ปัญหาป่วน ก๊วนไม่ธรรมดา! ภาค สัญญาแห่งเลือด อ่านต
-
1) Gate -1- คำสัญญา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพระอาทิตย์หม่นแสงลับขอบฟ้า เพื่อหลับไหล ให้ดวงจันทร์ได้แทนที่ แสง จันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ได้ลมบานหนึ่ง แสงนวลจากดวงจันทร์สาดส่องใส่ผู้ที่นอนหลับใหลอยู่หลังบานหน้าต่าง ส่งผลให้ผู้ที่หลับไหลอยู่ข้างในลืมตาตื่น เผยให้เห็น ชายหนุ่ม นัยน์ตาสีแดงเพลิง ที่เหมือนจะเผาผลาญทุกสิ่ง แต่แววตานั้นเผยให้เห็นความอ่อนโยนที่มีอยู่ในตัว ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะชะงักลงทันทีที่ลุกขึ้น ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิง กุมแผลที่ท้องทันที
เอี๊ยด! เสียงปะตูห้องถูกเปิดเป็นผลให้ชายหนุ่มหันไปทางประตูทันที
“อ๊ะ! อย่าเพิ่งลุกสิฮะ แผลลึกขนาดนั้นนอนพักก่อนเถอะ” ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีทอง วิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงเพลิง เพื่อจะพยุงให้นอนเหมือนเดิม
“อึก!...” ชายหนุ่มในตาสีแดงเพลิงร้องขึ้น เป็นผลให้ชายหนุ่มในตาสีทอง
ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกทันที ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิงหันไปสบตากับชายหนุ่มนัยน์ตาสีทอง ‘มาโดกะ’ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองชะงักทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนตาไม่กระพริบ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมอง ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วพูดว่า
“พักผ่อนก่อนเถอะฮะ แผลใหญ่ซะขนาดนั้น” เมื่อเห็นว่าคำพูดของตนไม่ได้ผล จึงเสมองไปทางอื่นแล้วถามว่า
“คุณรู้จักผมหรอฮะ?” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิงมองหลังของอีกฝ่ายก่อนจะตอบว่า
“อืม”
“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าฮะ แต่ทำไมผมถึงจำไม่ได้เลยว่าผมเคยเจอคุณมาก่อน แต่คุณก็รู้จักผมนี่เพราะคุณเรียกชื่อผมก่อนจะหมดสติ” ‘กะแล้วเชียว’ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองหันกลับไปสบนัยน์ตาสีแดงเพลิง ด้วยสีหน้าที่อ่อนลง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าที่เศร้าสร้อยไม่น้อย จึงงียบและไม่ถามต่อ สุดท้ายฝ่ายถูกถามก็ทำลายความเงียบ
“มาโดกะ”
“.....?”
“นายจำชั้นไม่ได้จริงๆสินะ” มาโดกะส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่ก็โดนสายตาคาดคั้นของอีกฝ่ายเลยจำต้องพูดออกมา
“ฮะ ผมจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคุณ” ‘แต่ทำไม คนๆนี้ถึงทำให้เรารู้สึกคิดถึงอย่างน่าประหลาดนะ หรือเราอาจจะเคยเจอคนๆนี้ก็เป็นได้ ’
“เฟส”
“เรียกชั้นว่า เฟส ก็ได้ ” มาโดกะยิ้มให้เฟสก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปิดความดีใจไว้ไม่มิด “ทำไมเราถึงดีใจนะ ”
“อืม ผมชื่อ โทกาคุชิ มาโดกะฮะ อ๊ะ! คุณ...เฟสคุงรู้อยู่แล้วนี่นา” เฟส พยักหน้ารับ ก่อนจะเสมองไปที่ดวงจันทร์ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไร บางอย่างที่ทำให้เค้าเศร้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนลงเหมือนตัดสินใจ อะไรบางอย่างได้
“มาโดกะ”
“ฮะ?” มาโดกะกระพริบตาปริบๆรับคำ
“ถึงนายจะจำไม่ได้ว่า เราเจอกันตอนไหน ที่ไหน แล้วฉันเป็นใคร....” มาโดกะมองหน้าเฟสเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ
“ฉันกลับมาแล้ว”
“ฮะ?” มาโดกะทำหน้างงกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ฉันกลับมาแล้ว ตามสัญญา นายก็น่าจะทำตามสัญญาด้วยนะ”
“สัญญา?...” มาโดกะไม่เข้าใจคนตรงหน้า เพราะไม่รู้อีกฝ่ายอยากจะบอกอะไร ‘สัญญาอย่างนั้นหรอ? สัญญาอะไร?’ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เข้าใจกับคำพูดของตนจึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย
‘เพราะ ห่างกันไปไกลฉันถึงได้เข้าใจ ว่าชั้นรู้สึกกับนายยังไง มาโดกะ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่นายเป็นเพื่อนคนสำคัญ...เป็นคนสำคัญของฉัน’ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุข ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้มาโดกะยิ้มออกมาและพูดว่า
“งั้นผมไปก่อนนะฮะ พรุ่งนี้ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเป็นวันหยุดหายเร็วๆนะฮะ” มาโดกะโค้งเป็นการบอกลาก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ไปเที่ยว” มาโดกะหยุดชะงักอยู่หน้าประตูก่อนจะหันกลับมาถามว่า
“ฮะ?”
“ถ้าฉันหายแล้วช่วยพาไปเที่ยวเล่นด้วยกันทีสิ”
“ไปเล่น? ด้วยกัน?....” มาโดกะมีสีหน้างงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายให้เค้าพาเที่ยว ก่อนจะยิ้มแล้วตอบกลับว่า
“ฮะ หายแล้วค่อยไปนะฮะ แต่ไม่รู้จะหายเมื่อไหร่นี่สิฮะ ไว้จะลองถามแม่ดู แผลลึกซะด้วยสิ” มาโดกะทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยเรียกร้อยยิ้มเฟสได้ดีทีเดียว พอมาโดกะรู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มให้ จึงยิ้มตอบแล้วพูดว่า
“งั้นไปนะฮะ หายไวๆ” พอมาโดกะจะเปิดบานประตูก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง
“พรุ่งนี้”
“ฮะ?”
“พรุ่งนี้เตรียมตัวเราจะไปเที่ยวด้วยกันพรุ่งนี้”
“แต่ว่าแผลของ เฟสคุง” มาโดกะทำสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้แผลฉันก็หายสนิทแล้ว เพราะงั้นเตรียมตัวให้ดีล่ะ” มา โดกะมีสีหน้าห่วงเฟสมาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงห่วงขนาดนี้ แต่เค้ารู้สึกว่า ที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง เพราะในแววตาไม่ได้แสดงอาการออกมาว่าโกหกเลย ‘เอาไงดี ถ้างั้น’
“ก็ได้ฮะ เราจะไปเที่ยวกัน เมื่อเฟสคุงตรวจสุขภาพวันพรุ่งนี้ แล้วนางพยาบาลบอกว่า หายดีแล้ว เราค่อยไปกันนะฮะ”เฟสพยักหน้ารับคำของมาโดกะ มาโดกะ มาโดกะยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ถึงจะลืม.... ถึงจะลืม แต่จะนึกให้ออกให้ได้ ต้องนึกออกแน่ๆ แล้วเรา....มาเล่นด้วยกันอีกนะ สัญญานะ_______________________________________ วันรุ่งขึ้น 5.30 น. พระอาทิตย์ส่องแสงยามเช้า เป็นสัญญาณบอกเวลาว่าวันใหม่แล้ว แสงอาทิตย์ลอกผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้บานหนึ่ง ส่งผลให้ผู้ที่หลับอยู่ลืมตาตื่นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีทองเจ้าของในตาสี ทองผุดลุกขึ้นจากเตียงแล้วทอดเสื้อผ้าเข้าไปในห้องนํ้าทันที ไม่นานก็เผยให้เห็นชายหนุ่มที่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ พร้อมสวมหมวกแก๊ป เดินไปสะพายกระเป๋าเป้แล้วออกจากบ้านทันที
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูบานหนึ่งดังขึ้น
“ขออนุญาติฮะ เฟสคุง หือ? ” มาโดกะเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นเฟส
จึง ตัดสินใจ เดินไปนั่งโซฟาข้างเตียงคนไข้ มาโดกะมองไปรอบๆห้อง สังเกตทุกอย่างที่มีอยู่ในห้องไปพลางหันหน้าไปมองที่ประตูพลาง มองประตูได้สักพักก็เลิกมองแล้วหันไปมองรอบห้องต่อ ทำให้สังเกตได้ว่า โรงพยาบาลนี้ต่างจากโรงพยาบาลที่เคยเห็นมาหรือทั่วไปสักหน่อย ตรงที่หน้าระเบียงมีความกว้างและยาวมากกว่าโรงพยาบาลอื่น หน้าระเบียง มีโต๊ะแก้วสีฟ้าใสตัวเล็กๆที่ตรงกลางตรงมีแจกันดอกไม้ ข้างในแจกันมีดอกทานตะวันอยู่หลายดอก ข้างๆแจกันมีชุดชาวางอยู่ ในชุดชานั้นมีแก้วอยู่สามใบ มีกาน้ำชาอยู่หนึ่งใบ มีช้อน
น้ำตาล ให้ รอบโต๊มีเก้าอี้ที่เป็นชุดเดียวกับโต๊ะอยู่สามตัว มีด้านซ้ายขวาและเก้าอี้ที่หันไปทางพระอาทิตย์ขึ้นและตกอยู่หนึ่งตัว พื้นของระเบียงมีเสื่อปูและมีพรมสีฟ้าใสลายดอกไม้ปูทับอีกที ตรงขอบระเบียงด้านซ้ายมีราวให้ตากผ้า
เป็น ราวเล็กๆที่น่าจะแขวนเสื้อได้ประมาณสี่ถึงห้าตัว มาโดกะมองไปสักพักก็หันหน้ากลับมามองเพดานห้องแทน เพดานห้องนี้ เป็นสีฟ้าอ่อน ข้างๆเตียงมีโคมไฟวางเอาไว้บนตู้ไม้เล็ก ที่ผนังหัวโต๊ะติดโทรศัพท์ติดผนังเอาไว้ เตียงของห้องนี้มีสีฟ้าตั้งแต่ ผ้าปู หมอน ยันโครงสร้างเตียง พื้นห้องมีเสื่อและพรมลายเดียวกับระเบียง ด้านซ้ายมือก่อนจะถึงกระจกบานเลื่อนของระเบียงมีประตูห้องน้ำหนึ่งบาน จากที่สังเกตมาตั้งนานมาโดกะคิดว่า‘ทำไมห้องนี้ถึงเป็นสีฟ้าหมดเลยน้า แม้กระทั่งโซฟาหรือเสื้อผ้าที่เฟสคุงใส่ก็เป็นสีฟ้า แปลกจังโรงพยาบาลของแม่เนี่ย?’
เอี๊ยด! เสียงประตูห้องถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิง ผู้มีเส้นผมสีดำ จากที่มาโดกะมองต่อให้ไม่ได้เป็นผู้หญิงก็ดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีแค่ ไหน
“ไง”
“ฮะ หือ แม่!เป็นอะไรรึเปล่า” มา โดกะตอบรับคำทักทายของเฟส ก่อนจะเห็นผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง นั่นก็คือแม่ของเค้านั่น แต่ที่น่าตกใจไม่ใช่เพราะเห็นแม่ แต่เป็นใบหน้าของแม่ที่ซีดเผือด เหมือนคนขาดเลือดหรือช็อคอะไรบางอย่าง มาโดกะวิ่งตรงเข้าไปหาแม่ทันที เมื่อแม่เห็นมาโดกะก็ส่ายหน้าเป็นนัยๆว่า‘ไม่เป็นไร’เฟสเดินตรงไปที่ตู้ไม้เล็ก แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา จากนั้นก็
หยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ตุบ! เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำทั้งสองจึงมองหน้ากัน
“สวัสดีฮะ คุณแม่” มาโดกะโค้งให้แม่เป็นการทักทาย แม่ของมาโดกะยิ้มให้กับท่าทางนั้น ก่อนที่จะกวักมือให้ แล้วส่งสายตาประมาณว่า‘ยื่นหูมา’
“มีอะไรหรอฮะ?แล้วแม่เป็นอะไรรึเปล่า” มาโดกะถามพลางยื่นหูไปให้แม่ แม่ของมาโดกะกลับมามีสีหน้าที่ซีดเผือดอีกครั้ง ก่อนจะตอบมาโดกะด้วยเสียงที่สั่นและหวาดๆว่า
“ก็เรื่องของพ่อหนุ่มคนนี้น่ะสิ”
“เฟสคุง ทำไมฮะ?”
“พ่อหนุ่มคนนี้ มีอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไปน่ะสิ”
“แตกต่าง? ยังไงฮะ?”
“ก็ตรงที่...ร่างกายของพ่อหนุ่มคนนี้น่ะสิ…” มาโดกะส่งสายตาถามประมาณว่า‘ยังไงฮะ’ แม่ของมาโดกะสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนต้องการอากาศหายใจก่อนจะตอบมาโดกะ ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังต่างจากเมื่อกี๊ว่า
“พ่อหนุ่มคนนั้นน่ะมีแผลที่ลึกมาก มาโดกะเองก็พอจะรู้ใช่ไหม?”
มาโดกะพยักหน้ารับคำแม่‘ใช่ตอนแรกที่เจอเฟสคุง ดูก็รู้แล้วว่าอาการสาหัส’
“ตรง นั้นแหละในเมื่อมีแผลสาหัสขนาดนั้นอย่างน้อย สามวัน ไม่สิประมาณห้าวันถึงจะเคลื่อนไหวเดินได้ตามปกติ แต่ดูพ่อหนุ่มคนนั้นสิยังไม่ทันข้ามครบคืนก็เดินได้ตามปกติ ไม่มีอาการเจ็บเลยสักน้อย” มาโดกะพยักหน้ารับคำและคิดๆดูว่า‘นั่นซิ เฟสคุงฝืนรึเปล่านะ’ มาโดกะมีสีหน้าเป็นห่วงเฟสทำให้แม่ของมาโดกะต้องตอบไปว่า
“เค้าไม่ได้ฝืนอย่างที่ลูกคิดหรอกนะ เพราะเมื่อกี๊เค้าไปตรวจร่ายกายมาแม่ก็เลยรู้”
“แต่ เพราะอย่างนั้นน่ะแหละที่น่ากลัว เพราะมันแสดงให้เห็นว่า ร่างกายพ่อหนุ่มคนนั้นสามารถฟื้นตัวให้แผลหายสนิทได้ไม่ถึงวันยังไง ใช่ว่าคนปกติจะทำได้หรอกนะ บางคนทนพิษแผลไม่ไหวก็ตายได้เหมือนกัน” มาโดกะถึงกับเบิกตากว้างกับคำพูดของแม่‘แผลของเฟสคุงร้ายแรงขนาดนั้นเชียว แต่ว่า..’ ในระหว่างการสนทนาของทั้งสองไม่มีใครรู้เลยว่า คนที่กล่าวถึงกำลังแอบฟังสิ่งที่ทั้งสองพูดอยู่หลังประตูห้องน้ำ‘จะไม่หายเร็วได้ไง ก็ผมเป็นปีศาจ!’ “แม่ฮะ”
“…?”
“แสดงว่า เฟสคุง..ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมฮะ” มาโดกะมีสีหน้ายิ้มแย้มจนคนแอบฟังอดดีใจไม่ได้ ทำให้แม่ของมาโดกะยิ้มแล้วพูดว่า
“จ๊ะ เพื่อนขอลูก หายดีแล้วไม่ต้องเป็นห่วง”
เอี๊ยด! ตุบ! เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกและถูกปิดลง เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำทั้งชุด ผูกเนคไทสีเทา ที่กางเกงทางขวาติดเครื่องประดับเป็นโซ่สีดำ
“โห เฟสคุงเท่จัง ชุดของแม่หรอฮะ”
“จ๊ะ ชุดของคุณหมออาราอิ คุณหมอที่ดูแลเฟสคุงน่ะจ๊ะ” พอแม่ของ
มาโดกะพูดถึงหมออาราอิ หน้าก็ขึ้นสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
“งั้นเราไปกันเถอะเฟสคุง แม่ฮะผมไปก่อนนะฮะ” มาโดกะโค้งตัวทำความเคารพแม่เล็กน้อยก่อนจะออกจากประตู โดยมีเสียงไล่หลังมาว่า
“จ๊ะ ขอให้ทั้งสองคนเที่ยวให้สนุกนะ”
เอี๊ยด! เสียงปะตูห้องถูกเปิดเป็นผลให้ชายหนุ่มหันไปทางประตูทันที
“อ๊ะ! อย่าเพิ่งลุกสิฮะ แผลลึกขนาดนั้นนอนพักก่อนเถอะ” ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีทอง วิ่งเข้าไปหาชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงเพลิง เพื่อจะพยุงให้นอนเหมือนเดิม
“อึก!...” ชายหนุ่มในตาสีแดงเพลิงร้องขึ้น เป็นผลให้ชายหนุ่มในตาสีทอง
ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกทันที ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิงหันไปสบตากับชายหนุ่มนัยน์ตาสีทอง ‘มาโดกะ’ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองชะงักทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายจ้องตนตาไม่กระพริบ และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดมอง ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วพูดว่า
“พักผ่อนก่อนเถอะฮะ แผลใหญ่ซะขนาดนั้น” เมื่อเห็นว่าคำพูดของตนไม่ได้ผล จึงเสมองไปทางอื่นแล้วถามว่า
“คุณรู้จักผมหรอฮะ?” ชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิงมองหลังของอีกฝ่ายก่อนจะตอบว่า
“อืม”
“เราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าฮะ แต่ทำไมผมถึงจำไม่ได้เลยว่าผมเคยเจอคุณมาก่อน แต่คุณก็รู้จักผมนี่เพราะคุณเรียกชื่อผมก่อนจะหมดสติ” ‘กะแล้วเชียว’ ชายหนุ่มนัยน์ตาสีทองหันกลับไปสบนัยน์ตาสีแดงเพลิง ด้วยสีหน้าที่อ่อนลง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าที่เศร้าสร้อยไม่น้อย จึงงียบและไม่ถามต่อ สุดท้ายฝ่ายถูกถามก็ทำลายความเงียบ
“มาโดกะ”
“.....?”
“นายจำชั้นไม่ได้จริงๆสินะ” มาโดกะส่ายหน้าเป็นคำตอบ แต่ก็โดนสายตาคาดคั้นของอีกฝ่ายเลยจำต้องพูดออกมา
“ฮะ ผมจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคุณ” ‘แต่ทำไม คนๆนี้ถึงทำให้เรารู้สึกคิดถึงอย่างน่าประหลาดนะ หรือเราอาจจะเคยเจอคนๆนี้ก็เป็นได้ ’
“เฟส”
“เรียกชั้นว่า เฟส ก็ได้ ” มาโดกะยิ้มให้เฟสก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปิดความดีใจไว้ไม่มิด “ทำไมเราถึงดีใจนะ ”
“อืม ผมชื่อ โทกาคุชิ มาโดกะฮะ อ๊ะ! คุณ...เฟสคุงรู้อยู่แล้วนี่นา” เฟส พยักหน้ารับ ก่อนจะเสมองไปที่ดวงจันทร์ด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อยเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไร บางอย่างที่ทำให้เค้าเศร้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่อ่อนลงเหมือนตัดสินใจ อะไรบางอย่างได้
“มาโดกะ”
“ฮะ?” มาโดกะกระพริบตาปริบๆรับคำ
“ถึงนายจะจำไม่ได้ว่า เราเจอกันตอนไหน ที่ไหน แล้วฉันเป็นใคร....” มาโดกะมองหน้าเฟสเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ
“ฉันกลับมาแล้ว”
“ฮะ?” มาโดกะทำหน้างงกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ฉันกลับมาแล้ว ตามสัญญา นายก็น่าจะทำตามสัญญาด้วยนะ”
“สัญญา?...” มาโดกะไม่เข้าใจคนตรงหน้า เพราะไม่รู้อีกฝ่ายอยากจะบอกอะไร ‘สัญญาอย่างนั้นหรอ? สัญญาอะไร?’ เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เข้าใจกับคำพูดของตนจึงยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเล็กน้อย
‘เพราะ ห่างกันไปไกลฉันถึงได้เข้าใจ ว่าชั้นรู้สึกกับนายยังไง มาโดกะ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่นายเป็นเพื่อนคนสำคัญ...เป็นคนสำคัญของฉัน’ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุข ในแววตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้มาโดกะยิ้มออกมาและพูดว่า
“งั้นผมไปก่อนนะฮะ พรุ่งนี้ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะเป็นวันหยุดหายเร็วๆนะฮะ” มาโดกะโค้งเป็นการบอกลาก่อนจะเดินไปเปิดประตู
“ไปเที่ยว” มาโดกะหยุดชะงักอยู่หน้าประตูก่อนจะหันกลับมาถามว่า
“ฮะ?”
“ถ้าฉันหายแล้วช่วยพาไปเที่ยวเล่นด้วยกันทีสิ”
“ไปเล่น? ด้วยกัน?....” มาโดกะมีสีหน้างงเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายให้เค้าพาเที่ยว ก่อนจะยิ้มแล้วตอบกลับว่า
“ฮะ หายแล้วค่อยไปนะฮะ แต่ไม่รู้จะหายเมื่อไหร่นี่สิฮะ ไว้จะลองถามแม่ดู แผลลึกซะด้วยสิ” มาโดกะทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยเรียกร้อยยิ้มเฟสได้ดีทีเดียว พอมาโดกะรู้ว่าอีกฝ่ายยิ้มให้ จึงยิ้มตอบแล้วพูดว่า
“งั้นไปนะฮะ หายไวๆ” พอมาโดกะจะเปิดบานประตูก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง
“พรุ่งนี้”
“ฮะ?”
“พรุ่งนี้เตรียมตัวเราจะไปเที่ยวด้วยกันพรุ่งนี้”
“แต่ว่าแผลของ เฟสคุง” มาโดกะทำสีหน้าเป็นห่วงเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้แผลฉันก็หายสนิทแล้ว เพราะงั้นเตรียมตัวให้ดีล่ะ” มา โดกะมีสีหน้าห่วงเฟสมาก ไม่รู้ว่าทำไมถึงห่วงขนาดนี้ แต่เค้ารู้สึกว่า ที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริง เพราะในแววตาไม่ได้แสดงอาการออกมาว่าโกหกเลย ‘เอาไงดี ถ้างั้น’
“ก็ได้ฮะ เราจะไปเที่ยวกัน เมื่อเฟสคุงตรวจสุขภาพวันพรุ่งนี้ แล้วนางพยาบาลบอกว่า หายดีแล้ว เราค่อยไปกันนะฮะ”เฟสพยักหน้ารับคำของมาโดกะ มาโดกะ มาโดกะยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ถึงจะลืม.... ถึงจะลืม แต่จะนึกให้ออกให้ได้ ต้องนึกออกแน่ๆ แล้วเรา....มาเล่นด้วยกันอีกนะ สัญญานะ_______________________________________ วันรุ่งขึ้น 5.30 น. พระอาทิตย์ส่องแสงยามเช้า เป็นสัญญาณบอกเวลาว่าวันใหม่แล้ว แสงอาทิตย์ลอกผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้บานหนึ่ง ส่งผลให้ผู้ที่หลับอยู่ลืมตาตื่นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีทองเจ้าของในตาสี ทองผุดลุกขึ้นจากเตียงแล้วทอดเสื้อผ้าเข้าไปในห้องนํ้าทันที ไม่นานก็เผยให้เห็นชายหนุ่มที่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ พร้อมสวมหมวกแก๊ป เดินไปสะพายกระเป๋าเป้แล้วออกจากบ้านทันที
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูบานหนึ่งดังขึ้น
“ขออนุญาติฮะ เฟสคุง หือ? ” มาโดกะเปิดประตูเข้ามาไม่เห็นเฟส
จึง ตัดสินใจ เดินไปนั่งโซฟาข้างเตียงคนไข้ มาโดกะมองไปรอบๆห้อง สังเกตทุกอย่างที่มีอยู่ในห้องไปพลางหันหน้าไปมองที่ประตูพลาง มองประตูได้สักพักก็เลิกมองแล้วหันไปมองรอบห้องต่อ ทำให้สังเกตได้ว่า โรงพยาบาลนี้ต่างจากโรงพยาบาลที่เคยเห็นมาหรือทั่วไปสักหน่อย ตรงที่หน้าระเบียงมีความกว้างและยาวมากกว่าโรงพยาบาลอื่น หน้าระเบียง มีโต๊ะแก้วสีฟ้าใสตัวเล็กๆที่ตรงกลางตรงมีแจกันดอกไม้ ข้างในแจกันมีดอกทานตะวันอยู่หลายดอก ข้างๆแจกันมีชุดชาวางอยู่ ในชุดชานั้นมีแก้วอยู่สามใบ มีกาน้ำชาอยู่หนึ่งใบ มีช้อน
น้ำตาล ให้ รอบโต๊มีเก้าอี้ที่เป็นชุดเดียวกับโต๊ะอยู่สามตัว มีด้านซ้ายขวาและเก้าอี้ที่หันไปทางพระอาทิตย์ขึ้นและตกอยู่หนึ่งตัว พื้นของระเบียงมีเสื่อปูและมีพรมสีฟ้าใสลายดอกไม้ปูทับอีกที ตรงขอบระเบียงด้านซ้ายมีราวให้ตากผ้า
เป็น ราวเล็กๆที่น่าจะแขวนเสื้อได้ประมาณสี่ถึงห้าตัว มาโดกะมองไปสักพักก็หันหน้ากลับมามองเพดานห้องแทน เพดานห้องนี้ เป็นสีฟ้าอ่อน ข้างๆเตียงมีโคมไฟวางเอาไว้บนตู้ไม้เล็ก ที่ผนังหัวโต๊ะติดโทรศัพท์ติดผนังเอาไว้ เตียงของห้องนี้มีสีฟ้าตั้งแต่ ผ้าปู หมอน ยันโครงสร้างเตียง พื้นห้องมีเสื่อและพรมลายเดียวกับระเบียง ด้านซ้ายมือก่อนจะถึงกระจกบานเลื่อนของระเบียงมีประตูห้องน้ำหนึ่งบาน จากที่สังเกตมาตั้งนานมาโดกะคิดว่า‘ทำไมห้องนี้ถึงเป็นสีฟ้าหมดเลยน้า แม้กระทั่งโซฟาหรือเสื้อผ้าที่เฟสคุงใส่ก็เป็นสีฟ้า แปลกจังโรงพยาบาลของแม่เนี่ย?’
เอี๊ยด! เสียงประตูห้องถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มนัยน์ตาสีแดงเพลิง ผู้มีเส้นผมสีดำ จากที่มาโดกะมองต่อให้ไม่ได้เป็นผู้หญิงก็ดูออกว่าชายหนุ่มคนนี้หน้าตาดีแค่ ไหน
“ไง”
“ฮะ หือ แม่!เป็นอะไรรึเปล่า” มา โดกะตอบรับคำทักทายของเฟส ก่อนจะเห็นผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง นั่นก็คือแม่ของเค้านั่น แต่ที่น่าตกใจไม่ใช่เพราะเห็นแม่ แต่เป็นใบหน้าของแม่ที่ซีดเผือด เหมือนคนขาดเลือดหรือช็อคอะไรบางอย่าง มาโดกะวิ่งตรงเข้าไปหาแม่ทันที เมื่อแม่เห็นมาโดกะก็ส่ายหน้าเป็นนัยๆว่า‘ไม่เป็นไร’เฟสเดินตรงไปที่ตู้ไม้เล็ก แล้วหยิบเสื้อผ้าออกมา จากนั้นก็
หยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ตุบ! เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำทั้งสองจึงมองหน้ากัน
“สวัสดีฮะ คุณแม่” มาโดกะโค้งให้แม่เป็นการทักทาย แม่ของมาโดกะยิ้มให้กับท่าทางนั้น ก่อนที่จะกวักมือให้ แล้วส่งสายตาประมาณว่า‘ยื่นหูมา’
“มีอะไรหรอฮะ?แล้วแม่เป็นอะไรรึเปล่า” มาโดกะถามพลางยื่นหูไปให้แม่ แม่ของมาโดกะกลับมามีสีหน้าที่ซีดเผือดอีกครั้ง ก่อนจะตอบมาโดกะด้วยเสียงที่สั่นและหวาดๆว่า
“ก็เรื่องของพ่อหนุ่มคนนี้น่ะสิ”
“เฟสคุง ทำไมฮะ?”
“พ่อหนุ่มคนนี้ มีอะไรที่แตกต่างจากคนทั่วไปน่ะสิ”
“แตกต่าง? ยังไงฮะ?”
“ก็ตรงที่...ร่างกายของพ่อหนุ่มคนนี้น่ะสิ…” มาโดกะส่งสายตาถามประมาณว่า‘ยังไงฮะ’ แม่ของมาโดกะสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนต้องการอากาศหายใจก่อนจะตอบมาโดกะ ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังต่างจากเมื่อกี๊ว่า
“พ่อหนุ่มคนนั้นน่ะมีแผลที่ลึกมาก มาโดกะเองก็พอจะรู้ใช่ไหม?”
มาโดกะพยักหน้ารับคำแม่‘ใช่ตอนแรกที่เจอเฟสคุง ดูก็รู้แล้วว่าอาการสาหัส’
“ตรง นั้นแหละในเมื่อมีแผลสาหัสขนาดนั้นอย่างน้อย สามวัน ไม่สิประมาณห้าวันถึงจะเคลื่อนไหวเดินได้ตามปกติ แต่ดูพ่อหนุ่มคนนั้นสิยังไม่ทันข้ามครบคืนก็เดินได้ตามปกติ ไม่มีอาการเจ็บเลยสักน้อย” มาโดกะพยักหน้ารับคำและคิดๆดูว่า‘นั่นซิ เฟสคุงฝืนรึเปล่านะ’ มาโดกะมีสีหน้าเป็นห่วงเฟสทำให้แม่ของมาโดกะต้องตอบไปว่า
“เค้าไม่ได้ฝืนอย่างที่ลูกคิดหรอกนะ เพราะเมื่อกี๊เค้าไปตรวจร่ายกายมาแม่ก็เลยรู้”
“แต่ เพราะอย่างนั้นน่ะแหละที่น่ากลัว เพราะมันแสดงให้เห็นว่า ร่างกายพ่อหนุ่มคนนั้นสามารถฟื้นตัวให้แผลหายสนิทได้ไม่ถึงวันยังไง ใช่ว่าคนปกติจะทำได้หรอกนะ บางคนทนพิษแผลไม่ไหวก็ตายได้เหมือนกัน” มาโดกะถึงกับเบิกตากว้างกับคำพูดของแม่‘แผลของเฟสคุงร้ายแรงขนาดนั้นเชียว แต่ว่า..’ ในระหว่างการสนทนาของทั้งสองไม่มีใครรู้เลยว่า คนที่กล่าวถึงกำลังแอบฟังสิ่งที่ทั้งสองพูดอยู่หลังประตูห้องน้ำ‘จะไม่หายเร็วได้ไง ก็ผมเป็นปีศาจ!’ “แม่ฮะ”
“…?”
“แสดงว่า เฟสคุง..ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมฮะ” มาโดกะมีสีหน้ายิ้มแย้มจนคนแอบฟังอดดีใจไม่ได้ ทำให้แม่ของมาโดกะยิ้มแล้วพูดว่า
“จ๊ะ เพื่อนขอลูก หายดีแล้วไม่ต้องเป็นห่วง”
เอี๊ยด! ตุบ! เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกและถูกปิดลง เผยให้เห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีดำทั้งชุด ผูกเนคไทสีเทา ที่กางเกงทางขวาติดเครื่องประดับเป็นโซ่สีดำ
“โห เฟสคุงเท่จัง ชุดของแม่หรอฮะ”
“จ๊ะ ชุดของคุณหมออาราอิ คุณหมอที่ดูแลเฟสคุงน่ะจ๊ะ” พอแม่ของ
มาโดกะพูดถึงหมออาราอิ หน้าก็ขึ้นสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
“งั้นเราไปกันเถอะเฟสคุง แม่ฮะผมไปก่อนนะฮะ” มาโดกะโค้งตัวทำความเคารพแม่เล็กน้อยก่อนจะออกจากประตู โดยมีเสียงไล่หลังมาว่า
“จ๊ะ ขอให้ทั้งสองคนเที่ยวให้สนุกนะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ