หลอน
6.8
1) เรื่องเล่าในโกดัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฉันเป็นคนที่ชอบเรื่องผีหรือเรื่องสยองขวัญเป็นชีวิตจิตใจ ครั้งหนึ่งดิฉันได้เดินเข้าไปในหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งย่านชานเมือง บ้านหลังใดไม่อาจจะทำให้ฉันสนใจได้ วันนี้ทั้งวันดูเหมือนตกอยู่ในวังวนของสิ่งที่มองไม่เห็น ฉันเดินทางไปไหนมาไหน เหมือนอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จัก ไม่มีใครที่จะสนใจทักทายฉัน และที่สำคัญ ตลอดระยะทางที่ฉันเดินผ่านไปนั้น มันเป็นป่ารกชัฎดี ๆ นี่เอง ทุ่งที่เวิ้งว้างห่างไกลออกไปนั้น ฉันมักจะได้ยินเสียงรถไฟ และพร้อมกับเสียงกรีดร้องอันโหยหวน ดังไปพร้อมกับขบวนรถไฟที่แล่นผ่านไป ฟังแล้วน่าขนลุก เธอพยายามที่จะถามทางกับคนที่เดินผ่านไปมา แต่ไม่มีใครที่จะโต้ตอบกลับมาสักคน เธอหลงทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ความทรงจำครั้งสุดฉันกำลังเดินเข้าไปในโกดังร้างท้ายหมู่บ้าน อยู่ดี ๆ ฉันก็วูบไป รู้สึกตัวขึ้นเหมือนหลุดออกมาอยู่ที่ที่ไม่เคยรู้จัก ฉันไม่รู้จักเส้นทางนี้เลย นี่ฉันกำลังอยู่ที่ไหนเนี่ย ฉันเดินไปเรื่อย ๆ จะทำอย่างไรก็ไม่เจอทางออก ไม่เจอเพื่อนที่มาด้วยกันเลย เพื่อนฉันทิ้งไว้คนเดียวหรือนี่
ฉันต้องหาทางออกเจอให้ได้ ฉันสังเกตจากการได้ยินเสียงรถไฟแล่นผ่านทุก ๆ ห้านาที ดูเหมือนจะได้ยินเสียงผู้คนร้องโหยหวน บ้างก็ร้องด้วยความเจ็บปวด บ้างก็ร้องขอให้รถไฟจอด บ้างก็ตะโกนบอกว่าไม่ไป ปล่อยฉันลงๆ
ฉันตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในป่ารกชัฏตามที่ได้ยินเสียงรถไฟนั้น
ทันทีที่ฉันไปถึงเส้นทางรถไฟ
พอดีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นผ่านมาพอดี
ฉึก .. ฉึก...
“ไปด้วยกันสิน้อง............. ไปด้วยกันเร็ว........ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงต้นตอนั้นมาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งห้อยขาที่ประตูรถไฟ โดยขาเธอขูดไปกับพื้นกรวดข้างทางรถไฟ ตามตัวของเธอเต็มไปด้วยเลือด พร้อมกวักมือเรียกฉัน ฉันตกใจมากเกิดมาเพิ่งเห็นเหตุการณ์น่าสยองขวัญขนาดนี้
มองขึ้นไปบนรถไฟ รู้สึกขนหัวลุกมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้คนที่นั่งบนรถไฟนั้น ต่างมีร่างที่น่าเกียจน่ากลัวอย่างมาก ต่างพากันหันมาทางเธอพร้อมกวักมือเรียก แต่ละคนมีสภาพไม่ต่างจากซากศพที่ขยับเขยื้อนได้ นี่มันรถไฟสายอะไรกันเนี่ย รถไฟขบวนนี้จอดตั้งแต่เมื่อไหร่
“สายส่งวิญญาณที่ครบ 50 วันไง” ผู้ชายที่แต่งกายเหมือนพนักงานรถไฟพูดขึ้นเหมือนรู้ใจฉัน แต่มือข้างหนึ่งถือลูกตุ้มเหล็กซึ่งเขาเขวี้ยงไปมาเหมือนไม่มีน้ำหนักไปซ้ายทีขวาที มืออีกข้างหนึ่งถือกระบองท่อนยาวที่เต็มไปด้วยหนามแหลม
ฉันคิดที่จะวิ่งก็วิ่งไม่ออก หนทางรอบข้างมองออกไปเหมือนเต็มไปด้วยวิญญาณไปหมด เธอจะเดินทางไปทิศไหนได้ นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า หรือฉันตายไปแล้ว
“กลับไปเถอะ หลานเอ๋ย กลับไป นี่ไม่ใช่ที่ทางของเจ้า ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า กลับไปก่อนที่จะสายเกินไป”
ได้ยินเสียงเตือนแว่ว ๆ มาลอยตามลม เป็นเสียงที่คุ้นหูมาก แต่ฉันกลับนึกไม่ออก และแล้วฉันได้ยินเสียงหนึ่งเหมือนเสียงสวรรค์
“น้อง ๆ ตื่นเถอะ ถ้าแกไม่ตื่นพวกเราจะทิ้งแกอยู่ที่นี่นะเว้ย” นั่นมันเสียงของนันทวดีเพื่อนของฉันเอง
และแล้วฉันก็เหมือนตกไปลงในหลุมโคลน และฉันก็ไม่รู้สติอีกเลย
ในโกดังร้างท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีผู้หญิงสองคน คนหนึ่งนอนกองกับพื้นนั่นคือน้องนั่นเอง ส่วนนันทวดีนั่งประคองกายคนที่นอนอยู่
“ฉันบอกแล้วไม่ให้มา ก็ไม่มีใครเชื่อ”
ฉันต้องหาทางออกเจอให้ได้ ฉันสังเกตจากการได้ยินเสียงรถไฟแล่นผ่านทุก ๆ ห้านาที ดูเหมือนจะได้ยินเสียงผู้คนร้องโหยหวน บ้างก็ร้องด้วยความเจ็บปวด บ้างก็ร้องขอให้รถไฟจอด บ้างก็ตะโกนบอกว่าไม่ไป ปล่อยฉันลงๆ
ฉันตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในป่ารกชัฏตามที่ได้ยินเสียงรถไฟนั้น
ทันทีที่ฉันไปถึงเส้นทางรถไฟ
พอดีรถไฟขบวนหนึ่งแล่นผ่านมาพอดี
ฉึก .. ฉึก...
“ไปด้วยกันสิน้อง............. ไปด้วยกันเร็ว........ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงต้นตอนั้นมาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งห้อยขาที่ประตูรถไฟ โดยขาเธอขูดไปกับพื้นกรวดข้างทางรถไฟ ตามตัวของเธอเต็มไปด้วยเลือด พร้อมกวักมือเรียกฉัน ฉันตกใจมากเกิดมาเพิ่งเห็นเหตุการณ์น่าสยองขวัญขนาดนี้
มองขึ้นไปบนรถไฟ รู้สึกขนหัวลุกมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้คนที่นั่งบนรถไฟนั้น ต่างมีร่างที่น่าเกียจน่ากลัวอย่างมาก ต่างพากันหันมาทางเธอพร้อมกวักมือเรียก แต่ละคนมีสภาพไม่ต่างจากซากศพที่ขยับเขยื้อนได้ นี่มันรถไฟสายอะไรกันเนี่ย รถไฟขบวนนี้จอดตั้งแต่เมื่อไหร่
“สายส่งวิญญาณที่ครบ 50 วันไง” ผู้ชายที่แต่งกายเหมือนพนักงานรถไฟพูดขึ้นเหมือนรู้ใจฉัน แต่มือข้างหนึ่งถือลูกตุ้มเหล็กซึ่งเขาเขวี้ยงไปมาเหมือนไม่มีน้ำหนักไปซ้ายทีขวาที มืออีกข้างหนึ่งถือกระบองท่อนยาวที่เต็มไปด้วยหนามแหลม
ฉันคิดที่จะวิ่งก็วิ่งไม่ออก หนทางรอบข้างมองออกไปเหมือนเต็มไปด้วยวิญญาณไปหมด เธอจะเดินทางไปทิศไหนได้ นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า หรือฉันตายไปแล้ว
“กลับไปเถอะ หลานเอ๋ย กลับไป นี่ไม่ใช่ที่ทางของเจ้า ยังไม่ถึงเวลาของเจ้า กลับไปก่อนที่จะสายเกินไป”
ได้ยินเสียงเตือนแว่ว ๆ มาลอยตามลม เป็นเสียงที่คุ้นหูมาก แต่ฉันกลับนึกไม่ออก และแล้วฉันได้ยินเสียงหนึ่งเหมือนเสียงสวรรค์
“น้อง ๆ ตื่นเถอะ ถ้าแกไม่ตื่นพวกเราจะทิ้งแกอยู่ที่นี่นะเว้ย” นั่นมันเสียงของนันทวดีเพื่อนของฉันเอง
และแล้วฉันก็เหมือนตกไปลงในหลุมโคลน และฉันก็ไม่รู้สติอีกเลย
ในโกดังร้างท้ายหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีผู้หญิงสองคน คนหนึ่งนอนกองกับพื้นนั่นคือน้องนั่นเอง ส่วนนันทวดีนั่งประคองกายคนที่นอนอยู่
“ฉันบอกแล้วไม่ให้มา ก็ไม่มีใครเชื่อ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ