับจ้องมองออกไปยังทิวทัศน์รอบนอกเหมือนกับทุกที จนกระทั่งหญิงชราที่เข้ามาคุยกับมารีนในตอนแรกเดินเข้ามาหาแล้วหยุดตรงหน้าเธอพร้อมๆกับรอยยิ้มที่ดูสวยงามสำหรับคนอายุมาก
" นี่จ๊ะ แม่หนู " หญิงชรายื่นดอกไม้สีเหลืองดอกหนึ่งให้กับหญิงสาว แม้หญิงสาวจะไม่เข้าใจความหมายของมันแต่เธอก็รับไว้แต่โดยที่ก่อนที่เธอจะโค้งให้กับหญิงชราที่กำลังเดินห่างออกไป ท่ามกลางสายตาและรอยยิ้มของมารีนที่อยู่ไกล้ๆ
" มีอะไรรึปล่าว ? " หญิงสาวถามมารีนด้วยความสงสัยจากท่าทางของเธอ
" รู้ไหมค่ะ ความหมายของดอกแดฟโฟดิลน่ะคือการหยิบยื่นไมตรีให้แก่กันนะคะ "
หญิงสาวยืนนิ่งไปเล็กน้อยหลังจากที่ฟังมารีนพูดจบ เอมองดูดอกไม้ในมือของตัวเองด้วยความสงสัยปนแปลกใจ หญิงสาวหลับตาเพื่อให้ร่างกายสัมผัสกับไออุ่นของแดดยามเช้าที่กำลังทอประกายสาดส่องลงมาที่ร่างของเธอ และรับรู้สายลมอ่อนๆที่พัดกระทบร่างกายบอบบางของเธอเป็นระยะๆ ก่อนที่เธอจะยิ้มออกมา
" นั่นสินะ เอาล่ะ! ไปกันได้แล้ว " หญิงสาวบอกกับมารีน แต่มารีนกลับทำหน้าเหมือนกับมีคำถามจะถามเธอแต่หญิงสาวกลับตอบคำถามของมารีนที่ยังไม่ทันได้ออกจากปากขึ้นมาซะก่อน
" ก็... เธอจะพาชั้นเที่ยวหมู่บ้านนี้ไม่ใช่เหรอ? "
" ค๊า งั้นชั้นจะพาคุณไปดูให้ทั่วๆเลยนะคะ คุณ... "
" เชอร์วูด สิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของชั้นคือชื่อของชั้น เชอร์วูด " หญิงสาวแจ้งชื่อของตนให้มารีนได้รับรู้ ซึ่งมันก็ทำให้มารีนรู้สึกดีใจมากตั้งแต่ทั้งคู่อยู่ร่วมกันมา
" ค่ะ คุณเชอร์วูด ตามมาให้ดีๆนะคะ "
แล้วมารีนก็ออกเดินนำไป โดยที่มีเชอร์วูดเดินตามไม่ห่างไปไหน ในหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเธอนั่นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ