Pain ขอแค่นี้ก็พอแล้ว

-

เขียนโดย anatear

วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 23.49 น.

  9 ตอน
  2 วิจารณ์
  16.39K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) พี่น้อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       “สาม พี่เค้าจะมาบ้านนะลูก รีบตื่นไปอาบน้ำซะล่ะ”

       เสียงของแม่ผมเองแหละ ปกติก็จะปลุกแบบนี้แหละ แต่พอได้ยินว่าพี่จะกลับมา ใจผมล่ะหมดแรงอยากหลับให้พ้นๆไปซะอย่างนั้น หรือเพราะมีอดีตฝังใจล่ะมั้ง

       “ลูกพี่เค้าให้ไปรับที่สวนสาธารณะ 10 โมงนะ ไม่รีบเดี๋ยวสายหรอก”

       “คร้าบบบ”

       ผมตอบไปงั้นแหละ ใจไม่อยากไปเลยด้วยซ้ำ แต่ขืนไม่ทำตามล่ะโดนแน่ๆ อยากนอนต่อชะมัด ผมลุกขึ้นอย่างเซ็งๆ พลางมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่หัวเตียง 9.50น. เองหรอยังมีเว... เอ้ย!! จะ 10 แล้วนี่หว่าตายแน่ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวทันที รีบออกไปรับพี่โดยลาพ่อแม่ไว้ แต่ไม่ได้ทานอาหาร ขืนทานล่ะไม่ทันแน่ ผมรีบวิ่งออกไปรอรถประจำทาง ซึ่งก็กินเวลาอยู่กว่าจะไปถึงจริงๆ ก็ 10 โมง จะ 20 นาทีแล้ว สายขนาดนี้ ตายแน่

       ที่สวนสาธารณะผู้คนมากมายจริงๆ ทั้งที่วันปกติแท้ๆ ว่างกันนักหรือไงนะ แต่ผมจะไปว่าก็ไม่ได้หรอก ก็ผมคนนึงแหละที่ว่างจัดขนาดไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนอนอยู่บ้าน ผมพยายามมองหาเป้าหมาย พี่ผมรออยู่ไหนล่ะเนี่ย ลายละเอียดก็ไม่ได้ถามมาด้วยสิ

       เฮ้อ~ น่าจะถามมาให้ดีก่อนน้า แล้วรอตรงไหนล่ะ ผมบ่นกับตัวพลางมองหาพี่ที่ให้มารับ แล้วสายตาผมก็ไปสะดุดกับ สาวผมยาวที่นั่งรอบนเก้าอี้สาธารณะ อย่างกระวนกระวาย พลางมองนาฬิกาข้อมือไปพลาง

       หน้าแบบนี้น่าจะใช่นะ

       ผมลองเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งใกล้ยิ่งคุ้น คนนี้แหละพี่ผม ผมเข้าไปทักกึ่งรู้จัก เผื่อไว้ก่อนเกิดคนหน้าเหมือนล่ะหน้าแตกเลย

       “พี่แอนหรือเปล่าครับ”

       สาวหน้าหวาน แหงนมองผมตั้งแต่เดินเข้าไป จ้องมองราวกับเห็นดารา “สามสินะ”

       “เอ่อ ครับ ขอโทษที่มาสาย...”

       พี่แอนลุกขึ้นมา ร่างที่เตี้ยกว่าเงยหน้าจ้องผม ในขณะที่ผมก้มหน้าแสดงความขอโทษ พี่แอนจับคือเสื้อผมแล้วโหม่งหัวกระแทกกับผมแล้วปล่อยให้ล้มลงอย่างทุกที นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ว่า...

       “พี่ก็นึกว่าเรา เป็นอะไรซะอีก”

       สีหน้าที่เป็นห่วงแสดงออกมาทางใบหน้าหวานของพี่สาวอย่างแปลกประหลาด เป็นไปไม่ได้ พี่ชั้นไม่เคยเป็นแบบนี้ ต้องพวกลงไม้ลงมือสิ แต่ผมไม่ใช่พวก มาโซ หรอกนะ แต่ปกติมักโดนพี่ทำร้ายน่ะ แต่พอเป็นแบบนี้ผมก็ตั้งตัวไม่ถูกเลยแฮะ

       “เป็นไรไปหรอ ทำหน้าแบบนั้น”

       ผมนึกไม่ออกว่าตัวเองทำหน้ายังไง คงเป็นหน้าที่ฉงนมากแน่ๆ หรือว่านี่เป็นลางบอกเหตุก่อนเกิดภายุครั้งใหญ่ แต่ใรขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ท้องผมก็ร้องออกมาซะดื้อๆ

       “หิวหรอ”

       ผมได้แต่พยักหน้า ก็รีบออกมาโดยไม่กินอะไรเลยนี่หน่า จะหิวก็ไม่แปลก

       “ไปกินกันมั้ย พี่เลี้ยงเอง”

       เสียงหัวเราะเล็กๆรอดออกมาจากลำคอ พี่ชั้นเป็นอะไรไปฟะเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้น เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีทาง

       ขณะที่ผมกำลังสับสนเล็กๆอยู่นั่นเองพี่สาวผมก็จูงมือเดินนำไปยังร้านอาหารเล็กๆ พี่ยังคงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ซึ่งผมไม่เคยเห็ยแบบนี้มาก่อน ไม่สิอาจจะเคยเห็นเป็น Rare situation มาก เอาเป็นว่า หาได้ยากยิ่งพอๆกับ หนอนในแอปเปิ้ลละกัน ผมก็ได้แต่คิดระวังตัวไว้ก่อน บางทีอาจมีกับดักรออยู่ก็เป็นได้ อาจจะซ้อนกัน 3 ชั้น หรือมากกว่านั้น

       “เอาอะไรล่ะ ไม่กินหรอ”

       เอ่อ อย่างน้อยก็ขออย่าเล่นตอนกินข้าวละกัน ขอเป็นข้าวผัดธรรมดาก็พอ

       “เป็นไงมั่งล่ะ”

       หลังจากที่สั่งอาหารไป พี่สาวผมก็เริ่มเอ่ยถามสัพเพเหระ ว่าแต่ไอ้ที่ว่า เป็นไงมั่ง ขยายความหน่อยเถอะ

       “ก็ สบายดีมั้ย มีแฟนหรือยัง เรียนตก เพื่อนไม่คบ เถือกๆนี้น่ะ”

       ถ้าเรื่องแฟนผมน่ะยังไม่มีหรอก ที่เหลือก็ปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ระหว่างที่ผมตอบ ผมเหลือบไปเห็นรอยยิ้มแปลกๆที่ปรากฏบนหน้าของพี่ มันจะต้องมาในไม่ช้าแน่

       “ยังไม่มีแฟนอีกหรอ หน้าตาก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นนี่นา ทำไมไม่มีล่ะ”

       ไอ้ที่ว่า ไม่เลวร้ายขนาดนั้นมันหมายความว่าไงล่ะนั่น แต่จะบอกว่าเล็งใครอยู่ อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้

       “ก็ยังน่ะสิ” ผมตอบ

       อาหารที่สั่งไปมาพอดี เราเลยใช้นั่งทานกันอย่างเงียบๆ ใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากจ่ายตังแล้วก็ได้เวลากลับบ้านซะที

       “ยังมีเวลาอีกเยอะนี่ ไม่ต้องรีบหรอก”

       สาวหน้าหวานในชุดไปรเวทหันมาถ้วง ด้วยสีหน้าเหมือนเด็กที่ยังอยากเล่นต่อ ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ให้ความสำคัญกับพ่อแม่หน่อยสิ อย่าคิดว่าเป็นของตายตะไปหาเมื่อไหร่ก็ได้นะ

       “รู้แล้วล่ะ แต่ก็ใช่ว่าไม่ไปแล้วพ่อแม่ จะไม่อยู่นี่”

       พี่ผมพูดก็ถูกนะ แต่ทำไมใจอยากให้พี่พูดผิดจัง แบบ พ่อกับบ้านไปพบวาระสุดท้ายของพ่อแม่แล้วอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นงั้นผม ก็ซวยไปด้วยแฮะ อย่างน้อยก็คงไม่หัวใจวายกระทันหันเหมือน XXX Note หรอกนะ แต่เอาเถอะขัดใจมากได้ตายทรมารแน่ ผมก็เลยต้องยอมพี่สาว

       การเที่ยวเล่นสนุกเหมือนเด็กมากับพี่เลี้ยงซึ่งเมื่อก่อน เป็นผมตอนเด็ก กับพี่สาวสุดเถื่อน ที่พร้อมจะลงโทษทันทีที่น้องชายทำผิดพลาด แต่หนกลับกัน เป็นว่าผมเป็นเบ๊ตามพี่สาวต้อยๆ อันไหนดีกว่าเนี่ย ผมกับพี่สาวห่างกัน 5 ปีเห็นจะได้ ตอนนี้ก็ 25 ได้แล้วมั้ง

       “นี่ๆ ไปร้านนี้เถอะ”

       พี่แอนลากผมไปยังร้านขายเสื้อผ้าสตรี ซึ่งขายตั้งแต่ ชั้นนอกจนชั้นใน แน่นอนล่ะว่ามีแต่ผู้หญิง ผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย ไม่สิเจ้าของร้านก็ผู้ชายนี่นา แต่ท่าทางอ้อนแอ้น แบบนั้น ไม่ใช่ของแท้แฮะ ทุกสายตาจ้องมองมาที่ผมอย่างแปลกประหลาด แน่ล่ะ เป็นผู้ชายเข้ามาในร้ายเสื้อผ้าสตรีที่มีชั้นนอกและชั้นใน ใครฟระที่บอกว่าท่ามกลางหญิงสาวที่รายล้อมคือสรวงสวรรค์ นรกชัดๆ

       “นี่ สาม ตัวนี้เป็นไงมั่ง”

       พี่สาวผมหยิบ ชั้นในลายลูกไม้ สีสวยขึ้นมา สลับกับอีกตัว สีม่วง พลางทาบตัวเอง

       “พี่ใส่แล้วเป็นไงมั่ง”

       ไม่ทราบพี่จะใส่ให้ใครดูครับเนี่ย

       พี่สาวผมชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างออก เธอเอ่ยพร้อมกับสีหน้าที่แดงเล็กน้อย

       “ก็เผื่อเราจะแอบดูพี่ตอนเปลี่ยนชุดจะได้ถูกใจไง”

       เฮ้ย!! อย่าพูดเรื่องโกหก ใส่ร้าย แบบโรคจิต เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาได้มั้ย ตอนนี้สายตาทั้งร้านหันมามองผมคนเดียวจริงๆแล้ว พร้อมกับเสียงอื้ออึง ฟังไม่รู้เรื่อง หมดกันภาพพจน์ชั้น กลายเป็นโรคขิตแอบดูพี่สาวเปลี่ยนชุดไปแล้ว ถึงที่พูดมาขะไม่ใช่เรื่องจริง แต่คนอื่นเค้าไม่รุ้นี่ว่าจริงหรือเท็จ

       “แล้วสีไหนดีกว่าล่ะ”

       ยังไม่จบอีกแฮะ หลังจากที่ผ่านวิกฤต โรตจิตไปอย่างขุ่นๆ พี่สาวก็เข้าห้องลองชุด ซึ่งให้ผมรอข้างนอก(ใครจะให้เข้าไปเปลี่ยนชุดด้วยล่ะ) เหตุผล เพื่อให้ผม ตัดสินในฐานะสายตาผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับผู้หญิง ก็พอรับได้นะ แต่เอามาตราฐานผมมาตัดสินทั้งหมดมันก็นะ

       “ชุดนี้เป็นไงบ้าง”

       พี่สาวผมออกมาพร้อมกับชุดไปรเวทอีกแบบ ซึ่งก็ดูเข้าอย่างประหลาด แล้วเธอก็เปลี่ยนมาอีกชุด คราวนี้ โชว์ท้อง ก็นะเข้าอีกแหละ แต่ออกจะโชว์ๆหน่อย

       “ชุดนี้หล่ะ”

       เข้า

       “ชุดนี้ล่ะ”

       แหล่ม

       “ชุดนี้”

       โอเค

       แล้วอีกหลายชุดที่ตามมา ซึ่งเจ้าของร้ายก็มองมาประมาณว่า เอ็งลองไปเยอะไม่ซื้อมีนองเลือด ก็เห็นใจล่ะนะผมก็คงทำใจได้แค่นั้น

       “นี่ มันโอเคหมดเลยหรอ นี่นายไม่คิดพิจราณาเลยหรอไง เอาแต่ดูอย่างเดียวเหรอ”

       จะว่าไงล่ะเนี่ย ไอเราก็ไม่สันทัศน์เรื่องแฟชั่นซะด้วย จะให้มาบอกว่า เข้าไม่เข้าก็ไม่ไหว เดี๋ยวเสียความมั่นใจเปล่าๆ เอาเป็นว่า มั่นใจใส่ชุดไหนก็ขึ้ พี่แอนเองหุ่นก็ได้รูปอย่แล้วชุดไหนก็เข้าล่ะนะ

       “งั้นลองอีกชุดละกัน”

       ยังมีอีกหรอ พี่ผมเดินเข้าไปเปลี่ยนอีกชุด ซึ่งตอนนี้ผมชักหวั่นๆ กับอารมณืไม่พอใขเข้าของร้านที่มองมาทางนี้

       “เสร็จแล้วจ้า”

       ผมหันกลับไปมองพี่สาวที่เพิ่งเปลี่ยนชุด เฮ้ย!! นั่นมันชุดว่ายน้ำนี่ แถมเป็นแบบวันพีชด้วย

       “ก็ชุดว่ายน้ำน่ะสิ”

       รู้เฟ้ย แต่นี่มันโจ่งแจ้งไปเปล่าพี่

       “ก็ทั้งร้านผู้หญิงหมดนายเองก็น้องชาย จะอายใครล่ะ”

       ที่พูดมาก็ถูกนะ แปลว่าไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย เอาเถอะอย่างน้อยก็อยากให้รีบออกไปจากร้านนี้แล้วล่ะ หลังจากที่เสียเวลาลองชุดไปนานแสนนาน เราก็ออกมาพร้อมกับชุด 2 ชุด ลองตั้งเยอะลงท้าย 2 เอาเถอะก็ถือว่าเราซื้อแล้วนี่นะ ได้กลับบ้านซักที ผู้หญิงได้ช็อปก็พอใจแล้วล่ะมั้ง

       “ยัง”

       ห๊ะ!! ยังมีอีกหรอ พี่สาวผมไม่ฟังคำบ่น เดินนำริ่วตัวปลิวไปก่อนซึ่งผมต้องถือของให้เป็นเหมือน เบ๊ประจำตัว อยากกลับบ้านแล้วอ่า

       “บ่นอะไรของเราน่ะ นี่เพิ่งจะ เที่ยงกว่าเองนะ ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ”

       ผมเลยต้องไปเที่ยวกับพี่ อย่างน้อยก็ไม่อยากขัด เห็นอารมณ์ดีๆอยู่ เกิดหงุดหงิดขึ้นมาอาจโดนได้ ลงท้าย เราทั้ง 2 ก็มานั่ง กินSoft Cream กันหลังจากที่ ไปเล่นตู้เกม ร้องคาราโอเกะ ดูหนัง ฯลฯ เหมือนนักวิ่งมาราธอนได้น้ำเกลือแร่หลังวิ่งมาเฉียด 5 กิโลเมตรอย่างต่อเนื่อง ได้พักซะที

       ผู้อ่านอาจจะไม่เข้า เดี๋ยวผมจะย้อนหลังให้

       โหมด ระลึกชาติ สตารส์

 

       ในวัย เด็กเล็ก พี่ผมเป็นคนคอยดูแลตลอด ตั้งแต่ เข้าจนเข้านอน เรียกได้ว่าเหมือนวิญญาณตามตัวก็ไม่ผิด ไม่สิมันผู้คุมชัดๆ ตอนเช้า หากผมไม่ตื่นก็จะไปลากลงมาหน้าห้องน้ำในทันที โดยไม่สนว่าหัวผมจะกระแทกกับอะไรบ้าง การบ้านจะคุม ให้นั่งทำจนเสร็จ กินข้าวต้องตรงเวลา เวลาเรียกกลับบ้าน หากงอแงเล่นต่อจะกระชากคอเสื้อแล้ว โหม่งหัวทันที เวลาโกรธโมโห อย่างกับยักษ์มารมาจุติเอง และอีกมากมายที่จะรันทด และก็ได้ออกจากบ้านไปเรียนต่อที่อื่น บ้านกลายเป็น สวรรค์ทันที คงพอจะเข้าใจความรู้สึกกันบ้างนะ

 

       กลับมาสู่ปัจจุบัน

       ตอนนี้เหมือนคนอ่อนแรงที่ไม่ทันจะคิดระวังอะไรอีกแล้ว ร่างกายล้าสมองก็ไม่คิดอะไรยุ่งอยากซะงั้น ผมหันไปเห็น Cream เลอะปาก เลยบอกให้เช็ด แต่พี่สาวผมกลับบอกว่า

       “เช็ดให้หน่อยสิ พี่มองไม่เห็น”

       แล้วยื่นหน้า ตาพริ้ม มากให้ผม เหมือนสาวน้อยรอให้แฟนหนุ่มเช็ดให้ ขนลุกชะมัด ผมเช็ดให้ ตอนนี้ความรู้สึกเหมือนพี่เลี้ยงดูแลเด็กที่เช็ดปากให้เด็กน้อยที่กินอย่างไม่ระวัง สายตาพี่สาวหันมามองหน้าผมบ้าง เหมือนจะหาว่าเลอะมั้ย แต่เสียใจผมระวังพอที่จะไม่ให้มันเลอะหรอก ขณะที่ผมกำลังจะกินเย้ยนั้นเอง

       “ผัวะ!!”

       พี่แอน ฟาดมือมาที่มือผมที่กำลังถือ Soft Cream ในระดับปาก ส่งผลให้มันกระแทกปากผมจนเละคาปาก ผมกำลังจะโวยวายอย่างฉุนขาด ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูลอยมาแปะปากผมทันที

       “กินไม่ระวังเลยนะเราน่ะ” พี่สาวพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน

       พี่มากระแทกมือผมไม่ใช่เรอะ ผมเห็บคำบ่นไว้ในใจได้ทัน หลังจากนั้น ก็ได้เวลาที่ผมรอคอยที่สุด กลับบ้านแล้ว เฮ้ อยากเห็นหน้าตัวเองจังว่าตอนนี้ทำหน้าแบบไหนอยู่นะ คงหน้าบานเลยมั้ง พอถึงบ้าน บ้านล็อก ผมมีกุญแจสำลองพอดี เลยเข้าไปได้ ส่งสัยไม่อยู่มั้ง เดี๋ยวก็คงมาแหละ

       “นี่สาม พ่อแม่บอกว่าไป ดินเนอร์ อาจจะกลับช้าหน่อย พรุ่งนี้นะ”

       พี่สาวผมสรุปข้อความในโน๊ตบนโต๊ะกินข้าว ว่าแต่ดินเนอร์ นี่ข้ามคืนเลยหรอ

       “ไม่รู้สิ คงใช้เวลาแบบผู้ใหญ่ล่ะมั้ง”

       พี่สาวผมเอ่ยลอยๆก่อนจะเดินเข้าไปเก็บของที่ซื้อมา แต่ว่าห้องพี่ไม่ได้ทำความสะอาดแฮะ ช่างเถอะเดี๋ยวก็หาทางเองแหละ หลังจากนั้น กินข้าว อาบน้ำ นอน แต่ก็ติดปัญหาเรื่องห้องพี่สาวอย่างที่คิด ห้องไม่ได้ทำความสะอาด เลยต้องนอนห้องอื่นๆ ก่อน ซึ่งก็เหลือห้องพ่อแม่และห้องผม

       “พี่ขอนอนด้วยคนสิ”

       พี่แอน ยื่นหน้าพร้อมยิ้ม แฮะๆ ให้ผมในสภาพที่หอบหิ้วหมอนและผ้าผ่มมาด้วย ทั้งที่ห้องแม่ ก็ว่างนา ไม่เข้าไปใช้ให้หนำใจล่ะท่านพี่ จะละเมอถอดเสื้อ นอนกลน ดิ้น กลิ้งตีลังกาก็ไม่มีใครว่า

       “ก็ แค่ 2 คน ทำไมต้องใช้ห้องเปลืองด้วยล่ะ”

       ก็จริงแฮะ แต่จะให้ หญิง เข้าห้องชาย ในวัยใกล้จบการศึกษา ก็ไม่อยากให้เข้าแฮะ แต่จะไล่ตรงๆก็กลัวยักษ์มารจุติอีก เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆเลย

       “พี่ไม่ยุ่งวุ่นวายกับของในห้องเราหรอกน่านะ”

       ไอ้ยิ้มที่ดูไร้เดียงษานี่มันอะไรกัน กำลังจะบอกว่า ชั้นจะลื้อให้หมดเปลือกเลย ใช่มั้ย แต่เล่นหอบหิ้วมาแล้ว แปลว่ายังไงก็จะนอนห้องนี้สินะ เอาเถอะ เกิดแปลงร่างมา สุดท้ายก็ต้องให้เข้าอยู่ดี เป็นคนปกติดีกว่า

       “เข้ามาก็ได้ครับ”

       พี่สาวพุ่งพรวดเข้ามาทันที ไม่ทันที่จะแง้มประตูให้ด้วยซ้ำ และแน่นอนที่สุด หลังจากปูที่ปูทางเสร็จแล้ว พี่แอนมุดใต้เตียง งัดเตียง เปิดดูทุกซอกทุกมุม เหมือนหาของอะไรบางอย่าง เหอะๆ ไม่มีทางล่ะ ของแบบนี้ซ้อนที่ปลอดภัยยิ่งอันตราย ที่สุดท้ายที่จะนึกถึง คือที่ปลอดภัยที่สุด

       “เจอแล้ว”

       เฮ้ย!! เจอได้ไง

       “ซ้อนซะง่ายขนาดนี้ เด็กที่ไหนก็เจอ”

       พี่สาวผมยิ้มน่าระรื่น พร้อมกับ ชูหนังสือ 18+ เยาะเย้ย ไอ้ทฤษฏีข้างต้นใครคิดฟระ อยากกระเตะมันจริงๆ

       “ไหนว่าจะไม่ยุ่งกับของผมนี่นา”

       “ขอดูมั่งสิ งกจัง”

       เป็นสาวเป็นนางเค้าอ่านกันที่ไหนเล่า  ผมพยายามแย่งกลับมา แต่ว่าพี่สาวผมก็ไวใช่ย่อย หลบได้หมด ต้องรุกหนักกว่านี้สินะ ผมไม่ยอมให้หนังสือผมโดนแย่งไปง่ายๆหรอก ถึงจะไม่แพงก็เถอะ แต่หาซื้อไม่ได้แล้ว แต่จะรุกยังไงดีล่ะ ไม่ให้เป็นอย่างใน การ์ตูนหรือเกมที่แย่งกันไปมาแล้วลงท้ายที่ล้มทับกันโชว์นู่นนี่

       “ชอบแบบนี้หรอเนี่ย อุ้ย! สุดยอดเนะ”

       อย่าเอา 2 ภาษามารวมกันสิฟระ จริงสิ...

       ผมใช้วิธีไล่ต้อน ไล่พี่เข้ามุม ยิ่งพื้นที่การขยับตัวน้อยยิ่งจับได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรง พี่ผมรู้ตัวแล้วว่าโดนไล่ตอนแต่ก็ช้าไป ช่วงตัวผมยาวกว่าเลยได้เปรียบในการปิดพื้นที่ และแล้วชัยชนะก็เป็นของผมล่ะ พี่สาวผมติดมุมพร้อมกับหนังสือขึ้นมาบังตัวเหมือนกระต่ายจนมุมต่อหน้าหมาป่า แววตาที่สิ้นหวังและหวาดกลัวปรากฏอย่าเห็นได้ชัด

       ชั้นชนะแล้ว

       ทันใดนั้นเอง แววตาที่หวาดกัลวเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งชัยชนะอย่างชั่วร้ายทันที

       “ฟึบ!!”

       ไม่ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากเจอที่สุด วิชา”ใต้อาภรณ์” คิดแล้วว่าต้องเจอแน่ พี่สาวผมยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยต์พร้อมกับแอ่นตัวเหมือนเชื้อเชิญให้หยิบมันออกไปเลย กับดักที่ตามมาคือร้องดังแน่นอน ถึงในบ้านไม่มีใครอยู่แต่ผมก็ไม่อยากมีตราบาป ว่าลวนลามพี่สาวร่วมสายเลือดไปตลอดชีวิตหรอกนะ เทียบกับถูกจับได้ว่ามีหนังสือ 18+ ก็ยังดีกว่า

       จบกัน แพ้แล้ว ผมล้มตัวนอนลงที่นอนของพี่ที่เพิ่งปูเมื่อตอนเข้ามา เฮ้อ~ อยากอ่านก็อ่านไปเถอะ อย่าลืมเก็บด้วยละกัน

       “เดี๋ยวสิ นั่นที่นอนพี่นะ”

       อ่านเสร็จแล้วเก็บใต้ที่นอนล่ะ ผมหมดอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงนอนดีกว่า

       “ง่า งอน หรอ”

       พี่สาวผมเหมือนจะเริ่มมา Take Care ใกล้ๆ จริงๆไม่ได้งอนอะไรหรอก แค่เหนื่อยน่ะ บวกกับ ยื้อแย่งไปหนังสือจะพังเปล่าๆ เลยปล่อยๆไปเถอะ

       “ไม่กลัวพี่เอาไปบอกแม่หรอ”

       ก็ดีกว่ามีหนังสือ Gay ล่ะนะ พี่สาวผมงัดที่นอนขึ้นแล้วสอดหนังสือกลับเข้าไป พร้อมกับบ่นเบาๆ “เซ็งเลย น้องชายไม่เล่นด้วย” ทำหน้าพองเป็นลูกโป่ง

       หลังจากปิดไฟนอน เหตุการณ์ก็น่าจะปกติ จนกระทั่งเช้า พ่อไม่ก็ยังไม่กลับมา การDinner แบบผู้ใหญ่นี่เค้าข้ามวันเลยหรือไง ผมเดินลงมาอย่างสะลึมสะลือ ได้กลิ่นหอมๆของอาหารเช้า พี่สาวผมทำอาหารเช้านั่นเอง

       “ตื่นแล้วหรอ”

       เดินละเมออยู่ครับ หลังจากที่ผมตอบไป ส้อมบินลอยเฉียดหูผมไปนิดเดียวก่อนที่มันจะปักคากำแพงปูน

       “ไปล้างหน้าล้างตาซะนะจะได้หายละเมอ”

       เสียงที่ฟังดูเป็นห่วงลอยออมาแม้ไม่ได้หันมามอง นั่นมันกะฆ่ากันเลยไม่ใช่เหรอะ ถ้าโดนเข้าไป หัวผมเป็นรูแน่ๆ ผมว่ารีบๆไปก่อนที่อุปกรณ์ อื่นๆจะลอยมาอีก


       “เป็นไง อร่อยมั้ย”

       พี่แอนจ้องมองอย่างสบายๆ เหมือนคำตอบคือ Yes แน่นอน แล้วมันก็ใช่จริงๆ อร่อยแฮะ นี่ผู้หญิงเค้าทำกับข้าวเป็นกันหมดเลยหรือไง พี่ทำได้คนอื่นก็ทำได้หมดแน่ๆ

       “เสียมารยาท ถ้าฝึก ใครก็ทำกันได้ล่ะนะ ไม่จำเป็นต้องเฉพาะผู้หญิงหรอก”

       น้ำเสียงเคืองนิดๆ พอมองดูดีๆ ก็เหมือน ผู้หญิงทั่วไปแฮะ น่ารักกว่าตอนเป็น ยักษ์มาร เป็นไหนๆ ถ้าเป็นพี่สาวแสนดีอย่างนี้ ก็ดีไม่ใช่น้อย

       “หน้าพี่มีอะไรหรอ จ้องซะขนาดนั้น”

       ถึงจะทักออกมา แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดระแวงออกมา กลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มาทางผมพร้อมกับจ้องตากลับ มาจ้องตาคนกินข้าวมันกินไม่ลงนา แต่เอาเถอะ เดี๋ยวพ่อแม่ก็กลับแล้ว...มั้ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา