วันที่มาไม่ถึง
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความพรุ่งนี้ ต้องทำอะไรนะ...?? เป็นแบบนี้เสมอล่ะที่ต้องมีอะไรทำ ชอบเตรียมการล่วงหน้าเนินๆ แต่พอใกล้จริงๆกลับจัดอะไรไม่ถูก จับแพะชนแกะเสมอ (วุ่นวายจริงโว้ย...) ฉันคิด...
เริ่มแรกของวันพรุ่งนี้คือต้องตื่นเช้ากว่าปกติ อาบน้ำแล้วมาให้ช่างแต่งหน้าทำผม แล้วแต่งตัวด้วยชุด"พิเศษ" ออกมาร่วมพิธีการต่างๆ เอ..แล้วเราต้องพูดอะไรหรือเปล่า? ร่างคำพูดไม่ต่ำกว่า10-15กระดาษเอ4 จะเอาแผ่นไหนมาพูดดีนะ? แล้วต้องไปขัดขี้ไคลตามตัวที่ร้านสปาหรือเปล่า? หากจะขัดต้องรีบไปก่อนบ่ายนี้นะ ตอนนี้10โมงแล้ว ..ฉันยังคิดอะไรไม่ออกเล้ย... คนอื่นเป็นแบบฉันหรือเปล่าเวลาจะมีงานมีการของตัวเองขึ้นมา
หลังจากนอนกลิ้งบนที่นอนในห้องส่วนตัวจนปาเข้าเกือบครึ่งค่อนวัน ฉันค่อยๆโผล่หน้าออกมานอกห้องได้ ที่บ้านมีงานการดูวุ่นวาย ผู้คนมากมายมากันอย่างกับว่าฉันเป็นผู้วิเศษที่ทุกคนต้องมาหาและช่วยงานนี้ให้ได้ อยากโทรฯหา "เขา"เหลือเกิน เขาที่ฉันอยากพูดคุยด้วยเสมอเวลาไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เขาคงวุ่นวายเหมือนฉันเช่นกันเพราะเรามีงานๆเดียวกันในวันพรุ่งนี้ แต่หามือถือไม่เจอ ไม่รู้ไปไหน ทั้งๆที่ฉันไม่เคยทิ้งมือถือห่างตัวเกิน10นาทีสักครั้ง คงเป็นเพราะที่บ้านมีงานและวุ่นวายตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ฉันเผลอเรอลืมเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง
....ที่วัดของหมู่บ้าน..หลังจากถวายภัตตาหารเพลแล้ว ป้ามะลิกับลุงชม มานั่งหน้าเศร้าอยู่ที่หน้าประตูวัดที่เป็นซุ้มประตูทางเข้าด้านซ้าย ภาพใบหน้าของหญิงสาวหน้าตาดี ที่แย้มยิ้มอย่างสดใสในชุดครุยใหม่เอี่ยม ดังว่าเพิ่งนำออกมาจากห้องถ่ายภาพชั้นดี พลางประคองมือกันกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้บุตรสาวผู้อยู่ในภาพอย่างกับว่าสื่อถึงกันอย่างแนบแน่น....
...ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นว่า แม่กับพ่อไม่อยู่บ้าน คงไปวัดเช่นเดิม แต่ที่สังเกตุอีกอย่างก็คือ
ทำไมทุกคนที่มาบ้านฉันในตอนนี้ต่างใส่แต่ชุดดำนะ บางคนก็ใส่เสื้อขาว แหมๆ..ให้เกียรติฉันกันจัง
วรรณเดินกลับเข้ามาในห้องส่วนตัว อ้าว.. ทำไมมีผ้าขาวคลุมเครื่องใช้ของฉันไปหมดล่ะ ตะกี๊ยังเห็นอยู่ดีๆว่าไม่ใช่แบบนี้นี่นา เอ..ใครเข้าทำตอนไหนนะ ไอ้ฉันเองก็เพิ่งออกไปไม่นานนะ เร็วจัง..ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ...
นพวรรณคิดได้เช่นนั้น เธอได้เดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องนอน เธอจัดแจงอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ เสียงน้ำที่ดังผ่านฝักบัว ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกและบริเวณบ้านต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก "เอาแล้วมั๊ยล่ะมึง" ลุงฝ้ายผู้อาวุโสที่สุดกล่าวพึมพรำออกมาเบาๆด้วยเกรงว่าทุกคนจะใจเสียและหวาดกลัวต่อเสียงที่ได้ยิน "ลุงๆ ฉันว่าพี่วรรณมานะลุง" ไอ้จ่อยเด็กหนุ่มรุ่นๆที่มาช่วยงานบอกเสียงสั่น "เออ..กูรู้แล้ว..อย่าพูดไป เดี๋ยวแขกเหรื่อจะตกใจกัน" .. ลุงฝ้ายเตือนสติ .. "วันนี้วันที่สามด้วยดิลุง" ไอ้จ่อยไม่วายที่จะหวาดๆ ลุงฝ้ายหลับตาระลึกถึงหลานสาวผู้อ่อนวัย ที่เธอได้ลับไปแล้วพลางเอ่ยบอกเบาๆ "วรรณเอ๊ย...ไปที่วัดนะลูก พ่อกับแม่เรียกแล้ว ไปรับศีลรับพรไหว้พระนะลูก" ลุงฝ้ายเอ่ยเสียงคลอๆด้วยหัวใจหดหู่
...วรรณได้ยินดังนั้น แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ นึกในใจว่า ลุงฝ้ายนี่แปลกคนจัง หนูยังอาบน้ำไม่เสร็จดีเลย มาบอกให้ไปวัด แต่เธอก็รับคำว่า "จ้าลุง ขอแต่งตัวก่อนนะจ๊ะ" เธอบอกรับไป พลางคิดว่า .."เอ...เมื่อวานเราเพิ่งไปฉลองเรียนจบกับเพื่อนๆมาหยกๆ...แต่ทำไมวันนี้รู้สึกเหมือนมันผ่านมานานจังนะ" แล้วเธอก็ รู้สึกเงียบเหงาในใจแปลกๆ กับสภาพแวดล้อมตัวขณะนั้นนิดๆ
ถึงเสียงที่วรรณตอบมาลุงฝ้ายจะไม่ได้ยิน แต่เสียงสายน้ำที่ดังซู่ๆก็ได้หยุดลงแล้ว ทำให้สีหน้าทุกคนที่ได้ยินเปลี่ยนเป็นโล่งอก "มันยังไม่รู้ตัวน่ะเน้าะ" ป้าคำเมียลุงฝ้าย เอ่ยขึ้นเบาๆพลางมีน้ำเอ่อคลอที่ดวงตา นึกถึงความน่ารักและสดใสของวัยสาวของวรรณอย่างเสียใจ... ไม่น่าเล้ยหลานเอ๊ย... ไปเที่ยววันเดียวกลับต้องประสพเคราะห์กรรมเสียแล้ว
"ไปดีนะหนูวรรณเอ๊ย... น่าสงสารแท้ๆ ยังไม่ได้รับปริญญาเลย"
............................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ