~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age]
8.3
เขียนโดย Daimaou_no_Sora
วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 เวลา 22.46 น.
12 Lesson
28 วิจารณ์
21.40K อ่าน
2) อัญมณี
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-= ~S.O.M.A~ [Solitaire of The Magician Age] - The Chronicle of Zodas =-
-= ~โซมะ~ [เพชรเม็ดเดียวแห่งยุคจอมเวท] - บทบันทึกแห่งโซดาส =-
-= Lesson 2 : อัญมณี =-
นีน่า ค่อยๆประคองร่างของเอลฟ์สาวลงที่โซฟาตัวยาวที่อยุ่ในห้องรับแขก พร้อมกับเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจากชามสแตนเลสที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆเช็ดใบหน้าของเอลฟ์สาวผู้นั้นอย่างบรรจง พลางมองดูบาดแผลภายใต้อาภรณ์สีขาวที่ขาดหลุดรุ่ยนั่นอย่างละเอียด
“บาดแผลเต็มไปหมดเลย… ถูกสัตฺว์ป่าทำร้ายมารึไงนะ… ไม่น่าจะใช่… เพราะรอบๆเมืองนี้ไม่น่าจะมีสัตฺว์ป่าที่ทำร้ายคนอยู่เลยนี่นา รึว่าจะเป็น! เจ้าพวกนั้น!?”
เธอคิดพร้อมกับหยิบกรรไกรสีเงินมันวาวขึ้นมาก่อนที่จะบรรจงตัดชุดของเอลฟ์สาวผู้นั้นตั้งแต่คอเสื้อลงไปถึงกลางหน้าอก แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไรไปมากกว่านี้อยู่ๆ Android สาวของเธอก็เดินเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะนายหญิง? อ๊ะ!... … ดิชั้นต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่มารบกวนในช่วงเวลาอันแสนสุขนะคะ ถ้าอย่างนั้นดิชั้นขอตัวก่อน… แล้วก็… อย่าหักโหมให้มากนักนะคะ”
Android สาวยิ้มอย่างเป็นปริศนาพร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะรีบออกจากห้องไปทันที
“ดะ… เดี๋ยวสิ! ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ! เฮ้อ~~”
เธอส่ายหัวเล็กน้อยกับการกระทำของ Android ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนักก่อนจะหันมาเช็ดตัวให้เอลฟ์สาวต่อ เธอค่อยๆบรรจงลูบผ้าขนหนูตั้งแต่ซอกคอลงมาจนเกือบจะถึงเนินอกเปลือยเปล่าของเอลฟ์สาวนั่น และทันใดนั้นร่างของเอลฟ์สาวก็แปล่งประกายสีครามสว่างจ้าซึ่งทำให้เธอตกใจจนเกือบตกจากโซฟา และเมื่อแสงสว่างสีครามนั่นค่อยๆจางหายไป เหนือร่างของเอลฟ์สาวผู้นั้นก็มีร่างของหญิงสาวปริศนาผู้งดงาม ใส่ชุดเกราะเหมือนกับอัศวินหญิงในยุคโบราณ ที่ทั่วทั่งร่างถูกปรกคลุมไปด้วยออร่าสีคราม และในมือของเธอนั้นมีดาบขนาดใหญ่ดูน่าเกรงขามอยู่ เธอผู้นั้นจ้องมองนีน่าด้วยแววตาดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาที่จ้องมองมาที่ นีน่า นั้นทำให้เธอเหมือนกับต้องมนตร์สะกดและก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว หญิงสาวปริศนาก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบแต่เย็นชา
“คิดจะทำอะไรไม่ทราบ?”
หญิงสาวผู้นั้นกวาดดาบในมือมาที่นีน่าและจ่อที่คอหอยของเธอเอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาอันดุดันนั่นเป็นเชิงประมาณว่า ‘ถ้าไม่ตอบ หรือ ตอบไม่ตรงคำถาม คอเธอหลุดจากบ่าแน่’ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกกดดันมากขนาดนี้ตัวเธอเริ่มสั่น ศาสตราคู่กายก็อัญเชิญออกมาไม่ได้ แต่ถ้าทำได้คอเธอก็คงหลุดจากบ่าก่อนที่เธอจะท่องมนตร์อัญเชิญอาวุธเสร็จเสียด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่รู้จะตอบคำถามของอัศวินสาวนั่นยังไงดีโดยที่ไม่ทำให้อัศวินสาวผู้นั้นบั่นคอเธอขาดเสียก่อน เธอรวบรวมสติและค่อยๆอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับอัศวินสาวผู้นั้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ซึ่งในตอนแรกอัศวินสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นชามใส่น้ำและผ้าขนหนูที่นีน่าถืออยู่ในมือ เธอก็ค่อยๆละดาบออกจากคอหอยของนีน่า และเสกให้มันหายไปทันทีก่อนที่จะยกมือขึ้นเหนือร่างของเอลฟ์สาว ทันใดนั้นบาดแผลบนร่างกายของเอลฟ์สาวก็ค่อยๆสมานเข้าด้วยกันจนกลับสู่สภาพปรกติเหมือนกับไม่เคยมีบาดแผลในจุดนั้นๆมาก่อน ผิวขาวเนียนผุดผ่องแลเป็นประกายแม้จะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อย ในแบบฉบับผิวพรรณของชนเผ่าเอลฟ์เผยให้เห็นอีกครั้ง
“ขอโทษนะที่ข้าวู้วามไปหน่อยข้าชื่อ อูดินี่ เทพีแห่งสายธาร เป็น *ภูติ ประจำตัวของ อลิส … อ้อ! หมายถึงเอลฟ์ผู้นี้น่ะ เผอิญพวกเราพึ่งเดินทางกลับมาจากต่างเมือง กลางทางเจอ กลุ่มเลนิน หลอบโจมตีแต่พวกเรามีกันแค่ 2 คนเลยสู้กับพวกมันไม่ไหว ก็เลยพากันหนีอย่างเอาเป็นเอาตายจนมาเจอเจ้านี่แหละ ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”
เพราะเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ ที่ทำให้ นีน่า ไม่กล้าที่จะตอบกลับ เธอจึงได้แต่นั่งเงียบพลางจัดองค์ประกอบเสื้อผ้าให้เอลฟ์สาวที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ ปึ้ง!ๆๆๆq และในระหว่างที่ทั้ง 2 กำลังช่วยกันดูอาการของเอลฟ์สาวกันอยู่นั้น ก็มีคนมาเคาะประตูหน้าบ้านหลายครั้งอย่างแรง
“ค่าๆ~~~ มาแล้วค่า~~”
Android สาวอาสาออกไปเปิดประตูหน้าบ้าน แต่ทว่าเมื่อเธอเปิดประตูออกไปสิ่งที่รอ Andriod สาวอยู่นั่นคือปากกระบอกปืนที่จ่อเข้าที่กลางหน้าผากพอดี เปรี้ยง!!! เสียงปืนก็ดังขึ้นจน นีน่า และ อูดีนี่ ถึงกับสะดุ้งโหยงและประหลาดใจกับเสียงปืนเมื่อครู่
“พวกคุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวชั้นออกไปดูเอง ถ้าหากคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลล่ะก็… รีบพาคุณ อลิส หนีออกไปทางประตูหลังนะคะ”
เมื่อ นีน่า ออกมาจากห้องรับแขกก็เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หลากหลายเผ่าพันธ์ุประมาณ 5-6 คนกำลังบุกเข้ามาในบ้าน แต่มีหนึ่งในนั้นที่กำลังใช้ปากกระบอกปืนขยี้ที่เนินอกของร่าง Android สาวที่นอนตาค้างอยู่ที่พื้นเล่นอย่างเมามันส์
“เห~~ นังนี่คือ Android อย่างงั้นเหรอนี่!? แหม่ๆ~~~ ช่างทำได้เหมือนคนจริงๆ ฮิฮิ”
ว่าแล้วเขาก็เปลี่ยนจากใช้ปากกระบอกปืน มาเป็นใช้ฝ่ามือแทนเขาทั้งขยี้ ทั้งคลึง ทั้งเคล้น และไม่วายที่จะถลกเสื้อของ Android สาวขึ้น และเอาหน้าซุกไปที่กลางร่องอกอันอวบอั๋นที่เปลื่อยเปล่าของ Android สาวนั่น พลางแสดงสีหน้าหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ยๆ! นี่ไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้นะโว้ย! เกลดั้น รีบๆไปจับตัวนังเอลฟ์นั่น และเอาอัญมณีของมันมาให้ได้ก่อนเถอะ… และหลังจากนั้นแกจะทำอะไรกับนังนั่นก็ได้ตามใจ…”
เสียงผู้ชายคนหนึ่งจากในกลุ่มนั้นดังขึ้น น่าจะเป็นผู้นำกลุ่มหรืออะไรสักอย่างเทือกๆนี้ แต่คงไม่ใช่หัวหน้าของพวกมันแน่ๆ เพราะดูจากจำนวนแล้ว กลุ่มเลนิน ไม่น่าจะมีสมาชิกแค่ 5 หรือ 6 คนเป็นแน่แท้ นี่อาจจะเป็นแค่กลุ่มย่อยๆที่กระจัดกระจายกันทั่วพื้นที่เพื่อออกปล้นกลุ่มนักเดินทางก็เป็นไปได้ แต่เหตุผลที่พวกมันตาม อลิส มา ก็เพราะต้องการอะไรบางอย่างจากเธออย่างแน่นอน
‘กลุ่มเลนิน อย่างงั้นเรอะ? ทำไมพวกมันถึงกล้าเหยียบเข้ามาในเมืองหลวงแบบนี้ล่ะ!?’
นีน่าซึ่งแอบซุ่มดูอยู่นั้น รีบย่องกลับเข้าไปในห้องรับแขกอย่างระมัดระวังและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อเธอเข้ามาในห้อง อลิส เอลฟ์สาวที่เธอช่วยเอาไว้ก็ฟื้นขึ้นมาพอดี แต่ อูดินี่ เทพีประจำตัวของเธอกลับหายตัวไป
“กรี๊ด~~~!!!”
เมื่อ อลิส ที่พึ่งฟื้นขึ้นมาจากอาการสลบ เมื่อเธอเห็น นีน่า ที่กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆก็ร้องกรี๊ดดังลั่นห้องขึ้นมาทันที
“ชู่ววว! อย่าส่งเสียงดังสิ! ชั้นพวกเดียวกับเธอนะ…”
นีน่า กระโจนเข้าไปเอามืออุดปากของ อลิส ทันที แต่ไม่ทันการเสียแล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ได้ยินเสียงร้องเมื่อครู่ ต่างพากันแห่มาที่ห้องรับแขกทันที ปึ้ง!! ชายฉกรรจ์คนหนึ่งถีบประตูห้องรับแขกอย่างแรงจนมันหลุดออกจากวงกบประตู
“รีบไปหลบหลังโซฟาก่อนเร็ว!”
นีน่า กระซิบ อลิส ทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะรีบไปซ่อนหลังโซฟาด้วยท่าทางตื่นๆ ชายฉกรรจ์หน้าโหดเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับปืนลูกซองอัตโนมัติที่อยู่ในมือ พลางเล็งปากกระบอกไปที่เธอ
“ถ้ายังไม่อยากตายก็บอกมาว่า… ผู้หญิงที่เธอซ่อนเอาไว้อยู่ที่ไหน!?”
นีน่า มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง 1 คือยอมจำนนตามที่มันบอก 2 คือสู้กับพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด แต่นีน่าไม่แน่ใจว่า ณ ตอนนี้เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือ ที่อยู่หน้าห้องรับแขกมีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ ถ้ามีไม่เกิน 4 - 5 คนเธอก็พอที่จะสู้ได้อย่างสบายๆ แต่ถ้ามีมากกว่านั้น… ก็เท่ากับว่าเธอกำลังคิดที่จะฆ่าตัวตาย
“ด้วยพันธะสัญญาแห่งโมดูลย์... จงมาศาสตราแห่งข้า...”
นีน่า เอามือไขว่หลังเล็กน้อยพร้อมกับพึมพำในลำคอเบาๆเพื่ออัญเชิญปืนคู่สีเงินมันวาวประจำกายของตัวเองออกมา พลางเหลือบไปมอง อลิส ที่อยู่หลังโซฟา ซึ่งน่าแปลกที่เมื่อกี้เธอยังร้องกรี๊ดกร๊าดลั่นบ้านด้วยความกลัวอยู่เลย แต่ตอนนี้แววตาของ อลิส เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เธอไม่มีอาการตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อยและกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่
“ข้าแต่เทพีแห่งสายธารอันเชี่ยวกราด จงปรากฎกายเพื่อปกป้องข้า ณ บัดนี้ มนตราอัญเชิญ เทพีแห่งสายธารผู้งดงาม! อูดิเนีย ซัมมอนโดล่า!!”
ในระหว่างนั้นออร่าสีครามก็ห่อหุ้มร่างของเอลฟ์สาวเอาไว้ หญิงสาวในชุดอัศวินปรากฎกายขึ้นอีกครั้ง และเมื่อเธอเห็นชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่นั้น ทำให้เธอถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง
“กลุ่มเลนิน!”
อูดินี่ จำกลุ่มผู้ร้ายที่โจมตีเธอกับ อลิส ในระหว่างเดินทางได้ เธอเสกดาบคู่กายของเธอออกมาทันที ส่วนทางด้าน กลุ่มเลนิน เองก็ดูท่าว่าจะจำ อูดินี่ ได้เช่นกัน ทันใดนั้น กลุ่มเลนิน ชักอาวุธปืนของตนขึ้นมาและกระหน่ำยิงใส่ อูดินี่ ทันที โป้ง!! ป้าง!! เปรี้ยง!! ปังๆๆๆๆ!! เธอโผตัวเข้าไปหลบตรงชั้นหนังสือข้างๆนั่น อันที่จริง อูดินี่ เป็นเทพีแห่งสายธารที่กระสุนธรรมดาๆไม่มีทางทำอะไรเธอได้อยู่แล้ว แต่กระสุนที่ กลุ่มเลนิน ใช้อยู่นั้น เป็น กระสุนสลายมนตรา ที่มีใช้อยู่ในกองทัพของ อาณาจักรไลลาริน ที่มีอำนาจการทะลุทะลวงวัตถุที่ต่ำเอามากๆ แต่ถ้าเธอเผลอโดน กระสุนสลายมนตรา เข้าไปแม้แต่เพียงนัดเดียวล่ะก็… ร่างของเธอจะสูญสลายหายไปทันที แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาของเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะ อลิส สามารถอัญเชิญเธอออกมาได้เรื่อยๆ แต่ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวเธอเองนั้นต้องใช้ พลังเวท และรวมไปถึง พลังชีวิต ร่วมกับ อลิส ฉนั้นการที่จะอัญเชิญเธอในแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือน อลิส ได้แบ่งเอา พลังชีวิต ของตัวเองส่วนหนึ่งมาให้กับเธอ ถ้าขืนเธอเป็นอะไรไปในระหว่างที่เธอถูกเรียกออกมาก็จะทำให้ อลิส พลอยโดนหางเลขไปด้วย
เมื่อ นีน่า เห็นเช่นนั้นเธอจึงกระโจนข้ามผนักพิงของโซฟา เปรี้ยงๆๆๆ!! ยิงสวนกับกลุ่มเลนินออกไปมั่วซั่ว แต่กระสุนของเธอไม่มีทีท่าว่าจะโดนกลุ่มเลนินเลยสักนัด เพราะจำนวนกระสุนที่กลุ่มเลนินกราดยิงเข้ามามีมากจนเกินไป จนทำให้เธอไม่มีสมาธิที่จะเล็งปืนได้ จึงต้องรีบก้มตัวหลบหลังโซฟาอีกครั้ง
“บ้าจริง!! ทีนี้จะเอาไงดีล่ะเนี่ย?”
นีน่า คิดในใจพลางปาดเหงื่อจากใบหน้า ก่อนจะหันไปมอง อลิส ที่ตอนนี้กลับมาตัวสั่นเทิ้มอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่เป็นเพราะ พลังเวท และ พลังชีวิต ของเธอที่กำลังถูก อูดินี่ ดูดเอาไปอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เธอเริ่มรู้สึกอ่อนล้า ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัด สายตาเริ่มเหม่อลอยขึ้นทุกทีๆ นีน่า เห็นเช่นนั้นจึงรับรู้ได้ว่า อลิส เองนั้นไม่สามารถที่จะเรียก อูดินี่ ออกมาได้เป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ อูดินี่ หายไปในตอนแรกก็เป็นได้ แต่ทว่าจู่ๆชายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย!! ส่ง อัญมณีแห่งสายธาร มาเดี๋ยวนี้!! อย่าต้องให้พวกเราต้องทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้นะโว้ย!!”
“อัญมณีแห่งสายธาร? นะ… นี่อย่าบอกนะว่าเธอไปขโมยอัญมณีที่ว่านั่นมาจากพวกมัน!?”
นีน่า หันมาพูดเป็นเชิงกระซิบถามกับเอลฟ์สาว อลิส จึงส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการปฏิเสธ ซึ่งนั่นทำให้ นีน่า เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้ กลุ่มเลนิน กล้าเหยียบเข้ามาในเมืองหลวงนั้นมาจากอะไร เธอรู้ดีว่า อัญมณีแห่งสายธาร นั้นคืออะไร และพลังอำนาจของมันมีมากแค่ไหน มันไม่ใช่แค่อัญมณีธรรมดาๆ แต่มันคืออัญมณีในตำนานที่กล่าวไว้ว่า มันคือเครื่องประดับที่ เทพีแห่งสายธาร มักจะสวมใส่มันอยู่เป็นประจำเมื่อสมัยก่อนที่ เทพเจ้าผู้สร้างโลก จะนำพาเหล่าสิ่งมีชีวิตบนผืนพิภพให้พบกับจุดจบ เมื่อหลายพันหลายหมื่นปีก่อน แต่ เทพีแห่งสายธาร ไม่ยอมรับกับการกระทำของ เทพเจ้าผู้สร้างโลก จึงใช้พลังทั้งหมดของตนผนึกตัวเองพร้อมกับ เทพเจ้าผู้สร้างโลก เอาไว้ใน อัญมณีแห่งสายธาร นี้ซะ และ อูดินี่ นั้นก็น่าจะเป็น ร่างจำแลงของ ความทรงจำ ที่หลงเหลืออยู่ของ เทพีแห่งสายธาร นั้นก็ได้
เมื่อ อลิส ได้ยินคำที่ชายฉกรรจ์พูดขึ้นก็เอามือกุมที่สร้อยคอที่มีอัญมณีสีฟ้าอ่อนที่กำลังเรืองแสงเรืองรองอยู่ แล้วมองไปที่ อูดินี่ ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ส่วน อูดินี่ ก็ส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามประมาณว่า ‘อย่าส่งให้มันเชียวนะอลิส!’
ค่ำคืนอันเงียบสงบต่างจากเหตุการณ์ภายในบ้านของ นีน่า ราวกับคนละโลก มีเงาของบุคคลลึกลับคู่หนึ่งกำลังเดินดุ่มๆมาที่หน้าบ้านของเธอ และเมื่อเขาเห็นสภาพประตูหน้าบ้านที่เปิดอ้าซ่าอยู่ ผนวกกับเสียงข้าวของแตกกระจายแล้ว รอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาเล็กน้อย พลางส่งสายตาเข้าไปภายในบ้านที่มืดสนิท ซึ่งมีแต่แสงสว่างจากประกายไฟจากกระบอกปืนของ กลุ่มเลนิน ที่สว่างขึ้นมาอย่างเป็นจังหวะจากห้องด้านในเท่านั้น
“อ้าวๆ สงสัยยัย นีน่า มีงานปาร์ตี้อยู่นะ? ว่าไหม?”
“แต่ดิชั้นคิดว่ามีโอกาสเพียงแค่ 0.000057% ที่จะเป็นเช่นนั้นค่ะ”
“เธอนี่น้า เดี๋ยวกลับไปห้องแล็ปสงสัยชั้นต้องตั้งโปรแกรมอารมณ์ขันให้กับเธอเสียแล้วสิ”
“ดิชั้นคิดว่านั่นไม่จำเป็นสำหรับดิชั้นหรอกนะคะ”
“หึหึ… เอ๊ะ!”
ชายหนุ่มไว้ผมซอยสั้นสีดำกระเซอะกระเซิง หน้าตาดูหน่ายโลก ผิดขาวซีดราวกับศพ สวมแว่นตาหนาเตอะบ่งบอกว่าเป็นคนสายตาสั้นได้อย่างชัดเจน แถมไม่ใช่สั้นธรรมดาๆ แต่สั้นมากด้วย สวมเสื้อเชิตสีขาวและสวมชุดกราวน์สีขาวทับเอาไว้ดูเหมือนกับนักวิจัยตามห้องทดลองก็มิปาน พร้อมกับกางเกงสเลคขายาวทรงกระบอกสีดำ รองเท้าหนังมันวาวสีดำ และที่สำคัญดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นหุ่น Android ที่คาดว่าตนน่าจะเป็นคนสร้าง นอนกองอยู่กับพื้นตรงหน้าประตูบ้านแถมยังอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยอีกต่างหาก ทำให้เขาถึงกับร้องอุทานออกมาดังลั่นพร้อมกับทำท่าทางดีดดิ้นเหมือนกับรับสภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ แต่ไม่ทันไรเขาก็นำอุปกรณ์ซ่อมบำรุงแบบพกพาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วลงมือซ่อมแซม Android ตัวนั้นทันที
“ยืนยันจำนวนบุคคลสิ?”
“จากผลการสแกนคลื่นความร้อน ศัตรูมีทั้งหมด 6 คนค่ะ คาดว่าน่าจะพวก กลุ่มเลนิน ที่ทางการประกาศจับตายอยู่ค่ะ และมีอีก 2 คนที่คาดว่าน่าจะเป็น คุณนีน่า ส่วนอีกคนดิชั้นไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ค่ะ”
“อืม… ภารกิจคือกวาดล้าง กลุ่มเลนิน และทำการช่วยเหลือ นีน่า เอฟ ลอสโอริเทียร์ กับอีกคนที่เหลือนั่น อย่าให้เอะอะนักล่ะ…”
“รับทราบค่ะ”
Android สาวที่มีการแต่งตัวและหน้าตาละม้านคล้ายคลึงกับ Android ของ นีน่า ราวกับฝาแฝด แต่จะแตกต่างกันแค่ทรงผมและสีผมที่เป็นสีเงินยาวสลวยถึงสะโพก เธอตอบรับก่อนที่หนุ่มนักวิจัยจะโบกมือไปมาเหมือนกับกำลังร่ายมนตร์ ก่อนที่จะเกิดช่องว่างขนาดเล็กพอที่จะล้วงมือเข้าไปได้ขึ้นมาตรงหน้า Android ของเขาเธอล้วงมือที่เรียวยาวแต่แข็งกระด้างนั่นเข้าไปก่อนที่จะชักปืนสีดำรูปร่างไฮเทคล้ำสมัยขนาดใหญ่และยาวประมาณ 1.2 เมตร ออกมาจากช่องว่างตรงหน้านั่น เธอประกอบพานท้ายปืนเข้ากับตัวปืนอย่างคล่องแคล่วและขึ้นลำมันเหมือนปืนลูกซอง ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเพียงลำพัง ส่วนนักวิจัยหนุ่มปริศนาก็ได้แต่ผิวปากเบาๆ 1 ครั้งเพื่อเป็นการส่งท้ายให้กับเธอ ก่อนจะรีบหันกลับไปซ่อมแซมหุ่น Android ที่อยู่ตรงหน้า
“ใช้ C.Railgun Dual Mode เลยเหรอ ฟรีน่า มันออกจะเกินไปหน่อยมั้ง…”
นักวิจัยหนุ่มส่งการสนทนาผ่านทางกระแสจิตมายัง Android สาวของเขา
“ดิชั้นคิดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับภารกิจนี้ที่สุดค่ะ”
“ยะ… อย่างงั้นเหรอ? แต่ช่างเถอะ… ยังไงซะ… ก็อย่าไปทำข้าวของในบ้านพังจนทำให้ยัยนั่นโกรธเชียวล่ะ”
“รับทราบ… ค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงแกมประชดนิดๆ และเมื่อ Android สาวเดินมาถึงบริเวณห้องทานอาหารที่อยู่ก่อนถึงห้องรับแขกที่เป็นสถานที่เกิดเหตุประมาณ 2 ห้อง เธอเปิดระบบสแกนคลื่นความร้อนอีกครั้ง ก่อนที่จะตั้งลำกล้องของปืนเข้าหากำแพงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเว้นระยะห่างพอสมควรพร้อมกับเล็งปืนไปที่จุดสีแดงที่เป็นรูปตัวคน 5-6 จุดนั่นทันที
“ระยะยิง 17.90 เมตร ความหนาของสิ่งกีดขวางโดยรวม 80 ซม. ความคลาดเคลื่อน 0% ใช้โหมด Long Lance Fire ตั้งค่าความเสถียรให้อยู่ที่ระดับ 4”
Android สาวเหนี่ยวไกทันทีหัวกระสุนเรืองแสงสีฟ้าสว่างถูกยิงออกไป ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากตัวปืนทั้งสิ้นเพราะมันยิงด้วยคลื่นแม่เหล็ก ตูม!! โครม!! ครืด~~!! จะมีก็เฉพาะเสียงแตกของกำแพงเท่านั้น ลูกกระสุนโลหะเรืองแสงพุ่งทะลุกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างหนาของห้องทานอาหารอย่างง่ายดาย และผ่านกำแพงห้องครัวอีกชั้นไปภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นกระสุนนั่นทะลุกำแพงด้านหลังของห้องรับแขกและเฉี่ยวติ่งหูของ นีน่า ไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดทะลุโซฟาไปยังประตูห้องรับแขก และพุ่งเข้าทะลุกลางอกชายฉกรรจ์ 3 คนใน กลุ่มเลนิน ที่ยืนเรียงกันอยู่อย่างแม่นยำทำให้ทั้ง 3 กระเด็นไปติดกับกำแพงจนกำแพงที่โดนอัดกระแทกนั้นถึงขั้นร้าวเพราะน้ำหนักตัวและแรงปะทะของลูกกระสุน ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 สิ้นใจในทันที Android สาวดึงคันชักที่เหมือนกับปืนลูกซองนั่น 1 ครั้งเพื่อเป็นการขึ้นลำกระสุนใหม่
“อะ… อะไรน่ะ!”
นีน่า อุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับมองรูโบ๋ที่โซฟาของตัวเอง ซึ่งมีรอยไหม้และควันลอยออกมาจากรูโบ๋นั่นเล็กน้อย
“ยืนยันเป้าหมายยังรอดชีวิต 3 คน เปลี่ยนไปใช้โหมด Rapid Fire ตั้งค่าความเสถียรให้อยู่ที่ระดับ 7”
Android สาวเปลี่ยนโหมดปืนของตัวเองเป็นแบบยิงอัตโนมัติ ก่อนจะกระหน่ำยิงใส่กำแพงตรงหน้าทันที ตูมๆๆๆๆๆๆ!! เช่นเคยกระสุนถูกยิงทะลุจากห้องหนึ่งมายังอีกห้องหนึ่ง แต่คราวนี้มันมาโดยไม่เจาะจงเป้าหมายแต่เป็นการยิงแบบกราดมั่วแทน
“อ๊า~~ กรี๊ดด!”
นีน่า และ อลิส พากันหมอบหลบห่ากระสุนเรืองแสงที่กระหน่ำยิงทะลุกำแพงเข้ามาอย่างสุดชีวิตส่วน อูดินี่ นั้นเธอพุ่งทะยานตัวของเธอมาเป็นเกราะกำบังให้กับทั้งคู่ และเมื่อการกระหน่ำอย่างเมามันส์ของ Android สาวจบลงก็มีศพชายฉกรรจ์เพิ่มขึ้นอีก 2 ศพที่นอนจมกองเลือดในสภาพที่ชวนสยดสยองและสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ส่วนชายฉกรรจ์ผู้เหลือรอดอีก 1 ที่เป็น *เผ่าครึ่งสัตว์ ระหว่างมนุษย์กับสุนัขจิ้งจอก ที่เหลืออยู่นั้น เมื่อเห็นพรรคพวกของตนกลายเป็นเศษเนื้อ จึงกระโจนทะลุหน้าต่างออกไปด้านหลังของตัวบ้านที่เป็นสวนและวิ่งหนีตายอย่างสุดชีวิตโดยไม่หันหลังกลับมามองเลยแม้แต่หางตา
“เป้าหมายยังเหลืออีก 1 และกำลังหนี จะดำเนินการติดตามและกำจัดค่ะ”
Android สาวทิ้งปืนในมือของตนและตั้งใจจะไล่ตามไปแต่ทว่า…
“ไม่ต้องตามไป! พอได้แล้ว ฟรีน่า ทำการช่วยเหลือพวก นีน่า ก่อน…”
“รับทราบค่ะ”
ฟรีน่า จ้องมองร่างสีแดงนั้นผ่านดวงตาอินฟาเรดของเธอ และถ้าหากสังเกตุดีๆจะเห็นสีหน้าของเธอที่แสดงอาการเหมือนกับเสียดายและไม่พอใจขึ้นมานิดๆ แต่เธอก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้เป็นนายได้ เธอรีบตรงดิ่งไปยังห้องรับแขกทันทีและเมื่อเธอเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับ นีน่า ที่หันปากกระบอกปืนมาที่เธอ
“ดิชั้นคือหุ่น Android ของ ดร.วิกเตอร์ โนว่า ชื่อว่า ฟรีน่า ค่ะ ดิชั้นมาเพื่อช่วยเหลือคุณทั้ง 2 คน”
“หุ่น Android… ของ วิกเตอร์ เหรอ?”
“ถูกต้อง!”
ชายหนุ่มนักวิจัยนามว่า วิกเตอร์ ผู้เป็นเจ้าของ Android ตัวดังกล่าว และดูเหมือนว่าจะรู้จักกับเธอมาก่อนปรากฎตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับทำท่าเก็กหล่อใส่ แต่ด้วยท่าทางยียวนกวนประสานของเขานั้น แทนที่จะทำให้หล่อกลับกลายเป็นกวนโอ้ยแทน
“วิกเตอร์!”
“ไง นีน่า ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ 3 ปี ได้แล้วมั้งตั้งแต่เธอเดินทางออกมาจากไลลาริน อุแหม่~~ เธอก็ยังคงความน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“นายมาทำอะไรที่นี่ วิกเตอร์ แล้วรู้ที่อยู่ของชั้นได้ยังไง?”
นีน่าแสดงสีหน้าและท่าทางไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งเมื่อเจอหน้าเพื่อนเก่า ตั้งแต่เธอเดินทางออกมาจากไลลาริน ก็ไม่ได้ติดต่อหาเขาเลยสักครั้ง แต่ว่าในเมื่อเธอไม่เคยติดต่อหาเขาหรือครอบครัวที่อยู่ไลลารินเลยสักครั้ง ทำไมชายผู้นี้ถึงรู้ที่อยู่ของเธอในรูนมิกัลได้ล่ะ
“อ้าวๆ ไหงงั้นล่ะ คนเขาอุตส่าห์คิดถึง อยู่ๆก็ทักทายกันแบบนี้ คนเขาน้อยใจเป็นนะเนี่ย”
นีน่า ยกปืนขึ้นจ่อไปที่นักวิจัยหนุ่มด้วยความหงุดหงิด จน วิกเตอร์ ต้องรีบกระโดดไปหลบอยู่หลัง ฟรีน่า ทันที ก่อนที่จะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมา
“ใจเย็นๆ วางปืนลงก่อนเถอะ ชั้นตั้งใจจะเอานี่มาให้ถึงมือเธอ ด้วยตัวเองเลยนะ”
นีน่า รับซองสีน้ำตาลนั่นมาจากเขาแล้วเปิดดู ข้างในซองนั้นมีเศษผลึกแก้วสีต่างๆอยู่ประมาณ 6 - 7 เม็ด เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับมองใบหน้าของนักวิจัยหนุ่ม ก่อนจะพลิกหน้าพลิกหลังซองเอกสารนั่น เหมือนกับจะหาจุดที่บ่งบอกว่าใครเป็นคนส่งมอบซองนี้ให้กับเธอ และก็พบตัวหนังสือที่จ่าหน้าซองเขียนไว้ว่า ‘Dr. Isaac Zandalphon of Lylarine Laboratory No.XVII’
เมื่อ นีน่า เห็นชื่อนั่นเธอก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาเป็นเชิงถาม วิกเตอร์ ที่หลบอยู่หลัง Android สาวของเขาที่กำลังแสดงท่าทีและสีหน้าหวาดๆ
“ใครกัน? ดร.ไอแซค ซานดาลฟอน แห่งห้องทดลองไลลาริน หมายเลข 17”
“หัวหน้าแผนกวิจัยที่ชั้นสังกัดอยู่น่ะ เธอก็เคยเจอกับเขาบ่อยๆตอนสมัยเด็กๆ เขาเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอไงจำได้ไหม?”
“ใครจะไปจำได้… พ่อของชั้นโดน เนรเทศ ออกจากไลลารินตอนที่ชั้นอายุแค่ 4 ขวบ”
“เอ่อ… ขอโทษนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
“ที่ชั้นพูดเรื่องพ่อของเธอ ทั้งๆที่เธอเคยบอกกับชั้นว่าไม่อยากจะจดจำมัน”
“ไม่ต้องใส่ใจกับมันให้มากนักหรอกน่า~ ว่าแต่… แล้วมันเกี่ยวกับผลึกพวกนี้ยังไง”
นีน่า หยิบผลึกในซองนั่นขึ้นมาดู แต่สีหน้าของเธอนั้นกลับแสดงความสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก วิกเตอร์ จึงได้โอกาสออกมายืดอกอย่างภาคภูมิใจก่อนจะอธิบายถึงรายละเอียดให้เธอฟัง
“ผลึกพวกนี้เป็นผลึกแก้วที่จำลองรูปแบบของอนุภาพพลังงานเวทมนตร์ ที่มีอยู่ใน เศษเสี้ยวผลึกแก้วเวทมนตร์โซดาส ที่เป็นตำนานนั่นไง”
“เศษเสี้ยวผลึกแก้วเวทมนตร์โซดาส!? เนี่ยน่ะเหรอ?”
นีน่า ถึงกับตาโตทันทีเธอรู้ดีถึงอุนภาพของพลังงานเวทมนตร์ที่มีอยู่ในผลึกที่ว่านั่น แต่ทว่า… หลังจากที่มันถูกแบ่งออกเป็น เศษเสี้ยว 8 ชิ้น และ 1 ใน 8 ชิ้น นั้นได้ถูกนำไปเก็บซ่อนเอาไว้ในที่ที่ไกลแสนไกลแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครพบเห็นอีกเลย แต่ตอนนี้ในมือของเธอกลับมีสิ่งที่มีลักษณะคล้ายๆกับมันอยู่ถึง 7 เม็ด
“ใช่… ดร.ไอแซค เขาทำการทดลองผสมผสานรูปแบบพลังงานเวทมนตร์หลายๆอย่างเอาไว้ในผลึกแก้วพวกนี้ดู ผลออกมาคือในผลึกเล็กๆพวกนี้ 1 เม็ดมันสามารถให้พลังงานเทียบเท่ากับ *ต้นไม้โลก 1 ต้น”
“ขะ… ของอันตรายแบบนี้เอามาให้ชั้นเนี่ยนะ เพราะ?”
“เพราะ ดร.ไอแซค เขาอยากให้เธอทดลองใช้มันดูน่ะ”
“นี่นายจะบ้าเหรอ! ไม่ตลกเลยนะ!! อยู่ๆก็มาให้ชั้นทดลองกับของอันตรายแบบนี้ ชั้นไม่ใช่หนูทดลองของพวกนายนะ!”
“ดะ… เดี๋ยวสิ ชั้นไม่ได้หมายถึงให้เธอใช้มันกับตัวเอง แต่…”
“กลับไปซะ… แล้วเอาผลึกแก้วพวกนี้ไปด้วย บอก ดร. อะไรนั่นของนายว่าชั้นไม่รับอาสาที่จะทำเรื่องนี้”
นีน่า นำผลึกแก้วในมือยัดกลับลงซองเอกสารนั่นทันทีโดยไม่ฟังเหตุผลของ วิกเตอร์ เลยสักนิด จากนั้นก็ยัดซองนั่นใส่มือของเขาและตีตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อย
“นีน่า… ดร. ไอแซค บอกว่าเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้”
“ช่างหัว ดร. นั่นสิ! ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้! หรือว่าจะให้ชั้นต้องยิงนายสักนัดก่อน!”
นีน่า ดันตัวของเขาออกจากบ้านพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรง แต่ไม่วายที่จะเปิดประตูออกมาอีกครั้งพร้อมกับเชิญ Android สาวของ วิกเตอร์ ที่ยังอยุ่ในบ้านออกมาด้วย วิกเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้าขณะที่เดินจากบ้านของ นีน่า มา ก่อนจะหันไปถาม Android สาวของเขา
“ทำไมตอนที่ยัยนั่นจ่อปืนมาที่ชั้น เธอถึงไม่เข้ามาขวางล่ะ”
“เพราะมีโอกาสแค่ 0.01% ที่คุณนีน่าจะเหนี่ยวไกน่ะสิคะ”
“ยังมีโอกาสอีก 0.01% เลยนะ เธอนี่~~ ถ้ายัยนั่นเหนี่ยวไกขึ้นมาจริงๆแล้วใครจะรับดูแลเธอต่อจากชั้นล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิชั้นไม่ปล่อยให้ มาสเตอร์ เป็นอะไรไปอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ ดิชั้นมั่นใจว่าต้องมีคนรับช่วงดูแลดิชั้นต่อจาก มาสเตอร์ อย่างแน่นอน”
“เฮ้อ~~ สงสัยชั้นคงต้องใส่โปรแกรมอารมณ์ขันให้กับเธอจริงๆซะแล้วสิ”
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่นั้น ก็็มีเสียงเหมือนกับคนพูดผ่านโทรโข่งและกรองผ่านตะแกรงพัดลมอีกทีหนึ่งดังขึ้น
“ดูเหมือนสถานะการณ์จะไม่ค่อยสวยนะ ดร.”
หุ่นยนตร์สีดำตัวสูงราวๆ 2 เมตรโผล่ออกมาจากใต้เงาไม้ใกล้ๆนั่นแต่ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่หุ่นยนตร์แต่เป็นชุดเกราะจักรกลต่างหาก ดูภายนอกชุดเกราะแล้วมันดูเหมือนไม่ค่อยจะมีพิษสงอะไรมากนัก แต่ติดอยู่ที่ตรงตัวอักขระแปลกประหลาดที่สลักอยู่ทั่วทั้งชุดนี่สิ วิกเตอร์ เขารู้ดีว่าอักขระพวกนี้นั้นเมื่อมันถูกใช้งานชุดเกราะนี้จะมีพิษสงมากมายอย่างล้นเหลือ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่เขาคบคิดอยู่ทุกวันนี้ ปัญหาจริงๆนั่นก็คือร่างที่แท้จริงนอกจากชื่อที่รู้นั้น เขาคือใครกันที่อยู่ในชุดเกราะขนาดใหญ่นี้
“ให้เวลายัยนั่นเขาสักหน่อยเถอะครับ คุณโอนิ ยัยนั่นเขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ… หึ! งั้นกลับกันเถอะ”
“ครับ… ฟรีน่า เปิดใช้ระบบ Wing of Eternal รหัสผ่านคือ วิ้น!”
“ยืนยันรหัสผ่าน ทำการเปลี่ยนรูปแบบ Wing of Eternal”
วิกเตอร์ วาดมือของเขาเป็นวงกลมอีกครั้งแต่คราวนี้มันใหญ่พอๆกับตัวของฟรีน่าและเมื่อประตูมิติสีดำถูกเปิดออก ฟรีน่าก็เดินเข้าไปในประตูมิตินั้นและโผล่ออกมาอีกด้านแต่รูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไป จากแค่ Android ในชุดเมดธรรมดาๆแต่คราวนี้กลายเป็น Android เมดที่มีเกราะสีทองอร่ามสลับกับผลึกแก้วสีฟ้านวลติดตั้งอยู่ทั่วทั้งตัว และที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นปีกสีทองที่มีแผงปีกส่วนหนึ่งเป็นผลึกสีฟ้านวลขนาดใหญ่ทั้ง 2 ข้างที่อยู่ด้านหลังนั่น ก่อนที่ชุดเกราะสีดำนั่นจะค่อยๆลอยตัวขึ้นสู่อากาศแล้วบินหายลับไปในท้องฟ้ายามราตรี ตามมาด้วยวิกเตอร์ที่ถูกฟรีน่าพาบินแบบหิ้วปีกพาขึ้นฟ้า และบินตามชุดเกราะสีดำนั่นไป
และเมื่อความสงบกลับมาเยือนบ้านของ นีน่า อีกครั้ง เฟรย่า คือชื่อ Android ของเธอที่ถูก วิกเตอร์ ซ่อมแซมจนเป็นปรกติดีแล้ว ทันใดนั้นเหล่าทหารยามรักษาเมือง ที่ได้ชาวบ้านแถวนั้นเรียกมาก็ปรากฎตัวขึ้นและเข้าเคลียร์พื้นที่ภายในบ้านของเธอทันที ส่วนตัวนีน่าเองนั้นก็โดนนายทหารชั้นผู้ใหญ่สอบสวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเมื่อรับรู้ถึงเรื่องทั้งหมดก็พา อลิส ไปสอบสวนที่ศูนย์ฯ [ศูนย์ดูแลและรักษาการณ์ประจำเมือง] และในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางของมัน อลิส และ อูดินี่ ก็มาหาเธอที่บ้าน และมอบเงินที่เป็นเหมือนกับคำขอบคุณและค่าเสียหายที่พวกเธอก่อเรื่องเอาไว้ให้กับ นีน่า ในเมื่อคืนนี้ ก่อนที่ทั้งคู่จะกล่าวลาเธอเพื่อออกเดินทางต่อ…
-= Lesson 2 End =-
-= To Be Continue Lesson 3 =-
-= เกร็ดความรู้ท้ายบท =-
ภูติ [Spiria]
- สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในรูปแบบพลังงานต่างๆ ที่มีพลังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งธาตุหลักทั้ง 4 ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ พวก ภูติ เหล่านี้คือผู้ที่จะคอยช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่เป็นเจ้านาย ซึ่งในบางคนอาจจะมีภูติอยู่ข้างกายตั้งแต่ 2 ตนขึ้นไป มีขนาดและรูปร่างและความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระดับพลังเวทของผู้เป็นเจ้านาย ตั้งแต่ตัวใหญ่เท่าตึกจนถึงตัวเล็กเท่าผลแอปเปิ้ล แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังเวทขั้นสูงและความว่องไวที่เป็นเลิศ และยิ่งหากได้รวมร่างกับเจ้านายที่เป็นอาชีพ คนทรง ด้วยแล้ว ความสามารถของทั้งคู่ จะเพิ่มขึ้นอีกมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ตัว ภูติ เองจะไม่มีวันดับสลายเพราะเป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งธาตุหลักทั้ง 4 ที่มีมากมายอยู่บนผืนพิภพแห่งนี้นั่นเอง
ครึ่งสัตว์ [Half Beast]
- สิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบความเป็นมาแน่ชัด ไม่มีการรวมตัวเป็นเผ่าพันธ์ุใหม่ของตัวเองแต่มักจะถูกเรียกว่าพวกต้องสาป เนื่องจากร่างกายเพียงส่วนหนึ่งที่ผิดแปลกไปจนคล้ายกับสัตว์ป่าแล้ว ส่วนอื่นๆยังคงครบถ้วนและคงคุณสมบัติเหมือนเผ่าพันธ์ุดั่งเดิมของตนเองทุกประการ ความผิดปรกตินี้เกิดได้กับทุกเผ่าพันธ์ุ พวกนักวิชาการมักจะเรียกพวกเขาว่า Mutant [มนุษย์กลายพันธ์ุ] ซึ่งในยุคแรกๆนั้นได้รับความรังเกียจจากสังคมเป็นอย่างมาก แต่ในภายหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสังคมเวทมนตร์นี้แล้ว กลับเป็นที่ยอมรับกันมากยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยังมีรูปร่างที่ผิดปรกติแตกต่างกันไปทั้งที่มีประโยชน์ในการต่อสู้และไม่มีอย่างเช่น ชายหนุ่ม หรือ หญิงสาว ที่มีหูและหางเหมือน สุนัขจิ้งจอก หรือ แมว เป็นต้น
ต้นไม้โลก [Tree of Gaia]
- ถ้าพูดถึงสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนวงจรชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวลนั้น ย่อมหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ เป็นแน่แท้ ต้นไม้โลก เองก็เช่นกัน สิ่งนี้เปรียบเสมือนกับตัวขับเคลื่อนของวงจรเวทมนตร์ที่หลั่งไหลและหมุนเวียนอยู่บนผืนพิภพ เอโอซิริส ซึ่ง ต้นไม้โลก นั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 7 ต้น และกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบนผืนพิภพ เป็น พืช ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ โดยที่ขนาดของ ต้นไม้โลก แต่ละต้นนั้นว่ากันว่ามีความสูงใหญ่เทียบเท่ากับตึก 100 ชั้น หรืออาจจะเหนือกว่าในบางต้น มีอายุขัยยืนยาวที่เรียกได้ว่าเข้าขั้น อมตะ เลยทีเดียว ซึ่ง ต้นไม้โลก แต่ละต้นนั้นมีความเกี่ยวโยงกันอย่างลึกซึ้งที่เรียกว่า เครือข่ายทรณี ซึ่งถ้าเกิดความผิดปรกติกับ เครือข่ายทรณี ของ ต้นไม้โลก ต้นใดต้นหนึ่งขึ้น นั่นก็หมายความว่าผืนพิภพ เอโอซิริส ถึงกาลอวสาน
-= ~โซมะ~ [เพชรเม็ดเดียวแห่งยุคจอมเวท] - บทบันทึกแห่งโซดาส =-
-= Lesson 2 : อัญมณี =-
นีน่า ค่อยๆประคองร่างของเอลฟ์สาวลงที่โซฟาตัวยาวที่อยุ่ในห้องรับแขก พร้อมกับเอาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นจากชามสแตนเลสที่เตรียมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆเช็ดใบหน้าของเอลฟ์สาวผู้นั้นอย่างบรรจง พลางมองดูบาดแผลภายใต้อาภรณ์สีขาวที่ขาดหลุดรุ่ยนั่นอย่างละเอียด
“บาดแผลเต็มไปหมดเลย… ถูกสัตฺว์ป่าทำร้ายมารึไงนะ… ไม่น่าจะใช่… เพราะรอบๆเมืองนี้ไม่น่าจะมีสัตฺว์ป่าที่ทำร้ายคนอยู่เลยนี่นา รึว่าจะเป็น! เจ้าพวกนั้น!?”
เธอคิดพร้อมกับหยิบกรรไกรสีเงินมันวาวขึ้นมาก่อนที่จะบรรจงตัดชุดของเอลฟ์สาวผู้นั้นตั้งแต่คอเสื้อลงไปถึงกลางหน้าอก แต่ก่อนที่เธอจะทำอะไรไปมากกว่านี้อยู่ๆ Android สาวของเธอก็เดินเข้ามาในห้อง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะนายหญิง? อ๊ะ!... … ดิชั้นต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ที่มารบกวนในช่วงเวลาอันแสนสุขนะคะ ถ้าอย่างนั้นดิชั้นขอตัวก่อน… แล้วก็… อย่าหักโหมให้มากนักนะคะ”
Android สาวยิ้มอย่างเป็นปริศนาพร้อมกับก้มหัวให้เล็กน้อย ก่อนจะรีบออกจากห้องไปทันที
“ดะ… เดี๋ยวสิ! ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ! เฮ้อ~~”
เธอส่ายหัวเล็กน้อยกับการกระทำของ Android ของเธอ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายนักก่อนจะหันมาเช็ดตัวให้เอลฟ์สาวต่อ เธอค่อยๆบรรจงลูบผ้าขนหนูตั้งแต่ซอกคอลงมาจนเกือบจะถึงเนินอกเปลือยเปล่าของเอลฟ์สาวนั่น และทันใดนั้นร่างของเอลฟ์สาวก็แปล่งประกายสีครามสว่างจ้าซึ่งทำให้เธอตกใจจนเกือบตกจากโซฟา และเมื่อแสงสว่างสีครามนั่นค่อยๆจางหายไป เหนือร่างของเอลฟ์สาวผู้นั้นก็มีร่างของหญิงสาวปริศนาผู้งดงาม ใส่ชุดเกราะเหมือนกับอัศวินหญิงในยุคโบราณ ที่ทั่วทั่งร่างถูกปรกคลุมไปด้วยออร่าสีคราม และในมือของเธอนั้นมีดาบขนาดใหญ่ดูน่าเกรงขามอยู่ เธอผู้นั้นจ้องมองนีน่าด้วยแววตาดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาที่จ้องมองมาที่ นีน่า นั้นทำให้เธอเหมือนกับต้องมนตร์สะกดและก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว หญิงสาวปริศนาก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบแต่เย็นชา
“คิดจะทำอะไรไม่ทราบ?”
หญิงสาวผู้นั้นกวาดดาบในมือมาที่นีน่าและจ่อที่คอหอยของเธอเอาไว้ พร้อมกับส่งสายตาอันดุดันนั่นเป็นเชิงประมาณว่า ‘ถ้าไม่ตอบ หรือ ตอบไม่ตรงคำถาม คอเธอหลุดจากบ่าแน่’ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกกดดันมากขนาดนี้ตัวเธอเริ่มสั่น ศาสตราคู่กายก็อัญเชิญออกมาไม่ได้ แต่ถ้าทำได้คอเธอก็คงหลุดจากบ่าก่อนที่เธอจะท่องมนตร์อัญเชิญอาวุธเสร็จเสียด้วยซ้ำ แต่เธอก็ไม่รู้จะตอบคำถามของอัศวินสาวนั่นยังไงดีโดยที่ไม่ทำให้อัศวินสาวผู้นั้นบั่นคอเธอขาดเสียก่อน เธอรวบรวมสติและค่อยๆอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับอัศวินสาวผู้นั้นอย่างกล้าๆกลัวๆ ซึ่งในตอนแรกอัศวินสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นชามใส่น้ำและผ้าขนหนูที่นีน่าถืออยู่ในมือ เธอก็ค่อยๆละดาบออกจากคอหอยของนีน่า และเสกให้มันหายไปทันทีก่อนที่จะยกมือขึ้นเหนือร่างของเอลฟ์สาว ทันใดนั้นบาดแผลบนร่างกายของเอลฟ์สาวก็ค่อยๆสมานเข้าด้วยกันจนกลับสู่สภาพปรกติเหมือนกับไม่เคยมีบาดแผลในจุดนั้นๆมาก่อน ผิวขาวเนียนผุดผ่องแลเป็นประกายแม้จะอยู่ในที่ที่มีแสงน้อย ในแบบฉบับผิวพรรณของชนเผ่าเอลฟ์เผยให้เห็นอีกครั้ง
“ขอโทษนะที่ข้าวู้วามไปหน่อยข้าชื่อ อูดินี่ เทพีแห่งสายธาร เป็น *ภูติ ประจำตัวของ อลิส … อ้อ! หมายถึงเอลฟ์ผู้นี้น่ะ เผอิญพวกเราพึ่งเดินทางกลับมาจากต่างเมือง กลางทางเจอ กลุ่มเลนิน หลอบโจมตีแต่พวกเรามีกันแค่ 2 คนเลยสู้กับพวกมันไม่ไหว ก็เลยพากันหนีอย่างเอาเป็นเอาตายจนมาเจอเจ้านี่แหละ ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ”
เพราะเหตุใดก็ไม่อาจทราบได้ ที่ทำให้ นีน่า ไม่กล้าที่จะตอบกลับ เธอจึงได้แต่นั่งเงียบพลางจัดองค์ประกอบเสื้อผ้าให้เอลฟ์สาวที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ ปึ้ง!ๆๆๆq และในระหว่างที่ทั้ง 2 กำลังช่วยกันดูอาการของเอลฟ์สาวกันอยู่นั้น ก็มีคนมาเคาะประตูหน้าบ้านหลายครั้งอย่างแรง
“ค่าๆ~~~ มาแล้วค่า~~”
Android สาวอาสาออกไปเปิดประตูหน้าบ้าน แต่ทว่าเมื่อเธอเปิดประตูออกไปสิ่งที่รอ Andriod สาวอยู่นั่นคือปากกระบอกปืนที่จ่อเข้าที่กลางหน้าผากพอดี เปรี้ยง!!! เสียงปืนก็ดังขึ้นจน นีน่า และ อูดีนี่ ถึงกับสะดุ้งโหยงและประหลาดใจกับเสียงปืนเมื่อครู่
“พวกคุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวชั้นออกไปดูเอง ถ้าหากคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลล่ะก็… รีบพาคุณ อลิส หนีออกไปทางประตูหลังนะคะ”
เมื่อ นีน่า ออกมาจากห้องรับแขกก็เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์หลากหลายเผ่าพันธ์ุประมาณ 5-6 คนกำลังบุกเข้ามาในบ้าน แต่มีหนึ่งในนั้นที่กำลังใช้ปากกระบอกปืนขยี้ที่เนินอกของร่าง Android สาวที่นอนตาค้างอยู่ที่พื้นเล่นอย่างเมามันส์
“เห~~ นังนี่คือ Android อย่างงั้นเหรอนี่!? แหม่ๆ~~~ ช่างทำได้เหมือนคนจริงๆ ฮิฮิ”
ว่าแล้วเขาก็เปลี่ยนจากใช้ปากกระบอกปืน มาเป็นใช้ฝ่ามือแทนเขาทั้งขยี้ ทั้งคลึง ทั้งเคล้น และไม่วายที่จะถลกเสื้อของ Android สาวขึ้น และเอาหน้าซุกไปที่กลางร่องอกอันอวบอั๋นที่เปลื่อยเปล่าของ Android สาวนั่น พลางแสดงสีหน้าหื่นกามอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ยๆ! นี่ไม่ใช่เวลามาทำแบบนี้นะโว้ย! เกลดั้น รีบๆไปจับตัวนังเอลฟ์นั่น และเอาอัญมณีของมันมาให้ได้ก่อนเถอะ… และหลังจากนั้นแกจะทำอะไรกับนังนั่นก็ได้ตามใจ…”
เสียงผู้ชายคนหนึ่งจากในกลุ่มนั้นดังขึ้น น่าจะเป็นผู้นำกลุ่มหรืออะไรสักอย่างเทือกๆนี้ แต่คงไม่ใช่หัวหน้าของพวกมันแน่ๆ เพราะดูจากจำนวนแล้ว กลุ่มเลนิน ไม่น่าจะมีสมาชิกแค่ 5 หรือ 6 คนเป็นแน่แท้ นี่อาจจะเป็นแค่กลุ่มย่อยๆที่กระจัดกระจายกันทั่วพื้นที่เพื่อออกปล้นกลุ่มนักเดินทางก็เป็นไปได้ แต่เหตุผลที่พวกมันตาม อลิส มา ก็เพราะต้องการอะไรบางอย่างจากเธออย่างแน่นอน
‘กลุ่มเลนิน อย่างงั้นเรอะ? ทำไมพวกมันถึงกล้าเหยียบเข้ามาในเมืองหลวงแบบนี้ล่ะ!?’
นีน่าซึ่งแอบซุ่มดูอยู่นั้น รีบย่องกลับเข้าไปในห้องรับแขกอย่างระมัดระวังและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อเธอเข้ามาในห้อง อลิส เอลฟ์สาวที่เธอช่วยเอาไว้ก็ฟื้นขึ้นมาพอดี แต่ อูดินี่ เทพีประจำตัวของเธอกลับหายตัวไป
“กรี๊ด~~~!!!”
เมื่อ อลิส ที่พึ่งฟื้นขึ้นมาจากอาการสลบ เมื่อเธอเห็น นีน่า ที่กำลังเดินเข้ามาหาเธออย่างช้าๆก็ร้องกรี๊ดดังลั่นห้องขึ้นมาทันที
“ชู่ววว! อย่าส่งเสียงดังสิ! ชั้นพวกเดียวกับเธอนะ…”
นีน่า กระโจนเข้าไปเอามืออุดปากของ อลิส ทันที แต่ไม่ทันการเสียแล้วกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ได้ยินเสียงร้องเมื่อครู่ ต่างพากันแห่มาที่ห้องรับแขกทันที ปึ้ง!! ชายฉกรรจ์คนหนึ่งถีบประตูห้องรับแขกอย่างแรงจนมันหลุดออกจากวงกบประตู
“รีบไปหลบหลังโซฟาก่อนเร็ว!”
นีน่า กระซิบ อลิส ทำตามอย่างว่าง่ายก่อนจะรีบไปซ่อนหลังโซฟาด้วยท่าทางตื่นๆ ชายฉกรรจ์หน้าโหดเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับปืนลูกซองอัตโนมัติที่อยู่ในมือ พลางเล็งปากกระบอกไปที่เธอ
“ถ้ายังไม่อยากตายก็บอกมาว่า… ผู้หญิงที่เธอซ่อนเอาไว้อยู่ที่ไหน!?”
นีน่า มีทางเลือกอยู่ 2 ทาง 1 คือยอมจำนนตามที่มันบอก 2 คือสู้กับพวกมันให้รู้แล้วรู้รอด แต่นีน่าไม่แน่ใจว่า ณ ตอนนี้เหล่าชายฉกรรจ์ที่เหลือ ที่อยู่หน้าห้องรับแขกมีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ ถ้ามีไม่เกิน 4 - 5 คนเธอก็พอที่จะสู้ได้อย่างสบายๆ แต่ถ้ามีมากกว่านั้น… ก็เท่ากับว่าเธอกำลังคิดที่จะฆ่าตัวตาย
“ด้วยพันธะสัญญาแห่งโมดูลย์... จงมาศาสตราแห่งข้า...”
นีน่า เอามือไขว่หลังเล็กน้อยพร้อมกับพึมพำในลำคอเบาๆเพื่ออัญเชิญปืนคู่สีเงินมันวาวประจำกายของตัวเองออกมา พลางเหลือบไปมอง อลิส ที่อยู่หลังโซฟา ซึ่งน่าแปลกที่เมื่อกี้เธอยังร้องกรี๊ดกร๊าดลั่นบ้านด้วยความกลัวอยู่เลย แต่ตอนนี้แววตาของ อลิส เปลี่ยนไปราวกับคนละคน เธอไม่มีอาการตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อยและกำลังพึมพำอะไรบางอย่างอยู่
“ข้าแต่เทพีแห่งสายธารอันเชี่ยวกราด จงปรากฎกายเพื่อปกป้องข้า ณ บัดนี้ มนตราอัญเชิญ เทพีแห่งสายธารผู้งดงาม! อูดิเนีย ซัมมอนโดล่า!!”
ในระหว่างนั้นออร่าสีครามก็ห่อหุ้มร่างของเอลฟ์สาวเอาไว้ หญิงสาวในชุดอัศวินปรากฎกายขึ้นอีกครั้ง และเมื่อเธอเห็นชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่นั้น ทำให้เธอถึงกับอุทานออกมาเสียงดัง
“กลุ่มเลนิน!”
อูดินี่ จำกลุ่มผู้ร้ายที่โจมตีเธอกับ อลิส ในระหว่างเดินทางได้ เธอเสกดาบคู่กายของเธอออกมาทันที ส่วนทางด้าน กลุ่มเลนิน เองก็ดูท่าว่าจะจำ อูดินี่ ได้เช่นกัน ทันใดนั้น กลุ่มเลนิน ชักอาวุธปืนของตนขึ้นมาและกระหน่ำยิงใส่ อูดินี่ ทันที โป้ง!! ป้าง!! เปรี้ยง!! ปังๆๆๆๆ!! เธอโผตัวเข้าไปหลบตรงชั้นหนังสือข้างๆนั่น อันที่จริง อูดินี่ เป็นเทพีแห่งสายธารที่กระสุนธรรมดาๆไม่มีทางทำอะไรเธอได้อยู่แล้ว แต่กระสุนที่ กลุ่มเลนิน ใช้อยู่นั้น เป็น กระสุนสลายมนตรา ที่มีใช้อยู่ในกองทัพของ อาณาจักรไลลาริน ที่มีอำนาจการทะลุทะลวงวัตถุที่ต่ำเอามากๆ แต่ถ้าเธอเผลอโดน กระสุนสลายมนตรา เข้าไปแม้แต่เพียงนัดเดียวล่ะก็… ร่างของเธอจะสูญสลายหายไปทันที แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาของเธอเลยแม้แต่น้อย เพราะ อลิส สามารถอัญเชิญเธอออกมาได้เรื่อยๆ แต่ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวเธอเองนั้นต้องใช้ พลังเวท และรวมไปถึง พลังชีวิต ร่วมกับ อลิส ฉนั้นการที่จะอัญเชิญเธอในแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือน อลิส ได้แบ่งเอา พลังชีวิต ของตัวเองส่วนหนึ่งมาให้กับเธอ ถ้าขืนเธอเป็นอะไรไปในระหว่างที่เธอถูกเรียกออกมาก็จะทำให้ อลิส พลอยโดนหางเลขไปด้วย
เมื่อ นีน่า เห็นเช่นนั้นเธอจึงกระโจนข้ามผนักพิงของโซฟา เปรี้ยงๆๆๆ!! ยิงสวนกับกลุ่มเลนินออกไปมั่วซั่ว แต่กระสุนของเธอไม่มีทีท่าว่าจะโดนกลุ่มเลนินเลยสักนัด เพราะจำนวนกระสุนที่กลุ่มเลนินกราดยิงเข้ามามีมากจนเกินไป จนทำให้เธอไม่มีสมาธิที่จะเล็งปืนได้ จึงต้องรีบก้มตัวหลบหลังโซฟาอีกครั้ง
“บ้าจริง!! ทีนี้จะเอาไงดีล่ะเนี่ย?”
นีน่า คิดในใจพลางปาดเหงื่อจากใบหน้า ก่อนจะหันไปมอง อลิส ที่ตอนนี้กลับมาตัวสั่นเทิ้มอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่เป็นเพราะ พลังเวท และ พลังชีวิต ของเธอที่กำลังถูก อูดินี่ ดูดเอาไปอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เธอเริ่มรู้สึกอ่อนล้า ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัด สายตาเริ่มเหม่อลอยขึ้นทุกทีๆ นีน่า เห็นเช่นนั้นจึงรับรู้ได้ว่า อลิส เองนั้นไม่สามารถที่จะเรียก อูดินี่ ออกมาได้เป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ อูดินี่ หายไปในตอนแรกก็เป็นได้ แต่ทว่าจู่ๆชายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
“เฮ้ย!! ส่ง อัญมณีแห่งสายธาร มาเดี๋ยวนี้!! อย่าต้องให้พวกเราต้องทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านี้นะโว้ย!!”
“อัญมณีแห่งสายธาร? นะ… นี่อย่าบอกนะว่าเธอไปขโมยอัญมณีที่ว่านั่นมาจากพวกมัน!?”
นีน่า หันมาพูดเป็นเชิงกระซิบถามกับเอลฟ์สาว อลิส จึงส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อเป็นการปฏิเสธ ซึ่งนั่นทำให้ นีน่า เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้ กลุ่มเลนิน กล้าเหยียบเข้ามาในเมืองหลวงนั้นมาจากอะไร เธอรู้ดีว่า อัญมณีแห่งสายธาร นั้นคืออะไร และพลังอำนาจของมันมีมากแค่ไหน มันไม่ใช่แค่อัญมณีธรรมดาๆ แต่มันคืออัญมณีในตำนานที่กล่าวไว้ว่า มันคือเครื่องประดับที่ เทพีแห่งสายธาร มักจะสวมใส่มันอยู่เป็นประจำเมื่อสมัยก่อนที่ เทพเจ้าผู้สร้างโลก จะนำพาเหล่าสิ่งมีชีวิตบนผืนพิภพให้พบกับจุดจบ เมื่อหลายพันหลายหมื่นปีก่อน แต่ เทพีแห่งสายธาร ไม่ยอมรับกับการกระทำของ เทพเจ้าผู้สร้างโลก จึงใช้พลังทั้งหมดของตนผนึกตัวเองพร้อมกับ เทพเจ้าผู้สร้างโลก เอาไว้ใน อัญมณีแห่งสายธาร นี้ซะ และ อูดินี่ นั้นก็น่าจะเป็น ร่างจำแลงของ ความทรงจำ ที่หลงเหลืออยู่ของ เทพีแห่งสายธาร นั้นก็ได้
เมื่อ อลิส ได้ยินคำที่ชายฉกรรจ์พูดขึ้นก็เอามือกุมที่สร้อยคอที่มีอัญมณีสีฟ้าอ่อนที่กำลังเรืองแสงเรืองรองอยู่ แล้วมองไปที่ อูดินี่ ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ส่วน อูดินี่ ก็ส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามประมาณว่า ‘อย่าส่งให้มันเชียวนะอลิส!’
ค่ำคืนอันเงียบสงบต่างจากเหตุการณ์ภายในบ้านของ นีน่า ราวกับคนละโลก มีเงาของบุคคลลึกลับคู่หนึ่งกำลังเดินดุ่มๆมาที่หน้าบ้านของเธอ และเมื่อเขาเห็นสภาพประตูหน้าบ้านที่เปิดอ้าซ่าอยู่ ผนวกกับเสียงข้าวของแตกกระจายแล้ว รอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาเล็กน้อย พลางส่งสายตาเข้าไปภายในบ้านที่มืดสนิท ซึ่งมีแต่แสงสว่างจากประกายไฟจากกระบอกปืนของ กลุ่มเลนิน ที่สว่างขึ้นมาอย่างเป็นจังหวะจากห้องด้านในเท่านั้น
“อ้าวๆ สงสัยยัย นีน่า มีงานปาร์ตี้อยู่นะ? ว่าไหม?”
“แต่ดิชั้นคิดว่ามีโอกาสเพียงแค่ 0.000057% ที่จะเป็นเช่นนั้นค่ะ”
“เธอนี่น้า เดี๋ยวกลับไปห้องแล็ปสงสัยชั้นต้องตั้งโปรแกรมอารมณ์ขันให้กับเธอเสียแล้วสิ”
“ดิชั้นคิดว่านั่นไม่จำเป็นสำหรับดิชั้นหรอกนะคะ”
“หึหึ… เอ๊ะ!”
ชายหนุ่มไว้ผมซอยสั้นสีดำกระเซอะกระเซิง หน้าตาดูหน่ายโลก ผิดขาวซีดราวกับศพ สวมแว่นตาหนาเตอะบ่งบอกว่าเป็นคนสายตาสั้นได้อย่างชัดเจน แถมไม่ใช่สั้นธรรมดาๆ แต่สั้นมากด้วย สวมเสื้อเชิตสีขาวและสวมชุดกราวน์สีขาวทับเอาไว้ดูเหมือนกับนักวิจัยตามห้องทดลองก็มิปาน พร้อมกับกางเกงสเลคขายาวทรงกระบอกสีดำ รองเท้าหนังมันวาวสีดำ และที่สำคัญดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเขาเห็นหุ่น Android ที่คาดว่าตนน่าจะเป็นคนสร้าง นอนกองอยู่กับพื้นตรงหน้าประตูบ้านแถมยังอยู่ในสภาพกึ่งเปลือยอีกต่างหาก ทำให้เขาถึงกับร้องอุทานออกมาดังลั่นพร้อมกับทำท่าทางดีดดิ้นเหมือนกับรับสภาพที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ แต่ไม่ทันไรเขาก็นำอุปกรณ์ซ่อมบำรุงแบบพกพาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วลงมือซ่อมแซม Android ตัวนั้นทันที
“ยืนยันจำนวนบุคคลสิ?”
“จากผลการสแกนคลื่นความร้อน ศัตรูมีทั้งหมด 6 คนค่ะ คาดว่าน่าจะพวก กลุ่มเลนิน ที่ทางการประกาศจับตายอยู่ค่ะ และมีอีก 2 คนที่คาดว่าน่าจะเป็น คุณนีน่า ส่วนอีกคนดิชั้นไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ค่ะ”
“อืม… ภารกิจคือกวาดล้าง กลุ่มเลนิน และทำการช่วยเหลือ นีน่า เอฟ ลอสโอริเทียร์ กับอีกคนที่เหลือนั่น อย่าให้เอะอะนักล่ะ…”
“รับทราบค่ะ”
Android สาวที่มีการแต่งตัวและหน้าตาละม้านคล้ายคลึงกับ Android ของ นีน่า ราวกับฝาแฝด แต่จะแตกต่างกันแค่ทรงผมและสีผมที่เป็นสีเงินยาวสลวยถึงสะโพก เธอตอบรับก่อนที่หนุ่มนักวิจัยจะโบกมือไปมาเหมือนกับกำลังร่ายมนตร์ ก่อนที่จะเกิดช่องว่างขนาดเล็กพอที่จะล้วงมือเข้าไปได้ขึ้นมาตรงหน้า Android ของเขาเธอล้วงมือที่เรียวยาวแต่แข็งกระด้างนั่นเข้าไปก่อนที่จะชักปืนสีดำรูปร่างไฮเทคล้ำสมัยขนาดใหญ่และยาวประมาณ 1.2 เมตร ออกมาจากช่องว่างตรงหน้านั่น เธอประกอบพานท้ายปืนเข้ากับตัวปืนอย่างคล่องแคล่วและขึ้นลำมันเหมือนปืนลูกซอง ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปเพียงลำพัง ส่วนนักวิจัยหนุ่มปริศนาก็ได้แต่ผิวปากเบาๆ 1 ครั้งเพื่อเป็นการส่งท้ายให้กับเธอ ก่อนจะรีบหันกลับไปซ่อมแซมหุ่น Android ที่อยู่ตรงหน้า
“ใช้ C.Railgun Dual Mode เลยเหรอ ฟรีน่า มันออกจะเกินไปหน่อยมั้ง…”
นักวิจัยหนุ่มส่งการสนทนาผ่านทางกระแสจิตมายัง Android สาวของเขา
“ดิชั้นคิดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่เหมาะสมกับภารกิจนี้ที่สุดค่ะ”
“ยะ… อย่างงั้นเหรอ? แต่ช่างเถอะ… ยังไงซะ… ก็อย่าไปทำข้าวของในบ้านพังจนทำให้ยัยนั่นโกรธเชียวล่ะ”
“รับทราบ… ค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงแกมประชดนิดๆ และเมื่อ Android สาวเดินมาถึงบริเวณห้องทานอาหารที่อยู่ก่อนถึงห้องรับแขกที่เป็นสถานที่เกิดเหตุประมาณ 2 ห้อง เธอเปิดระบบสแกนคลื่นความร้อนอีกครั้ง ก่อนที่จะตั้งลำกล้องของปืนเข้าหากำแพงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเว้นระยะห่างพอสมควรพร้อมกับเล็งปืนไปที่จุดสีแดงที่เป็นรูปตัวคน 5-6 จุดนั่นทันที
“ระยะยิง 17.90 เมตร ความหนาของสิ่งกีดขวางโดยรวม 80 ซม. ความคลาดเคลื่อน 0% ใช้โหมด Long Lance Fire ตั้งค่าความเสถียรให้อยู่ที่ระดับ 4”
Android สาวเหนี่ยวไกทันทีหัวกระสุนเรืองแสงสีฟ้าสว่างถูกยิงออกไป ไม่มีเสียงใดๆออกมาจากตัวปืนทั้งสิ้นเพราะมันยิงด้วยคลื่นแม่เหล็ก ตูม!! โครม!! ครืด~~!! จะมีก็เฉพาะเสียงแตกของกำแพงเท่านั้น ลูกกระสุนโลหะเรืองแสงพุ่งทะลุกำแพงคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างหนาของห้องทานอาหารอย่างง่ายดาย และผ่านกำแพงห้องครัวอีกชั้นไปภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นกระสุนนั่นทะลุกำแพงด้านหลังของห้องรับแขกและเฉี่ยวติ่งหูของ นีน่า ไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปดทะลุโซฟาไปยังประตูห้องรับแขก และพุ่งเข้าทะลุกลางอกชายฉกรรจ์ 3 คนใน กลุ่มเลนิน ที่ยืนเรียงกันอยู่อย่างแม่นยำทำให้ทั้ง 3 กระเด็นไปติดกับกำแพงจนกำแพงที่โดนอัดกระแทกนั้นถึงขั้นร้าวเพราะน้ำหนักตัวและแรงปะทะของลูกกระสุน ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 สิ้นใจในทันที Android สาวดึงคันชักที่เหมือนกับปืนลูกซองนั่น 1 ครั้งเพื่อเป็นการขึ้นลำกระสุนใหม่
“อะ… อะไรน่ะ!”
นีน่า อุทานออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับมองรูโบ๋ที่โซฟาของตัวเอง ซึ่งมีรอยไหม้และควันลอยออกมาจากรูโบ๋นั่นเล็กน้อย
“ยืนยันเป้าหมายยังรอดชีวิต 3 คน เปลี่ยนไปใช้โหมด Rapid Fire ตั้งค่าความเสถียรให้อยู่ที่ระดับ 7”
Android สาวเปลี่ยนโหมดปืนของตัวเองเป็นแบบยิงอัตโนมัติ ก่อนจะกระหน่ำยิงใส่กำแพงตรงหน้าทันที ตูมๆๆๆๆๆๆ!! เช่นเคยกระสุนถูกยิงทะลุจากห้องหนึ่งมายังอีกห้องหนึ่ง แต่คราวนี้มันมาโดยไม่เจาะจงเป้าหมายแต่เป็นการยิงแบบกราดมั่วแทน
“อ๊า~~ กรี๊ดด!”
นีน่า และ อลิส พากันหมอบหลบห่ากระสุนเรืองแสงที่กระหน่ำยิงทะลุกำแพงเข้ามาอย่างสุดชีวิตส่วน อูดินี่ นั้นเธอพุ่งทะยานตัวของเธอมาเป็นเกราะกำบังให้กับทั้งคู่ และเมื่อการกระหน่ำอย่างเมามันส์ของ Android สาวจบลงก็มีศพชายฉกรรจ์เพิ่มขึ้นอีก 2 ศพที่นอนจมกองเลือดในสภาพที่ชวนสยดสยองและสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง ส่วนชายฉกรรจ์ผู้เหลือรอดอีก 1 ที่เป็น *เผ่าครึ่งสัตว์ ระหว่างมนุษย์กับสุนัขจิ้งจอก ที่เหลืออยู่นั้น เมื่อเห็นพรรคพวกของตนกลายเป็นเศษเนื้อ จึงกระโจนทะลุหน้าต่างออกไปด้านหลังของตัวบ้านที่เป็นสวนและวิ่งหนีตายอย่างสุดชีวิตโดยไม่หันหลังกลับมามองเลยแม้แต่หางตา
“เป้าหมายยังเหลืออีก 1 และกำลังหนี จะดำเนินการติดตามและกำจัดค่ะ”
Android สาวทิ้งปืนในมือของตนและตั้งใจจะไล่ตามไปแต่ทว่า…
“ไม่ต้องตามไป! พอได้แล้ว ฟรีน่า ทำการช่วยเหลือพวก นีน่า ก่อน…”
“รับทราบค่ะ”
ฟรีน่า จ้องมองร่างสีแดงนั้นผ่านดวงตาอินฟาเรดของเธอ และถ้าหากสังเกตุดีๆจะเห็นสีหน้าของเธอที่แสดงอาการเหมือนกับเสียดายและไม่พอใจขึ้นมานิดๆ แต่เธอก็ไม่อาจขัดคำสั่งของผู้เป็นนายได้ เธอรีบตรงดิ่งไปยังห้องรับแขกทันทีและเมื่อเธอเข้าไปในห้องก็ต้องพบกับ นีน่า ที่หันปากกระบอกปืนมาที่เธอ
“ดิชั้นคือหุ่น Android ของ ดร.วิกเตอร์ โนว่า ชื่อว่า ฟรีน่า ค่ะ ดิชั้นมาเพื่อช่วยเหลือคุณทั้ง 2 คน”
“หุ่น Android… ของ วิกเตอร์ เหรอ?”
“ถูกต้อง!”
ชายหนุ่มนักวิจัยนามว่า วิกเตอร์ ผู้เป็นเจ้าของ Android ตัวดังกล่าว และดูเหมือนว่าจะรู้จักกับเธอมาก่อนปรากฎตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับทำท่าเก็กหล่อใส่ แต่ด้วยท่าทางยียวนกวนประสานของเขานั้น แทนที่จะทำให้หล่อกลับกลายเป็นกวนโอ้ยแทน
“วิกเตอร์!”
“ไง นีน่า ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะ 3 ปี ได้แล้วมั้งตั้งแต่เธอเดินทางออกมาจากไลลาริน อุแหม่~~ เธอก็ยังคงความน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“นายมาทำอะไรที่นี่ วิกเตอร์ แล้วรู้ที่อยู่ของชั้นได้ยังไง?”
นีน่าแสดงสีหน้าและท่าทางไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่งเมื่อเจอหน้าเพื่อนเก่า ตั้งแต่เธอเดินทางออกมาจากไลลาริน ก็ไม่ได้ติดต่อหาเขาเลยสักครั้ง แต่ว่าในเมื่อเธอไม่เคยติดต่อหาเขาหรือครอบครัวที่อยู่ไลลารินเลยสักครั้ง ทำไมชายผู้นี้ถึงรู้ที่อยู่ของเธอในรูนมิกัลได้ล่ะ
“อ้าวๆ ไหงงั้นล่ะ คนเขาอุตส่าห์คิดถึง อยู่ๆก็ทักทายกันแบบนี้ คนเขาน้อยใจเป็นนะเนี่ย”
นีน่า ยกปืนขึ้นจ่อไปที่นักวิจัยหนุ่มด้วยความหงุดหงิด จน วิกเตอร์ ต้องรีบกระโดดไปหลบอยู่หลัง ฟรีน่า ทันที ก่อนที่จะหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมา
“ใจเย็นๆ วางปืนลงก่อนเถอะ ชั้นตั้งใจจะเอานี่มาให้ถึงมือเธอ ด้วยตัวเองเลยนะ”
นีน่า รับซองสีน้ำตาลนั่นมาจากเขาแล้วเปิดดู ข้างในซองนั้นมีเศษผลึกแก้วสีต่างๆอยู่ประมาณ 6 - 7 เม็ด เธอทำหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับมองใบหน้าของนักวิจัยหนุ่ม ก่อนจะพลิกหน้าพลิกหลังซองเอกสารนั่น เหมือนกับจะหาจุดที่บ่งบอกว่าใครเป็นคนส่งมอบซองนี้ให้กับเธอ และก็พบตัวหนังสือที่จ่าหน้าซองเขียนไว้ว่า ‘Dr. Isaac Zandalphon of Lylarine Laboratory No.XVII’
เมื่อ นีน่า เห็นชื่อนั่นเธอก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมาเป็นเชิงถาม วิกเตอร์ ที่หลบอยู่หลัง Android สาวของเขาที่กำลังแสดงท่าทีและสีหน้าหวาดๆ
“ใครกัน? ดร.ไอแซค ซานดาลฟอน แห่งห้องทดลองไลลาริน หมายเลข 17”
“หัวหน้าแผนกวิจัยที่ชั้นสังกัดอยู่น่ะ เธอก็เคยเจอกับเขาบ่อยๆตอนสมัยเด็กๆ เขาเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอไงจำได้ไหม?”
“ใครจะไปจำได้… พ่อของชั้นโดน เนรเทศ ออกจากไลลารินตอนที่ชั้นอายุแค่ 4 ขวบ”
“เอ่อ… ขอโทษนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร?”
“ที่ชั้นพูดเรื่องพ่อของเธอ ทั้งๆที่เธอเคยบอกกับชั้นว่าไม่อยากจะจดจำมัน”
“ไม่ต้องใส่ใจกับมันให้มากนักหรอกน่า~ ว่าแต่… แล้วมันเกี่ยวกับผลึกพวกนี้ยังไง”
นีน่า หยิบผลึกในซองนั่นขึ้นมาดู แต่สีหน้าของเธอนั้นกลับแสดงความสงสัยมากยิ่งขึ้นไปอีก วิกเตอร์ จึงได้โอกาสออกมายืดอกอย่างภาคภูมิใจก่อนจะอธิบายถึงรายละเอียดให้เธอฟัง
“ผลึกพวกนี้เป็นผลึกแก้วที่จำลองรูปแบบของอนุภาพพลังงานเวทมนตร์ ที่มีอยู่ใน เศษเสี้ยวผลึกแก้วเวทมนตร์โซดาส ที่เป็นตำนานนั่นไง”
“เศษเสี้ยวผลึกแก้วเวทมนตร์โซดาส!? เนี่ยน่ะเหรอ?”
นีน่า ถึงกับตาโตทันทีเธอรู้ดีถึงอุนภาพของพลังงานเวทมนตร์ที่มีอยู่ในผลึกที่ว่านั่น แต่ทว่า… หลังจากที่มันถูกแบ่งออกเป็น เศษเสี้ยว 8 ชิ้น และ 1 ใน 8 ชิ้น นั้นได้ถูกนำไปเก็บซ่อนเอาไว้ในที่ที่ไกลแสนไกลแล้ว ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครพบเห็นอีกเลย แต่ตอนนี้ในมือของเธอกลับมีสิ่งที่มีลักษณะคล้ายๆกับมันอยู่ถึง 7 เม็ด
“ใช่… ดร.ไอแซค เขาทำการทดลองผสมผสานรูปแบบพลังงานเวทมนตร์หลายๆอย่างเอาไว้ในผลึกแก้วพวกนี้ดู ผลออกมาคือในผลึกเล็กๆพวกนี้ 1 เม็ดมันสามารถให้พลังงานเทียบเท่ากับ *ต้นไม้โลก 1 ต้น”
“ขะ… ของอันตรายแบบนี้เอามาให้ชั้นเนี่ยนะ เพราะ?”
“เพราะ ดร.ไอแซค เขาอยากให้เธอทดลองใช้มันดูน่ะ”
“นี่นายจะบ้าเหรอ! ไม่ตลกเลยนะ!! อยู่ๆก็มาให้ชั้นทดลองกับของอันตรายแบบนี้ ชั้นไม่ใช่หนูทดลองของพวกนายนะ!”
“ดะ… เดี๋ยวสิ ชั้นไม่ได้หมายถึงให้เธอใช้มันกับตัวเอง แต่…”
“กลับไปซะ… แล้วเอาผลึกแก้วพวกนี้ไปด้วย บอก ดร. อะไรนั่นของนายว่าชั้นไม่รับอาสาที่จะทำเรื่องนี้”
นีน่า นำผลึกแก้วในมือยัดกลับลงซองเอกสารนั่นทันทีโดยไม่ฟังเหตุผลของ วิกเตอร์ เลยสักนิด จากนั้นก็ยัดซองนั่นใส่มือของเขาและตีตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อย
“นีน่า… ดร. ไอแซค บอกว่าเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้”
“ช่างหัว ดร. นั่นสิ! ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้! หรือว่าจะให้ชั้นต้องยิงนายสักนัดก่อน!”
นีน่า ดันตัวของเขาออกจากบ้านพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรง แต่ไม่วายที่จะเปิดประตูออกมาอีกครั้งพร้อมกับเชิญ Android สาวของ วิกเตอร์ ที่ยังอยุ่ในบ้านออกมาด้วย วิกเตอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางส่ายหน้าขณะที่เดินจากบ้านของ นีน่า มา ก่อนจะหันไปถาม Android สาวของเขา
“ทำไมตอนที่ยัยนั่นจ่อปืนมาที่ชั้น เธอถึงไม่เข้ามาขวางล่ะ”
“เพราะมีโอกาสแค่ 0.01% ที่คุณนีน่าจะเหนี่ยวไกน่ะสิคะ”
“ยังมีโอกาสอีก 0.01% เลยนะ เธอนี่~~ ถ้ายัยนั่นเหนี่ยวไกขึ้นมาจริงๆแล้วใครจะรับดูแลเธอต่อจากชั้นล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ดิชั้นไม่ปล่อยให้ มาสเตอร์ เป็นอะไรไปอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ ดิชั้นมั่นใจว่าต้องมีคนรับช่วงดูแลดิชั้นต่อจาก มาสเตอร์ อย่างแน่นอน”
“เฮ้อ~~ สงสัยชั้นคงต้องใส่โปรแกรมอารมณ์ขันให้กับเธอจริงๆซะแล้วสิ”
ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่นั้น ก็็มีเสียงเหมือนกับคนพูดผ่านโทรโข่งและกรองผ่านตะแกรงพัดลมอีกทีหนึ่งดังขึ้น
“ดูเหมือนสถานะการณ์จะไม่ค่อยสวยนะ ดร.”
หุ่นยนตร์สีดำตัวสูงราวๆ 2 เมตรโผล่ออกมาจากใต้เงาไม้ใกล้ๆนั่นแต่ ที่จริงแล้วมันไม่ใช่หุ่นยนตร์แต่เป็นชุดเกราะจักรกลต่างหาก ดูภายนอกชุดเกราะแล้วมันดูเหมือนไม่ค่อยจะมีพิษสงอะไรมากนัก แต่ติดอยู่ที่ตรงตัวอักขระแปลกประหลาดที่สลักอยู่ทั่วทั้งชุดนี่สิ วิกเตอร์ เขารู้ดีว่าอักขระพวกนี้นั้นเมื่อมันถูกใช้งานชุดเกราะนี้จะมีพิษสงมากมายอย่างล้นเหลือ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาที่เขาคบคิดอยู่ทุกวันนี้ ปัญหาจริงๆนั่นก็คือร่างที่แท้จริงนอกจากชื่อที่รู้นั้น เขาคือใครกันที่อยู่ในชุดเกราะขนาดใหญ่นี้
“ให้เวลายัยนั่นเขาสักหน่อยเถอะครับ คุณโอนิ ยัยนั่นเขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ… หึ! งั้นกลับกันเถอะ”
“ครับ… ฟรีน่า เปิดใช้ระบบ Wing of Eternal รหัสผ่านคือ วิ้น!”
“ยืนยันรหัสผ่าน ทำการเปลี่ยนรูปแบบ Wing of Eternal”
วิกเตอร์ วาดมือของเขาเป็นวงกลมอีกครั้งแต่คราวนี้มันใหญ่พอๆกับตัวของฟรีน่าและเมื่อประตูมิติสีดำถูกเปิดออก ฟรีน่าก็เดินเข้าไปในประตูมิตินั้นและโผล่ออกมาอีกด้านแต่รูปลักษณ์ของเธอเปลี่ยนไป จากแค่ Android ในชุดเมดธรรมดาๆแต่คราวนี้กลายเป็น Android เมดที่มีเกราะสีทองอร่ามสลับกับผลึกแก้วสีฟ้านวลติดตั้งอยู่ทั่วทั้งตัว และที่เด่นชัดที่สุดเห็นจะเป็นปีกสีทองที่มีแผงปีกส่วนหนึ่งเป็นผลึกสีฟ้านวลขนาดใหญ่ทั้ง 2 ข้างที่อยู่ด้านหลังนั่น ก่อนที่ชุดเกราะสีดำนั่นจะค่อยๆลอยตัวขึ้นสู่อากาศแล้วบินหายลับไปในท้องฟ้ายามราตรี ตามมาด้วยวิกเตอร์ที่ถูกฟรีน่าพาบินแบบหิ้วปีกพาขึ้นฟ้า และบินตามชุดเกราะสีดำนั่นไป
และเมื่อความสงบกลับมาเยือนบ้านของ นีน่า อีกครั้ง เฟรย่า คือชื่อ Android ของเธอที่ถูก วิกเตอร์ ซ่อมแซมจนเป็นปรกติดีแล้ว ทันใดนั้นเหล่าทหารยามรักษาเมือง ที่ได้ชาวบ้านแถวนั้นเรียกมาก็ปรากฎตัวขึ้นและเข้าเคลียร์พื้นที่ภายในบ้านของเธอทันที ส่วนตัวนีน่าเองนั้นก็โดนนายทหารชั้นผู้ใหญ่สอบสวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเมื่อรับรู้ถึงเรื่องทั้งหมดก็พา อลิส ไปสอบสวนที่ศูนย์ฯ [ศูนย์ดูแลและรักษาการณ์ประจำเมือง] และในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางของมัน อลิส และ อูดินี่ ก็มาหาเธอที่บ้าน และมอบเงินที่เป็นเหมือนกับคำขอบคุณและค่าเสียหายที่พวกเธอก่อเรื่องเอาไว้ให้กับ นีน่า ในเมื่อคืนนี้ ก่อนที่ทั้งคู่จะกล่าวลาเธอเพื่อออกเดินทางต่อ…
-= Lesson 2 End =-
-= To Be Continue Lesson 3 =-
-= เกร็ดความรู้ท้ายบท =-
ภูติ [Spiria]
- สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในรูปแบบพลังงานต่างๆ ที่มีพลังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งธาตุหลักทั้ง 4 ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ พวก ภูติ เหล่านี้คือผู้ที่จะคอยช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ที่เป็นเจ้านาย ซึ่งในบางคนอาจจะมีภูติอยู่ข้างกายตั้งแต่ 2 ตนขึ้นไป มีขนาดและรูปร่างและความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับระดับพลังเวทของผู้เป็นเจ้านาย ตั้งแต่ตัวใหญ่เท่าตึกจนถึงตัวเล็กเท่าผลแอปเปิ้ล แต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลังเวทขั้นสูงและความว่องไวที่เป็นเลิศ และยิ่งหากได้รวมร่างกับเจ้านายที่เป็นอาชีพ คนทรง ด้วยแล้ว ความสามารถของทั้งคู่ จะเพิ่มขึ้นอีกมากมายมหาศาลเลยทีเดียว ตัว ภูติ เองจะไม่มีวันดับสลายเพราะเป็นส่วนหนึ่งของพลังแห่งธาตุหลักทั้ง 4 ที่มีมากมายอยู่บนผืนพิภพแห่งนี้นั่นเอง
ครึ่งสัตว์ [Half Beast]
- สิ่งมีชีวิตที่ไม่ทราบความเป็นมาแน่ชัด ไม่มีการรวมตัวเป็นเผ่าพันธ์ุใหม่ของตัวเองแต่มักจะถูกเรียกว่าพวกต้องสาป เนื่องจากร่างกายเพียงส่วนหนึ่งที่ผิดแปลกไปจนคล้ายกับสัตว์ป่าแล้ว ส่วนอื่นๆยังคงครบถ้วนและคงคุณสมบัติเหมือนเผ่าพันธ์ุดั่งเดิมของตนเองทุกประการ ความผิดปรกตินี้เกิดได้กับทุกเผ่าพันธ์ุ พวกนักวิชาการมักจะเรียกพวกเขาว่า Mutant [มนุษย์กลายพันธ์ุ] ซึ่งในยุคแรกๆนั้นได้รับความรังเกียจจากสังคมเป็นอย่างมาก แต่ในภายหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสังคมเวทมนตร์นี้แล้ว กลับเป็นที่ยอมรับกันมากยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรก็ดีพวกเขาก็ยังมีรูปร่างที่ผิดปรกติแตกต่างกันไปทั้งที่มีประโยชน์ในการต่อสู้และไม่มีอย่างเช่น ชายหนุ่ม หรือ หญิงสาว ที่มีหูและหางเหมือน สุนัขจิ้งจอก หรือ แมว เป็นต้น
ต้นไม้โลก [Tree of Gaia]
- ถ้าพูดถึงสิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนวงจรชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวลนั้น ย่อมหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ เป็นแน่แท้ ต้นไม้โลก เองก็เช่นกัน สิ่งนี้เปรียบเสมือนกับตัวขับเคลื่อนของวงจรเวทมนตร์ที่หลั่งไหลและหมุนเวียนอยู่บนผืนพิภพ เอโอซิริส ซึ่ง ต้นไม้โลก นั้นจะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 7 ต้น และกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบนผืนพิภพ เป็น พืช ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ โดยที่ขนาดของ ต้นไม้โลก แต่ละต้นนั้นว่ากันว่ามีความสูงใหญ่เทียบเท่ากับตึก 100 ชั้น หรืออาจจะเหนือกว่าในบางต้น มีอายุขัยยืนยาวที่เรียกได้ว่าเข้าขั้น อมตะ เลยทีเดียว ซึ่ง ต้นไม้โลก แต่ละต้นนั้นมีความเกี่ยวโยงกันอย่างลึกซึ้งที่เรียกว่า เครือข่ายทรณี ซึ่งถ้าเกิดความผิดปรกติกับ เครือข่ายทรณี ของ ต้นไม้โลก ต้นใดต้นหนึ่งขึ้น นั่นก็หมายความว่าผืนพิภพ เอโอซิริส ถึงกาลอวสาน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ