ถึงคุณร้าย ผมก็จะรัก (yaoiหนิดๆ )
10.0
1) เเรกพบเจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมตื่นขึ้นมาจากเตียงอากาศหนาวของเช้านี้ทำให้รู้สึกอยากจะนอนต่อหากเสียแต่ว่า เช้านี้ผมมีธุระสำคัญที่จะต้องไปทำ
ผมบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะกระจกครีมบำรุงและลิปสติกสียี่ห้อต่างๆถูกวางอย่างไม่เป็นระเบียบ วิคผมหลากสีถูกแขวนอย่างรอวันถูกใช้งาน ผมมองกระจกที่สะท้อนภาพผมและผมที่ดูจะยุ่งเยิงไม่เป็นระเบียบริมฝีปากที่แห้งจนเกือบจะแตก ใบหน้าที่ดูโทรมอย่างกับอะไรดีปรากฏเด่นชัดอยู่ในกระจก ผมมองตัวเองอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดคลุ่มอาบน้ำสีม่วงเข้มเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะใช้เวลาอันมีน้อยหนิดในการทำธุระส่วนตัวในช่วงเช้า ใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนผมจะออกมาในสภาพคลุ่มชุดอาบน้ำผมที่เปียกแนบไปกับแผ่นหลังก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะกระจกอย่างเดิม
ไดร์เป่าผมถูกใช้งานอย่างหนักในการทำให้ผมที่เปียกโชกแห้งสนิทและไม่นานก็ดูเหมือนว่ามันจะประสบความสำเร็จในการทำให้ผมที่เปียกแห้งสนิทแม้จะต้องใช้เวลานานหน่อยก็เถอะ
ผมชักปลั๊กไดร์เป่าผมออกก่อนจะเริ่มบำรุงผิวเริ่มตั้งแต่หน้าไปจนจรดขาผมมองหน้าตัวเองที่ดูดีขึ้นมาหน่อยจากครั้งแรกอย่างพอใจก่อนจะเริ่มแต่งหน้าเล็กหน่อย ริมฝีปากที่เคยแห้งผากถูกแต่งแต้มด้วยลิปมัน ผมมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจก่อนจะเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะสวมเสื้อนักเรียนแบบคอปกสีดำสนิทตามด้วยเนคไทสีเลือดหมูแล้วตามด้วยกางเกงขายาวคลุ่มเข่า
ผมที่ยาวถึงแผ่นหลังถูกปล่อยให้ยาวสยายอยู่กลางแผ่นหลัง มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกรำคาญจนอยากจะตัดๆมันทิ้งไปซ่ะ แต่พอจะลงมือทำที่ไร ก็ตัดใจไม่ลงทุกทีได้แต่ปล่อยให้มันยาวสยายไป
ผมสำรวจห้องว่าไม่มีอะไรขัดข้องก่อนจะล็อคห้องเอาไว้ก่อนจะเดินทางไปโรงเรียนดังเช่นปกติ(?)ทุกวัน
เวลาในการเดินทางไปโรงเรียนนั้นดูจะไม่นาเท่าไรนักแต่นั้นหมายถึงสำหรับผมคนเดียวอ๊ะนะ ผมมีวิธีในการที่จะไปโรงเรียนแบบเร็วๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปนั่งรถไฟฟ้า หรือ ว่าอะไรทั้งนั้น
แค่กระโดดข้ามหลังคาไปเรื่อยๆ เดี่ยวก็ถึง คุณว่างั้นไหม ?
ผมมาหยุดอยู่ที่ห้องเรียนก่อนจะเปิดประตูเข้าไปถึงแม้ตอนนี้จะยังเช้าอยู่แต่ก็ยังพอมีนักเรียนคนอื่นๆ อยู่บ้างถึงแม้จะบางตาก็ตามที
นักเรียนที่อยู่ในห้องหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปตามเดิม
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผมอยู่แล้วในเรื่องของการโดนเพื่อนในห้องเมินหน้า ถึงแม้ผมเองจะไม่เข้าใจอยู่เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้ผมเขาเกลียดขี้หน้าผมนักหนา แต่มันก็คงจะดีไม่น้อยถ้าเขาบอกผมซักครั้งว่าทำไมถึงเมินหน้าผม ผมเดินมานั่งที่โต๊ะประจำของผม ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ
ผมว่าเช้านี้คงเป็นการเริ่มต้นการเรียนที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เสียงอ๊อดของโรงเรียนดังขึ้นก่อนนักเรียนทุกคนจะพากันลงไปเข้าแถวที่หน้าเสาธงข้างล่าง ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงผมอยู่คนเดียวไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะลงไปหรอกนะ
แต่ผมเป็นประเภทพวกแพ้แสงอย่างรุ่นแรงเคยมีครั้งหนึ่งที่ผมเข้าแถวพร้อมกับเพื่อนๆ ผมจำได้ว่าผมทรุดตัวลงไปทันทีที่ตากแดดนานกว่า 10 นาทีผิวของผมเริ่มมีผดผื่นแดงๆขึ้นตามแขนและใบหน้า
และนั้นเป็นสาเหตุที่ผมไม่เคยได้ออกไปเข้าแถวพร้อมกับเพื่อนๆอีกเลยผมมองดูท้องฟ้าก่อนจะก้มมองดูผ่านจากหน้าต่างห้องเรียน
นักเรียนหลายคนที่ดูจะเริ่มกระซับกระสายอย่างทนไม่ไหวกับแดดที่ดูจะร้อนจนแสบผิวหนัง ทั้งๆ ทีเมื่อเช้านี้อากาศยังคงเย็นสบายอยู่เลยแท้ๆแต่ก็นะ เดี่ยวนี้อากาศของโลกก็ดูจะเริ่มแปรปรวนอย่างช่วยไม่ได้ มีนักเรียนหลายคนที่เริ่มจะเอาพัดที่พกมาด้วยมาพัดอย่างไม่เกรงใจอาจารย์แต่ก็ดูเหมือนอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าเสาธงก็ดูจะไม่ว่าอะไรอาจเป็นเพราะอยากพูดให้มันจบๆไปจะได้ไปจากแดดร้อนๆ นั้นซักที
และแล้วกิจกรรมในตอนเช้าก็จะจบลง ท่ามกลางความยินดีของบรรดานักเรียนที่ดูจะอยากไปให้พ้นๆ จากแดดร้อนๆ
เพียงไม่กี่อึดใจ เพื่อนๆทั้งหมดก็กลับเข้ามาในห้องเรียน พวกเขาเลือกที่จะเดินผ่านผมไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทักทาย ผมได้แต่เพียงมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ปนน้อยใจ
ถึงแม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
แต่การยอมรับ และ ทำใจกับเรื่องที่เพื่อนๆ เมินผมมันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับและทำใจอยู่ดี
คุณจะรู้สึกยังไง หากว่าวันหนึ่งเพื่อนๆที่เคยหัวเราะร่วมสุขร่วมทุกข์มากับคุณอยู่ดีๆ ก็ทำเหมือนไม่รู้จักและไม่คุณอยู่ในสายตา
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมที่วางอยู่ข้างหน้าต่างก่อนจะนั่งลงแล้วมองไปที่อาจารย์ที่ปรึกษาที่ยืนถือไม้เรียวหน้าดุอยู่หน้าห้องถึงแม้ทางโรงเรียนจะยกเลิกการใช้ไม้เรียวกับเด็กนักเรียนแต่ก็ยังมีอาจารย์บางท่านที่ยังคงยึดติดกับหลักการเดิมๆ และใช้มันกับนักเรียนแสบๆ
และผมคิดว่า มันได้ผลมากที่เดียว
“เอาล่ะ นักเรียนวันนี้จะมีเพื่อนใหม่เข้ามาเรียนกับเรา ถึง 2 คนด้วยกัน เอ้า เข้ามาซิ “อาจารย์บอกก่อนจะเดินไปบอกกับนักเรียนใหม่ที่รออยู่หน้าห้องเรียนก่อนจะเดินเข้ามา
ผมมองนักเรียนใหม่ที่เดินเข้ามา ผู้ชายหนึ่งและผู้หญิงหนึ่ง
คนแรกเป็นผู้ชายผมสีดำประบ่าดวงตาเรียวคมดูลึกลับน่าค้นหา ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผมยาวเป็นลอน ดวงตาสีฟ้าดูสดใสและน่ารัก
ความน่ารักของเธอถึงกลับทำให้นักเรียนชายส่วนใหญ่ถึงกับอ้าปากค้าง เธอยิ้มให้เพื่อนๆทุกคนก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง
“ ฉันชื่อ เลอร์แคร์ อีวาน คะ เรียกฉันว่า เลอร์แคร์ จะดีมากคะ “
เธอแนะนำตัวก่อนจะยิ้มหวานส่งให้อีกรอบ แต่ครั้งนี้ถึงกลับทำให้นักเรียนชายในห้องถึงกลับน้ำลายไหล และอ้าปากค้างกันไปหลายนาทีเลยทีเดียว หากว่าไม่มีผู้หญิงบางคนกระแอมขึ้นมา
พวกเขาคงไม่มีทางหลุดออกมาจากมนต์เสน่ห์ นั้นแน่
เด็กสาวหุบยิ้มก่อนจะเดินถอยหลัง ก่อนจะตามด้วยผู้ชายที่ยืนข้างเธอก้าวออกมาข้างหน้าก่อนจะยิ้มให้ ยิ้มนั้นดูขี้เล่นและร้ายกาจในเวลาเดียวกัน เขามองไปตัวห้องก่อนผมจะรู้สึกว่าสายตาของเขาหยุดอยู่ที่ผมตาของเราสองคนผสานกัน ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดแหล่นเข้ามาในหัวสมอง ก่อนผมจะเป็นฝ่ายล่ะสายตาจากดวงตาคู่นั้น แวบหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มของเขาที่ยิ้มให้ผม ก่อนผมจำจะต้องล่ะสายตาเป็นครั้งที่ 2
“ผมชื่อ โนอาร์ โนอาร์ พาร์สัน เรียกผมว่า โนอาร์ เฉยๆก็แล้วกัน “
“เอาล่ะ ทักทายกันเรียบร้อยแล้วก็เป็นนั่งที่ซ่ะ เลอร์แคร์ กับ โนอาร์ไปนั่งข้างๆ หัวหน้าห้องแล้วกัน “อาจารย์บอกก่อนทั้งสองคนจะสวนขึ้นมา “ผมจะนั่งข้างๆ เขาคนนั้น / หนูจะนั่งกับเขาคนนั้น “
ทั้งสองคนพูดขึ้นมาก่อนจะชี้นิ้วมือมาทางผม
และนั้นทำให้เพื่อนๆ ที่เคยเมินผมมาตลอดหันมามองผมเป็นตาเดียว ถึงแม้ผมจะไม่ชอบเวลาที่พวกเขาเมินผมก็เถอะ แต่การมองมองด้วยสายตาแบบไม่เป็นมิตรนี้มันชักทำให้ผมรู้สึกอยากให้พวกเขาเมินหน้าผมต่อ อาจารย์มองมาที่ผมก่อนจะดันแว่นขึ้น
เป็นเชิงสงสัยก่อนจะหันไปดูนักเรียนใหม่ทั้งสองคนที่จะยังชี้มาทางผมอย่างไม่วางตา ทำให้อาจารย์ได้เพียงถอนใจก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ทำให้นักเรียนสองคนยิ้มก่อนจะเดินมาทางผม พวกเขายกเก้าอี้ที่ว่างเปล่าข้างๆ หัวหน้าห้องก่อนจะเอามาต่อกับโต๊ะของผม
และนั้นทำให้หัวหน้าห้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เคียดแค้น ก่อนจะหันกลับไป ผมได้แต่มองพวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ทั้งสองคนมองมาที่ผมก่อนจะยิ้มให้ แล้วนั่งลง
“สวัสดี ฉันชื่อเลอร์แคร์ และนี้ โนอาร์ เอ่อ นายคงรู้จักชื่อเราแล้ว “
“ใช่ สองครั้ง “
ผมบอกเขา ก่อนจะหันไปสนใจอาจารย์อีกครั้ง โดยที่ไม่ได้สนใจคนสองคนที่พยามจะพูดคุยกับผมอีก
---- จบตอนที่ 1 เเล้วนะคะ จะพยามอัำพให้เร็วที่สุด ---- เม้นหน่อยนะคะ
ผมบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะกระจกครีมบำรุงและลิปสติกสียี่ห้อต่างๆถูกวางอย่างไม่เป็นระเบียบ วิคผมหลากสีถูกแขวนอย่างรอวันถูกใช้งาน ผมมองกระจกที่สะท้อนภาพผมและผมที่ดูจะยุ่งเยิงไม่เป็นระเบียบริมฝีปากที่แห้งจนเกือบจะแตก ใบหน้าที่ดูโทรมอย่างกับอะไรดีปรากฏเด่นชัดอยู่ในกระจก ผมมองตัวเองอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดคลุ่มอาบน้ำสีม่วงเข้มเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะใช้เวลาอันมีน้อยหนิดในการทำธุระส่วนตัวในช่วงเช้า ใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนผมจะออกมาในสภาพคลุ่มชุดอาบน้ำผมที่เปียกแนบไปกับแผ่นหลังก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะกระจกอย่างเดิม
ไดร์เป่าผมถูกใช้งานอย่างหนักในการทำให้ผมที่เปียกโชกแห้งสนิทและไม่นานก็ดูเหมือนว่ามันจะประสบความสำเร็จในการทำให้ผมที่เปียกแห้งสนิทแม้จะต้องใช้เวลานานหน่อยก็เถอะ
ผมชักปลั๊กไดร์เป่าผมออกก่อนจะเริ่มบำรุงผิวเริ่มตั้งแต่หน้าไปจนจรดขาผมมองหน้าตัวเองที่ดูดีขึ้นมาหน่อยจากครั้งแรกอย่างพอใจก่อนจะเริ่มแต่งหน้าเล็กหน่อย ริมฝีปากที่เคยแห้งผากถูกแต่งแต้มด้วยลิปมัน ผมมองตัวเองในกระจกอย่างพอใจก่อนจะเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะสวมเสื้อนักเรียนแบบคอปกสีดำสนิทตามด้วยเนคไทสีเลือดหมูแล้วตามด้วยกางเกงขายาวคลุ่มเข่า
ผมที่ยาวถึงแผ่นหลังถูกปล่อยให้ยาวสยายอยู่กลางแผ่นหลัง มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกรำคาญจนอยากจะตัดๆมันทิ้งไปซ่ะ แต่พอจะลงมือทำที่ไร ก็ตัดใจไม่ลงทุกทีได้แต่ปล่อยให้มันยาวสยายไป
ผมสำรวจห้องว่าไม่มีอะไรขัดข้องก่อนจะล็อคห้องเอาไว้ก่อนจะเดินทางไปโรงเรียนดังเช่นปกติ(?)ทุกวัน
เวลาในการเดินทางไปโรงเรียนนั้นดูจะไม่นาเท่าไรนักแต่นั้นหมายถึงสำหรับผมคนเดียวอ๊ะนะ ผมมีวิธีในการที่จะไปโรงเรียนแบบเร็วๆ โดยไม่จำเป็นต้องไปนั่งรถไฟฟ้า หรือ ว่าอะไรทั้งนั้น
แค่กระโดดข้ามหลังคาไปเรื่อยๆ เดี่ยวก็ถึง คุณว่างั้นไหม ?
ผมมาหยุดอยู่ที่ห้องเรียนก่อนจะเปิดประตูเข้าไปถึงแม้ตอนนี้จะยังเช้าอยู่แต่ก็ยังพอมีนักเรียนคนอื่นๆ อยู่บ้างถึงแม้จะบางตาก็ตามที
นักเรียนที่อยู่ในห้องหันมามองผมก่อนจะหันกลับไปตามเดิม
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผมอยู่แล้วในเรื่องของการโดนเพื่อนในห้องเมินหน้า ถึงแม้ผมเองจะไม่เข้าใจอยู่เหมือนกันว่าไปทำอะไรให้ผมเขาเกลียดขี้หน้าผมนักหนา แต่มันก็คงจะดีไม่น้อยถ้าเขาบอกผมซักครั้งว่าทำไมถึงเมินหน้าผม ผมเดินมานั่งที่โต๊ะประจำของผม ก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะ
ผมว่าเช้านี้คงเป็นการเริ่มต้นการเรียนที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
เสียงอ๊อดของโรงเรียนดังขึ้นก่อนนักเรียนทุกคนจะพากันลงไปเข้าแถวที่หน้าเสาธงข้างล่าง ตอนนี้ภายในห้องเหลือเพียงผมอยู่คนเดียวไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะลงไปหรอกนะ
แต่ผมเป็นประเภทพวกแพ้แสงอย่างรุ่นแรงเคยมีครั้งหนึ่งที่ผมเข้าแถวพร้อมกับเพื่อนๆ ผมจำได้ว่าผมทรุดตัวลงไปทันทีที่ตากแดดนานกว่า 10 นาทีผิวของผมเริ่มมีผดผื่นแดงๆขึ้นตามแขนและใบหน้า
และนั้นเป็นสาเหตุที่ผมไม่เคยได้ออกไปเข้าแถวพร้อมกับเพื่อนๆอีกเลยผมมองดูท้องฟ้าก่อนจะก้มมองดูผ่านจากหน้าต่างห้องเรียน
นักเรียนหลายคนที่ดูจะเริ่มกระซับกระสายอย่างทนไม่ไหวกับแดดที่ดูจะร้อนจนแสบผิวหนัง ทั้งๆ ทีเมื่อเช้านี้อากาศยังคงเย็นสบายอยู่เลยแท้ๆแต่ก็นะ เดี่ยวนี้อากาศของโลกก็ดูจะเริ่มแปรปรวนอย่างช่วยไม่ได้ มีนักเรียนหลายคนที่เริ่มจะเอาพัดที่พกมาด้วยมาพัดอย่างไม่เกรงใจอาจารย์แต่ก็ดูเหมือนอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าเสาธงก็ดูจะไม่ว่าอะไรอาจเป็นเพราะอยากพูดให้มันจบๆไปจะได้ไปจากแดดร้อนๆ นั้นซักที
และแล้วกิจกรรมในตอนเช้าก็จะจบลง ท่ามกลางความยินดีของบรรดานักเรียนที่ดูจะอยากไปให้พ้นๆ จากแดดร้อนๆ
เพียงไม่กี่อึดใจ เพื่อนๆทั้งหมดก็กลับเข้ามาในห้องเรียน พวกเขาเลือกที่จะเดินผ่านผมไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทักทาย ผมได้แต่เพียงมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ปนน้อยใจ
ถึงแม้เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วก็ตาม
แต่การยอมรับ และ ทำใจกับเรื่องที่เพื่อนๆ เมินผมมันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับและทำใจอยู่ดี
คุณจะรู้สึกยังไง หากว่าวันหนึ่งเพื่อนๆที่เคยหัวเราะร่วมสุขร่วมทุกข์มากับคุณอยู่ดีๆ ก็ทำเหมือนไม่รู้จักและไม่คุณอยู่ในสายตา
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิมที่วางอยู่ข้างหน้าต่างก่อนจะนั่งลงแล้วมองไปที่อาจารย์ที่ปรึกษาที่ยืนถือไม้เรียวหน้าดุอยู่หน้าห้องถึงแม้ทางโรงเรียนจะยกเลิกการใช้ไม้เรียวกับเด็กนักเรียนแต่ก็ยังมีอาจารย์บางท่านที่ยังคงยึดติดกับหลักการเดิมๆ และใช้มันกับนักเรียนแสบๆ
และผมคิดว่า มันได้ผลมากที่เดียว
“เอาล่ะ นักเรียนวันนี้จะมีเพื่อนใหม่เข้ามาเรียนกับเรา ถึง 2 คนด้วยกัน เอ้า เข้ามาซิ “อาจารย์บอกก่อนจะเดินไปบอกกับนักเรียนใหม่ที่รออยู่หน้าห้องเรียนก่อนจะเดินเข้ามา
ผมมองนักเรียนใหม่ที่เดินเข้ามา ผู้ชายหนึ่งและผู้หญิงหนึ่ง
คนแรกเป็นผู้ชายผมสีดำประบ่าดวงตาเรียวคมดูลึกลับน่าค้นหา ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงผมยาวเป็นลอน ดวงตาสีฟ้าดูสดใสและน่ารัก
ความน่ารักของเธอถึงกลับทำให้นักเรียนชายส่วนใหญ่ถึงกับอ้าปากค้าง เธอยิ้มให้เพื่อนๆทุกคนก่อนจะเริ่มแนะนำตัวเอง
“ ฉันชื่อ เลอร์แคร์ อีวาน คะ เรียกฉันว่า เลอร์แคร์ จะดีมากคะ “
เธอแนะนำตัวก่อนจะยิ้มหวานส่งให้อีกรอบ แต่ครั้งนี้ถึงกลับทำให้นักเรียนชายในห้องถึงกลับน้ำลายไหล และอ้าปากค้างกันไปหลายนาทีเลยทีเดียว หากว่าไม่มีผู้หญิงบางคนกระแอมขึ้นมา
พวกเขาคงไม่มีทางหลุดออกมาจากมนต์เสน่ห์ นั้นแน่
เด็กสาวหุบยิ้มก่อนจะเดินถอยหลัง ก่อนจะตามด้วยผู้ชายที่ยืนข้างเธอก้าวออกมาข้างหน้าก่อนจะยิ้มให้ ยิ้มนั้นดูขี้เล่นและร้ายกาจในเวลาเดียวกัน เขามองไปตัวห้องก่อนผมจะรู้สึกว่าสายตาของเขาหยุดอยู่ที่ผมตาของเราสองคนผสานกัน ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาดแหล่นเข้ามาในหัวสมอง ก่อนผมจะเป็นฝ่ายล่ะสายตาจากดวงตาคู่นั้น แวบหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นว่ารอยยิ้มของเขาที่ยิ้มให้ผม ก่อนผมจำจะต้องล่ะสายตาเป็นครั้งที่ 2
“ผมชื่อ โนอาร์ โนอาร์ พาร์สัน เรียกผมว่า โนอาร์ เฉยๆก็แล้วกัน “
“เอาล่ะ ทักทายกันเรียบร้อยแล้วก็เป็นนั่งที่ซ่ะ เลอร์แคร์ กับ โนอาร์ไปนั่งข้างๆ หัวหน้าห้องแล้วกัน “อาจารย์บอกก่อนทั้งสองคนจะสวนขึ้นมา “ผมจะนั่งข้างๆ เขาคนนั้น / หนูจะนั่งกับเขาคนนั้น “
ทั้งสองคนพูดขึ้นมาก่อนจะชี้นิ้วมือมาทางผม
และนั้นทำให้เพื่อนๆ ที่เคยเมินผมมาตลอดหันมามองผมเป็นตาเดียว ถึงแม้ผมจะไม่ชอบเวลาที่พวกเขาเมินผมก็เถอะ แต่การมองมองด้วยสายตาแบบไม่เป็นมิตรนี้มันชักทำให้ผมรู้สึกอยากให้พวกเขาเมินหน้าผมต่อ อาจารย์มองมาที่ผมก่อนจะดันแว่นขึ้น
เป็นเชิงสงสัยก่อนจะหันไปดูนักเรียนใหม่ทั้งสองคนที่จะยังชี้มาทางผมอย่างไม่วางตา ทำให้อาจารย์ได้เพียงถอนใจก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ทำให้นักเรียนสองคนยิ้มก่อนจะเดินมาทางผม พวกเขายกเก้าอี้ที่ว่างเปล่าข้างๆ หัวหน้าห้องก่อนจะเอามาต่อกับโต๊ะของผม
และนั้นทำให้หัวหน้าห้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เคียดแค้น ก่อนจะหันกลับไป ผมได้แต่มองพวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
ทั้งสองคนมองมาที่ผมก่อนจะยิ้มให้ แล้วนั่งลง
“สวัสดี ฉันชื่อเลอร์แคร์ และนี้ โนอาร์ เอ่อ นายคงรู้จักชื่อเราแล้ว “
“ใช่ สองครั้ง “
ผมบอกเขา ก่อนจะหันไปสนใจอาจารย์อีกครั้ง โดยที่ไม่ได้สนใจคนสองคนที่พยามจะพูดคุยกับผมอีก
---- จบตอนที่ 1 เเล้วนะคะ จะพยามอัำพให้เร็วที่สุด ---- เม้นหน่อยนะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ