ทอฝันสุดสายรุ้ง
10.0
12) ปาฏิหาริย์ในความหวัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๑๒
ปาฏิหาริย์ในความหวัง
บ่ายวันนั้น หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมต่างๆ ของทางร้านแล้ว ทอฝันก็ได้นั่งรถยนต์คันหรูร่วมกับครอบครัวของภาวิตเพื่อกลับมาที่บ้านของเขา ทอฝันรู้สึกเกร็งและประหม่าอย่างที่สุด เกิดมาชาตินี้ ไม่เคยได้คิดได้ฝันว่าจะมีวันได้นั่งรถราคาแพงกับครอบครัวมหาเศรษฐีแบบนี้ หญิงสาวใจเต้นรัวจนภาวิตที่นั่งอยู่ข้างๆ สังเกตอาการนั้นได้
“เป็นอะไรไปทอฝัน ไม่สบายรึเปล่า?”
“เอ่อ...”
“เอ๊ะ? หนูทอฝันไม่สบายเหรอ แวะไปโรงพยาบาลก่อนดีมั้ย”
สุภาซึ่งอยู่ที่นั่งด้านหน้า ได้ยินที่ลูกชายพูดแล้ว ก็หันกลับมาร้องถามด้วยความเป็นห่วง
“โอ้ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึก... ตื่นเต้นเท่านั้นเอง...”
ทอฝันบอกเขินๆ แล้วก้มหน้าลง ทำให้ทุกคนยิ้มออกมาในความจริงใจของเธอ
แล้วทอฝันก็ต้องตื่นเต้นเข้าไปอีกเมื่อรถยนต์คันยาวสามที่นั่งที่ตัวเองนั่งอยู่ พาเลี้ยวเข้าบ้านใหญ่โตหลังหนึ่ง เธอมองออกไปด้วยความตื่นเต้นเป็นทวีคูณ พลางคิดในใจว่ามันไม่ได้ต่างไปกับวังในนิทานเลย
เมื่อเข้ามาในบ้านที่เป็นเนื้อหินอ่อนเกือบทั้งหมดก็มีสาวรับใช้มากมายมายืนต้อนรับ ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นก็ปฏิบัติกับทอฝันเหมือนกับที่ปฏิบัติกับเจ้านายของตัวเอง ถึงกระนั้นทอฝันก็รู้สึกเกรงใจที่จะได้รับการดูแลจากหญิงสาวพวกนั้น เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว ฐานะของตัวเธอเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเขาเลย
“ตามสบายนะจ๊ะหนูทอฝัน คิดว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองก็แล้วกัน”
ตายล่ะ จะให้ทำใจคิดว่าเป็นบ้านของตัวเองได้ลงอย่างไรกัน
“อยากได้อะไร อยากจะไปที่ไหนก็บอกเด็กๆ พวกนี้ได้เลยนะ”
“ค่ะ...”
ทอฝันพยักหน้ารับรู้ไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเรียกร้องอะไรแน่นอน
ภาวิตพาทอฝันมานั่งที่โซฟาบุนวมสีงาช้างที่ตั้งเป็นชุดเข้ากันอยู่กลางห้อง ก่อนจะมีสาวใช้นำแก้วน้ำส้มเข้ามาวางตรงหน้าของพวกเขา
“ยังไงซะ ผมก็ว่าน้ำส้มของคุณน่ะ อร่อยกว่าเด็กที่บ้านผมทำซะอีก”
ชายหนุ่มบอก หลังจากจิบน้ำส้มไปเพียงเล็กน้อย
“เห็นทีจะต้องให้คุณมาสอนงานให้ซะแล้ว... ไม่เอาๆ ผมว่า... ให้คุณมาทำให้ผมดื่มที่นี่ทุกวันเลยดีกว่า”
ทอฝันแก้มแดง เมื่อเจอคำพูดเป็นนัยเย้าหยอก
“บ้านคุณสวยมากเลยนะคะ”
หญิงสาวแสร้งเปลี่ยนเรื่อง
“มันก็เป็นบ้านของคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นล่ะครับ ของผมจริงๆ ตอนนี้ มีเพียงแค่ร้านกาแฟเท่านั้นเอง ผมน่ะ อยากจะยืนได้ด้วยตัวเองและให้ทุกคนเห็นคุณค่าในฝีมือของผมมากกว่าจะมองว่าเป็นเพราะพ่อแม่สร้างมาให้แล้ว”
“คุณเป็นคนที่น่าชื่นชมมากนะคะ”
“แต่ยังไง ผมก็สู้ผู้หญิงเก่งอย่างคุณไม่ได้หรอก”
“ฉันคงโชคดีมากกว่ามั้งคะ บางครั้งแม้จะเกิดเรื่องแย่ๆ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปทุกครั้ง พลอยทำให้ฉันคิดว่า ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง”
“คุณเชื่อเรื่องนี้?”
“ค่ะ ฉันเชื่ออย่างที่สุด”
นี่คือสิ่งที่ทำให้ท้อฝันไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาและผลักดันให้ชีวิตมีความหวังเพื่อต่อสู้กับชีวิตในอนาคต
“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะเด็กๆ”
สุภาแทรกขึ้น พร้อมกับลงมานั่งที่โซฟาตัวข้างๆ
“คุยเรื่อยเปื่อยน่ะครับคุณแม่”
“อย่างนั้นเหรอ อืม... ทอฝันจ๊ะ ที่แม่อยากให้หนูมาที่นี่น่ะ ไม่ได้ต้องการจะโอ้อวดอะไรหรอกนะ เพียงแต่อยากให้หนูคุ้นเคยกับที่นี่เอาไว้ก็เท่านั้นเอง...”
ทอฝันเอียงคอมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“คืออย่างนี้จ้ะ... แม่น่ะ ไม่มีลูกสาว มีก็แต่ตาภาวิตนี่คนเดียวเท่านั้น เกิดเห็นหน้าหนูแล้วรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก อยากจะได้มาเป็นลูกเป็นหลานน่ะจ้ะ”
“คะ?”
“พูดไปหนูคงจะไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งไปสนใจมากนัก รู้ไว้แค่เพียงว่าแม่น่ะ ชอบหนูมากๆ เลยนะ”
ทอฝันยิ้มแหยๆ ด้วยปรับสีหน้าไม่ถูก
“ตอนนี้เรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ตกลงว่าทอฝันจะยอมเซ็นสัญญาให้ขนมของหนูเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรามั้ยจ๊ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ ที่หนูเชื่อมั่นและไว้วางใจเรา”
“หนูต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณแม่มากกว่านะคะ ที่ให้โอกาสหนูและครอบครัวอย่างที่สุด”
“เพราะอย่างนี้ไงเล่า ฉันถึงได้หลงชอบหนูเข้าให้”
สุภายิ้มบางๆ พร้อมกับเอื้อมไปกุมมือทอฝันเข้ามา
“นอกจากเรื่องธุรกิจของเราแล้ว หนูจะมาที่นี่อีกได้มั้ย แม่อยากให้หนูมาที่บ้านเราบ่อยๆ มาสอนแม่ทำเค้กทำขนม หรืออะไรก็ได้... นะ”
“ถ้าไม่ติดงานที่บ้าน หนูก็จะมาค่ะ”
“จ้ะ ช่างเป็นเด็กที่ขยันจริงๆ”
หลังจากเซ็นสัญญาในวันนั้นแล้ว ต่อมาเมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่และภารกิจรับผิดชอบในบ้านแล้ว ทอฝันจึงได้เดินทางไปที่บ้านของภาวิตตามคำเชื้อเชิญของสุภา โดยมีรถมารับและขออนุญาตจากทั้งสุนทรี วรดา และสิทธิกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่ในบ้านทั้งสามคนก็พอจะเดาความหมายนี้ได้ลางๆ และพลอยชื่นชมยินดีกับสิ่งที่ทอฝันได้รับด้วย
ทอฝันสอนสุภาและเด็กรับใช้ในบ้านใหญ่ทำขนมด้วยความสนุกสนาน มีการพูดคุยและหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง สุภาเป็นคนใจดี แม้แต่เด็กในบ้านก็ชื่นชม ปฏิญาณตนว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายบ้านนี้ตลอดไป
“โอ ตรงนั้นล่ะจ้ะ แม่กำลังปวดอยู่พอดี”
หลังจากทำขนมเค้กเสร็จแล้ว ทอฝันก็มานวดให้สภาต่อ เพราะหล่อนร้องบ่นโอดครวญตอนยืนทำขนมเค้กนานๆ
“หนูไปเรียนรู้มาจากไหนอีกล่ะเนี่ย?”
“คุณย่าค่ะ ทอฝันชอบนวดให้คุณย่าบ่อยๆ ท่านก็สอนมาว่าจุดไหนควรนวดอย่างไร และมีวิธีอย่างไรน่ะค่ะ”
“ดีจริง ที่บ้านของหนูนี่มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“ค่ะ พวกท่านทุกคนเก่งมาก คุณย่าเป็นหญิงสมัยก่อน ที่มีความรู้ความชำนาญตามสูตรโบราณในทุกๆ เรื่อง แต่ก็ใช่ว่าจะล้าหลังนะคะ ท่านติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอด ส่วนคุณพ่อก็เป็นนักออกแบบฝีมือดี ท่านสร้างบ้านหลังนั้นด้วยความคิดของท่านเอง เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หลังเล็กน่ารัก แต่ประโยชน์ใช้สอยครบครัน สุดท้ายก็คุณแม่ค่ะ ท่านเป็นเลิศเรื่องการทำขนมฝรั่ง”
ทอฝันพูดถึงทุกคนในบ้านอย่างภาคภูมิใจ
“ถ้าอย่างนั้นทอฝันก็คงมีเลือดความเก่งของพวกท่านเหล่านั้นอย่างเข้มข้นเลยสินะ”
“ไม่หรอกค่ะ หนูไม่มีเลือดของพวกท่านแม้แต่หยดเดียวในร่างกายหนู”
ทอฝันตอบกลับด้วยเสียงซึมเซา
“ทำไมล่ะ? หมายความว่ายังไง”
“หนูไม่ใช่ลูก ทายาท หรือสายเลือดของพวกเขาหรอกค่ะ หนูถูกคุณพ่อและคุณย่าเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เป็นอย่างที่คุณลูกพีชว่ามาทุกประการ”
สุภาพยักหน้าเพื่อทำความเข้าใจ เพราะหล่อนเองก็พอจะได้ทราบข้อมูลบางส่วนมาจากลูกชายบ้างแล้ว
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ ทอฝันจำอะไรได้บ้างมั้ย ก่อนที่จะมาอยู่กับครอบครัวนี้... พ่อแม่พี่น้องของหนูคือใคร จำได้มั้ย?”
“จำได้ค่ะ”
ทอฝันพยักหน้า
“หนูเคยมียาย พี่สาวและก็พ่อ”
“แม่ล่ะ?”
หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ
“ตั้งแต่เกิด... หนูยังไม่เคยเห็นหน้าท่านเลย พี่ทอป่านบอกว่า แม่เป็นผู้หญิงสวย แต่นัยน์ตาเศร้าน่าสงสาร ท่านทิ้งพวกเราไปโดยไม่ติดต่อกลับมาตั้งแต่หนูยังจำความไม่ได้ ตอนนั้นเราสองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่กับยายที่หูตาฟ่าฟาง หนูรู้เพียงว่าหนูรักยายมาก และเข้าใจว่ายายคือแม่มาตลอด ก่อนที่ท่านจะจากเราไป”
“แล้วตอนนี้ พี่สาวของหนูอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ไม่ทราบค่ะ เราพลัดพรากจากกันหลังผ่านงานศพของพ่อไปได้ซักระยะ ก่อนที่หนูจะได้เจอกับคุณย่าแล้วก็คุณพ่อค่ะ ถ้าในความทรงจำของหนู พวกนั้นบอกว่าจะเอาหนูไปขายให้กับซ่องที่ภาคเหนือ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่ทอป่านก็คงไม่รอด...”
คิดดังนั้นแล้ว ก็ให้บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน เมื่อนึกถึงพี่สาวสุดที่รักโดนทรมานอย่างทารุณแบบนั้น
“พี่สาวของหนูน่ะ อาจจะมีคนมาช่วยอย่างที่หนูได้รับก็ได้นะ”
“หนูก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะค่ะ ทั้งชีวิต... ตั้งแต่เกิดมา คนเพียงคนเดียวที่หนูนับว่าเป็นสายเลือดเดียวกับหนูจริงๆ ก็มีแต่พี่ทอป่านเท่านั้น... พี่สาวที่เป็นได้ทั้งพ่อ... แม่... และเพื่อนในเวลาเดียวกัน”
หยดน้ำใสๆ รินออกมาจากดวงตาเศร้าสร้อยของหญิงสาว ขณะเดียวกันกับที่สุภาก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าตัวเอง
“อย่าห่วงไปเลยนะจ๊ะ แม่จะให้คนออกตามหาพี่สาวของหนูเอง”
“คุณแม่...”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แม่สัญญาว่า จะต้องตามหาพี่ทอป่านของหนูให้พบ”
ทอฝันแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง... มีหวังแล้วจริงๆ ความหวังที่จะได้พบกับพี่สาวอีกครั้ง พี่สาวผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอมาโดยตลอด ถึงเวลานั้น ก็ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นด้วยเถิด...
ปาฏิหาริย์ในความหวัง
บ่ายวันนั้น หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมต่างๆ ของทางร้านแล้ว ทอฝันก็ได้นั่งรถยนต์คันหรูร่วมกับครอบครัวของภาวิตเพื่อกลับมาที่บ้านของเขา ทอฝันรู้สึกเกร็งและประหม่าอย่างที่สุด เกิดมาชาตินี้ ไม่เคยได้คิดได้ฝันว่าจะมีวันได้นั่งรถราคาแพงกับครอบครัวมหาเศรษฐีแบบนี้ หญิงสาวใจเต้นรัวจนภาวิตที่นั่งอยู่ข้างๆ สังเกตอาการนั้นได้
“เป็นอะไรไปทอฝัน ไม่สบายรึเปล่า?”
“เอ่อ...”
“เอ๊ะ? หนูทอฝันไม่สบายเหรอ แวะไปโรงพยาบาลก่อนดีมั้ย”
สุภาซึ่งอยู่ที่นั่งด้านหน้า ได้ยินที่ลูกชายพูดแล้ว ก็หันกลับมาร้องถามด้วยความเป็นห่วง
“โอ้ ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ แค่รู้สึก... ตื่นเต้นเท่านั้นเอง...”
ทอฝันบอกเขินๆ แล้วก้มหน้าลง ทำให้ทุกคนยิ้มออกมาในความจริงใจของเธอ
แล้วทอฝันก็ต้องตื่นเต้นเข้าไปอีกเมื่อรถยนต์คันยาวสามที่นั่งที่ตัวเองนั่งอยู่ พาเลี้ยวเข้าบ้านใหญ่โตหลังหนึ่ง เธอมองออกไปด้วยความตื่นเต้นเป็นทวีคูณ พลางคิดในใจว่ามันไม่ได้ต่างไปกับวังในนิทานเลย
เมื่อเข้ามาในบ้านที่เป็นเนื้อหินอ่อนเกือบทั้งหมดก็มีสาวรับใช้มากมายมายืนต้อนรับ ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นก็ปฏิบัติกับทอฝันเหมือนกับที่ปฏิบัติกับเจ้านายของตัวเอง ถึงกระนั้นทอฝันก็รู้สึกเกรงใจที่จะได้รับการดูแลจากหญิงสาวพวกนั้น เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว ฐานะของตัวเธอเองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกเขาเลย
“ตามสบายนะจ๊ะหนูทอฝัน คิดว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองก็แล้วกัน”
ตายล่ะ จะให้ทำใจคิดว่าเป็นบ้านของตัวเองได้ลงอย่างไรกัน
“อยากได้อะไร อยากจะไปที่ไหนก็บอกเด็กๆ พวกนี้ได้เลยนะ”
“ค่ะ...”
ทอฝันพยักหน้ารับรู้ไปอย่างนั้นเอง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเรียกร้องอะไรแน่นอน
ภาวิตพาทอฝันมานั่งที่โซฟาบุนวมสีงาช้างที่ตั้งเป็นชุดเข้ากันอยู่กลางห้อง ก่อนจะมีสาวใช้นำแก้วน้ำส้มเข้ามาวางตรงหน้าของพวกเขา
“ยังไงซะ ผมก็ว่าน้ำส้มของคุณน่ะ อร่อยกว่าเด็กที่บ้านผมทำซะอีก”
ชายหนุ่มบอก หลังจากจิบน้ำส้มไปเพียงเล็กน้อย
“เห็นทีจะต้องให้คุณมาสอนงานให้ซะแล้ว... ไม่เอาๆ ผมว่า... ให้คุณมาทำให้ผมดื่มที่นี่ทุกวันเลยดีกว่า”
ทอฝันแก้มแดง เมื่อเจอคำพูดเป็นนัยเย้าหยอก
“บ้านคุณสวยมากเลยนะคะ”
หญิงสาวแสร้งเปลี่ยนเรื่อง
“มันก็เป็นบ้านของคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นล่ะครับ ของผมจริงๆ ตอนนี้ มีเพียงแค่ร้านกาแฟเท่านั้นเอง ผมน่ะ อยากจะยืนได้ด้วยตัวเองและให้ทุกคนเห็นคุณค่าในฝีมือของผมมากกว่าจะมองว่าเป็นเพราะพ่อแม่สร้างมาให้แล้ว”
“คุณเป็นคนที่น่าชื่นชมมากนะคะ”
“แต่ยังไง ผมก็สู้ผู้หญิงเก่งอย่างคุณไม่ได้หรอก”
“ฉันคงโชคดีมากกว่ามั้งคะ บางครั้งแม้จะเกิดเรื่องแย่ๆ แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปทุกครั้ง พลอยทำให้ฉันคิดว่า ปาฏิหาริย์นั้นมีจริง”
“คุณเชื่อเรื่องนี้?”
“ค่ะ ฉันเชื่ออย่างที่สุด”
นี่คือสิ่งที่ทำให้ท้อฝันไม่ย่อท้อต่อโชคชะตาและผลักดันให้ชีวิตมีความหวังเพื่อต่อสู้กับชีวิตในอนาคต
“คุยอะไรกันอยู่จ๊ะเด็กๆ”
สุภาแทรกขึ้น พร้อมกับลงมานั่งที่โซฟาตัวข้างๆ
“คุยเรื่อยเปื่อยน่ะครับคุณแม่”
“อย่างนั้นเหรอ อืม... ทอฝันจ๊ะ ที่แม่อยากให้หนูมาที่นี่น่ะ ไม่ได้ต้องการจะโอ้อวดอะไรหรอกนะ เพียงแต่อยากให้หนูคุ้นเคยกับที่นี่เอาไว้ก็เท่านั้นเอง...”
ทอฝันเอียงคอมองอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
“คืออย่างนี้จ้ะ... แม่น่ะ ไม่มีลูกสาว มีก็แต่ตาภาวิตนี่คนเดียวเท่านั้น เกิดเห็นหน้าหนูแล้วรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก อยากจะได้มาเป็นลูกเป็นหลานน่ะจ้ะ”
“คะ?”
“พูดไปหนูคงจะไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งไปสนใจมากนัก รู้ไว้แค่เพียงว่าแม่น่ะ ชอบหนูมากๆ เลยนะ”
ทอฝันยิ้มแหยๆ ด้วยปรับสีหน้าไม่ถูก
“ตอนนี้เรามาเข้าเรื่องเลยดีกว่า ตกลงว่าทอฝันจะยอมเซ็นสัญญาให้ขนมของหนูเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทเรามั้ยจ๊ะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ ที่หนูเชื่อมั่นและไว้วางใจเรา”
“หนูต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณแม่มากกว่านะคะ ที่ให้โอกาสหนูและครอบครัวอย่างที่สุด”
“เพราะอย่างนี้ไงเล่า ฉันถึงได้หลงชอบหนูเข้าให้”
สุภายิ้มบางๆ พร้อมกับเอื้อมไปกุมมือทอฝันเข้ามา
“นอกจากเรื่องธุรกิจของเราแล้ว หนูจะมาที่นี่อีกได้มั้ย แม่อยากให้หนูมาที่บ้านเราบ่อยๆ มาสอนแม่ทำเค้กทำขนม หรืออะไรก็ได้... นะ”
“ถ้าไม่ติดงานที่บ้าน หนูก็จะมาค่ะ”
“จ้ะ ช่างเป็นเด็กที่ขยันจริงๆ”
หลังจากเซ็นสัญญาในวันนั้นแล้ว ต่อมาเมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่และภารกิจรับผิดชอบในบ้านแล้ว ทอฝันจึงได้เดินทางไปที่บ้านของภาวิตตามคำเชื้อเชิญของสุภา โดยมีรถมารับและขออนุญาตจากทั้งสุนทรี วรดา และสิทธิกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่ในบ้านทั้งสามคนก็พอจะเดาความหมายนี้ได้ลางๆ และพลอยชื่นชมยินดีกับสิ่งที่ทอฝันได้รับด้วย
ทอฝันสอนสุภาและเด็กรับใช้ในบ้านใหญ่ทำขนมด้วยความสนุกสนาน มีการพูดคุยและหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง สุภาเป็นคนใจดี แม้แต่เด็กในบ้านก็ชื่นชม ปฏิญาณตนว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายบ้านนี้ตลอดไป
“โอ ตรงนั้นล่ะจ้ะ แม่กำลังปวดอยู่พอดี”
หลังจากทำขนมเค้กเสร็จแล้ว ทอฝันก็มานวดให้สภาต่อ เพราะหล่อนร้องบ่นโอดครวญตอนยืนทำขนมเค้กนานๆ
“หนูไปเรียนรู้มาจากไหนอีกล่ะเนี่ย?”
“คุณย่าค่ะ ทอฝันชอบนวดให้คุณย่าบ่อยๆ ท่านก็สอนมาว่าจุดไหนควรนวดอย่างไร และมีวิธีอย่างไรน่ะค่ะ”
“ดีจริง ที่บ้านของหนูนี่มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยนะ”
“ค่ะ พวกท่านทุกคนเก่งมาก คุณย่าเป็นหญิงสมัยก่อน ที่มีความรู้ความชำนาญตามสูตรโบราณในทุกๆ เรื่อง แต่ก็ใช่ว่าจะล้าหลังนะคะ ท่านติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอด ส่วนคุณพ่อก็เป็นนักออกแบบฝีมือดี ท่านสร้างบ้านหลังนั้นด้วยความคิดของท่านเอง เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หลังเล็กน่ารัก แต่ประโยชน์ใช้สอยครบครัน สุดท้ายก็คุณแม่ค่ะ ท่านเป็นเลิศเรื่องการทำขนมฝรั่ง”
ทอฝันพูดถึงทุกคนในบ้านอย่างภาคภูมิใจ
“ถ้าอย่างนั้นทอฝันก็คงมีเลือดความเก่งของพวกท่านเหล่านั้นอย่างเข้มข้นเลยสินะ”
“ไม่หรอกค่ะ หนูไม่มีเลือดของพวกท่านแม้แต่หยดเดียวในร่างกายหนู”
ทอฝันตอบกลับด้วยเสียงซึมเซา
“ทำไมล่ะ? หมายความว่ายังไง”
“หนูไม่ใช่ลูก ทายาท หรือสายเลือดของพวกเขาหรอกค่ะ หนูถูกคุณพ่อและคุณย่าเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เป็นอย่างที่คุณลูกพีชว่ามาทุกประการ”
สุภาพยักหน้าเพื่อทำความเข้าใจ เพราะหล่อนเองก็พอจะได้ทราบข้อมูลบางส่วนมาจากลูกชายบ้างแล้ว
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ ทอฝันจำอะไรได้บ้างมั้ย ก่อนที่จะมาอยู่กับครอบครัวนี้... พ่อแม่พี่น้องของหนูคือใคร จำได้มั้ย?”
“จำได้ค่ะ”
ทอฝันพยักหน้า
“หนูเคยมียาย พี่สาวและก็พ่อ”
“แม่ล่ะ?”
หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ
“ตั้งแต่เกิด... หนูยังไม่เคยเห็นหน้าท่านเลย พี่ทอป่านบอกว่า แม่เป็นผู้หญิงสวย แต่นัยน์ตาเศร้าน่าสงสาร ท่านทิ้งพวกเราไปโดยไม่ติดต่อกลับมาตั้งแต่หนูยังจำความไม่ได้ ตอนนั้นเราสองพี่น้องใช้ชีวิตอยู่กับยายที่หูตาฟ่าฟาง หนูรู้เพียงว่าหนูรักยายมาก และเข้าใจว่ายายคือแม่มาตลอด ก่อนที่ท่านจะจากเราไป”
“แล้วตอนนี้ พี่สาวของหนูอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ไม่ทราบค่ะ เราพลัดพรากจากกันหลังผ่านงานศพของพ่อไปได้ซักระยะ ก่อนที่หนูจะได้เจอกับคุณย่าแล้วก็คุณพ่อค่ะ ถ้าในความทรงจำของหนู พวกนั้นบอกว่าจะเอาหนูไปขายให้กับซ่องที่ภาคเหนือ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พี่ทอป่านก็คงไม่รอด...”
คิดดังนั้นแล้ว ก็ให้บีบคั้นหัวใจเหลือเกิน เมื่อนึกถึงพี่สาวสุดที่รักโดนทรมานอย่างทารุณแบบนั้น
“พี่สาวของหนูน่ะ อาจจะมีคนมาช่วยอย่างที่หนูได้รับก็ได้นะ”
“หนูก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะค่ะ ทั้งชีวิต... ตั้งแต่เกิดมา คนเพียงคนเดียวที่หนูนับว่าเป็นสายเลือดเดียวกับหนูจริงๆ ก็มีแต่พี่ทอป่านเท่านั้น... พี่สาวที่เป็นได้ทั้งพ่อ... แม่... และเพื่อนในเวลาเดียวกัน”
หยดน้ำใสๆ รินออกมาจากดวงตาเศร้าสร้อยของหญิงสาว ขณะเดียวกันกับที่สุภาก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าตัวเอง
“อย่าห่วงไปเลยนะจ๊ะ แม่จะให้คนออกตามหาพี่สาวของหนูเอง”
“คุณแม่...”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แม่สัญญาว่า จะต้องตามหาพี่ทอป่านของหนูให้พบ”
ทอฝันแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง... มีหวังแล้วจริงๆ ความหวังที่จะได้พบกับพี่สาวอีกครั้ง พี่สาวผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเธอมาโดยตลอด ถึงเวลานั้น ก็ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นด้วยเถิด...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ