เล่ห์กลรักเงาอสูร
-
29) บทที่ 5 ค่ำคืนแห่งรัก_3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเล่ห์กลรักเงาอสูร
บทที่ 5 ค่ำคืนแห่งรัก_3
…15 ปี ต่อมา ภายหลังจากเหตุการณ์ที่น่าเศร้าได้เกิดขึ้นและจบลง โดยมีเงื่อนงำ อย่างเป็นที่น่าสงสัยของใครหลายๆ คน รวมถึงเด็กหญิงตัวน้อย ผู้ได้เจริญวัยเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวแสนสวยในวัย 24 ปี ตลอดระยะเวลาที่เธออยู่ในการอุปการะของคุณปู่ของผม เธอยังคงเฝ้าเก็บงำความคิด ความรู้สึก ตลอดจนความสงสัยเอาไว้ภายในจิตใจถึงเหตุการณ์การเสียชีวิตของมารดาของเธอ อย่างไม่คิดที่จะลืมเลือนลบเลือนมันออกไปจากจิตใจได้เลยแม้แต่เพียงวินาทีเดียว ในบางครั้ง เธอจะเริ่มต้นระบายความรู้สึกเจ็บปวดและความสับสนออกมาบ้าง เป็นบางครั้งบางคราวเมื่อเธอตกอยู่ในสภาวะของอาการหรืออารมณ์กรุ่นโกรธโมโห...
“อย่างเช่นเรื่องอะไรบ้างค่ะเจ้า” รำพันตั้งคำถามขึ้นอย่างนึกสงสัยอยู่เช่นเดิม
“ถ้าเป็นสาเหตุที่กระทำให้อารมณ์ของเธอ ตกอยู่ในสภาวะอาการกรุ่นโกรธและโมโหอยู่บ่อยๆ ก็น่าจะเป็นเรื่องราวการกระทบกระทั่งกันระหว่างตัวเธอเอง กับคุณย่าของผม ที่มักจะบังคับให้เธอกระทำบางอย่าง ที่เธอไม่ชอบหรือไม่ต้องการอยากจะกระทำมันอยู่บ่อยๆ” เจ้าหม่อนเมืองมีอาการลังเลเล็กน้อย อย่างไม่ต้องการอยากที่จะขยายเนื้อความที่เป็นความลับให้กับบุคคลภายนอกได้รับรู้มากจนเกินไป
“เรื่องไหนที่มันฝืนความรู้สึกของเจ้ามากมายจนเกินไปนัก เจ้าจะละเว้นเอาไว้ หรือจะข้ามมันไป ไม่จำเป็นที่จะต้องเล่ามันออกมาก็ได้นะค่ะ” น้ำเสียงของมินตราอ่อนโยนและไม่มีลักษณะของน้ำเสียงการประชดประชันอยู่อีกต่อไป เจ้าหม่อนเมืองคลี่รอยยิ้มอย่างรู้สึกพอใจและดีใจ เพราะมันเป็นครั้งแรกที่มินตราเริ่มจะเปิดหัวใจรับรู้ความรู้สึกของตนเอง และเริ่มพูดจาด้วยอย่างไม่คิดจะมีอคติ เหมือนอย่างเช่นในครั้งแรกที่ได้เริ่มนั่งพูดคุยกัน
“ผมต้องการอยากจะเว้นวรรคและข้ามเนื้อความส่วนนี้ไปเลยจริงๆ ครับ แต่มันทำไม่ได้”
“ทำไมค่ะเจ้า มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกหรือค่ะ” รำพันยังคงรู้สึกสงสัยอยู่เช่นเดิม
“ครับ เพราะข่าวสารหรือเนื้อความในส่วนนี้มันสำคัญมาก ไม่สามารถที่จะตัดทิ้งได้ ก็จะตัดทิ้งไปได้เลยหรือข้ามมันไปได้เลย”
“อย่างนั้น เจ้าเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไปเถอะค่ะ” รำพันออกคำสั่งกับเจ้าหม่อนเมืองอย่างรู้สึกนึกสนุก
“ครับ...” เจ้าหม่อนเมืองยกแก้วน้ำขึ้นจิบอีกครั้งแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป
...กานดาเป็นหญิงสาวแสนสวย แต่มีนิสัยก้าวร้าวเอาแต่ใจ สาเหตุอาจจะเป็นเพราะคุณปู่ของผมท่านคอยที่จะให้ท้าย และตามใจเธออยู่เสมอ เธอต้องการอะไร อยากได้อะไร คุณปู่ของผมก็จะคอยสืบเสาะแสวงหานำมาให้กับเธอและตามใจเธออยู่ตลอดเวลา ยกเว้นแต่กับคุณย่าของผมที่มีความคิด พร้อมการกระทำที่แตกต่างจากของคุณปู่ อย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือ หากพบเห็นสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นการสมควรที่จะกระทำ ก็จะคอยตักเตือนและให้คำแนะนำ จนในบางครั้งเหมือนกับเป็นการต่อว่าให้กานดาได้รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่พอใจอยู่เสมอ...
“อย่างเช่นเรื่องอะไรบ้างค่ะเจ้า” รำพันพูดแทรกขึ้นอย่างกะทันหัน
“มีหลายเรื่องครับ แต่เรื่องหลักๆ ก็น่าจะเป็น” เจ้าหม่อนเมืองเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป
...กานดานอกจากจะมีนิสัยก้าวร้าวเอาแต่ใจแล้ว เธอยังเป็นนักท่องเที่ยวในยามราตรี นักดื่ม ผีการพนันประจำบ่อนหรือในคาสิโน เมื่อยามที่ต้องสูญเสียเงินทองไปมากๆ เข้า เธอก็จะเริ่มดื่มจนเมามาย และเมื่ออยู่ในอาการมึนเมาจนได้ที่ หรืออย่างขาดซึ่งสติจะควบคุมตัวเองเอาไว้ได้อีก เธอก็จะหวนกลับมายังคุ้มพร้อมระบายอารมณ์กรุ่นโกรธและโมโหของเธอกับคุณปู่ หรือคุณย่าของผมอยู่เสมอ...
“เป็นผู้หญิงที่เลวมากเลยนะคะ เจ้าข๊า” มินตราหน้าตาเปลี่ยนสีจนซีดเซียวเมื่อได้ยินน้ำเสียงของรำพัน ต่อว่ามารดาของเธอขึ้นมาอย่างกะทันหัน ธเนศรีบบีบฝามือของมินตราเอาไว้อย่างเรียกสติของเธอให้กลับคืนมาให้ได้ดังเดิม
“เจ้าเล่าต่อไปเถอะค่ะ” มินตราพูดแทรกขึ้นมาอย่างกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเธอเองเอาไว้ เจ้าหม่อนเมืองพยักหน้าแล้วเริ่มเล่าเรื่องราวต่อไปอีกครั้ง
“เจ้าหม่อนผา บอกดามาเดี๋ยวนี้ แม่ดาเป็นอะไรถึงได้ตาย”
“พวกคุณฆ่าแม่ของดาตายใช่ไหม”
“เอาบ้าน เอาที่ดิน เอาสมบัติ เอาแม่ของดากลับคืนมา” เจ้าหม่อนเมืองตะโกนบอกเล่าเป็นประโยคอันน่าเศร้า ออกมาจากริมฝีปากสามประโยคสั้นๆ ทำให้ทุกคนต่างพากันเงียบกริบอย่างกำลังรู้สึกสะเทือนใจ
“เจ้าข๊า แล้วผืนแผ่นดิน อันเป็นมรดกตกทอดมาจากพ่อแม่ของเธอไปไหนเสียล่ะค่ะ”รำพันสอบถามขึ้นอย่างรู้สึกสงสัยอยู่เช่นเดิม
...ภายหลังจากบิดาของเธอเสียชีวิต ทรัพย์สิน เงินทอง ตลอดจนสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมดของครอบครัวเธอ ถูกพ่อเลี้ยงเกียงไกรเข้าไปบริหารจัดการทั้งหมด และเมื่อยามที่เธอและมารดาพากันโยกย้ายเข้ามาขออาศัยพักพิงอยู่ยังภายในคุ้มเวียงผาหมอก ทั้งสองแม่ลูกก็ไม่เหลือทรัพย์สินเงินทองหรือสมบัติอะไรติดตัวกันมาเลยแม้แต่เพียงสักชิ้นเดียว...
“เจ้าคงไม่ได้จะกล่าวหาว่าพ่อเลี้ยงเกียงไกร โกงสองแม่ลูกผู้น่าสงสารทั้งสองคนอยู่หรอกนะค่ะ” รำพันพูดแทรกขึ้นอีกครั้ง
“หากพูดกันตามหลักการทางด้านกฎหมายก็ไม่นับว่าเป็นการโกงหรอกครับ แต่ถ้าจะถามว่าพ่อเลี้ยงเกียงไกร มีเจตนาโดยตรงที่จะฉกฉวยเอาทรัพย์สมบัติ เงินทองของคนอื่นมาไหม มันก็อาจจะเป็นไปได้เช่นเดียวกัน”
“อุ๊ย!! พ่อเลี้ยงเกียงไกรน่ากลัวจังเลยนะค่ะ” รำพันเสแสร้งแกล้งแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา
“แล้วมันเกิดอะไรกันขึ้นต่อไปค่ะเจ้า” รำพันซักถามต่อไปทันที
...ลักษณะนิสัยอันก้าวร้าวเอาแต่ใจของกานดา เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ทั้งยามสภาพจิตใจปกติดีหรือยามเมามายขาดซึ่งสติ ตั้งแต่ยังเป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆ จนเติบโตกลับกลายเป็นหญิงสาวแสนสวย ความรุนแรงทางด้านอารมณ์ของกานดาเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตามอายุและประสบการณ์ของชีวิตที่ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น จนสุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถที่จะควบคุมอารมณ์รุนแรงและความดื้อดึงที่แอบแฝงอยู่ภายในจิตใจส่วนลึกของกานดาเอาไว้ได้อีกต่อไป เวลาแห่งการแตกหักระหว่างกานดาและคุณปู่ของผมก็มาถึงจนได้เมื่อกานดา พลั้งมือทำลายข้าวของและทำร้ายร่างกายคุณย่าของผมจนได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอยู่หลายวัน...
“แล้วเจ้าหม่อนผา ทำอะไรกับกานดาต่อไปหรือค่ะเจ้า”
“ท่านต้องการจะให้กานดาแต่งงาน ออกไปมีครอบครัวครับ”
“ก็ดีแล้วนี้ค่ะ แต่รำพันคิดว่าเธอคงไม่ยินยอมใช่ไหมค่ะ”
“ครับ เธอไม่ยินยอมอย่างแน่นอน แต่เมื่อเธอถูกคุณปู่ของผมกักขังเอาไว้ในคุ้ม ไม่ให้ออกไปเที่ยว ไม่ให้ดื่ม ไม่ให้เงินทองใช้จ่าย เธอก็อดทนดื้อดึงอยู่ได้ไม่นาน”
“เธอยินยอมหรือค่ะเจ้า”
“ครับ”
“แล้วใครคือบุรุษผู้โชคร้ายคนนั้นล่ะค่ะ เจ้าข๊า” รำพันตั้งคำถามอย่างนึกสงสัยอยู่เช่นเดิม
“คงจะไม่ใช่ ลูกชายของพ่อเลี้ยงเกียงไกรหรอกใช่ไหมค่ะเจ้า”
“ไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ครับ”
“แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันล่ะค่ะเจ้า เร็วสิค่ะ รำพันอยากจะรู้” รำพันแสดงท่าทางอย่างอยากจะรับรู้ จนออกนอกหน้าทั้งทางแววตาและกิริยาท่าทางการกระทำ อย่างไม่คิดที่จะปิดบังซ่อนเร้นความต้องการ จากสายตาการจับจ้องมองของใครๆ รวมถึงมินตราและธเนศด้วยเช่นเดียวกัน
“เขามีชื่อว่า กษิณ เกียรติภูมินตร์ ครับ” ธเนศไม่ได้แสดงท่าทางแปลกใจหรือตื่นตกใจอะไรมากมายนัก ยกเว้นแต่มินตราเท่านั้น ที่ส่งแววตาเป็นคำถามตรงไปหาธเนศ
“คุณรับรู้อยู่แล้วใช่ไหม” ธเนศส่งแววตาและพยักหน้าเป็นคำตอบ
“แน่นอนสิ ผมพอจะรับรู้มาบ้างแล้ว ก็คุณอากษิณเป็นน้องชายของพ่อผม และภูผาก็ยังเป็นน้องชายของผมด้วย” มันคือคำตอบที่ได้จากแววตาและการพยักหน้าของธเนศ ที่มินตราสามารถจะถอดรหัสและแปลออกมาเป็น ภาษาการพูดอย่างเช่นภาษาของมนุษย์ธรรมดาได้
“เจ้าข๊า กษิณ เกียรภูมินตร์ นี้ใครกันหรือค่ะ” รำพันพูดแทรกขึ้นอย่างนึกสงสัยอีกครั้ง
“ถ้าจะพูด และบอกเล่าให้ละเอียดผมคิดว่า ค่ำคืนนี้ผมคงจะเล่าเรื่องราวไม่จบแน่ๆ เอาไปว่ากานดาไม่ได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่คุณปู่ของผมจัดหามาให้ เพราะมันบังเอิญเกิดเรื่องราวที่ไม่ได้คาดฝันขึ้นมาเสียก่อน”
“มันคือเรื่องอะไรค่ะเจ้า”
......................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ