คดีจำเป็น ตอน คดีฆาตกรรมรางรถไฟ
7.3
4) เดียวดายกลางสายลม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากที่ทราบข่าวของหยินว่า มันไปเป็นวิทยากรมหาลัยต่างจังหวัด กว่าจะกลับก็เดือนหน้า ส่วนไอ้เก้า เหอะๆ มันกกอีหนูแถวไหนก็เรื่องของมันครับ และวันนี้มันมาบอกผมอีกว่า
"เออ เมิงน่าจะไปกับกรู ไปอยู่เซาว์น่า ให้สาวๆมารุมล้อมอาบน้ำให้เมิง"
"กรูไม่เอา" ผมไม่สนใจ และถามต่อ "แล้วเมียเมิงล่ะ"
"ช่างหัวแมร่งสิ" ผมหันควับทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ "อยากงอนดีนัก แล้วเมื่อวานก็ซ้อมกรูกลางอาบอบนวดอ่ะ" สมควร สมควร
"เออ เพื่อนๆไปหมดกันหมดขนาดนี้ แล้วเมิงจะไปกับกรูมั้ยล่ะ" น่านนน ย้ำประโยคเดิม
"ไปไหน"
"เกาะสมุย นะๆๆๆๆ ไปกันหมดแล้วเหลือแค่เมิงกับกรู 2 คนแล้วล่ะ" ผมมองหน้ามันอีกที มันช่างดีกับผมเหลือเกิน ผมเลยตอบรับ
"ไม่ดีกว่า" มันฝ่อเลยครับ "ไม่ปฏิเสธ" มันยิ้มออกเลย
"นี่ มันต้องให้ได้แบบนี้สิ เพื่อนกรู อย่างเงี้ยะ เค้าเรียกว่าให้ใจเว้ยยยยย" ผมกับมันกอดคอกัน
เย็นนี้ มันนัดผมให้มาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง มันก็ซื้อของจุกจิกไปเรื่อย จนกระทั่ง เมียมันมาตามถึงที่
"ไอ้พี่เก้า" เมียมันดึงหูและลากเลยเว้ย เสียวโว้ยยยยย
"จ๊ากกกกกกก" เฮ้ย ทริปล่มแว้ววว
"รู้นะ จะไปกกอีหนู กลับบ้าน"
"อร๊างงงง พี่ไปเที่ยวกับเพื่อน" และเมียมันกระชากมือกลับ
"ไม่เชื่อหรอก ลองให้ห่างจากอก ประเดี๋ยวก็มีกิ๊กทั่วไทย"
"โอ๊ย สาบานได้ พี่ไปเที่ยวกับเพื่อนจริงๆ" และเมียไอ้เก้าหันมาทางผม สวัสดีผมและ....
"ขอโทษนะคะ ที่วันนี้ ทริปล่ม เพราะต้องพามันไปดูงานที่เชียงใหม่ค่ะ กว่าจะกลับก็เดือนหน้า อ้อ งานนี้ ไม่ว่าเพื่อนก็เถอะ ไม่มีใครไปได้ทั้งนั้น" กริ๊ดดดดดดดดดดด กู๊ดกีดกันนนนนน "ไป อีผัวเฮงซวย"
"จ๊ากกกกกกก ไอ้ภีมช่วยกรูด้วยยยยยยย" 2 คนผัวเมียลับตาไป ทิ้งผมอยู่คนเดียวอีกรอบ เฮ้ออออ จนปัญญาจริงๆ
ผมเดินออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ไปถึงสวนเสาวภา นั่งร้องไห้ไม่อายหมามัน หมามันเห่าเท่าไหร่กรูไม่สนใจ กรูจะร้องไห้ ได้ยินม้ายยยยยย
"คุณทนายนักสืบ" ใครหว่า
"หมวดหมูฉึกๆ"
ผมนั่งซ้อนมอไซค์ของหมวดหมูฉึกๆ กลับไปยังออฟฟิศผม ผมยังร้องไห้ไม่หยุด ทั้งที่หมวดหมูฉึกๆบอกให้ผมลงได้แล้ว ผมไม่ยอมลง จนไอ้หมวดหมูฉึกๆถามผมว่า
"คุณเป็นอะไรไป ร้องไห้ไม่อายเด็กบ้างเหรอ"
"มีอะไรจะต้องเสียอีกล่ะ ผมไม่อาย ฮือๆ" ผมฟูมฟายไม่หยุด
"หน้าด้านจริงๆ ผมไม่เคยเห็นคนแบบคุณนะนี่" ผมหันควับมาเลย
"นี่คุณด่าผมเหรอ"
"ก็ใช่น่ะซี่ คุณนี่ ไม่อายหมาบ้างเลย นอนร้องไห้ ดูแล้วเหมือนหมาข้างถนน"
"ผมไม่มีใคร" มันแค่นหัวเราะ
"ไม่มีใคร แน่ใจ" ประโยคหลังเชิงถามมากกว่า ผมพยักหน้า มันถอนหายใจ "แค่เพื่อนคุณไปจากคุณเดือนเดียวจะเป็นจะตาย แล้วผมล่ะ ไม่ยิ่งกว่าคุณเหรอ" ผมหันควับอีกรอบ แล้วถามว่า
"เพื่อนคุณไปกี่เดือนล่ะ" ส่ายหน้า "กี่ปี่ล่ะ" ส่ายหน้า "แล้ว....เพื่อนคุณ..."
"ผมไม่มีใคร" ผมอึ้ง เหมือนได้ยินไม่ถนัดหู "ผมไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ อยู่คนเดียวมาตลอด ถูกใครเขารังเกียจไปหมด ครั้นพอผมจะคบใครสักคน ทุกคนไม่สนใจผม เดินหนีผมไปหมด" ชีวิตมันนี่ น่าสงสารพิลึกแฮะ
"น่าสงสารจัง"
"ไม่หรอก" แล้วมันพูดต่อไปอีก "เพื่อนๆชอบหาเรื่องแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา ครั้นทำรายงานกลุ่ม พอรู้ว่าจะขออยู่ด้วย บอกว่าเต็มหมดแล้ว พอเพื่อนอีกคนมาขออยู่ ให้อยู่ต่อหน้าต่อตาผมเฉย บางคนพอรับผม พวกมันก็ใช้ผมทำนู่นทำนี่ทุกอย่างเลย แต่วันส่งงานจริง กลับขีดฆ่าชื่อผม และกล่าวหาว่าผมไม่ช่วยงานบ้างล่ะ นู่นนี่บ้างล่ะ สุดท้าย เวลาทำรายงานกลุ่ม ขออาจารย์ทำคนเดียวทุกครั้งเลย" ผมปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร เรื่องมันเศร้ามว๊ากกกกกกกกก มีหน้ามาถามอีก "เศร้ามากเลยเหรอ"
"ก็ใช่น่ะสิ คนบ้าอะไร น่าสงสารชะมัด"
"ก็ถึงได้บอกไง ชีวิตคุณน่ะ โชคดีกว่าผมตั้งเยอะ" และยังพูดต่อไปอีก "นี่ยังไม่รวมเรื่องเมียน้อยเมียหลวง และเป็นคนรับใช้เขาตั้งแต่เด็กอีกนะ" โหววว คนเรา จะรันทดอะไรขนาด ชีวิตผมแทบจะเรียกได้เลยว่า สบายมาทั้งชีวิต แต่มองไปอีกโลกนึงของหมูฉึกๆเนี่ย กลับไม่ขำเหมือนฉายาหมูฉึกๆที่ไอ้โต๊ะตั้งให้ไอ้หมวดหมูฉึกๆทรงพลังคนนี้เลย ออกแนวเศร้ารันทดด้วยสิ แต่ไม่เป็นไร สงสัยเรื่องนี้ ต้องเก็บไปเมาท์มอยกันหน่อยล่ะ ผมเลยออกปากชวนหมูฉึกๆ ไปเดินเล่นแถวๆสวนรถไฟกัน
"เอาเป็นว่า ผม อยากชวนคุณไปเดินเล่นสวนรถไฟ ดีมั้ย" มันแค่นหัวเราะ
"ผมไม่มีเวลาไปเดินเล่นกับคุณหรอก ผมไม่ค่อยชอบเดินเล่นเท่าไหร่" เอ๊ ชวนเดินเป็นเพื่อน ทำไมมันยากจัง หรือกลายเป็นว่า เราไปซ้ำเติมบาดแผลมันอีก
"งั้น หาอะไรกินกัน"
"ไม่ต้องหรอก แค่ผมกลับบ้าน ผมก็มีอะไรกินแล้ว" เอ๊ ยากจริงอะไรจริงนะนี่
"งั้น...." ยังไม่ทันได้พูด มันต้องรับโทรศัพท์
"ครับ..." และสักพักก็ตกใจ "อะไรนะ"
และแล้ว ผมต้องทิ้งสิ่งเริงรมย์หัวใจไปชั่วคราว เพราะผมมีงานที่จะต้องไปกับมัน นั่นคือไปสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง ที่เกิดเหตุฆ่ากันตายกลางรางรถไฟ กริ๊ดดดดดดดดดด ชอปเปอร์ดำทะมึนพาผมกับหมูฉึกๆ มายัง ณ จุดเกิดเหตุ หมูฉึกๆ พาผมแหวกฝูงชนไปดู กริ๊ดดดดดดดด สยองพองขนสวดยวดดดดดดด หน้าศพคนนั้นๆ เป็นหนอนขยุกขยุยทั่วใบหน้าพาผมอาเจียน นี่ยังไม่รวมกลิ่นบรมโชยหึ่งอีกนะ
"นี่ เพิ่งตายไม่นานล่ะสินะ แต่กลิ่นนี่ใช้ได้เลย" หมวดหมูฉึกๆ ก็ไม่เกรงกลัวศพ ส่วนผม จะฉี่ราดอยู่แว้ววววว
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กรูไม่ไหวแร้ววววววววววววววว
โปรดติดตามตอนต่อไปนะน้องนะ - -
"เออ เมิงน่าจะไปกับกรู ไปอยู่เซาว์น่า ให้สาวๆมารุมล้อมอาบน้ำให้เมิง"
"กรูไม่เอา" ผมไม่สนใจ และถามต่อ "แล้วเมียเมิงล่ะ"
"ช่างหัวแมร่งสิ" ผมหันควับทันทีเมื่อได้ยินประโยคนี้ "อยากงอนดีนัก แล้วเมื่อวานก็ซ้อมกรูกลางอาบอบนวดอ่ะ" สมควร สมควร
"เออ เพื่อนๆไปหมดกันหมดขนาดนี้ แล้วเมิงจะไปกับกรูมั้ยล่ะ" น่านนน ย้ำประโยคเดิม
"ไปไหน"
"เกาะสมุย นะๆๆๆๆ ไปกันหมดแล้วเหลือแค่เมิงกับกรู 2 คนแล้วล่ะ" ผมมองหน้ามันอีกที มันช่างดีกับผมเหลือเกิน ผมเลยตอบรับ
"ไม่ดีกว่า" มันฝ่อเลยครับ "ไม่ปฏิเสธ" มันยิ้มออกเลย
"นี่ มันต้องให้ได้แบบนี้สิ เพื่อนกรู อย่างเงี้ยะ เค้าเรียกว่าให้ใจเว้ยยยยย" ผมกับมันกอดคอกัน
เย็นนี้ มันนัดผมให้มาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง มันก็ซื้อของจุกจิกไปเรื่อย จนกระทั่ง เมียมันมาตามถึงที่
"ไอ้พี่เก้า" เมียมันดึงหูและลากเลยเว้ย เสียวโว้ยยยยย
"จ๊ากกกกกกก" เฮ้ย ทริปล่มแว้ววว
"รู้นะ จะไปกกอีหนู กลับบ้าน"
"อร๊างงงง พี่ไปเที่ยวกับเพื่อน" และเมียมันกระชากมือกลับ
"ไม่เชื่อหรอก ลองให้ห่างจากอก ประเดี๋ยวก็มีกิ๊กทั่วไทย"
"โอ๊ย สาบานได้ พี่ไปเที่ยวกับเพื่อนจริงๆ" และเมียไอ้เก้าหันมาทางผม สวัสดีผมและ....
"ขอโทษนะคะ ที่วันนี้ ทริปล่ม เพราะต้องพามันไปดูงานที่เชียงใหม่ค่ะ กว่าจะกลับก็เดือนหน้า อ้อ งานนี้ ไม่ว่าเพื่อนก็เถอะ ไม่มีใครไปได้ทั้งนั้น" กริ๊ดดดดดดดดดดด กู๊ดกีดกันนนนนน "ไป อีผัวเฮงซวย"
"จ๊ากกกกกกก ไอ้ภีมช่วยกรูด้วยยยยยยย" 2 คนผัวเมียลับตาไป ทิ้งผมอยู่คนเดียวอีกรอบ เฮ้ออออ จนปัญญาจริงๆ
ผมเดินออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ไปถึงสวนเสาวภา นั่งร้องไห้ไม่อายหมามัน หมามันเห่าเท่าไหร่กรูไม่สนใจ กรูจะร้องไห้ ได้ยินม้ายยยยยย
"คุณทนายนักสืบ" ใครหว่า
"หมวดหมูฉึกๆ"
ผมนั่งซ้อนมอไซค์ของหมวดหมูฉึกๆ กลับไปยังออฟฟิศผม ผมยังร้องไห้ไม่หยุด ทั้งที่หมวดหมูฉึกๆบอกให้ผมลงได้แล้ว ผมไม่ยอมลง จนไอ้หมวดหมูฉึกๆถามผมว่า
"คุณเป็นอะไรไป ร้องไห้ไม่อายเด็กบ้างเหรอ"
"มีอะไรจะต้องเสียอีกล่ะ ผมไม่อาย ฮือๆ" ผมฟูมฟายไม่หยุด
"หน้าด้านจริงๆ ผมไม่เคยเห็นคนแบบคุณนะนี่" ผมหันควับมาเลย
"นี่คุณด่าผมเหรอ"
"ก็ใช่น่ะซี่ คุณนี่ ไม่อายหมาบ้างเลย นอนร้องไห้ ดูแล้วเหมือนหมาข้างถนน"
"ผมไม่มีใคร" มันแค่นหัวเราะ
"ไม่มีใคร แน่ใจ" ประโยคหลังเชิงถามมากกว่า ผมพยักหน้า มันถอนหายใจ "แค่เพื่อนคุณไปจากคุณเดือนเดียวจะเป็นจะตาย แล้วผมล่ะ ไม่ยิ่งกว่าคุณเหรอ" ผมหันควับอีกรอบ แล้วถามว่า
"เพื่อนคุณไปกี่เดือนล่ะ" ส่ายหน้า "กี่ปี่ล่ะ" ส่ายหน้า "แล้ว....เพื่อนคุณ..."
"ผมไม่มีใคร" ผมอึ้ง เหมือนได้ยินไม่ถนัดหู "ผมไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ อยู่คนเดียวมาตลอด ถูกใครเขารังเกียจไปหมด ครั้นพอผมจะคบใครสักคน ทุกคนไม่สนใจผม เดินหนีผมไปหมด" ชีวิตมันนี่ น่าสงสารพิลึกแฮะ
"น่าสงสารจัง"
"ไม่หรอก" แล้วมันพูดต่อไปอีก "เพื่อนๆชอบหาเรื่องแกล้งผมอยู่ตลอดเวลา ครั้นทำรายงานกลุ่ม พอรู้ว่าจะขออยู่ด้วย บอกว่าเต็มหมดแล้ว พอเพื่อนอีกคนมาขออยู่ ให้อยู่ต่อหน้าต่อตาผมเฉย บางคนพอรับผม พวกมันก็ใช้ผมทำนู่นทำนี่ทุกอย่างเลย แต่วันส่งงานจริง กลับขีดฆ่าชื่อผม และกล่าวหาว่าผมไม่ช่วยงานบ้างล่ะ นู่นนี่บ้างล่ะ สุดท้าย เวลาทำรายงานกลุ่ม ขออาจารย์ทำคนเดียวทุกครั้งเลย" ผมปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร เรื่องมันเศร้ามว๊ากกกกกกกกก มีหน้ามาถามอีก "เศร้ามากเลยเหรอ"
"ก็ใช่น่ะสิ คนบ้าอะไร น่าสงสารชะมัด"
"ก็ถึงได้บอกไง ชีวิตคุณน่ะ โชคดีกว่าผมตั้งเยอะ" และยังพูดต่อไปอีก "นี่ยังไม่รวมเรื่องเมียน้อยเมียหลวง และเป็นคนรับใช้เขาตั้งแต่เด็กอีกนะ" โหววว คนเรา จะรันทดอะไรขนาด ชีวิตผมแทบจะเรียกได้เลยว่า สบายมาทั้งชีวิต แต่มองไปอีกโลกนึงของหมูฉึกๆเนี่ย กลับไม่ขำเหมือนฉายาหมูฉึกๆที่ไอ้โต๊ะตั้งให้ไอ้หมวดหมูฉึกๆทรงพลังคนนี้เลย ออกแนวเศร้ารันทดด้วยสิ แต่ไม่เป็นไร สงสัยเรื่องนี้ ต้องเก็บไปเมาท์มอยกันหน่อยล่ะ ผมเลยออกปากชวนหมูฉึกๆ ไปเดินเล่นแถวๆสวนรถไฟกัน
"เอาเป็นว่า ผม อยากชวนคุณไปเดินเล่นสวนรถไฟ ดีมั้ย" มันแค่นหัวเราะ
"ผมไม่มีเวลาไปเดินเล่นกับคุณหรอก ผมไม่ค่อยชอบเดินเล่นเท่าไหร่" เอ๊ ชวนเดินเป็นเพื่อน ทำไมมันยากจัง หรือกลายเป็นว่า เราไปซ้ำเติมบาดแผลมันอีก
"งั้น หาอะไรกินกัน"
"ไม่ต้องหรอก แค่ผมกลับบ้าน ผมก็มีอะไรกินแล้ว" เอ๊ ยากจริงอะไรจริงนะนี่
"งั้น...." ยังไม่ทันได้พูด มันต้องรับโทรศัพท์
"ครับ..." และสักพักก็ตกใจ "อะไรนะ"
และแล้ว ผมต้องทิ้งสิ่งเริงรมย์หัวใจไปชั่วคราว เพราะผมมีงานที่จะต้องไปกับมัน นั่นคือไปสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง ที่เกิดเหตุฆ่ากันตายกลางรางรถไฟ กริ๊ดดดดดดดดดด ชอปเปอร์ดำทะมึนพาผมกับหมูฉึกๆ มายัง ณ จุดเกิดเหตุ หมูฉึกๆ พาผมแหวกฝูงชนไปดู กริ๊ดดดดดดดด สยองพองขนสวดยวดดดดดดด หน้าศพคนนั้นๆ เป็นหนอนขยุกขยุยทั่วใบหน้าพาผมอาเจียน นี่ยังไม่รวมกลิ่นบรมโชยหึ่งอีกนะ
"นี่ เพิ่งตายไม่นานล่ะสินะ แต่กลิ่นนี่ใช้ได้เลย" หมวดหมูฉึกๆ ก็ไม่เกรงกลัวศพ ส่วนผม จะฉี่ราดอยู่แว้ววววว
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กรูไม่ไหวแร้ววววววววววววววว
โปรดติดตามตอนต่อไปนะน้องนะ - -
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ