Kingdom Heart พันธสัญญารัก พันธสัญญาหัวใจ
2) การพบกันครั้งแรก
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
การพบกันครั้งแรก
เช้าเวลาสายวันต่อมา หญิงสาวผมสีบอร์นยาวสลวยค่อยๆ ตื่นขึ้นมา แต่ก็ต้องตกใจทันที เมื่อร่างของเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียง
“ที่นี่ที่ไหน? ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” เธอพูด พลางสำรวจร่างกายพบว่าปกติดี มีเพียงชุดราตรีที่เปลี่ยนใหม่ไปเท่านั้น “ใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าฉันล่ะนี่?” เธอคิด พลางลุกขึ้นจากเตียง
“ตื่นแล้วหรือ นางสนมของข้า” เสียงชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างประตูพูด
“ท่าน?” เธอพูด พลางมองหน้าไปที่เขา ก็จำได้ว่า เขาเป็นคนที่ขอเธอเต้นรำเมื่อคืนนี้
“องค์ชาย เองหรือ...?” เธอพูด
“เจ้าเห็นว่าข้าเป็นใครล่ะ เอริเนีย” พระองค์ตอบ
“ทำไม...ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เธอถาม
“แล้วเจ้าคิดว่าเพราะอะไรล่ะ” พระองค์ตรัส
“ท่านไม่บอกแล้วข้าจะรู้หรือ หรือว่าเมื่อคืนนั้น...” เธอพูด แล้วย้อนไปตั้งแต่ตอนที่เธอถูกวางยาสลบเมื่อคืนก่อน “เพราะท่านใช่ไหม?” เธอถาม
พระองค์ถอนหายใจไปเฮือกหนึ่ง แล้วตอบมาตรงๆ ว่า
“ใช่ ฝีมือข้าเอง...” พระองค์ตอบ แล้วเดินเข้ามาที่ด้านหน้าของเธอ พลางยื่นหน้ามาใกล้ๆ ที่ใบหน้าสวยของเธอ
“แต่เจ้า...ในเวลานี้ เจ้าเป็นนางสนมของข้าแล้ว...” พระองค์ตอบ แล้วเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“อย่านะ…องค์ชาย ท่านทำแบบนี้ไม่ได้นะเพคะ” เธอพูด แต่พระองค์ก็ไม่สนใจคำพูดของเธอ จนเธอต้องเอนตัวนอนลงไป เธอแทบทำอะไรไม่ถูก จนเธอตัดสินใจผลักตัวเขาออกไปอย่างเต็มแรง จนตัวของพระองค์ล้มกลิ้งไปข้างเตียง แล้วเธอก็รีบวิ่งหนีไป ในขณะที่พระองค์คว้ามือเธอไม่ทัน
“เอริเนีย! อ...โอ้ย...” พระองค์พูด พลางจับไปที่สันหลังของตัวเอง ที่กระแทกกับพื้น “โธ่เอ้ย! นังเด็กดื้อ...” พระองค์พูดกับตัวเอง
เอริเนียรีบวิ่งหนีออกมาจากตัวปราสาท แต่เธอก็ไปไม่ถูก เพราะเธอไม่คุ้นเคย แถมทหารล้อมเต็มรอบปราสาท
“แล้วข้า จะไปอย่างไรล่ะนี่” เธอคิด แล้ววิ่งหลบทหารที่อยู่รอบๆ “เราเองก็ยังไม่มีอะไรลงท้องเลย แต่รีบหนีก่อนเสียจะดีกว่า...” เธอคิด แต่เธอก็ต้องรีบหลบในพุ่มไม้ทันที เมื่อทหารรีบเดินออกมาจากตัวปราสาท แต่ไม่ใช่แค่ทหาร องค์ชายฮาริสก็เสด็จมาด้วย
“เกือบไปแล้วเรา...” เธอพูดแล้วถอนหายใจ แล้วก็รีบวิ่งหนีไป แต่เธอก็ไม่สามารถออกไปได้ ทหารล้อม ถูกตามหา และในปราสาทกว้างมาก จนเวลาเกือบบ่าย สักพักหมู่ทหารก็เดินทางมาถึงที่ที่เธอหลบอยู่ เธอจึงวิ่งหลบเข้าไปในกล่องไม้ข้างๆ ทันที
ส่วนทางด้านฮาริส..
ฮาริสเฝ้ามองทหารที่กำลังตามหาตัวเอริเนียอยู่ จนกระทั่งทหารเขาสั่งให้ไปตามหาเธอนั้นกลับมา
“เป็นอย่างไรบ้าง?” เขาถาม
“ไม่เจอเลยขอรับ องค์ชาย” ทหารนายนั้นตอบ
“เธอหนีไปทางไหนล่ะนี่” เขาคิด ก็ไม่ได้สังเกตว่ามีกล่องไม้อยู่ข้างๆ ทางซ้ายมือ ซึ่งเอริเนียหลบอยู่ในกล่องนั่น
‘หวังว่าเขาจะไม่เจอเรานะ’ เธอคิด จนหัวใจของเธอเริ่มสั่นไปพร้อมกับตัวของเธอ แต่สักพัก องค์ชายฮาริสก็ทอดพระเนตรมาที่กล่องไม้ที่เธอซ่อนตัวอยู่ แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆ กล่องไม้นั่น
‘แย่แล้วเรา....’ เธอคิด จนเหงื่อเริ่มตกซกๆ ในขณะที่พระองค์จะเปิดกล่องไม้นั่น เธอหลับตาปี๋ แต่ทหารนายหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามา
“องค์ชาย แย่แล้วขอรับเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!!!” ทหารนายนั้นพูด
“มีอะไร?” พระองค์ทรงถาม
“กองทัพของมหาจักรพรรดิแห่งอิทราเนียร์ เริ่มบุกเข้ามาแล้วพะย่ะค่ะ” ทหารนายนั้นตอบ
“ว่าอย่างไรนะ!!!”
“รีบไปก่อนที่พวกนั้นจะบุกมาถึงปราสาทก่อนเถอะพะย่ะค่ะ ผู้หญิงคนนั้นคงอยู่ไม่ไกลหรอก” ทหารนายนั้นตอบ
“เข้าใจแล้ว ทหาร ไปเอาดาบมาให้ข้า” พระองค์ทรงสั่ง
“พะย่ะค่ะ!!”
ทันทีที่ทหารขานรับ องค์ชายฮาริสก็รีบเสด็จตามทหารไปทันที...ในขณะที่พระองค์เสด็จออกไป เอ-ริเนียก็ค่อยๆ แง้มกล่องไม้ออก พลางสังเกตไปรอบๆ พบว่า ข้างนอกไม่มีใคร เธอจึงตัดสินใจออกมาจากกล่องไม้แคบๆ นั่น
“ไปหมดแล้วสินะ...” เธอพูด พลางปาดเหงื่อตัวเอง แล้วก็หาทางหนีออกจากปราสาทต่อไป โดยที่เธอไม่ลืมผ้าคลุมสีดำๆ ที่คลุมกล่องไม้ที่เธอออกมาไว้ด้วย
เธอรู้ดีว่า ภายในปราสาท ยังมีทหารยามอยู่…เธอกำลังหาวิธีออกจากปราสาท ในขณะที่เธอกำลังคิด เธอสังเกตกระถางต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่วางอยู่บนม้าหินใกล้ๆกับผนังกำแพงของปราสาท เธอเลยลองเสี่ยงปีนกล่องไม้ดูว่า มีทหารอยู่ภายนอกปราสาทหรือเปล่า ผลปรากฏว่ามีทหารยามอยู่เพียงคนเดียว เธอก็ค่อยๆ ลงมาจากกล่องไม้ แล้วค่อยๆ ผลักกระถางต้นไม้ที่ทำจากดินปั้นนั่น
เพล้ง!!!
เสียงกระถางต้นไม้นั้นแตก ทำให้ทหารคนนั้นเริ่มสงสัย
“เสียงอะไร? เราไปดูหน่อยดีกว่า” ทหารนายนั้นพูด แล้วรีบเดินไปทันที จนกระทั่งเธอเริ่มมองไปมองมา จนเธอเห็นว่าทางสะดวก เลยรีบปีนกำแพงออกมา แล้วรีบวิ่งหนีออกไปในป่าใกล้ๆ ปราสาท จนเธอเห็นสภาพเมืองที่พังพินาศจากการสู้รบที่ยังไม่จบสิ้น เธอยังจำบรรยากาศการต่อสู้นี้ได้ดี แต่เธอก็ต้องรีบวิ่งหนีออกไป
จนกระทั่ง เวลาจวนพลบค่ำเต็มที...แต่การสู้รบยังดำเนินอยู่ต่อไป
ฝ่ายองค์ชายฮาริส
“องค์ชายขอรับ ทหารของเราเหลือน้อยเต็มที กองทัพของอิทราเนียร์ท่าจะเข้มแข็งมากเลยพะย่ะค่ะ” ทหารนายหนึ่งตอบ
“ข้ารู้ แต่เราจะเสียเมืองของเราให้แก่พวกมันหรืออย่างไร?” พระองค์ถาม
“เรื่องนี้ ขอแล้วแต่ตัวพระองค์เองเถอะพะย่ะค่ะ...”
พระองค์ทรงควบอาชาสีขาวของพระองค์ ด้วยร่างกายที่มีรอยบาดแผลเล็กๆ จากคมดาบของมหาจักรพรรดิเกศายาวถึงกลางหลังสีเงิน พระเนตรสีเลือด ที่ประทับอยู่บนพระอาชาสีดำ
“เจ้าเองหรือ มหาจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอิทราเนียร์” พระองค์ตรัส
“แล้วเจ้าก็คงจะเป็นองค์ชายฮาริส ที่เขาล่ำลือกันสินะ...” เสียงที่เยือกเย็นออกจากพระโอษฐ์ของมหา-จักรพรรดิองค์นั้น
“หึ...ล่ำลือไกลถึงขนาดนั้นเลยหรือ”
“ข้ารู้มาตั้งนานแล้ว เพราะพระบิดาของเจ้าเป็นผู้สั่งให้ผู้สังหารในประเทศของเจ้าลอบปลงพระชนม์พระบิดาของข้า…” พระองค์ทรงตอบ
“แค่นั้นเองหรือ?” องค์ชายฮาริสทรงตรัสแล้วแสยะยิ้ม
“แล้วเจ้าเป็นคนที่ทำให้แคว้นอาทาเรียร์พังพินาศ แล้วมาโทษว่าเป็นฝีมือแคว้นของอิทราเนียร์ของข้า ทำให้สัมพันธไมตรีระหว่างอิทราเนียร์และอาทาเรียร์ตัดขาดไม่เหลือชิ้นดี อย่างนี้ มันไม่ถือว่าใหญ่ไปหน่อยหรือ?” พระองค์ตรัส แต่องค์ชายก็ยังแสยะยิ้ม
“ถึงคราวที่ข้า จะต้องสะสางความแค้นของเจ้าเสียบ้างแล้วล่ะ” พระองค์ตรัสอีกครั้ง แล้วชักพระแสงดาบออกมาจากฝัก ส่วนตัวองค์ชายก็ทำแบบเดียวกัน
“ก็ได้...ถ้าเจ้าประสงค์อย่างนั้น เข้ามาเลย!!” พระองค์ท้า จนทั้งคู่ควบม้าพร้อมกับฟันดาบ
เคร้ง!!
เสียงดาบของทั้งคู่ที่ปะทะกัน จนองค์ชายที่มีพระเกศาสีน้ำตาลเกือบจะหลบไม่ทัน เพียงเฉี่ยวพระ-รากขวัญของพระองค์จนพระโลหิตไหลออกมา
“อุ๊บ!!” พระองค์อุทาน
“องค์ชาย!!” ทหารนายหนึ่งเรียก
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามา” พระองค์ตรัส แต่ก็ทรงทนบาดแผลไม่ได้ เพราะบางแผลลึกมาก ส่วนมหาจักรพรรดิผมสีเงิน ก็ยังประทับอยู่บนอาชาอย่างนิ่งๆ
“ข้ามาเพียงเท่านี้ บาดแผลนั่นเป็นเพียงแค่เครื่องเตือนสติของเจ้าเท่านั้น แต่ถ้าหากเจ้ายังทำแบบนี้อีก อย่าหวังว่าเจ้าจะรอด ข้าขอตัวก่อนล่ะ” พระองค์ทรงตรัส แล้วควบอาชาเข้าไปในป่าที่พระองค์ทรงประทับไว้เมื่อคืนก่อน
“อ..อะไรกัน แค่นี้เองหรือ โอย...” องค์ชายฮาริสตรัส พลางกุมพระรากขวัญของตัวเอง
“พระองค์ เสด็จกลับพระราชวังก่อนเถอะพะย่ะค่ะ” ทหารนายนั้นตอบ
“ข้ารู้แล้ว...”
ทางด้านมหาจักรพรรดิแห่งอิทราเนียร์
พระองค์ทรงควบม้าเสด็จเข้าไปในป่า ในขณะที่พระองค์ควบอยู่นั้น ทรงเหม่อลอยคิดถึงเรื่องสมัยพระองค์ยังทรงพระเยาว์
‘เสด็จพ่อ...ถึงตอนนี้ลูกจะยังไม่สามารถฆ่าฮาริสได้ตอนนี้ แต่รอบหน้า ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้านั่นแน่ๆ ลูกจะเป็นคนสานต่อความแค้นของท่านเอง และจะไม่ให้อิทราเนียร์เป็นอาณาจักรที่เลวร้ายน่ากลัวอย่างที่ทุกคนหวาดหวั่น อย่างแน่นอน...’ พระองค์ทรงตรัสกับตัวเอง
แต่ในระหว่างที่พระองค์เสด็จไปนั้น หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมสีดำผิดบังหน้าตาจนเหลือเพียงนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของเธอ วิ่งตัดหน้ามา ทำให้พระองค์ตกหทัย ทำให้หยุดม้าแทบไม่ทัน ทำให้เธอสะดุดหินก้อนใหญ่ล้มไป และตัวพระองค์เองก็ตกลงจากพระอาชาของตน
“โอ้ย!!” พระองค์อุทาน พลางค่อยๆ ลุกขึ้นมาดูหญิงสาวคนนั้น ที่นอนนิ่งอยู่ สักพักเธอก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองมาที่พระพักตร์ของพระองค์ ซึ่งตอนแรก เธอคิดว่าเป็นคนที่เขาตามหาเธออยู่ ทำให้เธอตกใจขึ้นมา
“อย่าเข้าใกล้ข้านะ อย่าเข้ามานะองค์ชาย!!!” เธอพูด แล้วแล้วหลับตาปี๋ด้วยตัวที่สั่นเทาเพราะความกลัวนั่นอีกครั้ง
“เจ้าพูดอะไร ข้าไม่ใช่องค์ชายนั่นหรอกนะ แล้วเจ้าวิ่งตัดหน้าทำไม!?” เพราะองค์ตรัสด้วยพระหทัยที่ทรงกริ้ว
“ม...ไม่ใช่เหรอ? ล...แล้วท่านเป็นใคร” เธอถาม
“จักรพรรดิแห่งอิทราเนียร์...ทีนี้เจ้าจะตอบคำถามของข้าได้หรือยัง” พระองค์ทรงตรัส
“จ...จักรพรรดิงั้นหรือ น..นี่...ข้า...” เธอพูด จนรู้สึกตาลาย เนื่องจากความเหนื่อยจากการหลบหนี แล้วยังไม่ได้มีอะไรตกท้อง แถมต้องตกใจเมื่อต้องเห็นจักรพรรดิตัวจริง สักพักเธอก็เป็นลมไปในบนพระอุระของพระองค์
“นี่เธอ ตื่นสิ นี่!!” พระองค์ปลุกเธอ พระองค์ทรงถอนหายใจออกมา แล้วทรงอุ้มร่างบางของเธอไว้บนอาชาสีดำของพระองค์ แล้วทรงขึ้นไปควบพระอาชาของพระองค์ แล้วเสด็จกลับฐานทัพของพระองค์ทันที...
พระรากขวัญ - ไหปราร้า(อวัยวะค่ะ ไม่ใช่ปลาร้า)
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ