ทอฝันสุดสายรุ้ง
10.0
7) ความเปลี่ยนแปลง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๗
ความเปลี่ยนแปลง
“คุณแม่...”
หลังจากสิ้นเสียงของทอฝัน ทุกคนในบ้านก็หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจและนึกเอ็นดู
“ต่อไปนี้ทอฝันคือลูกบ้านนี้แล้ว ต้องทำตัวให้น่ารักนะ รู้มั้ยจ๊ะ”
วรดาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวของทอฝันประหนึ่งลูกสาวของตัวเอง
“ส่วนหนูวรรณ... ต่อไปนี้หนูก็จะมีพี่สาวเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วนะลูก พี่ทอฝันคือพี่สาวของหนูที่ช่วยชีวิตหนูไว้นะ หนูวรรณจะต้องพูดและเล่นกับพี่ทอฝัน และต้องทำตัวดีๆ กับพี่เขาด้วยรู้มั้ยจ๊ะ”
หนูวรรณพยักหน้ารับรู้คำแนะนำของแม่
การที่เป็นแบบนี้ ทำให้สุนทรีและสิทธิกรสบายใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก เพราะวรดาเองดูจะซาบซึ้งกับน้ำใจของทอฝันเสียเหลือเกิน ถือเป็นเรื่องดีหลังจากเกิดเรื่องร้ายไป และต่อไปนี้เด็กน้อยทอฝันจะได้อยู่ร่วมกับคนในบ้านนี้ได้อย่างไม่ต้องอึดอัดใจอีกต่อไป
เมื่อเข้านอน... ทอฝันก็ได้นอนห้องเดียวและเตียงเดียวกันกับหนูวรรณ ทอฝันได้รับการดูแลที่ดีจากวรดาจนเริ่มรู้สึกเกรงใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกดีและอบอุ่นใจก็มีมากกว่า คืนนั้นทอฝันจึงนอนกอดเจ้ามอมแมมอย่างมีความสุข...
วันรุ่งขึ้น...
“นั่นใครน่ะ?”
ไฟในห้องครัวถูกเปิดขึ้นจนสว่างจ้า ทำให้วรดาเห็นว่าเป็นทอฝันที่ทำเสียงดังกุกกักชวนหวาดระแวงอยู่ในห้องครัว
“หนูเองค่ะคุณแม่”
“แล้วมาทำอะไรในนี้จ๊ะเนี่ย?”
“หนูจะเข้ามาหุงข้าวค่ะ แล้วก็จะเอาจานไปล้าง หนูคงทำเสียงดังจนคุณแม่ตื่น ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
วรดาได้แต่ยืนมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยเพราะพูดอะไรไม่ออก มีแต่เพียงความทึ่งและความชื่นชมอยู่ในใจ
“นี่เพิ่งจะหกโมงเองนะจ๊ะ หนูไม่ง่วงเหรอ?”
“ชินแล้วล่ะค่ะ พี่ทอป่านเคยบอกว่า ถ้าไปอยู่บ้านไหนเราควรตื่นก่อนเจ้าของบ้านและต้องช่วยงานบ้าน”
“พี่ทอป่านเป็นใครกันจ๊ะ”
“พี่สาวหนูค่ะ”
“แล้วไปไหนซะล่ะ?”
ทอฝันส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แต่เอาเถอะ แม่น่ะ จะเลี้ยงหนูเหมือนลูกแท้ๆ ต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้แล้วนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ให้หนูได้ช่วยเถอะนะคะ ถ้าพี่ทอป่านรู้เข้า จะต้องโกรธแน่ๆ”
“คงจะรักพี่สาวมากเลยสินะเนี่ย หือ?”
“ค่ะ หนูคิดถึงพี่ทอป่านมากๆ เลย”
หนูน้อยพูดพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา มันอัดอั้นเกินกว่าจะเก็บไว้ได้อีกแล้ว
“มานี่มาลูก มาให้แม่กอดหน่อยซิ”
วรดาอ้าแขน รับทอฝันเข้าไปนาบอก พร้อมกับตบที่หลังของเด็กน้อยเบาๆ
“หนูน่ะ เป็นเด็กดีและน่ารัก พี่ทอป่านเขาไม่โกรธหนูหรอก แม่เชื่อว่าตอนนี้เขาก็คงจะคิดถึงทอฝันเหมือนกัน แต่อะไรบางอย่างทำให้พวกหนูมาเจอกันไม่ได้ ตอนนี้น่ะ ทอฝันไม่ได้มีเพียงแค่พี่ทอป่านอีกต่อไปแล้ว ทอฝันยังมีคุณย่า คุณพ่อ แม่ แล้วก็หนูวรรณอีกคน ทุกคนรักทอฝันนะรู้มั้ย วันใดวันหนึ่ง ทอฝันอาจจะได้กลับไปอยู่กับพี่ทอป่านอีกครั้ง ทอฝันต้องรู้จักอดทนรอคอยนะจ๊ะ”
“ค่ะ คุณแม่...”
“เก่งมากจ้ะ ไม่ต้องร้องแล้วนะ อ้อ จริงสิ ทอฝันอยากเรียนหนังสือรึเปล่า?”
“อยากค่ะ”
หนูน้อยตอบพร้อมพยักหน้าแรงๆ
“ถ้างั้นก็ดีเลย พรุ่งนี้แม่ตั้งใจว่าจะให้ทอฝันไปโรงเรียนกับหนูวรรณ”
“จริงเหรอคะ?”
“จริงสิจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
ทอฝันยิ้มร่าด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตสนุกๆ กับเพื่อนๆ ในโรงเรียนอีกครั้ง
“เอาล่ะ ไหนๆ ก็หุงข้าวแล้ว งั้นทอฝันมาช่วยแม่ทำมื้อเช้าดีกว่า”
“ค่ะ!”
หกปีต่อมา...
“กลับมาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่”
“อ้าว วันนี้กลับมาคนเดียวเหรอ? แล้วหนูวรรณล่ะ”
สิทธิกรถาม เมื่อมองไม่เห็นลูกสาวอีกคนของตัวเอง
“วันนี้หนูวรรณ... ไปงานวันเกิดเพื่อนน่ะค่ะ”
“เอาอีกแล้ว ลูกคนนี้ ยิ่งโตก็ยิ่งเถลไถล กลับมาจะต้องตีซักหน่อย ดูท่าจะห่างไม้ไปนาน”
วรดาบ่นพร้อมส่ายหน้า
“อย่าทารุณนักเลย เด็กมันกำลังโต ปีนี้ก็สิบสองสิบสามกันเข้าไปแล้ว กำลังติดเพื่อนน่ะ”
“คุณก็แบบนี้อยู่เรื่อย ลูกถึงทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้”
“แน๊ะ เมื่อก่อนไม่เห็นจะพูดแบบนี้ ประคบประหงมกันซะอย่างกับไข่ทองคำ”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันต้องควบคุมบ้าง ดูข่าวหน้าหนึ่งแต่ละวันสิ มีแต่ข่าวของเด็กวัยรุ่นทั้งนั้นยกพวกตบตีกันบ้างล่ะ ทำแท้งบ้างล่ะ ติดเอดส์บ้างล่ะ เห็นแล้วก็พลอยให้เป็นห่วงลูกเรา นี่ยังดีที่ทอฝันทำให้เราสบายใจได้บ้าง...”
“ถ้างั้น หนูขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“จ้ะ...”
และระหว่างที่ทอฝันกำลังเดินกลับห้องของตัวเอง ก็ได้ยินผู้ใหญ่หันกลับมาคุยกันด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดอีกครั้ง
“แล้วเรื่องนั้น... เราจะเอายังไงกันต่อดีล่ะคะ”
“ปีนี้มันแย่เหลือเกิน ข้าวของก็แพงขึ้นเรื่อยๆ จนน่าใจหาย จากห้าเป็นสิบ จากสิบก็ขึ้นเป็นร้อยภายในไม่กี่ปี อีกอย่างร้านขนมเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด คู่แข่งก็มากตาม ลูกค้าเจ้าประจำที่เคยสั่งของจากเราก็ยกเลิกไป เพราะของเรามันตีตลาดไม่ได้แล้ว คนเขาไม่นิยมกันแล้ว”
ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้น ทอฝันก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ไม่ยาก ตั้งแต่อยู่บ้านนี้มาหกปี ดูเหมือนว่าพักหลังๆ สีหน้าของทั้งสามท่านจะไม่ค่อยสดใสเลย
เย็นวันนั้น... ขณะที่ทอฝันกำลังถูพื้น สุนทรีก็เอ่ยขึ้น
“ถึงเวลาที่ทอฝันควรจะรับรู้ได้แล้วสินะ”
“คะ? คุณย่า”
“ตอนนี้น่ะ สถานะทางการเงินของบ้านเราค่อนข้างลำบาก เพราะเบเกอรี่ที่เคยทำมันขายไม่ได้แล้ว ย่าก็แก่เกินไปที่จะช่วยเหลืออะไรได้ ส่วนพ่อกับแม่ก็ไม่รู้หนทางว่าควรจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร... เฮ้อ... ชีวิตคนเรา มันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ นะ ไอ้ที่คิดว่าแน่ มันก็ไม่แน่ซะแล้ว...”
ทอฝันฟังคุณย่าไปพลางครุ่นคิด
“คุณย่าคะ ปกติเราจะส่งขนมให้กับลูกค้าเจ้าใหญ่ๆ เท่านั้นใช่มั้ยคะ?”
“อืม... ใช่”
“แล้วถ้า... เราจะลองทำอะไรที่พิเศษขึ้นมาหน่อย เช่นห่อขนม หรือรูปร่างหน้าตาที่ต่างออกไป แล้วไปขายให้กับคนทั่วไปให้ลองชิมในราคาที่ถูกลงแต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ให้พวกเขาคุ้นเคยกับรสชาติใหม่ของเราล่ะคะ”
“...”
“หนูเชื่อว่ายังมีคนอีกมากที่ยังไม่เคยกินขนมจากร้านเรา และถ้าเขาชอบขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะมีรายการสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่หน้าใหม่เพิ่มขึ้นก็ได้นะคะ”
“...”
“คุณย่าเงียบไป ความคิดของหนูมันไม่ได้เรื่องใช่มั้ยคะ”
ทอฝันเริ่มรู้สึกว่าตัวพูดเพ้อเจ้อไปยืดยาว
“ฮะฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ”
แต่แล้วจู่ๆ สุนทรีก็พ่นหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย
“คุณย่าหัวเราะอะไรคะ?”
“หัวเราะหนูน่ะสิ”
“ทำไมคะคุณย่า มันตลกและแย่มากเลยใช่มั้ย...”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า ย่านึกขำที่เด็กมอต้นจะมีปัญญาคิดอะไรได้ถึงเพียงนี้ ขนาดที่ผู้ใหญ่ยังไม่เคยจะสนใจด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ห่วงว่าลูกค้าประจำจะไม่สนใจ ก็เลยนั่งเครียด ไม่ได้คิดเลยว่าก็อาจจะมีเจ้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มได้เหมือนกัน”
“คุณย่า...”
“เดี๋ยวย่าจะบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่เอง”
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องขายของในตลาด หนูขอรับอาสาเองนะคะ”
“ได้สิจ๊ะแม่หนูคนเก่งของย่า”
เป็นอันว่าความคิดของทอฝันได้ผลได้รับความเห็นชอบจากทุกคน อันที่จริงความคิดของทอฝันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่หรือน่าเหลือเชื่อแสนวิเศษแต่อย่างใด หากแต่เป็นการดี ถ้าจะให้เธอได้ทดลองทำตามความคิดของตัวเองดูบ้าง ฝึกการแก้ไขสถานการณ์เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดที่ผิดแปลกออกไปจากที่วางแผนเอาไว้ อย่างน้อยหากคิดจะทำการค้าแล้วก็ควรกล้าที่จะเสี่ยง
แต่ทว่า... มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ที่มาถึงทอฝันหอบหิ้วขนมเข้าไปขายในตลาดเพียงลำพังพร้อมทั้งตุ๊กตามอมแมม... ไม่มีใครสนใจขนมของเธอเลย ทอฝันลงนั่งอย่างหงอยๆ และหมดกำลังใจ ตะโกนร้องแรกแหกกระเชอจนเจ็บคอไปหมดแล้ว ก็ยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว
“พี่ทอป่าน... ทำไมถึงขายไม่ได้เลยนะ...”
เด็กหญิงพึมพำกับตุ๊กตาที่นำมาด้วย
คุณแม่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงคิดค้นขนมรสชาติใหม่ๆ ออกมาให้แล้วแท้ๆ หรือเธอจะไม่มีความสามารถพอ
“คุณน้าคะ ขนมเค้กรสชาติดีๆ ซักชิ้นมั้ยคะ?”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบ”
“ลองซื้อไปชิมซักชิ้น คุณน้าอาจจะติดใจก็ได้นะคะ”
“ถ้าจะให้ชิม ก็แจกฟรีสิ จะได้รู้ว่ามันอร่อยจริงรึเปล่า ถ้าไม่อร่อยก็เสียดายเงินแย่”
ทอฝันนิ่งไปเมื่อเจอคำท้า แต่เมื่อแหงนมองฟ้า... นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว... ถ้าขายไม่ได้ ขนมพวกนี้ก็คงจะต้องทิ้งไปอย่างไรประโยชน์แน่ๆ
“ก็ได้ค่ะ หนูให้น้าชิมฟรีหนึ่งชิ้น แต่น้าต้องสัญญาว่า ถ้าอร่อย น้าจะต้องมาซื้อกับหนูอีก และจะต้องยอมเป็นลูกค้าประจำด้วย”
“โอ แม่หนูนี่กล้าหาญดีแฮะ มีท้าตอบซะด้วย เอาก็เอา ถ้าอร่อยจริง น้าจะมาซื้อทุกวันเลย”
“ถ้างั้น นี่ค่ะ”
ทอฝันส่งเค้กหนึ่งชิ้นให้กับว่าที่ลูกค้าประจำ ก่อนจะตัดสินใจเร่แจกขนมให้คนอื่นๆ ที่เดินไปเดินมาแถวนั้น
“ขนมเค้กอร่อยๆ แจกฟรีจ้า... รับรองว่าอร่อยเด็ด จากไม่ชอบของหวานคราวนี้ก็จะกลายเป็นหลงรัก ลองมารับชิมกันก่อนจ้า ไม่มียาพิษ ยาถ่ายแน่นอน”
และในที่สุด ของก็หมด...
“โอ้ ขายหมดเกลี้ยงเลยเหรอ?”
วรดาตาโตด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ... ที่จริง... หนูไม่ได้ขายหรอกค่ะ”
“อ้าว แล้วขนมหายไปไหนหมดล่ะ มีคนขโมยไปเหรอ?”
“หนู... คือ... มันขายไม่ได้เลยซักชิ้น หนูก็เลยเอาไปแจกเขา”
“หา? ว่าไงนะ เอาไปแจก แจกฟรีๆ ให้เปล่าๆ เลยเนี่ยนะ”
ทอฝันพยักหน้ารับความผิด
“รู้มั้ยว่าเราต้องขาดทุนไปเท่าไหร่ โอ คุณคะ ฉันจะเป็นลม”
วรดาร้องครวญพร้อมล้มฟุบไปข้างสามี
“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะแม่วรดา ขืนให้เอากลับมาหล่อนจะนั่งกินเองหมดเหรอ ของกินน่ะ มันอยู่ได้ไม่กี่วัน ก็ต้องเน่าต้องเสีย ยังไงซะสุดท้ายก็ต้องทิ้ง ไม่น่าเสียดายกว่าเหรอ”
“นั่นสินะคะ ทำยังไงก็ขายไม่ได้ เห็นที่บ้านเราคงต้องหาอย่างอื่นทำกันแล้วล่ะ ท่าทางฝีมือดาจะตกลงไปมากจริงๆ”
“ไม่นะคะ ฝีมือคุณแม่น่ะ อร่อยไม่แปรเปลี่ยน เพียงแต่พวกเขายังไม่เคยชิมเท่านั้น ถ้ายังไง พรุ่งนี้คุณแม่ทำขนมให้ทอฝันไปขายอีกนะคะ ทอฝันเชื่อว่า ขนมฝีมือคุณแม่ ต้องทำให้พวกเขาติดใจแน่ๆ”
“เอาอย่างนั้นเหรอ?”
“เถอะน่าคุณ ไหนๆ ก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ให้ทอฝันได้ทำอย่างที่ตั้งใจเถอะ ดีซะอีกที่แกคิดจะช่วยเหลือครอบครัวเรา ดูอย่างหนูวรรณซิ ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ไม่รู้”
สิทธิกรส่าหน้าอย่างระอา
“เพิ่งจะรู้สึกเหรอคะคุณน่ะ... แต่เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจที่ทอฝันเชื่อในฝีมือแม่นะ แม่จะตั้งใจทำให้อีกครั้งนึงก็แล้วกัน”
“ค่ะ!”
วันรุ่งขึ้น... ทอฝันหอบขนมกลับไปที่เดิมอีกครั้ง ในใจนึกภาวนาว่าอย่าให้ต้องเป็นเหมือนเมื่อวานนี้เลย แต่ยังไม่ทันที่จะตั้งโต๊ะ คุณน้าคนเมื่อวานที่พนันขันต่อกันไว้ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางขึงขัง ทอฝันนึกกลัวว่าขนมนั่นอาจจะทำให้เขาไม่พอใจ
“ขนมเมื่อวาน ทำให้คุณน้าไม่สบายหรือคะ?”
“เปล่า”
“ถ้างั้น... มันไม่อร่อยอย่างที่หนูอวดอ้างเอาไว้... ใช่มั้ยคะ?”
“เปล่า”
“คุณน้า...”
ทอฝันก้มหน้างุดด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“น้าเบื่อที่ต้องแพ้พนันเด็กน่ะ และก็ไม่ชอบที่จะต้องเสียเงินทุกวันๆ เพื่อซื้อของอร่อยๆ แบบนี้ด้วย”
“หา? คุณน้า”
“เอามาสองชิ้นเลย”
“จริงเหรอคะ?”
ทอฝันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ขนมขายได้แล้ว ขายได้จริงๆ และไม่นานนัก คนที่ได้รับแจกขนมไปเมื่อวาน ก็กลับมาอุดหนุนอีกครั้งอย่างหนาแน่น จนทอฝันเกือบจะคิดเงินแทบไม่ทัน
“มาขายทุกวันใช่มั้ย พี่จะได้มารอ”
“หนูมาขายที่นี่ทุกเสาร์อาทิตย์ค่ะ แต่ถ้าอยากกินจริงๆ รบกวนแวะไปที่ร้านนะคะ”
“ได้เลยจ้า”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ทอฝันยิ้มร่ากับขนมชิ้นสุดท้ายที่ขายหมดไป นี่เป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกของเด็กหญิง
“กลับมาเร็วเชียว ขนมพวกนั้นก็เอาไปแจกเขาอีกแล้วล่ะสิ”
วรดาทักขึ้น เมื่อเห็นทอฝันเดินตัวปลิวกลับบ้าน ขณะที่ทั้งคุณพ่อและคุณย่าที่นั่งอยู่หน้าบ้านก็ให้ความสนใจ
ทอฝันส่ายหน้าพร้อมอมยิ้มน้อยๆ
“หนูขายหมดค่ะ”
“ว่าไงนะ?”
วรดาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อนถลาเข้ามาหาลูกสาวคนโตด้วยความดีใจ
“นี่ค่ะเงินทั้งหมดที่ได้มา”
ทอฝันเปิดกระปุกใส่เงินให้ทุกคนดูเพื่อเป็นหลักฐาน
“ในที่สุดหลานย่าก็ทำสำเร็จจริงๆ”
สุนทรียิ้มร่าด้วยความภาคภูมิใจ
ตอนนี้ทุกคนในบ้านเต็มไปด้วยความชื่นมื่น มันไม่ได้สำคัญกับเงินจำนวนน้อยนิดที่ได้มา แต่มันเป็นความอิ่มเอมใจที่ได้เห็นความสำเร็จของลูกคนหนึ่งที่ตั้งใจจะช่วยเหลือครอบครัวอย่างจริงจังและมุ่งมั่น จนเกิดความคิดที่ว่า ‘ไม่เสียแรง เสียเวลา เสียข้าวสุกไปเลยที่เก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยง’
ความเปลี่ยนแปลง
“คุณแม่...”
หลังจากสิ้นเสียงของทอฝัน ทุกคนในบ้านก็หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจและนึกเอ็นดู
“ต่อไปนี้ทอฝันคือลูกบ้านนี้แล้ว ต้องทำตัวให้น่ารักนะ รู้มั้ยจ๊ะ”
วรดาว่าพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหัวของทอฝันประหนึ่งลูกสาวของตัวเอง
“ส่วนหนูวรรณ... ต่อไปนี้หนูก็จะมีพี่สาวเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วนะลูก พี่ทอฝันคือพี่สาวของหนูที่ช่วยชีวิตหนูไว้นะ หนูวรรณจะต้องพูดและเล่นกับพี่ทอฝัน และต้องทำตัวดีๆ กับพี่เขาด้วยรู้มั้ยจ๊ะ”
หนูวรรณพยักหน้ารับรู้คำแนะนำของแม่
การที่เป็นแบบนี้ ทำให้สุนทรีและสิทธิกรสบายใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก เพราะวรดาเองดูจะซาบซึ้งกับน้ำใจของทอฝันเสียเหลือเกิน ถือเป็นเรื่องดีหลังจากเกิดเรื่องร้ายไป และต่อไปนี้เด็กน้อยทอฝันจะได้อยู่ร่วมกับคนในบ้านนี้ได้อย่างไม่ต้องอึดอัดใจอีกต่อไป
เมื่อเข้านอน... ทอฝันก็ได้นอนห้องเดียวและเตียงเดียวกันกับหนูวรรณ ทอฝันได้รับการดูแลที่ดีจากวรดาจนเริ่มรู้สึกเกรงใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ความรู้สึกดีและอบอุ่นใจก็มีมากกว่า คืนนั้นทอฝันจึงนอนกอดเจ้ามอมแมมอย่างมีความสุข...
วันรุ่งขึ้น...
“นั่นใครน่ะ?”
ไฟในห้องครัวถูกเปิดขึ้นจนสว่างจ้า ทำให้วรดาเห็นว่าเป็นทอฝันที่ทำเสียงดังกุกกักชวนหวาดระแวงอยู่ในห้องครัว
“หนูเองค่ะคุณแม่”
“แล้วมาทำอะไรในนี้จ๊ะเนี่ย?”
“หนูจะเข้ามาหุงข้าวค่ะ แล้วก็จะเอาจานไปล้าง หนูคงทำเสียงดังจนคุณแม่ตื่น ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
วรดาได้แต่ยืนมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยเพราะพูดอะไรไม่ออก มีแต่เพียงความทึ่งและความชื่นชมอยู่ในใจ
“นี่เพิ่งจะหกโมงเองนะจ๊ะ หนูไม่ง่วงเหรอ?”
“ชินแล้วล่ะค่ะ พี่ทอป่านเคยบอกว่า ถ้าไปอยู่บ้านไหนเราควรตื่นก่อนเจ้าของบ้านและต้องช่วยงานบ้าน”
“พี่ทอป่านเป็นใครกันจ๊ะ”
“พี่สาวหนูค่ะ”
“แล้วไปไหนซะล่ะ?”
ทอฝันส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แต่เอาเถอะ แม่น่ะ จะเลี้ยงหนูเหมือนลูกแท้ๆ ต่อไปก็ไม่ต้องทำอะไรแบบนี้แล้วนะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ให้หนูได้ช่วยเถอะนะคะ ถ้าพี่ทอป่านรู้เข้า จะต้องโกรธแน่ๆ”
“คงจะรักพี่สาวมากเลยสินะเนี่ย หือ?”
“ค่ะ หนูคิดถึงพี่ทอป่านมากๆ เลย”
หนูน้อยพูดพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา มันอัดอั้นเกินกว่าจะเก็บไว้ได้อีกแล้ว
“มานี่มาลูก มาให้แม่กอดหน่อยซิ”
วรดาอ้าแขน รับทอฝันเข้าไปนาบอก พร้อมกับตบที่หลังของเด็กน้อยเบาๆ
“หนูน่ะ เป็นเด็กดีและน่ารัก พี่ทอป่านเขาไม่โกรธหนูหรอก แม่เชื่อว่าตอนนี้เขาก็คงจะคิดถึงทอฝันเหมือนกัน แต่อะไรบางอย่างทำให้พวกหนูมาเจอกันไม่ได้ ตอนนี้น่ะ ทอฝันไม่ได้มีเพียงแค่พี่ทอป่านอีกต่อไปแล้ว ทอฝันยังมีคุณย่า คุณพ่อ แม่ แล้วก็หนูวรรณอีกคน ทุกคนรักทอฝันนะรู้มั้ย วันใดวันหนึ่ง ทอฝันอาจจะได้กลับไปอยู่กับพี่ทอป่านอีกครั้ง ทอฝันต้องรู้จักอดทนรอคอยนะจ๊ะ”
“ค่ะ คุณแม่...”
“เก่งมากจ้ะ ไม่ต้องร้องแล้วนะ อ้อ จริงสิ ทอฝันอยากเรียนหนังสือรึเปล่า?”
“อยากค่ะ”
หนูน้อยตอบพร้อมพยักหน้าแรงๆ
“ถ้างั้นก็ดีเลย พรุ่งนี้แม่ตั้งใจว่าจะให้ทอฝันไปโรงเรียนกับหนูวรรณ”
“จริงเหรอคะ?”
“จริงสิจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
ทอฝันยิ้มร่าด้วยความดีใจ ไม่คิดว่าจะได้กลับไปใช้ชีวิตสนุกๆ กับเพื่อนๆ ในโรงเรียนอีกครั้ง
“เอาล่ะ ไหนๆ ก็หุงข้าวแล้ว งั้นทอฝันมาช่วยแม่ทำมื้อเช้าดีกว่า”
“ค่ะ!”
หกปีต่อมา...
“กลับมาแล้วค่ะ สวัสดีค่ะ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่”
“อ้าว วันนี้กลับมาคนเดียวเหรอ? แล้วหนูวรรณล่ะ”
สิทธิกรถาม เมื่อมองไม่เห็นลูกสาวอีกคนของตัวเอง
“วันนี้หนูวรรณ... ไปงานวันเกิดเพื่อนน่ะค่ะ”
“เอาอีกแล้ว ลูกคนนี้ ยิ่งโตก็ยิ่งเถลไถล กลับมาจะต้องตีซักหน่อย ดูท่าจะห่างไม้ไปนาน”
วรดาบ่นพร้อมส่ายหน้า
“อย่าทารุณนักเลย เด็กมันกำลังโต ปีนี้ก็สิบสองสิบสามกันเข้าไปแล้ว กำลังติดเพื่อนน่ะ”
“คุณก็แบบนี้อยู่เรื่อย ลูกถึงทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้”
“แน๊ะ เมื่อก่อนไม่เห็นจะพูดแบบนี้ ประคบประหงมกันซะอย่างกับไข่ทองคำ”
“ก็นั่นมันเมื่อก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันต้องควบคุมบ้าง ดูข่าวหน้าหนึ่งแต่ละวันสิ มีแต่ข่าวของเด็กวัยรุ่นทั้งนั้นยกพวกตบตีกันบ้างล่ะ ทำแท้งบ้างล่ะ ติดเอดส์บ้างล่ะ เห็นแล้วก็พลอยให้เป็นห่วงลูกเรา นี่ยังดีที่ทอฝันทำให้เราสบายใจได้บ้าง...”
“ถ้างั้น หนูขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
“จ้ะ...”
และระหว่างที่ทอฝันกำลังเดินกลับห้องของตัวเอง ก็ได้ยินผู้ใหญ่หันกลับมาคุยกันด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดอีกครั้ง
“แล้วเรื่องนั้น... เราจะเอายังไงกันต่อดีล่ะคะ”
“ปีนี้มันแย่เหลือเกิน ข้าวของก็แพงขึ้นเรื่อยๆ จนน่าใจหาย จากห้าเป็นสิบ จากสิบก็ขึ้นเป็นร้อยภายในไม่กี่ปี อีกอย่างร้านขนมเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด คู่แข่งก็มากตาม ลูกค้าเจ้าประจำที่เคยสั่งของจากเราก็ยกเลิกไป เพราะของเรามันตีตลาดไม่ได้แล้ว คนเขาไม่นิยมกันแล้ว”
ได้ยินคุณพ่อพูดแบบนั้น ทอฝันก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างได้ไม่ยาก ตั้งแต่อยู่บ้านนี้มาหกปี ดูเหมือนว่าพักหลังๆ สีหน้าของทั้งสามท่านจะไม่ค่อยสดใสเลย
เย็นวันนั้น... ขณะที่ทอฝันกำลังถูพื้น สุนทรีก็เอ่ยขึ้น
“ถึงเวลาที่ทอฝันควรจะรับรู้ได้แล้วสินะ”
“คะ? คุณย่า”
“ตอนนี้น่ะ สถานะทางการเงินของบ้านเราค่อนข้างลำบาก เพราะเบเกอรี่ที่เคยทำมันขายไม่ได้แล้ว ย่าก็แก่เกินไปที่จะช่วยเหลืออะไรได้ ส่วนพ่อกับแม่ก็ไม่รู้หนทางว่าควรจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร... เฮ้อ... ชีวิตคนเรา มันไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ นะ ไอ้ที่คิดว่าแน่ มันก็ไม่แน่ซะแล้ว...”
ทอฝันฟังคุณย่าไปพลางครุ่นคิด
“คุณย่าคะ ปกติเราจะส่งขนมให้กับลูกค้าเจ้าใหญ่ๆ เท่านั้นใช่มั้ยคะ?”
“อืม... ใช่”
“แล้วถ้า... เราจะลองทำอะไรที่พิเศษขึ้นมาหน่อย เช่นห่อขนม หรือรูปร่างหน้าตาที่ต่างออกไป แล้วไปขายให้กับคนทั่วไปให้ลองชิมในราคาที่ถูกลงแต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ให้พวกเขาคุ้นเคยกับรสชาติใหม่ของเราล่ะคะ”
“...”
“หนูเชื่อว่ายังมีคนอีกมากที่ยังไม่เคยกินขนมจากร้านเรา และถ้าเขาชอบขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะมีรายการสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่หน้าใหม่เพิ่มขึ้นก็ได้นะคะ”
“...”
“คุณย่าเงียบไป ความคิดของหนูมันไม่ได้เรื่องใช่มั้ยคะ”
ทอฝันเริ่มรู้สึกว่าตัวพูดเพ้อเจ้อไปยืดยาว
“ฮะฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ”
แต่แล้วจู่ๆ สุนทรีก็พ่นหัวเราะออกมาหน้าตาเฉย
“คุณย่าหัวเราะอะไรคะ?”
“หัวเราะหนูน่ะสิ”
“ทำไมคะคุณย่า มันตลกและแย่มากเลยใช่มั้ย...”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า ย่านึกขำที่เด็กมอต้นจะมีปัญญาคิดอะไรได้ถึงเพียงนี้ ขนาดที่ผู้ใหญ่ยังไม่เคยจะสนใจด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ห่วงว่าลูกค้าประจำจะไม่สนใจ ก็เลยนั่งเครียด ไม่ได้คิดเลยว่าก็อาจจะมีเจ้าใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มได้เหมือนกัน”
“คุณย่า...”
“เดี๋ยวย่าจะบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อคุณแม่เอง”
“ถ้าอย่างนั้น เรื่องขายของในตลาด หนูขอรับอาสาเองนะคะ”
“ได้สิจ๊ะแม่หนูคนเก่งของย่า”
เป็นอันว่าความคิดของทอฝันได้ผลได้รับความเห็นชอบจากทุกคน อันที่จริงความคิดของทอฝันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่หรือน่าเหลือเชื่อแสนวิเศษแต่อย่างใด หากแต่เป็นการดี ถ้าจะให้เธอได้ทดลองทำตามความคิดของตัวเองดูบ้าง ฝึกการแก้ไขสถานการณ์เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดที่ผิดแปลกออกไปจากที่วางแผนเอาไว้ อย่างน้อยหากคิดจะทำการค้าแล้วก็ควรกล้าที่จะเสี่ยง
แต่ทว่า... มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดจริงๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ที่มาถึงทอฝันหอบหิ้วขนมเข้าไปขายในตลาดเพียงลำพังพร้อมทั้งตุ๊กตามอมแมม... ไม่มีใครสนใจขนมของเธอเลย ทอฝันลงนั่งอย่างหงอยๆ และหมดกำลังใจ ตะโกนร้องแรกแหกกระเชอจนเจ็บคอไปหมดแล้ว ก็ยังขายไม่ได้สักชิ้นเดียว
“พี่ทอป่าน... ทำไมถึงขายไม่ได้เลยนะ...”
เด็กหญิงพึมพำกับตุ๊กตาที่นำมาด้วย
คุณแม่อุตส่าห์ลงทุนลงแรงคิดค้นขนมรสชาติใหม่ๆ ออกมาให้แล้วแท้ๆ หรือเธอจะไม่มีความสามารถพอ
“คุณน้าคะ ขนมเค้กรสชาติดีๆ ซักชิ้นมั้ยคะ?”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบ”
“ลองซื้อไปชิมซักชิ้น คุณน้าอาจจะติดใจก็ได้นะคะ”
“ถ้าจะให้ชิม ก็แจกฟรีสิ จะได้รู้ว่ามันอร่อยจริงรึเปล่า ถ้าไม่อร่อยก็เสียดายเงินแย่”
ทอฝันนิ่งไปเมื่อเจอคำท้า แต่เมื่อแหงนมองฟ้า... นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว... ถ้าขายไม่ได้ ขนมพวกนี้ก็คงจะต้องทิ้งไปอย่างไรประโยชน์แน่ๆ
“ก็ได้ค่ะ หนูให้น้าชิมฟรีหนึ่งชิ้น แต่น้าต้องสัญญาว่า ถ้าอร่อย น้าจะต้องมาซื้อกับหนูอีก และจะต้องยอมเป็นลูกค้าประจำด้วย”
“โอ แม่หนูนี่กล้าหาญดีแฮะ มีท้าตอบซะด้วย เอาก็เอา ถ้าอร่อยจริง น้าจะมาซื้อทุกวันเลย”
“ถ้างั้น นี่ค่ะ”
ทอฝันส่งเค้กหนึ่งชิ้นให้กับว่าที่ลูกค้าประจำ ก่อนจะตัดสินใจเร่แจกขนมให้คนอื่นๆ ที่เดินไปเดินมาแถวนั้น
“ขนมเค้กอร่อยๆ แจกฟรีจ้า... รับรองว่าอร่อยเด็ด จากไม่ชอบของหวานคราวนี้ก็จะกลายเป็นหลงรัก ลองมารับชิมกันก่อนจ้า ไม่มียาพิษ ยาถ่ายแน่นอน”
และในที่สุด ของก็หมด...
“โอ้ ขายหมดเกลี้ยงเลยเหรอ?”
วรดาตาโตด้วยความประหลาดใจ
“เอ่อ... ที่จริง... หนูไม่ได้ขายหรอกค่ะ”
“อ้าว แล้วขนมหายไปไหนหมดล่ะ มีคนขโมยไปเหรอ?”
“หนู... คือ... มันขายไม่ได้เลยซักชิ้น หนูก็เลยเอาไปแจกเขา”
“หา? ว่าไงนะ เอาไปแจก แจกฟรีๆ ให้เปล่าๆ เลยเนี่ยนะ”
ทอฝันพยักหน้ารับความผิด
“รู้มั้ยว่าเราต้องขาดทุนไปเท่าไหร่ โอ คุณคะ ฉันจะเป็นลม”
วรดาร้องครวญพร้อมล้มฟุบไปข้างสามี
“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะแม่วรดา ขืนให้เอากลับมาหล่อนจะนั่งกินเองหมดเหรอ ของกินน่ะ มันอยู่ได้ไม่กี่วัน ก็ต้องเน่าต้องเสีย ยังไงซะสุดท้ายก็ต้องทิ้ง ไม่น่าเสียดายกว่าเหรอ”
“นั่นสินะคะ ทำยังไงก็ขายไม่ได้ เห็นที่บ้านเราคงต้องหาอย่างอื่นทำกันแล้วล่ะ ท่าทางฝีมือดาจะตกลงไปมากจริงๆ”
“ไม่นะคะ ฝีมือคุณแม่น่ะ อร่อยไม่แปรเปลี่ยน เพียงแต่พวกเขายังไม่เคยชิมเท่านั้น ถ้ายังไง พรุ่งนี้คุณแม่ทำขนมให้ทอฝันไปขายอีกนะคะ ทอฝันเชื่อว่า ขนมฝีมือคุณแม่ ต้องทำให้พวกเขาติดใจแน่ๆ”
“เอาอย่างนั้นเหรอ?”
“เถอะน่าคุณ ไหนๆ ก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว ให้ทอฝันได้ทำอย่างที่ตั้งใจเถอะ ดีซะอีกที่แกคิดจะช่วยเหลือครอบครัวเรา ดูอย่างหนูวรรณซิ ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ไม่รู้”
สิทธิกรส่าหน้าอย่างระอา
“เพิ่งจะรู้สึกเหรอคะคุณน่ะ... แต่เอาเถอะ ยังไงก็ขอบใจที่ทอฝันเชื่อในฝีมือแม่นะ แม่จะตั้งใจทำให้อีกครั้งนึงก็แล้วกัน”
“ค่ะ!”
วันรุ่งขึ้น... ทอฝันหอบขนมกลับไปที่เดิมอีกครั้ง ในใจนึกภาวนาว่าอย่าให้ต้องเป็นเหมือนเมื่อวานนี้เลย แต่ยังไม่ทันที่จะตั้งโต๊ะ คุณน้าคนเมื่อวานที่พนันขันต่อกันไว้ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางขึงขัง ทอฝันนึกกลัวว่าขนมนั่นอาจจะทำให้เขาไม่พอใจ
“ขนมเมื่อวาน ทำให้คุณน้าไม่สบายหรือคะ?”
“เปล่า”
“ถ้างั้น... มันไม่อร่อยอย่างที่หนูอวดอ้างเอาไว้... ใช่มั้ยคะ?”
“เปล่า”
“คุณน้า...”
ทอฝันก้มหน้างุดด้วยความกลัว ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“น้าเบื่อที่ต้องแพ้พนันเด็กน่ะ และก็ไม่ชอบที่จะต้องเสียเงินทุกวันๆ เพื่อซื้อของอร่อยๆ แบบนี้ด้วย”
“หา? คุณน้า”
“เอามาสองชิ้นเลย”
“จริงเหรอคะ?”
ทอฝันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ขนมขายได้แล้ว ขายได้จริงๆ และไม่นานนัก คนที่ได้รับแจกขนมไปเมื่อวาน ก็กลับมาอุดหนุนอีกครั้งอย่างหนาแน่น จนทอฝันเกือบจะคิดเงินแทบไม่ทัน
“มาขายทุกวันใช่มั้ย พี่จะได้มารอ”
“หนูมาขายที่นี่ทุกเสาร์อาทิตย์ค่ะ แต่ถ้าอยากกินจริงๆ รบกวนแวะไปที่ร้านนะคะ”
“ได้เลยจ้า”
“ขอบคุณมากนะคะ”
ทอฝันยิ้มร่ากับขนมชิ้นสุดท้ายที่ขายหมดไป นี่เป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรกของเด็กหญิง
“กลับมาเร็วเชียว ขนมพวกนั้นก็เอาไปแจกเขาอีกแล้วล่ะสิ”
วรดาทักขึ้น เมื่อเห็นทอฝันเดินตัวปลิวกลับบ้าน ขณะที่ทั้งคุณพ่อและคุณย่าที่นั่งอยู่หน้าบ้านก็ให้ความสนใจ
ทอฝันส่ายหน้าพร้อมอมยิ้มน้อยๆ
“หนูขายหมดค่ะ”
“ว่าไงนะ?”
วรดาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หล่อนถลาเข้ามาหาลูกสาวคนโตด้วยความดีใจ
“นี่ค่ะเงินทั้งหมดที่ได้มา”
ทอฝันเปิดกระปุกใส่เงินให้ทุกคนดูเพื่อเป็นหลักฐาน
“ในที่สุดหลานย่าก็ทำสำเร็จจริงๆ”
สุนทรียิ้มร่าด้วยความภาคภูมิใจ
ตอนนี้ทุกคนในบ้านเต็มไปด้วยความชื่นมื่น มันไม่ได้สำคัญกับเงินจำนวนน้อยนิดที่ได้มา แต่มันเป็นความอิ่มเอมใจที่ได้เห็นความสำเร็จของลูกคนหนึ่งที่ตั้งใจจะช่วยเหลือครอบครัวอย่างจริงจังและมุ่งมั่น จนเกิดความคิดที่ว่า ‘ไม่เสียแรง เสียเวลา เสียข้าวสุกไปเลยที่เก็บเด็กคนนี้มาเลี้ยง’
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ