นักสืบซัมเมอร์

6.3

เขียนโดย รถโฟล์ค

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 23.38 น.

  6 ตอน
  5 วิจารณ์
  13.04K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ช่วงสอบปลายภาคของโรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

หลังจากที่แก้ไขโครงการความรักความผูกพันเสร็จแล้ว โรมก็รีบอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบปลายภาคอย่างเดียวโดยที่เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ชีวิตในช่วงนี้ของเขาจึงหมกตัวซุกอยู่แต่ในห้อง

 

คณะสาธารณสุขศาสตร์ เป็นคณะหนึ่งในมหาวิทยาลัยวิกตออรี  ตั้งตระหง่านอยู่ทางเข้ามหาวิทยาลัยวิกตอรี  เป็นคณะแรกที่ทุกคนขับรถ แล้วจะเจอเป็นคณะแรก 

 

คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิกตอรี มีทั้งหมด 3 สาขา คือ สาขาสาธารณสุขศาสตร์   สาขาโภชนาการและการจัดการความปลอดภัยในอาหาร  และ สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย  โดยแต่ละสาขาจะมี 2 ระบบ คือ ระบบปกติและระบบพิเศษ ซึ่งสองระบบนี้จะแตกต่างกันแค่เพียง ระบบพิเศษจะเสียเงินมากกว่าระบบปกติสองเท่า โดยที่เรื่องอื่นๆระบบพิเศษก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากไปกว่าระบบปกติเลย

 

บรรยากาศรอบๆคณะสาธารณสุขศาสตร์แห่งนี้ก็เหมือนๆกับคณะอื่นๆในมหาวิทยาลัย คือมีบรรยากาศที่ดี หน้าคณะจะดูร่มรื่นมีต้นไม้หลากชนิด และตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยก็มีการปลูกต้นอินทผลัม ตามถนนทางเข้ามหาวิทยาลัยตามไปตลอดแนว ทำให้ริมถนนมหาวิทยาลัยดูเป็นระเบียบสวยงามมากขึ้น  ....ตึกคณะสาธารณสุขศาสตร์มีทั้งหมด 6 ชั้น มีห้องเรียนที่ติดแอร์ มีเครื่องโปรเจคเตอร์ที่ทันสมัย มีห้องคอมพิวเตอร์-อินเตอร์เน็ตสุดไฮเทค และมีห้องแล็บที่ทันสมัยอีกด้วย  ซึ่งตอนนี้ตึกคณะนี้ไม่ได้ใหญ่เหมือนคณะอื่นๆนัก เพราะว่าจะมีการสร้างตึกใหม่ใกล้ๆกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งขณะนี้กำลังก่อสร้างให้เป็นรูปเป็นร่างอยู่ 

 

โรมเป็นคนหนึ่งที่เรียนอยู่ในสาขาสาธารณสุขศาสตร์ ระบบพิเศษ หรือ จะเรียกย่อๆว่า "ส.บ.พิเศษ" มีเพื่อนๆในห้องทั้งหมด 74 คน  รวมทั้งตัวเขา  มีผู้ชายในห้องเรียนเพียง 8 คน นอกนั้นเป็นผู้หญิงหมด  และผู้ชายทั้ง 8 คนนี้เป็นผู้ชายจริงๆ แค่เพียง 4 คนเท่านั้น ส่วนอีก 4 คนนั้นเป็นสาวประเภทสอง  แต่สาวประเภทสองเหล่านี้ก็ไม่ได้แต่งหญิงแต่อย่างใด เพราะคณะห้ามสาวประเภทสองใส่กระโปรงมาเรียนเพราะจะถูกลงโทษด้วยการวิ่งรอบคณะ 200 รอบเพื่อเป็นการลงโทษไม่อย่างนั้นอาจารย์จะให้ F  ทุกวิชา  ไม่เหมือนบางคณะที่อนุญาตให้พวกหล่อนๆเหล่านั้นใส่กระโปรงมาเรียนได้  ส่วนผู้ชายอีก 4 คนก็มักจะถูกบางสายตามองว่า...เป็นเกย์รึเปล่า เก้งกวางรึเปล่า....ก็มี  ....แต่มันก็ไม่ทำให้โรมเป็นไปตามกระแสเหล่านั้นเลย  และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับประโยคเหล่านั้น

 

ในห้อง ส.บ.พิเศษจะเป็นห้องเรียนที่ไม่สนิทสนมกันทั้งหมดเท่าไร ส่วนมากจะอยู่เป็นแก้งหรือกลุ่มก้อนมากกว่า  และบางแก้งก็จะค่อนข้างหยิ่งไม่พูดไม่จากับเพื่อนแก้งอื่นหรือคนอื่น ซึ่งทำให้โรมไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ส่วนโรมก็ไม่ได้สังกัดแก้งใดๆทั้งสิ้น เหมือนๆกับผู้ชายมาดแมนอีก 3 คนในห้องที่ไม่ค่อยยึดติดกับเรื่องพวกนี้  จึงคุยกับทุกคนได้หมด แต่บางครั้งมันก็ทำให้เขาเหมือนไม่มีเพื่อนสนิทจนทำให้เขาเหงามากเลยทีเดียว

 

เบ็ญ แต้ว ปุ้ย ยา และหญิง เป็นเพื่อนแก้งหนึ่งในห้องที่โรมชอบไปพูดคุยด้วยบ่อยๆ งานกลุ่มส่วนมาก เขาก็จะกลุ่มกับสาวๆทั้ง 5 คนนี้ ส่วนคนอื่นๆที่ชอบเข้ามาคุยกับเขาก็จะมี แพนด้า อ้อ สา ทิพย์ ตั๊ก เท่านั้น รวมทั้ง จุ๋ม  กุ๊ก และ อุ้ม ที่โรมมักจะไปนั่งเรียนโต๊ะแถวเดียวกับสาวสามซ่านี้ ทำให้มีโอกาสคุยกันมากขึ้น แต่เขาก็รู้สึกไม่สนิทด้วยเท่าไรนัก   ซึ่งในช่วงนี้เพื่อนๆเหล่านี้ก็จะชอบเข้ามาพูดคุยกับโรมเกี่ยวกับเรื่องไปเข้าค่ายชมรมฟ้าสดใสเพื่อสังคมที่เขาบริหารอยู่

 

บรรยากาศในห้องเรียนวันนี้ดูเสียงดังมากผิดปกติ เพราะว่าอาจารย์ยังไม่เข้าสอน  ตามประสาวัยหนุ่มสาวก็จะมีเรื่องนั่นเรื่องนี่มาคุยกัน เฮฮาในห้อง บ้างก็นินทาชาวบ้าน บ้างก็คุยเรื่องงาน เรื่องแฟนทิ้ง เป็นต้น  ส่วนโรมขณะที่นั่งเงียบๆอยู่นั้น เหมือนไม่มีสายตาใครสนใจเขาเลย  เสียงที่ดังโหวกเหวกอยู่ในห้องเหมือนตรอกย้ำความเศร้า ความเหงา ความไม่มีเพื่อนของเขาเหลือเกิน แต่และแล้วก็มีอ้อ เพื่อนคนหนึ่งในห้องก็เข้ามาทำลายความรู้สึกของเขาเหล่านั้นออกไป

 

 

 

 “เออนี่โรม อย่าลืมชวนเค้านะ เค้าอยากจะไปลองออกค่ายดูน่ะ” อ้อ เอ่ยขึ้น พร้อมรอยยิ้ม พลางนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆโรม ทำให้เขารู้สึกสดใสขึ้นมาทันที

 

“ได้อยู่แล้ว เค้าจะให้อ้อไปสอนน้องแปรงฟันนะ”โรมกล่าวพร้อมกับร้อยยิ้ม

 

“ได้ๆอะไรเค้าทำได้หมดแหละ ตั้งแต่อยู่มหา’ลัยมา เค้าก็ยังไม่ได้ไปออกค่ายที่ไหนเลย  อยากไปออกบ้างอ่าโรม” อ้ออธิบาย พลางยิ้มไปด้วย  รอยยิ้มของหญิงสาวคนนี้ช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน

 

“อืมได้ๆ ชวนแพนด้าไปด้วยนะ” โรมแนะนำอ้อ ให้ไปชวนเพื่อนสนิทของเธอ อย่างแพนด้าไปด้วย

 

“แพนด้าไปแน่นอนอยู่แล้วล่ะ โรม” อ้ออธิบาย

 

“คุยไรกันอยู่จร้า โรม อ้อ” เบ็ญเดินเข้ามาทักทายเพื่อนทั้งสองคน

 

“คุยเรื่องไปออกค่ายหลังปิดเทอมอ่าเบ็ญ เบ็ญไปไหม” อ้อถามเบ็ญพร้อมกับสบัดผมสีทองที่ยาวปะบ่าไปมา

 

“จริงสิ เค้าก็อยากไปด้วยนะโรม ใกล้ๆวันอย่าลืมบอกเค้าด้วยนะโรม เผื่อเค้าลืม ถ้าเค้าไปพวกหญิงก็น่าจะไป”เบ็ญเอ่ยขึ้น 

 

 

 

ซึ่งคำพูดของเบ็ญทำให้โรมยิ่งดีใจมากขึ้น ที่จะมีคนไปค่ายกับเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายคน และเขาก็เริ่มมีกำลังใจที่จะทำกิจกรรมต่อไป เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะอยู่ดีๆแล้วมีคนจะไปค่ายด้วยเพิ่มขึ้น  ....เป็นเพราะอ้อ กับเบ็ญได้ดู วิดิโอในเฟสบุ๊คของโรมในครั้งที่แล้วนั่นเอง พอเขาได้ยินคำพูดยืนยันว่าจะไปค่ายด้วย จากตัวจริงของเพื่อนยิ่งทำให้เขารู้สึกดีมากขึ้น ....ขอบคุณพระเจ้า

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงสอบเป็นอะไรที่โหดร้ายมากกับนิสิตชั้นปีที่ 3 คณะสาธารณสุขศาสตร์ เพราะเทอมนี้มีวิชาเอกทั้งหมด ถึง 7-8 ตัว ซึ่งการสอบนั้นจะสอบติดๆกันวันละวิชา  ถ้าใครอยากได้เกรดดีๆก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสืออย่างมาก และมีหลายคนที่จะใช้เงินเปลืองมากสำหรับค่าซื้ออาหารการกินบำรุงสมองในช่วงนี้ เพราะการอ่านหนังสือ อ่านไปสมองมันเครียดๆต้องจำเยอะๆ มันก็ทำให้หิวบ่อยมาก จนใครหลายๆคนต้องขอเงินแม่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูแห่งการสอบนี้   สำหรับโรมแล้วเขาไม่มีเวลาอ่านหนังสือสอบตั้งแต่เนิ่นๆในเทอมนี้เหมือนใครหลายคนเลย เพราะเขามัวทำกิจกรรมที่แสนจะดูวุ่นวายในชีวิตของเขาอยู่นั่นเอง

 

ก็อย่างเช่นวันนี้ที่เขาสอบวิชาจิตวิทยาสุขภาพเสร็จในตอนเช้า  ตอนบ่ายเขาก็ยังต้องขับรถเอาเอกสารโครงการไปให้ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไร่นา ที่โรงเรียนบ้านไร่นา สถานที่จัดโครงการของชมรมตามเคย  ซึ่งห่างจากมหาวิทยาลัยวิกตอรีถึง 30 กิโลเมตร   ในครั้งนี้เขาขับรถมอเตอร์ไซด์สีแดงที่แม่ซื้อให้เขา ไปกับ น้องเจน น้องที่ชมรมฟ้าสดใสของโรม และเป็นคนในพื้นที่บ้านไร่นา  จึงรู้จักเส้นทางที่จะเดินทางไปเป็นอย่างดี ในระหว่างทางก็จะคุยกันเรื่องต่างๆมากมายไร้สาระ เรื่อยเปื่อยตามคนคุ้นเคยกัน  ถึงแม้อากาศจะร้อน ฝุ่นจะกลบหน้าแต่พวกเขาก็ยังต้องขับไปเรื่อยๆเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง จนขับมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งถนนเป็นคอนกรีตอย่างดี มีตรอกซอกซอยมาก  จนโรมเริ่มสงสัยว่าจะต้องเลี้ยวเข้าซอยไหนดี เขาจึงเอ่ยปากถามน้องเจนด้วยเสียงนุ่มนวลว่า

 

 

 

“น้องเจนครับ เลี้ยวทางไหนครับเนี่ย” ชายหนุ่มถาม

 

“เลี้ยวข้างหน้าเลยค่ะ พี่โรม” สาวสวยบอก และชี้ไปทางซอยที่มีต้นมะม่วง

 

โรมเลี้ยวเข้าซอยนั้นตามที่น้องเจนบอก เขาขับมาเรื่อยๆจนมาถึงถนนเส้นเล็กๆซึ่งเป็นถนนลูกรัง  เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดเดี่ยวกับสิ่งที่เห็น ปากก็ถามน้องเจนว่า “....ใกล้ถึงยังน้อง”

 

“ใกล้แล้วค่ะพี่โรม นั่นไงหมู่บ้านไร่นา”  น้องเจนตอบพลางชี้นิ้วไปข้างหน้า ซึ่งจะมองเห็นหมู่บ้านตั้งตระหง่านอยู่บนเนินไม่ไกลมากนัก

 

“เย้ๆ ใกล้จะถึงแล้ว” โรมดีใจ

 

ขณะที่ขับรถไปเรื่อยๆนั้น สายตาคู่นั้นของเขาก็พยายามมองไปรอบๆทั้งสองฟากฝั่งถนนที่ทั้งสองข้างเป็นทุ่งนาที่อุดมไปด้วยข้าวเขียวขจีไปสุดลูกหูลูกตา สายลมอ่อนๆก็พัดเบาๆกระทบตัวเขาทั้งสองคน จึงทำให้รู้สึกเย็นสบายขึ้น  จึงทำให้ชายหนุ่มมีอารมณ์ร้องเพลงอันไพเราะระหว่างขับรถไปด้วย

 

 

 

ฉันฝันถึงเธอคนที่อยู่ไกลแสนไกล ฉันหวานละมุนอบอุ่นข้างในหัวใจ                     

 แต่อายไม่กล้าแม้จะบอกกับใคร จึงจูบผ่านสายลมให้พัดพาไป......

 

 

 

 เพลงฝันหวานอายจูบ เป็นเพลงหนึ่งที่โรมชอบฟัง และชอบร้องมากๆ เขามักจะร้องเพลงเวลาที่เขามีความสุข จนน้องเจนแอบยิ้มอยู่ข้างหลังเขา โดยที่เขาไม่รู้ตัว

 

และแล้วก็ถึงโรงเรียนบ้านไร่นา  ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา ตั้งอยู่ทางเข้าหมู่บ้าน มีนักเรียนทั้งหมด 88 คน และอาจารย์มี 11 คน   มีอาคารเรียนอยู่ 2  หลัง  หลังแรกเป็นไม้ และหลังที่สองเป็นปูน  ระหว่างอาคารสองหลังนี้จะมีโรงอาหารตั้งอยู่ตรงกลาง  บรรยากาศทั่วไปในโรงเรียนดูร่มรื่นมาก มีต้นไม้สูงใหญ่หลายต้น  ข้างหน้าอาคารเรียนจะเป็นสนามเด็กเล่น สนามฟุตบอล และ เสาธงเคารพธงชาติ ด้านหลังโรงเรียนเป็นสวนมะม่วงและสวนกล้วย มีหมูป่าน่ารักๆมากมายเลยทีเดียว โดยที่รอบๆบริเวณโรงเรียนก็จะมีน้องๆนักเรียนตัวเล็กๆวิ่งเล่นไปมา เด็กๆพากันมองดูทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนมองพวกเขาเหมือนคนแปลกประหลาดอะไรอย่างนั้น แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนใจในสายตาเด็กๆ มีแต่ยิ้มๆให้ แล้วเด็กๆก็วิ่งหนีไป บ้างก็หัวเราะพวกเขา

 

น้องเจนกับโรม ในชุดนิสิตเต็มยศ เดินไปพบผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไร่นา  ที่กระท่อมหลังเล็กๆใกล้ๆโรงอาหาร  ซึ่งมีอากาศร่มรื่น ดีมาก  ข้างในกระท่อมจะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่งเป็นอย่างดี  ทั้งคู่มองดูบนโต๊ะก็เห็นอาหารมากมายบนโต๊ะ เช่น มะม่วง มะขาม  ก็รู้เลยว่า ผอ. พึ่งทานข้าวเสร็จ  จากนั้นทั้งคู่ก็กล่าวสวัสดี ท่านผู้อำนวยการและชี้แจงเกี่ยวกับโครงการที่จะมาจัดที่โรงเรียนแห่งนี้ พลางยื่นเอกสารโครงการที่ถ่านเอกสารมาแล้วฉบับหนึ่งให้ แล้วก็คุยๆอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย

 

 

 

“มาจัดได้เลยค่ะ ถ้ามีอะไรจะให้ช่วยก็บอกนะคะ” ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านไร่นา ซึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปีพูด ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นกันเอง

 

“ครับ ผอ. พวกเราก็อยากได้แค่เครื่องโปรเจคเตอร์อ่าครับ ทางโรงเรียนมีให้ไหมครับ”โรมเอ่ยถาม ขณะที่น้องเจนไม่พูดอะไร ได้แค่นั่งอยู่เงียบๆข้างๆโรม

 

“อ๋อมีครับ เดี๋ยวทางโรงเรียนจะจัดเตรียมไว้ให้นะคะ” หญิงวัย 40 ปีพูด

 

หลังจากคุยกับผู้อำนวยการเสร็จแล้ว โรมกับน้องเจนก็เดินสำรวจรอบๆโรงเรียนและหมู่บ้านไร่นาอีกครั้ง มีการเก็บบันทึกรูปต่างๆรอบโรงเรียนเอาไว้ เพื่อใช้ในการวางแผนโครงการ และทำกิจกรรมวอร์กแรลลี่ย์

 

 

 

            เสร็จจากไปสำรวจค่ายแล้ว ทั้งคู่ก็ขับรถกลับจากโรงเรียนบ้านไร่นา  โดยที่อากาศร้อนมาก จนมาถึงในเมืองจังหวัดรักเธอก็ประมาณบ่าย 4 โมงเย็น  โรมพาน้องเจนแวะไปกินไอพอนเน่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับน้ำแข็งใส กินเสร็จพวกเขาก็เขียนอะไรบนกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดเล็กๆเล่นและนำไปติดที่บอร์ดในร้านเอาไว้  เช่น “ไปสำรวจค่ายกับน้องเจน”  “รักได้เลย” เป็นต้น โดยที่บนบอร์ดก็จะมีข้อความต่างๆมากมายที่ติดอยู่บนกระดานในร้านนี้จนอ่านไม่หมด เพราะใครที่แวะมาร้านนี้ก็จะเขียนอะไรไว้เป็นที่ระลึกบ้าง

 

หลังจากนั้นก็ขับมาเรื่อยๆเพื่อกลับมามหาวิทยาลัยวิกตอรีซึ่งห่างจากใจกลางเมืองรักเธอประมาณ 7 กิโลเมตร  ในระหว่างที่จะถึงมหาวิทยาลัย รถมอเตอร์ไซด์ของโรมก็เกิดยางรั่วขึ้นมากระทันหัน  ยังไงไม่รู้  โธ่!พระเจ้า ซวยอีกแล้ว ....แต่ดีที่มาเป็นแบบนั้นใกล้ๆกับร้านซ่อมรถจึงไม่ต้องขับแบบยางแบนๆแบบนั้นไปไกลนัก  .....น้องเจนบอกว่าเหนื่อยนิดหน่อย แต่โรมก็ยิ้มให้น้องเจน.....

 

 หลังจากที่กลับมาจากสำรวจค่ายด้วยความอ่อนล้า  โรมก็รีบอาบน้ำและก็รีบมาอ่านหนังสือต่อ เพราะต้องสอบอีกในวันพรุ่งนี้  ก่อนอ่านหนังสือโรมก็ก้มหน้าหลับตาอธิษฐานกับพระเจ้าให้พระเจ้าเจิมเขา เพราะเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยเหลือให้เขาเข้าใจได้ในเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน  หลังจากนั้นเขาก็กำกำปั้นและก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างเต็มที่บนเตียงนอนในห้องของตัวเอง....เราต้องทำให้ได้....ชายหนุ่มพูดกับตัวเองตามลำพังด้วยเสียงอันดังของลูกผู้ชาย ขณะที่พี่ริน รูมเมทของเขาก็ไม่อยู่ห้องแต่อย่างใด...ไปไหนก็ไม่รู้  เขาอ่านไปเรื่อยๆอ่านไปและก็อ่านไปด้วยความเข้าใจ  ทั้งลุกทั้งนั่งทั้งยืนทั้งเดินวนไปวนมาในห้อง  อ่านอย่างใจจดใจจ่อ  แม้แต่เฟสบุ๊คก็งดเล่นในช่วงนี้ได้สำหรับเขา  ในระหว่างเวลาแห่งความเงียบในการอ่านหนังสือของเขานั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ให้เขาพักสายตาจากการอ่านหนังสือ เขารีบหยิบเอาโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมามองดูด้วยสายตาเหนื่อยๆ ไม่อยากจะรับเท่าไร  หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นชื่อว่า “เฮียแฟรงค์” เขาดีใจมากที่พี่ชายโทรหา เขายิ้มและรีบรับทันที

 

 

 

“ว่าไงเฮีย มีไรเปล่า” โรมเอ่ยทักทาย

 

“หวัดดี โรม ทำไรอยู่ สอบเสร็จยัง” เฮียแฟรงค์ถาม

 

“ยังเลยเฮีย  เหนื่อยมากมาย งานชมรมก็มาวุ่นวายอีกอ่า เฮีย” โรมเอ่ยจบแล้วถอนหายใจ

 

“เหรอ เฮียก็สอบอยู่นี่แหละ เหนื่อยกับการอ่านหนังสือมาก แต่ก็ต้องทนว่ะ   เรื่องชมรมแกก็ให้คนอื่นช่วยบ้างดิวะ  พวกพี่ๆที่ให้แกทำ  ไหนแกบอกว่าดีนักดีหนา ไม่ใช่เหรอ  ทำไมเรื่องแบบนี้ไม่ช่วยแกวะ เกรดแกตกมาจะทำไงอ่าไอ้โรม ถ้าไม่มีใครช่วยก็เลิกทำไปเลย  แกนี่ไปทำอะไรไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะ  แกนี่มันเด็กดื้อจริงๆว่ะ ถ้าไม่นับว่าเป็นน้องจะพูดแบบนี้เลยนะ” เฮียแฟรงค์พูดสอนโรมด้วยน้ำเสียงดุ  โดยที่ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์จริงอะไรมาก แต่ก็รู้ว่าน้องชายตัวเองเป็นคนที่ทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายได้ดีมากและไม่คิดจะทิ้งงานเหล่านั้น

 

“เฮีย ทำไมดุจังวันนี้  ส่วนที่ดีเขาก็ดีนะเฮีย แต่การทำชมรมไม่ค่อยมีใครทำเป็นไงคร๊าฟฟ  รุ่นพี่เขาก็ติดงาน  น้องมาใหม่ผมก็สั่งไม่ได้  ไม่สนิทอ่าเฮีย  คนที่เคยสนิทเขาก็ทิ้งผมไปหมดแล้วล่ะเฮีย  ผมไม่เหลือใครแล้ว” โรมละล่ำละลักออกมาทั้งน้ำตา ด้วยความเครียดและคิดหนักกับภาระงานต่างๆ

 

“เฮ้ย เป็นไรมากไหมเนี่ยโรม  เหนื่อยนักก็พักบ้างนะโรม  เดี๋ยวเป็นไรไปไม่ดีนะน้อง  อย่างน้อยแกก็มีเฮียนะโว้ย”เฮียแฟรงค์พูดด้วยความเป็นห่วง

 

“ครับเฮีย  ผมจะพยายามครับไม่คิดมาก” โรมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า

 

เฮียแฟรงค์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นและเหมือนพยายามเปลี่ยนประเด็นการสนทนาเพื่อให้น้องชายอารมณ์ดีขึ้น “เออ....แล้วนี่เพื่อนที่แกตามหาเจอยังวะ”

 

 

 

“ยังเลยเฮีย จะเอาเวลาที่ไหนไปตามหาอ่าเฮีย ติดโน่นติดนี่ งานชมรมบ้าบอนั่น ไหนจะอ่านหนังสือ ไหนจะค่ายอีก ไม่มีเวลาหรอก” โรมอธิบาย พลางเสียงเศร้าลง ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนช่วงนี้ทำอะไรไม่ได้ดังใจเขาเลย ....เขาอยากตามหาเพื่อนก็ไม่ได้ทำ  อยากอยู่แบบสบายๆก็ไม่ได้ ชีวิตแต่ละวันทำไมมันต้องดิ้นรนแบบนี้นะ.....เขาบ่นไปในใจตามประสาคนใจร้อนและชอบทำอะไรให้เร็วและดีที่สุด คือต้องทำอะไรให้ได้ดั่งใจ

 

“โหย พ่อประธานชมรมคนเก่ง  แต่ยังไงเดี๋ยวเฮียช่วยตามหานะเว้ย ว่างๆก็คงเป็นตอนซัมเมอร์โน่นแหละมั้ง แล้วเพื่อนโรมเป็นคนที่ไหนเหรอ” เฮียแฟรงค์ถามด้วยความอยากช่วยเหลือจริงๆ

 

“ร้อยเอ็ดครับเฮีย  เฮียจะช่วยตามหาจริงๆเหรอเฮีย ขอบคุณมากนะครับ” โรมยิ้มๆและขอบคุณพี่ชาย

 

“อือ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฮียอ่านหนังสือก่อนนะ  แกก็รีบอ่านด้วยนะ อย่าไปทำกิจกรรมอะไรให้มันมากนัก เดี๋ยวแกจะติด F ไม่รู้ตัวนะ คิดดูดีๆล่ะไอ้น้อง” เฮียแฟรงค์พูดด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง และประโยคนี้แกก็จะชอบพูดกับโรมประจำ จนชายหนุ่มหน้ามนอย่างโรมรำคาญ

 

“ครับเฮีย ผมรู้ว่าเฮียเป็นห่วง แต่ยังไงผมจะไม่ทำให้เฮียผิดหวังนะ จะตั้งใจอ่านหนังสือ  เฮียก็ตั้งใจอ่านหนังสือนะเฮีย  เดี๋ยวจบมาผมจะไปดัดฟันฟรี” โรมพูดเชิงเป็นห่วงเฮียแฟรงค์เหมือนกัน ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ จนทำให้เฮียแฟรงค์ยิ้มและหัวเราะตาม

 

“อืม โชคดีนะโรม ตั้งใจๆ”

 

“โชค A ดิเฮีย”

 

“เออๆ โชคA ว่ะ”

 

และการสนทนาครั้งนี้ก็จบลงด้วยเสียงหัวเราะของทั้งสองฝ่าย ....พี่น้องคู่นี้ช่างรักกันจริงๆ  ....ถ้าพี่น้องก็รักกันแบบนี้ทุกครอบครัว ก็คงจะดีไม่น้อยเลย และถึงแม้ที่มหาวิทยาลัยในตอนนี้เหมือนโรมจะไม่มีเพื่อนสนิทเลย แต่เขามีพี่ชายที่แสนดีคนนี้แหละที่คอยเป็นเพื่อนสนิททางไกลของเขาอยู่เสมอ ทำให้เขาไม่เหงา  ถึงแม้เขาจะไม่มีแฟนเหมือนใครหลายๆคนที่มีแฟนด้วยเหตุผลเพราะเหงาก็ตาม

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา