แพร่ง
9.0
3) โบก !!! Part 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโบก.....!!! Part 2
“แกว่า วันนี้บรรยากาศแปลกๆมั้ยวะ” เก้ากล่าวขึ้นทำลายความเงียบ
“เออว่ะ ชั้นก็ว่างั้น หนาวๆยังไงไม่รู้” กล้ากล่าว
“แกเชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าวะเก้า”
“กูว่า น่าจะมีนะมึง มึงดูสิก่อนเราเข้ามาเราก็เจอ ถ้านั่นไม่ใช่ผี แล้วที่เราเจอก่อนเข้ามาในสำนักงานล่ะ มันคืออะไรวะ”
“เออว่ะ ยิ่งศพที่อยู่ท้ายรถเมื่อกี้ด้วย กูว่าน่าจะคนเดียวกันว่ะ รึว่าไม่ใช่”
“กูว่าใช่เลยล่ะว่ะ มึงก็ดูชุดที่ใส่ดิ เหมือนกันอย่างกะแกะ”
“เออใช่”
‘ครืน ครืน!!!’ เสียงฟ้าลั่นอยู่ข้างนอกดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองที่คุยกันอยู่เพลินๆสะดุ้งโหยง เพราะไม่รู้ว่าจะมีฝนตกในวันนี้
“เฮ้ย น่าแปลกว่ะมึงว่ามั้ย” เก้าเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“อะไรวะ”
“มึงก็ดูดิ ตอนที่เราขี่รถมาเมฆซักก้อนก็ไม่มีให้เห็น แล้วทำไมตอนนี้ฟ้าร้องวะ”
“ช่างมันสิ เราไม่ได้เกี่ยวกับมันซักหน่อย จะสนใจทำไม”
“มึงไม่รู้อะไร ยิ่งตอนฝนตกๆที่นี่น่ะ น่ากลัวอย่างกับป่าช้าเลยนะมึง”
“น่ากลัวยังไงวะ”
“แน่ะ ยังไม่รู้อีก แต่ว่าอย่างว่าแหละนะแกมันเด็กใหม่นี่หว่า มาเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
“เออ ว่ามา ฝนตกๆมันได้บรรยากาศว่ะ กูไม่ค่อยได้ฟังเรื่องผีมานานแล้ว ก่อนจะมาเจอเอาเมื่อกี้”
“เรื่องมันเป็นอย่างงี้ เมื่อหลายปีก่อนน่ะ ที่นี่เค้ายังไม่ได้ปลูกขึ้นเป็นมูลนิธิหรอก ที่นี่เมื่อก่อนเป็นตึกห้องแถว แล้วก็ที่นี่มีคนตายบ่อยมาก จนเจ้าของทนไม่ไหวยุบกิจการ จึงปล่อยที่นี่ให้ทิ้งร้าง ว่ากันว่าที่นี่น่ะ ผีมันดุ เค้าเลยทุบตึกทิ้งซะ แล้วปลูกมูลนิธิขึ้น เพื่อเป็นสถานีช่วยเหลือคนไงล่ะ แต่เมื่อราวเดือนก่อนนี้เอง เค้าว่ากันว่ามีคนเห็นคนเดินไปมาในห้องที่เรานั่งอยู่นี่แหละ แล้วจู่ๆก็หายตัวไปโดยไม่มีวี่แววว่ามีคนเข้ามาเดินอยู่เลย”
“จริงอ่ะ แล้วมึงเคยเจอรึเปล่าวะ” กล้าถามขึ้น
“กูเรอะ ไม่เคยเจอหรอก ครั้งแรกก็ตอนที่กูเจอพร้อมกับมึงไง แต่กูไม่กลัวหรอกว่ะ ถ้าเป็นผีผู้หญิงสวยๆ แต่ไม่ใช่แบบที่เจอเมื่อกี้ กูจะจับทำเมียซะเลย”
“โห ขนาดนั้นเลยรึ”
“เออ” “แล้วมึงเคยเจอรึเปล่าว่ะกล้า”
“กูน่ะรึ ไม่ว่ะ เพิ่งเจอเมื่อกี้พร้อมเอ็งนี่แหละ”
“แต่กูกลัวนะผีน่ะ” กล้าบอก
“โธ่.... ทำเป็นปอดแหกไปได้ อยู่กับกูมึงไม่ต้องกลัวหรอก” เก้าบอก
ตอนนี้ฝนตกหนักมาก ถ้าออกไปข้างนอกก็ไม่สามารถมองเห็นได้เกิน 2 เมตรมีทั้งลมแรงๆพัดต้นไม้ซึ่งปลูกไว้ที่หน้าสถานีไหวเอนจนเกือบๆจะหัก ถัดจากต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นมะพร้าว จู่ๆฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ทำให้สว่างวาบไปทั่ว แวบหนึ่งโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ปรากฏร่างของหญิงสาวคนที่พวกเขาเอ่ยถึงขึ้นที่หน้าสถานี.............
ขณะที่สองกระทาชายกำลังคุยกันอยู่เพลินๆนั่นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงจากเครื่องของเก้านั่นเอง
“เฮ้ย โทรศัพท์มึงดังทำไมไม่รับวะเก้า” กล้าโพล่งขึ้น เมื่อโทรศัพท์ของเก้าดังขึ้น แต่เจ้าของโทรศัพท์ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ขี้เกียจว่ะ มึงรับให้กูหน่อยสิ” เก้าบอกปัด
“อะไรวะ โทรศัพท์มึงๆก็รับสิ จะให้กูรับมันก็ไม่ถูกนะเว้ย กูขี้เกียจก้าวก่าย”
“เออน่า รับให้กูหน่อย ช่วงนี้ไม่อยากรับโทรศัพท์”
“ทำไมวะ”
“เออน่า รับให้กูหน่อยเหอะ กูเบื่อๆยังไงไม่รู้”
“เออๆๆ เอามาๆ เดี๋ยวกูรับให้”
กล้าว่าแล้วก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์มาจากเก้า เมื่อเอามาดูก็ปรากฏเบอร์นิรนามหมายเลขหนึ่ง ซึ่งกล้าไม่รู้จัก เพราะเก้าไม่ได้เมมเก็บเอาไว้ในเครื่อง พอเขากดรับก็ปรากฏเสียงๆหนึ่งดังตามสายมา
‘ฮัลโหล ขอสายคุณเก้าหน่อยค่ะ’ เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
“เฮ้ยเก้า เสียงผู้หญิงว่ะ แฟนมึงรึเปล่าวะ แต่ไม่ได้เมมเบอร์ไว้ว่ะ รึว่ากิ๊กมึง”
“กิ๊กเกิ๊กกูมีที่ไหนวะ ไอ้นี่ เอามาดูซิ” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์คืน
“ฮัลโหล นี่ใครพูด”
‘นั่นคุณเก้าพูดรึเปล่าคะ’
“เออ ใช่ แล้วคุณน่ะใคร”
‘จำหนูไม่ได้แล้วเหรอคะ’
“ใครล่ะ??” กล้าถามกลับอย่างห้วนๆ เพราะเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว
‘คนที่คุณเคยทำมิดีมิร้ายไว้ไงคะ’
“ใครกันวะ!!!” เขากระชากเสียง “มาหาว่ากูทำอะไรมิดีมิร้ายไว้ อย่ามาอำกูให้เหนื่อยเลย บอกมา!!! มึงเป็นใคร”
‘ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ......... ทำเป็นจำหนูไม่ได้ ก็คนที่พี่ข่......ม ขื.....น แล้....วฆ่าหม.....กไว้ ที่ป่าข้า......งทา....งไงล่ะคะ................’ เสียงของเธอค่อยๆยานลงๆ ฟังน่ากลัวมาก
เก้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นหน้าก็ซีดผืด ตัวสั่น มือสั่น ทำโทรศัพท์หล่นพื้น ตอนนี้ตัวเขาแข็งทื่อไปแล้ว กล้าเมื่อเห็นเพื่อนชายมีอาการผิดปกติก็โพล่งถามขึ้น
“เฮ้ย!!! ไอ้เก้ามึงเป็นอะไรวะ”
“ชะ......ช่วยกูด้วย”
“จะให้กูช่วยมึงยังไงวะ”
“ชะ.......ช่วยกูที” เก้ากล่าวคำนั้นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป
“อ้าว เฮ้ย!!! ไอ้เก้า ไอ้เก้า”
เมื่อเก้าหมดสติไปกล้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากคอยให้กล้าฟื้นขึ้นมาเองอีกครั้งเท่านั้น เขามีลางสังหรแปลกๆ จึงรีบก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยอาการตกใจ ว่าใครเป็นคนโทรมา แต่ตอนนี้เบอร์ดังกล่าวได้ถูกตัดสายไปแล้ว..................
ตอนนี้ฝนข้างนอกก็หยุดตกแล้ว แต่เก้ายังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาจากอาการช็อกเลย ส่วนกล้าเมื่อหายจากตกใจก็รีบลุกไปหายาดมที่กล่องยา ซึ่งแขวนอยู่ที่ผนังห้องทางขวามือก่อนถึงห้องน้ำ เมื่อได้มากล้าก็ปฐมพยาบาลเก้าอย่างตามมีตามเกิด ไม่ช้าเมื่อได้กลิ่นของยาดม เก้าก็ตื่นขึ้นด้วยอาการหวาดผวา และตัวยังสั่นอยู่ กล้าก็ได้แต่มองด้วยสายตาห่วงใยเพื่อนฝูง เพราะถ้ากล้าถามอะไรตอนนี้ก็คงจะไม่ได้คำตอบจากเก้าแน่จึงได้แต่เงียบเป็นเพื่อเพื่อนเก้า.........................
30 นาทีผ่านไป............................
“มันยังอยู่อีกไหม มันยังอยู่อีกไหม!!!” จู่ๆเก้าก็โพล่งขึ้น ทำให้กล้าซึ่งนั่งค่อยอยู่เป็นเพื่อนสะดุ้งโหยง
“อะไร อะไร??” กล้าถามมาด้วยความสงสัย
“ก็อีผีตัวนั้นไง มันยังโทรมาอีกไหม”
“อ้อ มันไม่อยู่แล้วล่ะ เป็นไงมั่ง ดีขึ้นแล้วยัง”
“เฮ้อ.....ดีขึ้นแล้ว”
“เอ็งกลัวอะไรนักหนาวะ ไหนบอกว่าไม่กลัวผีไง”
“มึงอย่าไปพูดถึงมันอีกเลยกล้า กูยอมรับแล้วว่ากูกลัว ที่กูบอกว่าไม่น่ะ กูโกหกมึงเท่านั้นเอง กูแค่ไม่อยากให้มึงมองกูว่าขี้ขลาดตาขาวว่ะ”
“โธ่ นึกว่าอะไร ที่แท้มึงก็กลัวนี่นา ฮ่าๆๆ”
“เออๆๆ กูยอมรับแล้ว” เก้าบอกอย่างละอาย
“งั้นเอ็งไม่เป็นไรแล้วแน่นะ”
“เออ กูไม่เป็นไรแล้ว” เก้าตอบ
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป เก้าก็ไม่เคยโกหก เพื่อให้กล้ายอมรับเก้าอีกเลย และขณะที่ทั้งสอง กำลังคุยกันต่อนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เก้าซึ่งตอนนี้ยังหวาดๆอยู่ตกใจ ทะลึ่งตัวของจนเกือบตกเก้าอี้ จนทำโทรศัพท์ตกอีกครั้ง.........
“มึงรับเลย มึงรับเองเลย กูไม่เอาอีกแล้ว ปรื๋อ..........” เก้ากล่าว
“เออๆ กลัวเจอแบบเมื่อกี้อีกล่ะสิ ฮ่าๆๆ”
“เออๆมึงรับทีสิกล้า”
“เออ นี่กูต้องรับอีกหรอนี่ เฮ้อ......”
‘ฮัลโหล สวัสดีครับ’ เสียงจากปลายสายพูดทักทายก่อน เมื่อกล้ารับสาย
“หวัดดีคับ” กล้าตอบ “นี่ใครพูดน่ะ”
‘อ๋อ ผมชื่อต้นครับ นั่นไม่ทราบว่า พี่เก้าอยู่ใกล้ๆรึเปล่าครับ’
“คับๆ ค่อยสักเดี๋ยวนะคับ” กล้ากล่าว แล้วหันมาทางเก้า
“เฮ้ยเก้า สายของเอ็งอีกแล้วว่ะ รับสิ”
“ใช่สายเมื่อกี้อีกรึเปล่าวะ” เก้าถามอย่างหวั่นๆ
“ไม่ใช่หรอก เค้าบอกว่าเป็นน้องของแกว่ะ”
“เรอะ งั้นเอามา” แล้วเก้าก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล นี่ใครอ่ะ”
‘พี่เก้าใช่ไหมครับ จำผมได้รึเปล่าผมต้นเองครับ’
“อ้อน้องต้นนั่นเอง มีอะไรหรอ”
‘คือพี่เก้าว่างไหมครับตอนนี้’
“ว่างสิ มีอะไรให้พี่ช่วยเรอะ”
‘คือผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดน่ะครับ แล้วรถก็มาถึงเอาเกือบตี 2 นี่รถกลับเข้าบ้านก็ไม่มี ว่าจะให้พี่มารับหน่อยน่ะครับ’
“อ้อๆๆ ได้สิ เดี๋ยวพี่ออกไปรับนะ แล้วตอนนี้เอ็งอยู่ใหนล่ะ”
‘ผมอยู่ที่ท่ารถ บขส.น่ะครับ’
“เออๆๆ เดี๋ยวพี่ออกไปเลย คอยอยู่นั่นนะ”
‘ครับๆๆ ขอบคุณมากครับพี่’
“เออๆ แค่นี้แหละ”
‘ครับ สวัสดีครับ’
เมื่อวางสาย เก้าก็หันไปบอกกล้าถึงเรื่องดังกล่าว ทั้งสองเมื่อตกลงกันได้แล้วก็รีบขับรถออกจากสถานีของมูลนิธิตรงไปยังบขส.ทันที..............
..................................................................
“แกว่า วันนี้บรรยากาศแปลกๆมั้ยวะ” เก้ากล่าวขึ้นทำลายความเงียบ
“เออว่ะ ชั้นก็ว่างั้น หนาวๆยังไงไม่รู้” กล้ากล่าว
“แกเชื่อว่าผีมีจริงรึเปล่าวะเก้า”
“กูว่า น่าจะมีนะมึง มึงดูสิก่อนเราเข้ามาเราก็เจอ ถ้านั่นไม่ใช่ผี แล้วที่เราเจอก่อนเข้ามาในสำนักงานล่ะ มันคืออะไรวะ”
“เออว่ะ ยิ่งศพที่อยู่ท้ายรถเมื่อกี้ด้วย กูว่าน่าจะคนเดียวกันว่ะ รึว่าไม่ใช่”
“กูว่าใช่เลยล่ะว่ะ มึงก็ดูชุดที่ใส่ดิ เหมือนกันอย่างกะแกะ”
“เออใช่”
‘ครืน ครืน!!!’ เสียงฟ้าลั่นอยู่ข้างนอกดังเข้ามา ทำให้ทั้งสองที่คุยกันอยู่เพลินๆสะดุ้งโหยง เพราะไม่รู้ว่าจะมีฝนตกในวันนี้
“เฮ้ย น่าแปลกว่ะมึงว่ามั้ย” เก้าเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“อะไรวะ”
“มึงก็ดูดิ ตอนที่เราขี่รถมาเมฆซักก้อนก็ไม่มีให้เห็น แล้วทำไมตอนนี้ฟ้าร้องวะ”
“ช่างมันสิ เราไม่ได้เกี่ยวกับมันซักหน่อย จะสนใจทำไม”
“มึงไม่รู้อะไร ยิ่งตอนฝนตกๆที่นี่น่ะ น่ากลัวอย่างกับป่าช้าเลยนะมึง”
“น่ากลัวยังไงวะ”
“แน่ะ ยังไม่รู้อีก แต่ว่าอย่างว่าแหละนะแกมันเด็กใหม่นี่หว่า มาเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
“เออ ว่ามา ฝนตกๆมันได้บรรยากาศว่ะ กูไม่ค่อยได้ฟังเรื่องผีมานานแล้ว ก่อนจะมาเจอเอาเมื่อกี้”
“เรื่องมันเป็นอย่างงี้ เมื่อหลายปีก่อนน่ะ ที่นี่เค้ายังไม่ได้ปลูกขึ้นเป็นมูลนิธิหรอก ที่นี่เมื่อก่อนเป็นตึกห้องแถว แล้วก็ที่นี่มีคนตายบ่อยมาก จนเจ้าของทนไม่ไหวยุบกิจการ จึงปล่อยที่นี่ให้ทิ้งร้าง ว่ากันว่าที่นี่น่ะ ผีมันดุ เค้าเลยทุบตึกทิ้งซะ แล้วปลูกมูลนิธิขึ้น เพื่อเป็นสถานีช่วยเหลือคนไงล่ะ แต่เมื่อราวเดือนก่อนนี้เอง เค้าว่ากันว่ามีคนเห็นคนเดินไปมาในห้องที่เรานั่งอยู่นี่แหละ แล้วจู่ๆก็หายตัวไปโดยไม่มีวี่แววว่ามีคนเข้ามาเดินอยู่เลย”
“จริงอ่ะ แล้วมึงเคยเจอรึเปล่าวะ” กล้าถามขึ้น
“กูเรอะ ไม่เคยเจอหรอก ครั้งแรกก็ตอนที่กูเจอพร้อมกับมึงไง แต่กูไม่กลัวหรอกว่ะ ถ้าเป็นผีผู้หญิงสวยๆ แต่ไม่ใช่แบบที่เจอเมื่อกี้ กูจะจับทำเมียซะเลย”
“โห ขนาดนั้นเลยรึ”
“เออ” “แล้วมึงเคยเจอรึเปล่าว่ะกล้า”
“กูน่ะรึ ไม่ว่ะ เพิ่งเจอเมื่อกี้พร้อมเอ็งนี่แหละ”
“แต่กูกลัวนะผีน่ะ” กล้าบอก
“โธ่.... ทำเป็นปอดแหกไปได้ อยู่กับกูมึงไม่ต้องกลัวหรอก” เก้าบอก
ตอนนี้ฝนตกหนักมาก ถ้าออกไปข้างนอกก็ไม่สามารถมองเห็นได้เกิน 2 เมตรมีทั้งลมแรงๆพัดต้นไม้ซึ่งปลูกไว้ที่หน้าสถานีไหวเอนจนเกือบๆจะหัก ถัดจากต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นมะพร้าว จู่ๆฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมา ทำให้สว่างวาบไปทั่ว แวบหนึ่งโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว ปรากฏร่างของหญิงสาวคนที่พวกเขาเอ่ยถึงขึ้นที่หน้าสถานี.............
ขณะที่สองกระทาชายกำลังคุยกันอยู่เพลินๆนั่นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นเสียงจากเครื่องของเก้านั่นเอง
“เฮ้ย โทรศัพท์มึงดังทำไมไม่รับวะเก้า” กล้าโพล่งขึ้น เมื่อโทรศัพท์ของเก้าดังขึ้น แต่เจ้าของโทรศัพท์ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ขี้เกียจว่ะ มึงรับให้กูหน่อยสิ” เก้าบอกปัด
“อะไรวะ โทรศัพท์มึงๆก็รับสิ จะให้กูรับมันก็ไม่ถูกนะเว้ย กูขี้เกียจก้าวก่าย”
“เออน่า รับให้กูหน่อย ช่วงนี้ไม่อยากรับโทรศัพท์”
“ทำไมวะ”
“เออน่า รับให้กูหน่อยเหอะ กูเบื่อๆยังไงไม่รู้”
“เออๆๆ เอามาๆ เดี๋ยวกูรับให้”
กล้าว่าแล้วก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์มาจากเก้า เมื่อเอามาดูก็ปรากฏเบอร์นิรนามหมายเลขหนึ่ง ซึ่งกล้าไม่รู้จัก เพราะเก้าไม่ได้เมมเก็บเอาไว้ในเครื่อง พอเขากดรับก็ปรากฏเสียงๆหนึ่งดังตามสายมา
‘ฮัลโหล ขอสายคุณเก้าหน่อยค่ะ’ เป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง
“เฮ้ยเก้า เสียงผู้หญิงว่ะ แฟนมึงรึเปล่าวะ แต่ไม่ได้เมมเบอร์ไว้ว่ะ รึว่ากิ๊กมึง”
“กิ๊กเกิ๊กกูมีที่ไหนวะ ไอ้นี่ เอามาดูซิ” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์คืน
“ฮัลโหล นี่ใครพูด”
‘นั่นคุณเก้าพูดรึเปล่าคะ’
“เออ ใช่ แล้วคุณน่ะใคร”
‘จำหนูไม่ได้แล้วเหรอคะ’
“ใครล่ะ??” กล้าถามกลับอย่างห้วนๆ เพราะเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว
‘คนที่คุณเคยทำมิดีมิร้ายไว้ไงคะ’
“ใครกันวะ!!!” เขากระชากเสียง “มาหาว่ากูทำอะไรมิดีมิร้ายไว้ อย่ามาอำกูให้เหนื่อยเลย บอกมา!!! มึงเป็นใคร”
‘ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ......... ทำเป็นจำหนูไม่ได้ ก็คนที่พี่ข่......ม ขื.....น แล้....วฆ่าหม.....กไว้ ที่ป่าข้า......งทา....งไงล่ะคะ................’ เสียงของเธอค่อยๆยานลงๆ ฟังน่ากลัวมาก
เก้าเมื่อได้ยินเช่นนั้นหน้าก็ซีดผืด ตัวสั่น มือสั่น ทำโทรศัพท์หล่นพื้น ตอนนี้ตัวเขาแข็งทื่อไปแล้ว กล้าเมื่อเห็นเพื่อนชายมีอาการผิดปกติก็โพล่งถามขึ้น
“เฮ้ย!!! ไอ้เก้ามึงเป็นอะไรวะ”
“ชะ......ช่วยกูด้วย”
“จะให้กูช่วยมึงยังไงวะ”
“ชะ.......ช่วยกูที” เก้ากล่าวคำนั้นเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติไป
“อ้าว เฮ้ย!!! ไอ้เก้า ไอ้เก้า”
เมื่อเก้าหมดสติไปกล้าก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ นอกจากคอยให้กล้าฟื้นขึ้นมาเองอีกครั้งเท่านั้น เขามีลางสังหรแปลกๆ จึงรีบก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยอาการตกใจ ว่าใครเป็นคนโทรมา แต่ตอนนี้เบอร์ดังกล่าวได้ถูกตัดสายไปแล้ว..................
ตอนนี้ฝนข้างนอกก็หยุดตกแล้ว แต่เก้ายังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นขึ้นมาจากอาการช็อกเลย ส่วนกล้าเมื่อหายจากตกใจก็รีบลุกไปหายาดมที่กล่องยา ซึ่งแขวนอยู่ที่ผนังห้องทางขวามือก่อนถึงห้องน้ำ เมื่อได้มากล้าก็ปฐมพยาบาลเก้าอย่างตามมีตามเกิด ไม่ช้าเมื่อได้กลิ่นของยาดม เก้าก็ตื่นขึ้นด้วยอาการหวาดผวา และตัวยังสั่นอยู่ กล้าก็ได้แต่มองด้วยสายตาห่วงใยเพื่อนฝูง เพราะถ้ากล้าถามอะไรตอนนี้ก็คงจะไม่ได้คำตอบจากเก้าแน่จึงได้แต่เงียบเป็นเพื่อเพื่อนเก้า.........................
30 นาทีผ่านไป............................
“มันยังอยู่อีกไหม มันยังอยู่อีกไหม!!!” จู่ๆเก้าก็โพล่งขึ้น ทำให้กล้าซึ่งนั่งค่อยอยู่เป็นเพื่อนสะดุ้งโหยง
“อะไร อะไร??” กล้าถามมาด้วยความสงสัย
“ก็อีผีตัวนั้นไง มันยังโทรมาอีกไหม”
“อ้อ มันไม่อยู่แล้วล่ะ เป็นไงมั่ง ดีขึ้นแล้วยัง”
“เฮ้อ.....ดีขึ้นแล้ว”
“เอ็งกลัวอะไรนักหนาวะ ไหนบอกว่าไม่กลัวผีไง”
“มึงอย่าไปพูดถึงมันอีกเลยกล้า กูยอมรับแล้วว่ากูกลัว ที่กูบอกว่าไม่น่ะ กูโกหกมึงเท่านั้นเอง กูแค่ไม่อยากให้มึงมองกูว่าขี้ขลาดตาขาวว่ะ”
“โธ่ นึกว่าอะไร ที่แท้มึงก็กลัวนี่นา ฮ่าๆๆ”
“เออๆๆ กูยอมรับแล้ว” เก้าบอกอย่างละอาย
“งั้นเอ็งไม่เป็นไรแล้วแน่นะ”
“เออ กูไม่เป็นไรแล้ว” เก้าตอบ
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป เก้าก็ไม่เคยโกหก เพื่อให้กล้ายอมรับเก้าอีกเลย และขณะที่ทั้งสอง กำลังคุยกันต่อนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เก้าซึ่งตอนนี้ยังหวาดๆอยู่ตกใจ ทะลึ่งตัวของจนเกือบตกเก้าอี้ จนทำโทรศัพท์ตกอีกครั้ง.........
“มึงรับเลย มึงรับเองเลย กูไม่เอาอีกแล้ว ปรื๋อ..........” เก้ากล่าว
“เออๆ กลัวเจอแบบเมื่อกี้อีกล่ะสิ ฮ่าๆๆ”
“เออๆมึงรับทีสิกล้า”
“เออ นี่กูต้องรับอีกหรอนี่ เฮ้อ......”
‘ฮัลโหล สวัสดีครับ’ เสียงจากปลายสายพูดทักทายก่อน เมื่อกล้ารับสาย
“หวัดดีคับ” กล้าตอบ “นี่ใครพูดน่ะ”
‘อ๋อ ผมชื่อต้นครับ นั่นไม่ทราบว่า พี่เก้าอยู่ใกล้ๆรึเปล่าครับ’
“คับๆ ค่อยสักเดี๋ยวนะคับ” กล้ากล่าว แล้วหันมาทางเก้า
“เฮ้ยเก้า สายของเอ็งอีกแล้วว่ะ รับสิ”
“ใช่สายเมื่อกี้อีกรึเปล่าวะ” เก้าถามอย่างหวั่นๆ
“ไม่ใช่หรอก เค้าบอกว่าเป็นน้องของแกว่ะ”
“เรอะ งั้นเอามา” แล้วเก้าก็ยื่นมือไปรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล นี่ใครอ่ะ”
‘พี่เก้าใช่ไหมครับ จำผมได้รึเปล่าผมต้นเองครับ’
“อ้อน้องต้นนั่นเอง มีอะไรหรอ”
‘คือพี่เก้าว่างไหมครับตอนนี้’
“ว่างสิ มีอะไรให้พี่ช่วยเรอะ”
‘คือผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดน่ะครับ แล้วรถก็มาถึงเอาเกือบตี 2 นี่รถกลับเข้าบ้านก็ไม่มี ว่าจะให้พี่มารับหน่อยน่ะครับ’
“อ้อๆๆ ได้สิ เดี๋ยวพี่ออกไปรับนะ แล้วตอนนี้เอ็งอยู่ใหนล่ะ”
‘ผมอยู่ที่ท่ารถ บขส.น่ะครับ’
“เออๆๆ เดี๋ยวพี่ออกไปเลย คอยอยู่นั่นนะ”
‘ครับๆๆ ขอบคุณมากครับพี่’
“เออๆ แค่นี้แหละ”
‘ครับ สวัสดีครับ’
เมื่อวางสาย เก้าก็หันไปบอกกล้าถึงเรื่องดังกล่าว ทั้งสองเมื่อตกลงกันได้แล้วก็รีบขับรถออกจากสถานีของมูลนิธิตรงไปยังบขส.ทันที..............
..................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ