THE LAST OF LOVED (ความรักครั้งสุดท้าย)
4.8
5) ไร่สายลมหวนกลับ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ วาริทกำลังทำความสะอาดกล้องตัวโปรดอยู่ที่สวนหลังบ้าน อภิภพมองอยู่นานแล้วจึงเดินเข้ามาหา
“ไง..น้องชาย อยู่ที่นี้เป็นไงสะดวกสบายไหม”ผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างกันยี่สิบกว่าปีพูดวาริทหันมายิ้มตอบ
“สบายมากครับ ผมดีใจที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”เขาพูดและมองดูรอบๆบ้าน
“ที่นี่ก็เป็นบ้านเรา คุณแม่ศิราเป็นคนสร้าง ถึงจะยกให้พี่เป็นคนดูแล แต่อย่างไงบ้านหลังนี้ก็ยังเป็นบ้านของพวกเราทุกคน... อื่มพี่ลืมบอกไปอาทิตย์หน้าคุณแม่ศิราจะกลับมาเยี่ยมบ้านท่านฝากให้พี่บอกนาย”อภิภพพูด
“จริงหรือครับ ที่จริงผมตั้งใจจะให้ท่านมาพักผ่อนที่เมืองไทยเหมือนกันอากาศที่นี้ อย่างไงก็ดีกว่าตั้งเยอะ”วาริทนึกถึงผู้เป็นแม่ก็ยิ้มขึ้นมา
“เอาหละ พี่ว่ามันน่าจะดึกมากแล้วไปพักผ่อนดีกว่านะ ที่นี่ยังมีอะไรดีๆ อีกเยอะแค่ตามหามันให้เจอ”อภิภพพูดจบทั้งคู่จึงเดินเข้าพร้อมกัน
อรุณยามเช้าแสงอาทิตย์สาดสีอ่อนๆ อากาศกำลังเย็นสบาย วาริทและดนัยกำลังวิ่งออกกำลังกายในยามเช้าอยู่ ถึงแม้ว่าจะมาวิ่งออกกำลังกาย แต่วาริทก็ไม่วายที่จะนำกล้องถ่ายรูปตัวโปรดติดมือมาด้วย
“นายเมฆ.. นายจะปลุกฉันทำไมแต่เช้า ฉันกำลังหลับสบายอยู่แท้ๆเชียว”ดนัยบ่น
“นายจะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพนะจะได้ตื่นเมื่อไรก็ได้”วาริทพูดแต่ก็ไม่ได้สนใจดนัยที่หยุดวิ่งนั่งอยู่ริ่มทาง เมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงตอบรักจึงหันกลับมา และต้องวิ่งกลับมากาดนัย
“สงสัยนายคงไม่ค่อยออกกำลังกายน ถึงได้ดูไม่จืดขนาดนี้ แล้วอย่างนี้จะเอาชนะใจสาวบ้านนอกได้ไหมวะ”วาริทพูดราวกับแรงกระตุ้นให้ดนัยตาชื่นขึ้นมาทันที
“นายว่างั้นหรือวะ ถ้าอย่างนั้นระหว่างอยู่ที่นี้ฉันน่าจะทำให้พ่อของเธอชอบก่อนดีกว่า”ดนัยนึกขึ้นได้ก็ตั้งหน้าวิ่ง วารินดูจะมึนๆกับเพื่อนของตัวเองไม่น้อย...
...เมื่อสังเกตดูดนัยก็ดูจะขยันเป็นพิเศษ เขาอาสาช่วยอภิภพ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เขาก็อาสาจะช่วยอย่างไม่มีเหนื่อยให้เห็น.. ในสายตาของผู้ที่จับจ้องมองอยู่อย่างวาริท
“โอ้... โอ้ เมื่อยจัง”เสียงร้องโอดโอย ทำให้วาริทต้องมองหาต้นเสียง และก็นึกหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
“นายเมฆ นี่แกกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม”ดนัยเสียงแข็งใส่วาริท
“ใช่... แล้วนี้นายไปทำอะไรมาหละ ถึงได้ดูหมดแรงไม่เป็นท่าแบบนี้”วาริทมานั่งข้างๆ ดนัยมองดูวาริท
“นี่นาย..กำลังจะออกไปข้างนอกหรือ ฉันคงไปไม่ไหน นายไปคนเดียวได้ไหม”ดนัยพูดและนอนอย่างหมดแรง
“งั้นเหรอ ฉันว่าจะไปที่ไร่ของคุณปู่คนนั้นอีกครั้ง ว่าจะขอถ่ายวิถีการทำงานของชาวไร่สักหน่อย”วาริทพูด
“อื่ม..แล้วนายต้องการเพื่อนไหมหละ”ดนัยพูด แต่ในใจก็หวังลึกๆกับคำตอบว่า ไม่.. หรือไม่เป็นไร
“ต้องการสิ”คำตอบนั้นทำให้ดนัยต้องรีบลุกขึ้นมามองหน้าเพื่อนที่กำลังหัวเราะชอบใจ
“พูดเล่นน่า..พักผ่อนเถอะ อ้อแล้ววันนี้ไม่ต้องอดดีอาสาออกแรงอย่างทุกวันหละ นอกจากจะไม่ชนะใจพี่ชายฉันแล้ว เค้าจะเห็นว่านายไม่ได้เรื่อง ไม่เหมาะกับลูกสาวของเค้าได้ ฮ่า ฮ่า..”วาริทยังคงหัวเราะก่อนจะเดินออกไป
“ไอ้เพื่อนบ้า..ไม่ให้กำลังใจแล้วยังมาซ้ำเติมกันอีก”ดนัยบ่น อย่างอ่อนแล้วและหลับตานอนที่โซฟาห้องโถง
วาริทขับรถมาจอดที่ไร่ “สายลมหวนกลับ” แค่ชื่อของไร่ก็ทำให้วาริทสะดุดตาอ่านทุกครั้งที่ได้เห็น เขาหยิบกล้องออกมา และมองหามุม ที่มีแสงและสีที่ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่น ยังไม่ทันที่เค้าจะได้ถ่าย
“อ้าว..พ่อหนุ่มคนนั้นเองหรอกหรือ...เชิญเข้าไปในไร่สิ”เสียงชายที่ค่อนข้างชราทำให้วาริทหันกลับมามอง
“สวัสดีครับคุณปู่ ผมเสียมารยาทอีกแล้วใช่ไหมครับ”วาริทออกตัวก่อนพร้อมยกมือขึ้นไห้ว
“ไม่หรอก.. ที่นี้ยินดีตอนรับผู้มาเยื่อนเสมอ ดูหน้าตาพ่อหนุ่มออกจะไปทางฝรั่ง แต่ก็ไหว้สวยเหมือนคนไทยแท้ๆนะ คงอยู่เมืองไทยนานแล้วสินะ” เสียงชายชราผู้เป็นเจ้าของไร่พูดและเดินนำเข้ามาที่บ้านกลางไร่
“อ้อ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ที่จริงแล้วผมพึ่งจะกลับมาที่เมืองไทยเมื่อเดือนที่แล้วเองครับ และมาทำงานนะครับ แต่จริงๆ แล้วผมใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนกับแม่นะครับ ที่นี้เป็นบ้านที่แม่เคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆผมแค่กลับมาเยี่ยมพี่ชายเท่านั้นเองครับ คุณแม่สอนให้ผมรู้จักวัฒนธรรมไทยอยู่เสมอ”วาริทพูดจบเมื่อเดินมาถึงบ้านกลางไร่
“อื่มอย่างนั้นเองหรือ ว่าแต่จะให้ปู่เรียกชื่อเราว่าอย่างไรหละ”หนุ่มชราหยิบน้ำชามาเสริฟและนั่งลงตรงหน้า
“ตายจริงผมเสียมารยาทมากเลยที่ไม่ได้แนะนำตัว เรียกผมว่าเมฆก็ได้ครับ”วาริทโค้งหัวเล็กน้อย
“ชื่อเมฆรึ.. เรียกไง จำง่ายดีนะ”ชายชราอายุราว 70 ปีพูดและพลางมองที่ท้องฟ้าและยิ้มเมื่อเห็นกลุ่มเมฆลอยมา
“ครับ คุณแม่ท่านชอบท้องฟ้าที่จริงท่านว่าถ้าผมเป็นผู้หญิงจะให้ชื่อดาว เพราะท่านชอบดาวมากกว่าแต่จะให้ผมชื่อดาวคงจะอย่างไงอยู่นะครับ”วาริทพูดตลก จนทำให้ชายชราอมยิ้มเล็กน้อย วาริทจึงยิ้มตาม
เสียรถมาจอดที่หน้าบ้านขจารินรีบขอบใจเพื่อนสาวและลงจากรถไปนิศาชลงง กับท่าทางลุกลี่ลุกรนนั้น
“นี้..ยายรินเธอไม่คิดจะชวนฉันเข้าบ้านเลยหรือไง”นิศาชลตะโกนตามหลังเมื่อขณะที่เพื่อนสาวกำลังเปิดประตู
“ไหนน้ำค้างบอกว่าจะไปหาคุณปู่ที่ไร่ไม่ใช่หรือ รินเกรงว่ามันจะมึดค่ำเสียก่อน รีบไปเถอะ”ขจารินปิดปะตูบ้านและตอบเพื่อนสาวที่ดูจะงงมึนๆ เล็กน้อยกับท่าทางที่ดูชอบกลของเพื่อน แต่เธอก็นึกได้ว่าเธอต้องรีบจริงๆ
“อ้อ..ใช่สิถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้จะมาหานะ”นิศาชลพูดและกำลังจะออกรถ
“น้ำค้าง ฉันว่าพรุ่งนี้ฉันไปหาเธอดีกว่า อยากไม่เยี่ยมคุณปู่อยู่เหมือนกัน”ขจารินรีบปฏิเสธและมองเข้าไปในบ้านดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ ส่วนนิศาชลเมื่อตกลงเช่นนั้นแล้วจึงออกรถไป เจ้าหล่อนถอนหายใจโล่งอกไปที และเดินเข้ามาในบ้านที่ดูเงียบๆ เธอเข้าใจว่าอาจไม่มีใครอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อเดินเข้ามาในบ้านผ่านห้องโถงไป และรู้สึกเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง เธอจึงเดินกลับมาดูอีกครั้ง ก็พบว่าดนัยกำลังนอนตัวสั่นอยู่ที่โซฟา
“คุณ..คุณ..คุณค่ะ”ขจารินเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีเสียงตอบรับ เธอมองร่างที่ดูจะหนาวสั่นขดตัวอยู่จึงค่อยๆเอื้อมมือแตะที่หน้าผากของดนัย และถึงกับชักมือกลับด้วยความตกใจ
“ตายหละ..ตัวร้อนเชียว สงสัยจะเป็นไขหวัด”ขจารินรีบว่างสัมภาระและวิ่งหาผ้าชุบน้ำ และนั่งลงข้างๆ เช็ดตัวให้กับดนัย เธอเปลี่ยนน้ำอยู่ 2-3 ครั้งกว่าความร้อนในตัวของเขาจะเริ่มลดลง
“ไปทำอะไรมานะ ถึงได้เป็นไข้ขนาดนี้”ขจารินพูดหลังจากห่มผ้าและนั่งมองเห็นอยู่ตรงหน้าดนัยไม่ได้ได้สติ แต่ดูท่าทางดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ จึงเดินเข้าครัวเพื่อทำข้าวต้มให้กับดนัยเมื่อเขาตื่นขึ้นมา
นิศาชลแต่ตัวสวมชุดสาวชาวไร่เต็มยศ และออกเดินทางไปยังไร่ เมื่อเธอขับรถมาจนถึงหน้าไร่ เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถที่จอดอยู่หน้าไร่ของเธอ และเมื่อเธอขับรถเข้าไปในไร่ก็เห็นคุณปู่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็รีบลงจากรถและวิ่งเข้าไปกอดคุณปู๋แสดงความรัก ใบหน้าของคุณปู่ดูจะสดชื่นขึ้นมาทันที
“คุณปู่ค่ะ คิดถึงจังเลย ไม่เจอกันตั้งหลายวัน..อ้อหนูเห็นรถใครมาจอดที่หน้าไร่เรา รถเค้าเสียหรือค่ะ”ผู้เป็นหลานพูดเสียงหวานออดอ้อน แล้วถามเมื่อนึกขึ้นได้
“อ้อ..เปล่าหรอกมีแขกเข้ามาชมสวนของเรานะ”ผู้เป็นปู่พูด และดูชี้ไปยังหนุ่มที่กำลังถ่ายรูปอยู่ไม่ไกลนัก และเห็นได้ชัดเจนกับความคุ้นตา ใช่แล้วเธอถึงกลับลุกขึ้นมามอง เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นั้นแอบถ่ายภาพเธออยู่ครู่ใหญ่
“นาย..!” เสียงแหลมๆนั้น ทำเอาวาริทตกใจเมื่อมองดูชัดๆ ก็รู้ทันทีว่า...นั่นมันยายตัวแสบ ซึ่งดูผิดหูผิดตาไม่น้อย
“ตายแหละ งานเข้าแล้วไหมหละ”วาริทพูดเสียงเบากับตัวเอง และเจ้าหล่อนกำลังเดินตรงมาที่เขา
“นาย.. มาทำอะไรที่นี้”นิศาชลมาหยุดที่ตรงหน้าวาริทที่มองได้ชัดเจน ถึงจะดูไม่ค้นตาแต่ใบหน้าแบบนั้นมันใช่..
“อะไรกันน้ำค้าง หนูกำลังเสียมารยาทกับแขกของปู่”คุณปู่เข้ามาช่วยชีวิตวาริทได้ทัน
“คุณปู่ค่ะ..แต่เค้า..”นิศาชลหันมาแก้ตัวกับคุณปู่ที่ทำเสียงดุ และนิศาชลต้องหยุดเมื่อคุณปู่สายหน้าให้เธอ
“อ้อ..ไม่เป็นไรหรอกครับ คือเรารู้จักกันแล้วครับ”วาริทพูดเพราะเกรงว่าคุณปู่จะดุหลานสาวมากว่านี้
“ไม่ต้องยุ้ง”นิศาชลหันมาที่เขาพูดเสียงเบา และใบหน้าของเธอบอกถึงความโกรธได้ชัดเจน
“เอาหละ รู้จักกันแล้วก็ดี น้ำค้างหนูไปเอากาแฟกับน้ำชามาให้ปู่สิเดี่ยวปู่จะคุยกับพ่อเมฆต่อสักหน่อย” คุณปู่พูดและเรียกให้เมฆมานั่งคุยกันที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ นิศาชลต้องเดินเข้าไปในบ้านด้วยความหงุดหงิดใจ วาริทแอบมองดูท่าทางของเธอก็อดที่จะอบยิ้มไม่ได้...
ภาพที่คุณปู่ดูจะอารมณ์ดีและหัวเราะตลอดเวลา ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ตั้งแต่พ่อและแม่ได้เสียชีวิตไปเหมือน 10 ปีก่อน จากนั้นคุณย่าก็ตรอบใจตายตามไปด้วยทิ้งให้คุณปู่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่ดูจะพูกผันกันมาก และถึงแม้เจ้าหล่อนจะไม่ชอบใจนักที่เจอวาริทที่นี้ แต่ก็ได้เห็นคุณปู่ดูจะมีความสุขเหมือนความเหงาได้คลายหายไป นิศาชลนำชากาแฟมาเสริฟ และนั่งลงข้างๆตามคำสั่งของคุณปู่
“นี่หลานสาวของปู่เอง รู้จักกันแล้วสินะ”คุณปู่แนะนำให้รู้จักหลานสาวที่กำลังทำหน้าบึ้งตรึง
“ครับรู้จักแล้ว เมื่อหลายวันก่อน เธอน่ารักและใจดีมากครับช่วยผมหลายอย่าง”วาริทพูดและอมยิ้มให้นิศาชล
“หนูขอตัวนะค่ะ และอีกสักครู่น้ำค้างจะพาคุณปู่กลับบ้าน เย็นมากแล้วสมควรจะกลับได้แล้ว”นิศาชลพูด
“นั่นสิครับ ผมมารบกวนตั้งแต่เช้าและตอนนี้มันก็เย็นมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวกลับจะดีกว่า”วาริทพูดเมื่อรู้สึกเหมือนกับถูกไล่อ้อมๆ และเมื่อหันไปมองเห็นนิศาชลกำลังยิ้มอย่างชอบใจ
“เอางั้นก็ได้ ถ้าว่างๆ ก็แวะมาเที่ยวได้นะที่นี่ยินดีตอนรับ”คุณปู่พูด และยังไม่ทันที่วาริทจะได้พูด
“เค้าคงไม่มาอีกแล้วหละค่ะ เพราะเค้าคงจะกลับประเทศเค้าในเร็วๆนี้ ใช่ไหมค่ะคุณวาริท”นิศาชลทำหน้าทะเล้นใส่วาริท เขามองมาที่เธอก่อนจะยิ้มและตอบคุณปู่ไปว่า...
“ยินดีอย่างยิ่งนะครับ และอาทิตย์หน้าคุณแม่ของผมจะมาพักผ่อน ผมขออนุญาตพามาที่ไร่ได้หรือไม่ครับ”
“ได้สิ เรายินดีเสมอ”คุณปู่รีบตอบซึ่งนิศาชลได้แต่อ้าปากพูดไม่ทันและนึกไม่ถึง ครั้งนี้เป็นทีของวาริททำหน้าทะเล้นคืนให้กับนิศาชล ที่ดูจะโมโหสุดขีดแต่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้เพราะเกรงใจคุณปู่ของเธอ วาริทรีบขอตัวกลับและหันมายักคิ้วให้กับเจ้าหล่อนที่เอาแต่ทำหน้ายักษ์เหมือนจะกินวาริทได้ทั้งตัวเลยทีเดียว
ที่บ้าน...ดนัยลืมตาตื่นขึ้นมาดูจะมึนๆ ตาลายมองดูรอบและเห็นถ้วยข้าวต้ม น้ำและยาวางอยู่ที่โต๊ะข้างกับที่เขานอนอยู่ เขาจับดูผ้าที่อยู่บนหัวและผ้าหุ่มที่อยู่บนตัวเขา และพยามยามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น
“ตื่นแล้วหรือค่ะ.. คุณหมอพึ่งจะกลับไปเมื่อครู่เองคุณเป็นไข้หวัดเพราะอ่อนเพียร โหมงานหนักเกินไปค่ะ”เสียงหวานๆนั้นทำให้ดนัยหันไปมองและนั่นเธอเอง ดนัยยิ้มและรู้สึกอายขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าตัวเองทำอวดเก่งจนไข้ขึ้น และไม่ทันไรเสียงรถของวาริทก็มาจอดที่หน้าบ้าน ขจารินออกไปเปิดประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับวาริท
“อะไรนะ..รินบอกว่าดนัยไข้ขึ้นงั้นเหรอ”เสียงของวาริทยิ่งดังขึ้นเพราะเขาเดินมาจนถึงดนัยที่กำลังพยายามลุก
“เป็นไงหละนาย หมดท่าเลยสิทำเป็นอวดเก่ง”วาริทพูดเมื่อนั่งลงข้างๆ และดูอาการเพื่อน
“ไข้ลดแล้วค่ะอา คุณหมดพึ่งกลับ คุณดนัยก็ทานข้าวและทานยาสิค่ะ”ขจารินเดินเข้ามาและยื่นน้ำให้ผู้เป็นวาริท
“ขอบคุณมากครับ...อื่มแล้วไปที่ไร่นั้นเป็นไงบ้าง”ดนัยหยิบถ้วยข้าวต้มขึ้นมาทานและหันไปถามเพื่อน
“อืม..งานเข้าสิไม่ว่า ที่ไร่สายลมหวนกลับนั่น”วาริทพูดยังไม่ทันจบ
“ว่าไงนะค่ะ!..คุณอาไปที่ไร่ของน้ำค้างมาหรือค่ะ”ขจารินแทรกขึ้นมาทันที และดนัยถึงกับสัมลักข้าวต้มร้อนๆ
“นั่นแหละที่จะพูด.. อาก็พึ่งรู้วันนี้แหละ เพราะเธอไปที่นั้นและดูจะโมโหมากที่เห็นอา หึหึ”วาริทหัวเราะชอบใจ
“แล้วน้ำค้างแผงฤทธิ์อะไรบ้างหละค่ะ รินว่าคุณอาไม่น่าจะไปแกล้งยายรินเลยนะค่ะ ปกติไม่เห็นเค้าจะโมโหใครง่ายขนาดนี้”ขจารินพูดทำเอาราวิทถึงกับหยุดหัวเราะ
“นั่นสิ ผมก็เตือนแล้ว”ดนัยช่วยส่งเสริมความคิดเห็นของขจาริน ราวกับว่าวาริททำความผิด
“คุยอะไรกันอยู่ อาหลาน... อ้าว!..ดนัยเป็นไงบ้างถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยหรือ”อภิภพเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา
“อ้อ ไม่มีอะไรครับพี่ พอดีดนัยเค้าไข้ขึ้นนิดหน่อย เรากำลังพูดเรื่องอาการป่วยของดนัยอยู่ครับ”ทุกสายตาหันมามองที่วาริท ด้วยความงงสงสัย วาริทเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจึงไม่อยากให้ผู้เป็นพี่รู้ วาริทส่งสัญญาณเพื่อให้ทุกคนเออออตามสถานะการณ์นั้น...
“ไง..น้องชาย อยู่ที่นี้เป็นไงสะดวกสบายไหม”ผู้เป็นพี่ชายที่อายุห่างกันยี่สิบกว่าปีพูดวาริทหันมายิ้มตอบ
“สบายมากครับ ผมดีใจที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”เขาพูดและมองดูรอบๆบ้าน
“ที่นี่ก็เป็นบ้านเรา คุณแม่ศิราเป็นคนสร้าง ถึงจะยกให้พี่เป็นคนดูแล แต่อย่างไงบ้านหลังนี้ก็ยังเป็นบ้านของพวกเราทุกคน... อื่มพี่ลืมบอกไปอาทิตย์หน้าคุณแม่ศิราจะกลับมาเยี่ยมบ้านท่านฝากให้พี่บอกนาย”อภิภพพูด
“จริงหรือครับ ที่จริงผมตั้งใจจะให้ท่านมาพักผ่อนที่เมืองไทยเหมือนกันอากาศที่นี้ อย่างไงก็ดีกว่าตั้งเยอะ”วาริทนึกถึงผู้เป็นแม่ก็ยิ้มขึ้นมา
“เอาหละ พี่ว่ามันน่าจะดึกมากแล้วไปพักผ่อนดีกว่านะ ที่นี่ยังมีอะไรดีๆ อีกเยอะแค่ตามหามันให้เจอ”อภิภพพูดจบทั้งคู่จึงเดินเข้าพร้อมกัน
อรุณยามเช้าแสงอาทิตย์สาดสีอ่อนๆ อากาศกำลังเย็นสบาย วาริทและดนัยกำลังวิ่งออกกำลังกายในยามเช้าอยู่ ถึงแม้ว่าจะมาวิ่งออกกำลังกาย แต่วาริทก็ไม่วายที่จะนำกล้องถ่ายรูปตัวโปรดติดมือมาด้วย
“นายเมฆ.. นายจะปลุกฉันทำไมแต่เช้า ฉันกำลังหลับสบายอยู่แท้ๆเชียว”ดนัยบ่น
“นายจะนอนกินบ้านกินเมืองหรือไง ที่นี่ไม่ใช่กรุงเทพนะจะได้ตื่นเมื่อไรก็ได้”วาริทพูดแต่ก็ไม่ได้สนใจดนัยที่หยุดวิ่งนั่งอยู่ริ่มทาง เมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงตอบรักจึงหันกลับมา และต้องวิ่งกลับมากาดนัย
“สงสัยนายคงไม่ค่อยออกกำลังกายน ถึงได้ดูไม่จืดขนาดนี้ แล้วอย่างนี้จะเอาชนะใจสาวบ้านนอกได้ไหมวะ”วาริทพูดราวกับแรงกระตุ้นให้ดนัยตาชื่นขึ้นมาทันที
“นายว่างั้นหรือวะ ถ้าอย่างนั้นระหว่างอยู่ที่นี้ฉันน่าจะทำให้พ่อของเธอชอบก่อนดีกว่า”ดนัยนึกขึ้นได้ก็ตั้งหน้าวิ่ง วารินดูจะมึนๆกับเพื่อนของตัวเองไม่น้อย...
...เมื่อสังเกตดูดนัยก็ดูจะขยันเป็นพิเศษ เขาอาสาช่วยอภิภพ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เขาก็อาสาจะช่วยอย่างไม่มีเหนื่อยให้เห็น.. ในสายตาของผู้ที่จับจ้องมองอยู่อย่างวาริท
“โอ้... โอ้ เมื่อยจัง”เสียงร้องโอดโอย ทำให้วาริทต้องมองหาต้นเสียง และก็นึกหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง
“นายเมฆ นี่แกกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ใช่ไหม”ดนัยเสียงแข็งใส่วาริท
“ใช่... แล้วนี้นายไปทำอะไรมาหละ ถึงได้ดูหมดแรงไม่เป็นท่าแบบนี้”วาริทมานั่งข้างๆ ดนัยมองดูวาริท
“นี่นาย..กำลังจะออกไปข้างนอกหรือ ฉันคงไปไม่ไหน นายไปคนเดียวได้ไหม”ดนัยพูดและนอนอย่างหมดแรง
“งั้นเหรอ ฉันว่าจะไปที่ไร่ของคุณปู่คนนั้นอีกครั้ง ว่าจะขอถ่ายวิถีการทำงานของชาวไร่สักหน่อย”วาริทพูด
“อื่ม..แล้วนายต้องการเพื่อนไหมหละ”ดนัยพูด แต่ในใจก็หวังลึกๆกับคำตอบว่า ไม่.. หรือไม่เป็นไร
“ต้องการสิ”คำตอบนั้นทำให้ดนัยต้องรีบลุกขึ้นมามองหน้าเพื่อนที่กำลังหัวเราะชอบใจ
“พูดเล่นน่า..พักผ่อนเถอะ อ้อแล้ววันนี้ไม่ต้องอดดีอาสาออกแรงอย่างทุกวันหละ นอกจากจะไม่ชนะใจพี่ชายฉันแล้ว เค้าจะเห็นว่านายไม่ได้เรื่อง ไม่เหมาะกับลูกสาวของเค้าได้ ฮ่า ฮ่า..”วาริทยังคงหัวเราะก่อนจะเดินออกไป
“ไอ้เพื่อนบ้า..ไม่ให้กำลังใจแล้วยังมาซ้ำเติมกันอีก”ดนัยบ่น อย่างอ่อนแล้วและหลับตานอนที่โซฟาห้องโถง
วาริทขับรถมาจอดที่ไร่ “สายลมหวนกลับ” แค่ชื่อของไร่ก็ทำให้วาริทสะดุดตาอ่านทุกครั้งที่ได้เห็น เขาหยิบกล้องออกมา และมองหามุม ที่มีแสงและสีที่ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่น ยังไม่ทันที่เค้าจะได้ถ่าย
“อ้าว..พ่อหนุ่มคนนั้นเองหรอกหรือ...เชิญเข้าไปในไร่สิ”เสียงชายที่ค่อนข้างชราทำให้วาริทหันกลับมามอง
“สวัสดีครับคุณปู่ ผมเสียมารยาทอีกแล้วใช่ไหมครับ”วาริทออกตัวก่อนพร้อมยกมือขึ้นไห้ว
“ไม่หรอก.. ที่นี้ยินดีตอนรับผู้มาเยื่อนเสมอ ดูหน้าตาพ่อหนุ่มออกจะไปทางฝรั่ง แต่ก็ไหว้สวยเหมือนคนไทยแท้ๆนะ คงอยู่เมืองไทยนานแล้วสินะ” เสียงชายชราผู้เป็นเจ้าของไร่พูดและเดินนำเข้ามาที่บ้านกลางไร่
“อ้อ..ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ที่จริงแล้วผมพึ่งจะกลับมาที่เมืองไทยเมื่อเดือนที่แล้วเองครับ และมาทำงานนะครับ แต่จริงๆ แล้วผมใช้ชีวิตอยู่ที่ลอนดอนกับแม่นะครับ ที่นี้เป็นบ้านที่แม่เคยอยู่เมื่อตอนเด็กๆผมแค่กลับมาเยี่ยมพี่ชายเท่านั้นเองครับ คุณแม่สอนให้ผมรู้จักวัฒนธรรมไทยอยู่เสมอ”วาริทพูดจบเมื่อเดินมาถึงบ้านกลางไร่
“อื่มอย่างนั้นเองหรือ ว่าแต่จะให้ปู่เรียกชื่อเราว่าอย่างไรหละ”หนุ่มชราหยิบน้ำชามาเสริฟและนั่งลงตรงหน้า
“ตายจริงผมเสียมารยาทมากเลยที่ไม่ได้แนะนำตัว เรียกผมว่าเมฆก็ได้ครับ”วาริทโค้งหัวเล็กน้อย
“ชื่อเมฆรึ.. เรียกไง จำง่ายดีนะ”ชายชราอายุราว 70 ปีพูดและพลางมองที่ท้องฟ้าและยิ้มเมื่อเห็นกลุ่มเมฆลอยมา
“ครับ คุณแม่ท่านชอบท้องฟ้าที่จริงท่านว่าถ้าผมเป็นผู้หญิงจะให้ชื่อดาว เพราะท่านชอบดาวมากกว่าแต่จะให้ผมชื่อดาวคงจะอย่างไงอยู่นะครับ”วาริทพูดตลก จนทำให้ชายชราอมยิ้มเล็กน้อย วาริทจึงยิ้มตาม
เสียรถมาจอดที่หน้าบ้านขจารินรีบขอบใจเพื่อนสาวและลงจากรถไปนิศาชลงง กับท่าทางลุกลี่ลุกรนนั้น
“นี้..ยายรินเธอไม่คิดจะชวนฉันเข้าบ้านเลยหรือไง”นิศาชลตะโกนตามหลังเมื่อขณะที่เพื่อนสาวกำลังเปิดประตู
“ไหนน้ำค้างบอกว่าจะไปหาคุณปู่ที่ไร่ไม่ใช่หรือ รินเกรงว่ามันจะมึดค่ำเสียก่อน รีบไปเถอะ”ขจารินปิดปะตูบ้านและตอบเพื่อนสาวที่ดูจะงงมึนๆ เล็กน้อยกับท่าทางที่ดูชอบกลของเพื่อน แต่เธอก็นึกได้ว่าเธอต้องรีบจริงๆ
“อ้อ..ใช่สิถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้จะมาหานะ”นิศาชลพูดและกำลังจะออกรถ
“น้ำค้าง ฉันว่าพรุ่งนี้ฉันไปหาเธอดีกว่า อยากไม่เยี่ยมคุณปู่อยู่เหมือนกัน”ขจารินรีบปฏิเสธและมองเข้าไปในบ้านดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ ส่วนนิศาชลเมื่อตกลงเช่นนั้นแล้วจึงออกรถไป เจ้าหล่อนถอนหายใจโล่งอกไปที และเดินเข้ามาในบ้านที่ดูเงียบๆ เธอเข้าใจว่าอาจไม่มีใครอยู่ที่บ้าน แต่เมื่อเดินเข้ามาในบ้านผ่านห้องโถงไป และรู้สึกเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง เธอจึงเดินกลับมาดูอีกครั้ง ก็พบว่าดนัยกำลังนอนตัวสั่นอยู่ที่โซฟา
“คุณ..คุณ..คุณค่ะ”ขจารินเรียกอยู่หลายครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีเสียงตอบรับ เธอมองร่างที่ดูจะหนาวสั่นขดตัวอยู่จึงค่อยๆเอื้อมมือแตะที่หน้าผากของดนัย และถึงกับชักมือกลับด้วยความตกใจ
“ตายหละ..ตัวร้อนเชียว สงสัยจะเป็นไขหวัด”ขจารินรีบว่างสัมภาระและวิ่งหาผ้าชุบน้ำ และนั่งลงข้างๆ เช็ดตัวให้กับดนัย เธอเปลี่ยนน้ำอยู่ 2-3 ครั้งกว่าความร้อนในตัวของเขาจะเริ่มลดลง
“ไปทำอะไรมานะ ถึงได้เป็นไข้ขนาดนี้”ขจารินพูดหลังจากห่มผ้าและนั่งมองเห็นอยู่ตรงหน้าดนัยไม่ได้ได้สติ แต่ดูท่าทางดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ จึงเดินเข้าครัวเพื่อทำข้าวต้มให้กับดนัยเมื่อเขาตื่นขึ้นมา
นิศาชลแต่ตัวสวมชุดสาวชาวไร่เต็มยศ และออกเดินทางไปยังไร่ เมื่อเธอขับรถมาจนถึงหน้าไร่ เธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถที่จอดอยู่หน้าไร่ของเธอ และเมื่อเธอขับรถเข้าไปในไร่ก็เห็นคุณปู่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ก็รีบลงจากรถและวิ่งเข้าไปกอดคุณปู๋แสดงความรัก ใบหน้าของคุณปู่ดูจะสดชื่นขึ้นมาทันที
“คุณปู่ค่ะ คิดถึงจังเลย ไม่เจอกันตั้งหลายวัน..อ้อหนูเห็นรถใครมาจอดที่หน้าไร่เรา รถเค้าเสียหรือค่ะ”ผู้เป็นหลานพูดเสียงหวานออดอ้อน แล้วถามเมื่อนึกขึ้นได้
“อ้อ..เปล่าหรอกมีแขกเข้ามาชมสวนของเรานะ”ผู้เป็นปู่พูด และดูชี้ไปยังหนุ่มที่กำลังถ่ายรูปอยู่ไม่ไกลนัก และเห็นได้ชัดเจนกับความคุ้นตา ใช่แล้วเธอถึงกลับลุกขึ้นมามอง เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นั้นแอบถ่ายภาพเธออยู่ครู่ใหญ่
“นาย..!” เสียงแหลมๆนั้น ทำเอาวาริทตกใจเมื่อมองดูชัดๆ ก็รู้ทันทีว่า...นั่นมันยายตัวแสบ ซึ่งดูผิดหูผิดตาไม่น้อย
“ตายแหละ งานเข้าแล้วไหมหละ”วาริทพูดเสียงเบากับตัวเอง และเจ้าหล่อนกำลังเดินตรงมาที่เขา
“นาย.. มาทำอะไรที่นี้”นิศาชลมาหยุดที่ตรงหน้าวาริทที่มองได้ชัดเจน ถึงจะดูไม่ค้นตาแต่ใบหน้าแบบนั้นมันใช่..
“อะไรกันน้ำค้าง หนูกำลังเสียมารยาทกับแขกของปู่”คุณปู่เข้ามาช่วยชีวิตวาริทได้ทัน
“คุณปู่ค่ะ..แต่เค้า..”นิศาชลหันมาแก้ตัวกับคุณปู่ที่ทำเสียงดุ และนิศาชลต้องหยุดเมื่อคุณปู่สายหน้าให้เธอ
“อ้อ..ไม่เป็นไรหรอกครับ คือเรารู้จักกันแล้วครับ”วาริทพูดเพราะเกรงว่าคุณปู่จะดุหลานสาวมากว่านี้
“ไม่ต้องยุ้ง”นิศาชลหันมาที่เขาพูดเสียงเบา และใบหน้าของเธอบอกถึงความโกรธได้ชัดเจน
“เอาหละ รู้จักกันแล้วก็ดี น้ำค้างหนูไปเอากาแฟกับน้ำชามาให้ปู่สิเดี่ยวปู่จะคุยกับพ่อเมฆต่อสักหน่อย” คุณปู่พูดและเรียกให้เมฆมานั่งคุยกันที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ นิศาชลต้องเดินเข้าไปในบ้านด้วยความหงุดหงิดใจ วาริทแอบมองดูท่าทางของเธอก็อดที่จะอบยิ้มไม่ได้...
ภาพที่คุณปู่ดูจะอารมณ์ดีและหัวเราะตลอดเวลา ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ตั้งแต่พ่อและแม่ได้เสียชีวิตไปเหมือน 10 ปีก่อน จากนั้นคุณย่าก็ตรอบใจตายตามไปด้วยทิ้งให้คุณปู่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่ดูจะพูกผันกันมาก และถึงแม้เจ้าหล่อนจะไม่ชอบใจนักที่เจอวาริทที่นี้ แต่ก็ได้เห็นคุณปู่ดูจะมีความสุขเหมือนความเหงาได้คลายหายไป นิศาชลนำชากาแฟมาเสริฟ และนั่งลงข้างๆตามคำสั่งของคุณปู่
“นี่หลานสาวของปู่เอง รู้จักกันแล้วสินะ”คุณปู่แนะนำให้รู้จักหลานสาวที่กำลังทำหน้าบึ้งตรึง
“ครับรู้จักแล้ว เมื่อหลายวันก่อน เธอน่ารักและใจดีมากครับช่วยผมหลายอย่าง”วาริทพูดและอมยิ้มให้นิศาชล
“หนูขอตัวนะค่ะ และอีกสักครู่น้ำค้างจะพาคุณปู่กลับบ้าน เย็นมากแล้วสมควรจะกลับได้แล้ว”นิศาชลพูด
“นั่นสิครับ ผมมารบกวนตั้งแต่เช้าและตอนนี้มันก็เย็นมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวกลับจะดีกว่า”วาริทพูดเมื่อรู้สึกเหมือนกับถูกไล่อ้อมๆ และเมื่อหันไปมองเห็นนิศาชลกำลังยิ้มอย่างชอบใจ
“เอางั้นก็ได้ ถ้าว่างๆ ก็แวะมาเที่ยวได้นะที่นี่ยินดีตอนรับ”คุณปู่พูด และยังไม่ทันที่วาริทจะได้พูด
“เค้าคงไม่มาอีกแล้วหละค่ะ เพราะเค้าคงจะกลับประเทศเค้าในเร็วๆนี้ ใช่ไหมค่ะคุณวาริท”นิศาชลทำหน้าทะเล้นใส่วาริท เขามองมาที่เธอก่อนจะยิ้มและตอบคุณปู่ไปว่า...
“ยินดีอย่างยิ่งนะครับ และอาทิตย์หน้าคุณแม่ของผมจะมาพักผ่อน ผมขออนุญาตพามาที่ไร่ได้หรือไม่ครับ”
“ได้สิ เรายินดีเสมอ”คุณปู่รีบตอบซึ่งนิศาชลได้แต่อ้าปากพูดไม่ทันและนึกไม่ถึง ครั้งนี้เป็นทีของวาริททำหน้าทะเล้นคืนให้กับนิศาชล ที่ดูจะโมโหสุดขีดแต่ก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้เพราะเกรงใจคุณปู่ของเธอ วาริทรีบขอตัวกลับและหันมายักคิ้วให้กับเจ้าหล่อนที่เอาแต่ทำหน้ายักษ์เหมือนจะกินวาริทได้ทั้งตัวเลยทีเดียว
ที่บ้าน...ดนัยลืมตาตื่นขึ้นมาดูจะมึนๆ ตาลายมองดูรอบและเห็นถ้วยข้าวต้ม น้ำและยาวางอยู่ที่โต๊ะข้างกับที่เขานอนอยู่ เขาจับดูผ้าที่อยู่บนหัวและผ้าหุ่มที่อยู่บนตัวเขา และพยามยามนึกว่าเกิดอะไรขึ้น
“ตื่นแล้วหรือค่ะ.. คุณหมอพึ่งจะกลับไปเมื่อครู่เองคุณเป็นไข้หวัดเพราะอ่อนเพียร โหมงานหนักเกินไปค่ะ”เสียงหวานๆนั้นทำให้ดนัยหันไปมองและนั่นเธอเอง ดนัยยิ้มและรู้สึกอายขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าตัวเองทำอวดเก่งจนไข้ขึ้น และไม่ทันไรเสียงรถของวาริทก็มาจอดที่หน้าบ้าน ขจารินออกไปเปิดประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับวาริท
“อะไรนะ..รินบอกว่าดนัยไข้ขึ้นงั้นเหรอ”เสียงของวาริทยิ่งดังขึ้นเพราะเขาเดินมาจนถึงดนัยที่กำลังพยายามลุก
“เป็นไงหละนาย หมดท่าเลยสิทำเป็นอวดเก่ง”วาริทพูดเมื่อนั่งลงข้างๆ และดูอาการเพื่อน
“ไข้ลดแล้วค่ะอา คุณหมดพึ่งกลับ คุณดนัยก็ทานข้าวและทานยาสิค่ะ”ขจารินเดินเข้ามาและยื่นน้ำให้ผู้เป็นวาริท
“ขอบคุณมากครับ...อื่มแล้วไปที่ไร่นั้นเป็นไงบ้าง”ดนัยหยิบถ้วยข้าวต้มขึ้นมาทานและหันไปถามเพื่อน
“อืม..งานเข้าสิไม่ว่า ที่ไร่สายลมหวนกลับนั่น”วาริทพูดยังไม่ทันจบ
“ว่าไงนะค่ะ!..คุณอาไปที่ไร่ของน้ำค้างมาหรือค่ะ”ขจารินแทรกขึ้นมาทันที และดนัยถึงกับสัมลักข้าวต้มร้อนๆ
“นั่นแหละที่จะพูด.. อาก็พึ่งรู้วันนี้แหละ เพราะเธอไปที่นั้นและดูจะโมโหมากที่เห็นอา หึหึ”วาริทหัวเราะชอบใจ
“แล้วน้ำค้างแผงฤทธิ์อะไรบ้างหละค่ะ รินว่าคุณอาไม่น่าจะไปแกล้งยายรินเลยนะค่ะ ปกติไม่เห็นเค้าจะโมโหใครง่ายขนาดนี้”ขจารินพูดทำเอาราวิทถึงกับหยุดหัวเราะ
“นั่นสิ ผมก็เตือนแล้ว”ดนัยช่วยส่งเสริมความคิดเห็นของขจาริน ราวกับว่าวาริททำความผิด
“คุยอะไรกันอยู่ อาหลาน... อ้าว!..ดนัยเป็นไงบ้างถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยหรือ”อภิภพเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา
“อ้อ ไม่มีอะไรครับพี่ พอดีดนัยเค้าไข้ขึ้นนิดหน่อย เรากำลังพูดเรื่องอาการป่วยของดนัยอยู่ครับ”ทุกสายตาหันมามองที่วาริท ด้วยความงงสงสัย วาริทเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระจึงไม่อยากให้ผู้เป็นพี่รู้ วาริทส่งสัญญาณเพื่อให้ทุกคนเออออตามสถานะการณ์นั้น...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ