ทัณฑ์พิศวาส
3) ข้อตกลง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
พนักงานหนุ่มมองใบหน้าคมเข้มอย่างลำบากใจ เพราะด้วยกฏของที่นี่แล้วทำให้เขาไม่สามารถทำตามที่ชายหนุ่มขอได้
"ไม่ได้หรอกครับ ผม..." พนักงานหนุ่มยังไม่ทันพูดจบ ภาคินก็สวนขึ้น
"เหอะน่า ช่วงนี้แฟนพี่ไม่ค่อยเร้าใจเลย อยากได้ตัวช่วยสักหน่อย" เขายักคิ้วหลิ่วตาพลางล้วงกระเป๋าเงินควักแบงค์พันสองสามใบยื่นให้ พนักงานหนุ่มมองข้อแลกเปลี่ยนในมือหนาครู่หนึ่งก่อนรีบรับเงินยัดใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมบอกให้เขาเข้าไปรอข้างในก่อน ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนเดินกลับเข้าไปนั่งที่เดิม สักพักพนักงานคนนั้นก็เดินมาหาเขาพร้อมกับยื่นห่อสีขาวเล็กๆให้
"ขอให้สนุกเต็มที่นะครับพี่" พนักงานหนุ่มทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป
ตาคมมองร่างบางระหงที่กำลังเดินเข้ามาข้างใน รีบยัดห่อยาใส่กระเป๋ากางเกงพร้อมคว้ากล้องตัวใหญ่ติดมือ ลุกพรวดจากเก้าอี้ก้าวเท้ายาวไปประชันหน้านางเอกสาว ทำเอาเจ้าหล่อนสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ใบหน้าหวานเงยขึ้นพร้อมขมวดคิ้วเป็นปมยุ่งๆมองผู้ชายตรงหน้าอย่างหงุดหงิด ผู้ชายคนเมื่อกี๊นั่นเองที่เดินชนเธอโดยไม่กล่าวขอโทษสักคำ
"ผมเป็นนักข่าวครับ เห็นคุณกำลังนัวเนียกับเมธัสเมื่อกี๊ เลยเก็บภาพไว้ตามประสาคนชอบถ่ายรูป" ชายหนุ่มยิ้มกว้างพลางยกกล้องตัวโตขึ้นโชว์
ใบหน้าหวานเอียงมองเล็กน้อย สีหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด
"คุณต้องการเท่าไหร่ แลกกับรูปพวกนี้" แพรวาเค้นเสียงถามอย่างรำคาญให้กับความสอดรู้สอดเห็นของนักข่าวหนุ่ม แต่ข้อเสนอนั้นเขากลับทำเป็นไม่สนใจ แถมก้มลงดูรูปในกล้องไปเรื่อยๆจนแพรวาเริ่มทนไม่ไหว
"ฉันถามว่าคุณต้องการเท่าไหร่!" เธอถามอีกรอบ ทำให้ชายหนุ่มยอมเงยหน้าขึ้นมองเธอครู่หนึ่งอย่างชั่งใจอีกฝ่าย ก่อนก้มลงดูรูปตามเดิม ปากก็พูดพล่ามไม่หยุด
"พาดหัวข่าวว่ายังไงดีนะ…ดาราสาวชื่อดังแลกลิ้นกับแฟนหนุ่มกลางผับหรูย่าน..."
"นี่คุณต้องการอะไรกันแน่!" หญิงสาวสวนขึ้นก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยแอบแฝง
"ไปนั่งคุยกับผมที่โต๊ะดีกว่าครับ ตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่" เขายื่นข้อเสนอให้
…ทำไมนักข่าวคนนี้เรื่องมากจังนะ เธอคิด แพรวากัดฟันกรอดยอมเดินตามเขาไปแต่โดยดี
"จะเอายังไงก็ว่ามา ฉันไม่มีเวลามากนักหรอกนะ" เธอพูดเสียงแข็งมองผู้ชายที่นั่งข้างๆ ซึ่งดูท่าว่าปัญหาคราวนี้คงจะตกลงกันไม่ได้ง่ายๆแน่
"คุณกับเมธัสคบกันนานหรือยัง" เขาชวนคุยเสียงเรียบ หญิงสาวเองชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ
"เกือบสองปีแล้ว"
"อืม จะแต่งงานกันเมื่อไหร่หละ" เขาถามขึ้นมาลอยๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่แก้วบรรจุน้ำสีอำพัน กิริยานิ่งเฉยของอีกฝ่ายทำให้แพรวาทนไม่ไหว อยากตะบันหน้าคมๆนั่นให้หงายหลังไปซะ
"คุณคะ…ถ้าอยากสัมภาษณ์ก็เชิญที่บริษัท เพราะตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อนของฉัน" แพรวาพูดเสียงขุ่นพลางจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์
"พูดเรื่องรูปนั่นดีกว่า จะเอาไงก็ว่ามา" หญิงสาวถามต่อเพราะอยากรีบยุติการสนทนากับผู้ชายคนนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนนี้อาการวีนแตกของเธอจะเริ่มขึ้น
"ห้าล้าน" เขาตอบก่อนคว้าแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ คำตอบนั่นทำให้แพรวาอ้าปากค้างตะลึงงันกับข้อแลกเปลี่ยนจำนวนมหาศาลอย่างที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน
"นี่มันไม่มากไปหน่อยหรอ คุณชื่ออะไรบอกมา" ใช่…ถ้ารู้ว่าอีตาบ้าคนนี้เป็นใคร ฉันตอกกลับคืนแบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดในชาติหน้าอีกแน่
"คุณชอบผมหรอ" ชายหนุ่มหันมองเธอตาเป็นประกาย
คำพูดกวนประสาทนั่นทำให้เธอต้องระงับอารมณ์สุดขีดไม่ได้คว้าขวดไวน์มาฟาดหัวเขา
"ถ้าฉันรู้ว่าคุณทำงานบริษัทไหน คุณโดนไล่ออกแน่" หญิงสาวขู่ฟ่อ
"เขาไม่ไล่ผมออกหรอก ภาพหลุดของซุปเปอร์สตาร์ระดับคุณ มีหวังผมได้เป็นสิบๆล้าน นี่ผมยอมให้คุณแค่ห้าล้านเองนะ ไม่สนหรอ" ภาคินพูดลอยหน้าลอยตา เมื่อเห็นนางเอกสาวนั่งอึ้งกิมกี่ เขาจึงพูดต่อ
"ถ้าคุณไม่รับข้อเสนอของผม ก็เจอกันพรุ่งนี้ละกันนะ บนหน้าปกนิตยสารทุกฉบับ" เขาทิ้งท้ายก่อนหันไปเรียกพนักงานเก็บเงินแล้วลุกขึ้นเดินจากไป
แพรวามองตามร่างสูงใหญ่อย่างไม่เชื่อสายตา นี่เธอต้องยอมเสียเงินตั้งห้าล้านเมื่อแลกกับภาพมุมกล้องนั่นหรอเนี่ย หญิงสาวพ่นลมหายใจออกพรืดหนึ่งแล้วจึงวิ่งตามเขาไป
"นี่คุณ! ตกลงกันดีๆก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องใจร้อนเลยนี่" หญิงสาวตะโกนไล่หลัง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจกลับเดินลิ่วไปที่รถและเปิดประตูขึ้นนั่งที่คนขับอย่างรวดเร็ว แพรวาหยุดยืนหอบด้วยความเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามเขา มือบางเคาะกระจกรัวแต่เขากลับนั่งนิ่งเฉยเหมือนไม่ได้ยิน
"ไอ้บ้า! ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้..." ไม่ทันขาดคำ จู่ๆก็มีมือหนายื่นมาทางด้านหลังปิดปากเธอไว้แน่นพร้อมลากร่างบางผลักเข้าไปในรถของเขา แล้วชายร่างโตคนนั้นก็เข้ามานั่งข้างเธออย่างรวดเร็ว แพรวาดิ้นสุดแรงแต่ต้องหยุดทันทีเมื่อเขาล้วงปืนขึ้นมาจ่อศีรษะเธอไว้ เหงื่อเม็ดเล็กผุดบริเวณใบหน้าหวานด้วยความตื่นตระหนก
"เงียบซะ ถ้าไม่อยากโดนฆ่าในรถ" ชายร่างโตตะโกนใส่หน้าเธอก่อนหยิบเชือกมามัดแขนและผูกผ้าปิดปากเธอไว้
“พวก…พวกแกต้องการอะไร คุยกันดีๆก็ได้นะ” เธอพูดเสียงสั่น แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายสีหน้าเข้มขึ้น แพรวาหันหน้าหนีจากปืนกระบอกนั้นพลางมองหาเมธัสเผื่อเขาจะเดินออกมาตามหาเธอ
"เรียบร้อยแล้วครับนาย" ชายร่างโตหันไปบอกชายหนุ่ม
ภาคินมองเธอทางกระจกหน้านิดนึงก่อนกระชากรถออกจากที่นั่นทันที
เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่แพรวายังคงนั่งอยู่ในรถ ระหว่างทางหญิงสาวพยายามอ่านป้ายบอกทางตลอด ทำให้รู้ว่ารถกำลังมุ่งหน้าไปยังภาคเหนือ แผนการต่างๆเริ่มผุดขึ้นในสมอง นางเอกสาวนึกถึงบทละครที่เคยเล่นตอนหนีเอาตัวรอดจากโจรผู้ร้าย เอาน่า!เป็นไงเป็นกัน…ลองเสี่ยงดู เธอใช้เท้าเขี่ยบริเวณหน้าแข้งของชายร่างโตที่นั่งข้างๆจนเขารู้สึกตัวหันมามอง หญิงสาวพูดอู้อี้ในลำคอพลางบิดตัวไปมาเหมือนต้องการบอกอะไรสักอย่าง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันมองคนขับ
"แก้มัดที่ปากออกซิ" ชายหนุ่มสั่ง ไม่ทันที่ผ้าผูกปากจะแก้ออกดี เธอก็ส่งเสียงหวานอ้อนวอนทันที
"ฉันอยากเข้าห้องน้ำ จอดหน่อยได้มั้ย"
นางเอกสาวเจ้าบทบาทกระหยิ่มในใจอย่างผู้ชนะ ถ้าหากเขายอมจอดรถที่ปั๊มน้ำมัน เธอก็จะสามารถขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้นได้ ซึ่งมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าพวกเขาจะต้องช่วยเธอให้พ้นขีดอันตรายของโจรลักพาตัวพวกนี้ได้ …เพราะเธอเป็นดาราดังที่ใครๆก็รู้จัก
"เสียแรงที่จบจากเมืองนอกเมืองนา แต่กลับใช้แผนตื้นๆในละครเพื่อหนีเอาตัวรอด" เสียงเรียบๆจากฝั่งคนขับทำให้หญิงสาวตะลึง รู้สึกเสียหน้าที่โดนเขาดูถูก
"ไม่เข้าก็ได้ ยังทนไหว" แพรวาตอบเสียงแข็ง ย่นจมูกพยายามข่มอารมณ์โกรธ จึงเปลี่ยนแผนหันไปทางชายร่างโต กระซิบกระซาบเกลี่ยกล่อมเขา
"พ่อฉันรวยนะ คุณอยากได้เท่าไหร่ก็บอกมาเลย อีกอย่างฉันก็กำลังจะหมั้นกับพี่ธัสด้วย เขารวยกว่า...อ๊าย!" ไม่ทันพูดจบ ภาคินก็เบรกรถทันที ทำเอาทั้งร่างบาง ร่างโตหัวคะมำ ภาคินคว้าปืนในล็อกเก็ตเล็งไปที่ร่างบางอย่างรวดเร็ว มือหนาสั่นเทาด้วยความโกรธ
"หุบปากซะ! ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่" ชายหนุ่มคำรามเสียงเข้ม แต่มันไม่ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายอย่างเธอกลัวได้
"งั้นแกก็บอกฉันมาสิ ว่าต้องการอะไรกันแน่" แพรวาแผดเสียงใส่ ลืมความกลัวไปจนหมด พวกเขาก็คือโจรลักพาตัว โจรที่หวังเพียงเงินเท่านั้นแหละ ยิ่งพาเธอไปไกลได้เท่าไหร่ ยิ่งเรียกค่าไถ่ได้มากเท่านั้นกระมัง ถ้าหมายจะเอาชีวิตเธอ พวกมันก็คิดผิดมหันต์แล้วล่ะ เพราะไม่มีทางได้ตายดีแน่ เธอคิด
"ต้องการให้คุณกลายเป็นผู้หญิงสกปรกที่น่ารังเกียจที่สุดไงหละ" ภาคินเค้นเสียงตอบกลับทำเอาคนถามถึงกับหน้าชา อึ้งไปชั่วขณะ เธอรับรู้ได้ถึงอารมณ์โกรธของเขา สังเกตจากแผงหน้าอกกว้างที่กระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจเข้าออกแรงๆ
"ถ้าฉันได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้อีก แกโดนแน่ ไอ้เสือ" ชายหนุ่มตวาดเสียงดังลั่นรถทำให้ชายร่างโตรีบพยักหน้ารับด้วยท่าทีลนลาน ร่างบางขยับตัวชิดกับประตูรถอีกฝั่ง ชายร่างโตมองหยาดน้ำตาบนแก้มนวลด้วยความสงสารแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทำตามคำสั่งลูกพี่เพื่อให้เขาไม่อาละวาดใส่เธอ
น้ำใสๆเริ่มเอ่อล้นบริเวณขอบตา หญิงสาวรู้สึกกลัวเหลือเกินกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาลักพาตัวเธอมาทำไม ป่านนี้ทุกคนคงกำลังตามหาตัวเธอกันให้วุ่น
เมธัสสอดส่ายสายตามองหาร่างบางของแพรวาผ่านความมืด มีเพียงแสงไฟหลากสีกระพริบสลัวๆจากเพดานที่ช่วยให้เขามองเห็นได้ ตาเล็กรีกวาดมองไปทั่วบริเวณและเดินตามหาเธอจนทั่วแต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆ ชายหนุ่มจึงเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ
"เจ๊เห็นน้องแพรมั้ยครับ" เขาพูดพลางกวาดสายตามองหาเธอไปด้วย ส่วนเกศลินซึ่งกำลังนั่งคอพับคออ่อนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปอย่างหนักตอบกลับมาด้วยประโยคที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
"ม่ายรู้ซีคะ คุณน้องธัสซี่ขาาา พี่ก็พึ่งกลับมานั่งพักเนี่ยยย แดนซ์ซะ...เอิ๊ก~ เหนื่อยใจจะขาด" เกศลินตอบพลางสะอึก ยิ่งทำให้เมธัสรู้สึกใจคอไม่ดี ร่างสูงเดินวนในผับอีกครั้งก่อนเข้าไปหาผู้จัดการร้าน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงแต่กลับไม่พบแพรวา
"โธ่เว้ย! แค่ผู้หญิงคนเดียวก็ไม่มีปัญญาหาหรอไงฮะ!" เมธัสสบถ เสียงตวาดทำเอาผู้จัดการร้านหน้าซีดเผือดมองใบหน้าแดงก่ำด้วยอารมณ์โกรธของเมธัส ร่างสูงก้าวอาดๆเดินออกมานอกร้านตรงไปยังเจ้าหน้าที่หน้าผับพร้อมฉุดคอเสื้อเขาขึ้น
"แกเห็นแพรวามั้ย…ผู้หญิงใส่ชุดเดรชสีเนื้อที่เดินเข้ามาพร้อมกับฉัน" เมธัสตะคอกใส่ ทำให้เจ้าหน้าที่ถึงกับหวาดกลัว
"เอ่อ... สักประมาณสามชั่วโมงที่แล้ว ผมเห็นเธอเดินตามใครสักคนออกมาครับ แล้วก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย" รปภ.ผู้นั้นตอบเสียงสั่น
ชายหนุ่มขบกรามแน่น ล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงติดต่อกลับไปที่บ้านของแพรวา
" ผมเมธัสนะครับ น้องแพรกลับบ้านหรือยังครับ" เมธัสถามรัว คิ้วหนาขมวดแน่นเมื่อได้รับคำตอบจากแม่บ้านแพรวา แล้วหันกลับไปบอกเกศลินที่เพิ่งสร่างเมา หน้าตาตื่นตระหนก
"แพรยังไม่กลับเลยเจ๊" เมธัสบอกเสียงเครียดหลังจากวางสายแล้ว
"โทร.แจ้งตำรวจดีกว่าค่ะน้องธัส" เกศลินเสนอด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"คงยังไม่ได้หรอกครับ ต้องหายตัวไปครบยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อน ตำรวจถึงจะรับแจ้งความ"
"แล้วจะบอกคุณพ่อน้องแพรวยังไงเนี่ย" เกศลินถอนหายใจดังเฮือก นึกถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสาว และอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเองหากศิวัฒน์รู้ข่าวนี้
รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวผ่านน้ำพุกลางสวยสวยเข้ามาจอดตรงลานหน้าคฤหาสน์สีขาวหลังใหญ่ ร่างสูงก้าวลงจากรถและเดินลิ่วเข้าไปข้างในที่แม่บ้านเปิดรอรับไว้อยู่แล้ว ศิวัฒน์ยืนมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเครียด
"ว่าไงตาธัส หาน้องเจอรึยัง" เขาเอ่ยถามด้วยความกังวล
"เอ่อ ยังไม่เจอครับ ผมสั่งให้คนของพ่อช่วยออกตามหาแล้วครับ" เมธัสเอ่ยตะกุกตะกัก เกศลินจึงเสริมขึ้
“คุณพ่อใจเย็นๆก่อนนะคะ ยัยแพรเป็นคนฉลาด ถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นจริง ยังไงยัยแพรก็ต้องรอดมาได้” ทันทีที่พูดจบ เกศลินจึงรู้ว่าตัวเองไม่น่าพูดให้เรื่องมันดูเลวร้ายขึ้นไปอีกเลย
ศิวัฒน์ตวัดสายตาดุมองผู้จัดการสาว
“ผมจ้างคุณให้มาเป็นพี่เลี้ยงนะ ไม่ใช่มาสนับสนุนยัยแพรให้ทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้”
“เอ่อ…ผมเป็นคนพาน้องแพรไปเองครับ คุณพ่ออย่า…”
ไม่ทันขาดคำ มือใหญ่ฟาดลงบนใบหน้าชายหนุ่มดังฉาดหนึ่ง รอยแดงเป็นปื้นปรากฏบนแก้มสากระคายทันที เกศลินถึงกับสะดุ้งมองสายตาพิโรธของศิวัฒน์
"คุณก็รู้ว่าแพรวาไม่เคยเที่ยวผับ ยังพาไปอีกหรือไงฮะ!" ชายวัยกลางคนตะคอกเสียงดัง ตัวสั่นเทา
"ผม…ผมผิดเองครับ ผมจะรับผิดชอบทั้งหมด ผมจะพาแพรกลับมาให้ได้ ผมสัญญาครับ" เมธัสตอบเสียงตะกุกตะกักไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ผู้เป็นพ่อของแฟนสาวถึงกับพ่นลมหายใจออกอย่างแรงให้กับท่าทีของว่าที่ลูกเขยก่อนเดินหายเข้าไปในห้องทำงาน
นาฬิกาบอกเวลาตีสามเศษๆ ศิวัฒน์ยังคงนั่งหน้าเครียดกับเอกสารกองโตบนโต๊ะ เรื่องอื่นใดไหนจะสำคัญเท่ากับงานของเขา ชายวัยกลางคนอ่านเอกสารผ่านแว่นสายตาฉบับสุดท้ายลวกๆก่อนจะโยนมันเข้าแฟ้ม คว้ากาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบก่อนเดินไปหยุดริมหน้าต่าง ฉุกคิดถึงเรื่องลูกสาวขึ้นมา มื่อคิดเขาก็ยิ่งหงุดหงิดใจที่แพรวามีแต่นำปัญหามาให้ ถ้าหากข่าวการหายตัวไปของแพรวาแพร่กระจาย ภาพการเป็นเจ้าของกิจการชื่อดังที่มีคนนับหน้าถือตาจะทำให้เขารู้สึกลำบากใจที่ต้องแบกหน้าไปพบปะผู้คนและบอกพวกเขาว่าลูกสาวสุดสวยหายตัวไปตอนเที่ยวกลางคืน มันเป็นเรื่องที่หน้าอับอายสำหรับเขายิ่งนัก เมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้นเขาจึงคว้าโทรศัพท์ต่อสายไปหาไพศาล ลูกน้องคนสนิทของเขา
"แพรวาหายตัวไป ช่วยเธอกลับมาให้ได้นะ แกอยากได้เท่าไหร่ฉันก็ยอม"
ทางด้านเมธัสก็กำลังขับรถตระเวนไปยังสถานที่ต่างๆที่แพรวากับเขาเคยไป ส่วนเกศลินกำลังโทร.หาเพื่อนสนิทของแพรวาทั้งหมดจากมือถือของหญิงสาวที่ไม่ได้พกไปด้วย
"เจ๊ปิดเรื่องแพรไว้ก่อนนะครับ ผมไม่อยากให้เรื่องมันใหญ่โต" ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น เกศลินพยักหน้าพร้อมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาด้วยความเป็นห่วงแพรวา
"เจ๊ผิดเอง ถ้าพี่ดูแลแพรดีกว่านี้ เรื่องเลวร้ายคงจะไม่เกิดขึ้น" เกศลินปล่อยโฮเสียงดัง ทำให้เมธัสหันไปมองเธออย่างเป็นห่วง
"ผมต่างหากที่ผิด ถ้าผมรู้ว่าใครลักพาตัวน้องแพรไป ชีวิตมันไม่มีวันอยู่เป็นสุขแน่" ชายหนุ่มพูดเสียงเข้ม ประกาศต่อหน้าเกศลิน แม้ในใจจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่นักกับออกการตามหาเธอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ