เล่นตามน้ำ...แบบหมาๆ

9.0

เขียนโดย jundee

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22.06 น.

  1 ตอนเดียวจบ
  9 วิจารณ์
  4,989 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         "เอาเป็นว่า..  ตกลงนะป้า"   เสี่ยหนุ่ม  หุ่นดี  หน้างาม อวบผ่องผิวพรรณสะอาดหมดจด  แถม"เงินหนา"   พูดพลาง  ล้วงปึกเงินสดใบละพันบาทออกมานับจาก"เหน็บเงิน"ที่เป็นเนื้อเงินแท้ๆ    เงาวามตามด้วยสายตาของผู้จ้องแทบไม่กระพริบแถมมีตราเล็กๆว่า JP.(ญองปอนด์เกยติเญย์)  อันเป็นแนมดังระบือลือโลก .

            จากที่เห็น  เป็นเงินปึกหนาทีเดียวเชียว   แต่ที่นับส่งมาแทบไม่พร่องเลย  กับจำนวนที่เหลืออยู่  แล้วเขาก็ซุกปึกหนานั่นไว้ใต้แผงอกที่เป็นเสื้อสูทแบบสากลนิยม  มองดูแล้วช่างเป็นที่น่าครั้นคร้ามนัก  ยิ่งเปรียบกับ เสื้อเซิ้ตมือสองตัวละ20บาทที่ทิดสาซื้อมาจากตลาดนัดกลางบ้านเมื่อวันก่อนเพื่อสวมใส่เวลาพบเจอ"ท่าน" โดยเฉพาะ.  ยิ่งดูห่างไกลกันราวฟ้ากับดิน.

         เมื่อก่อนหน้านี้ไม่นานนัก  หากจะเอ่ยถึงคำว่า.."นายทุน"  และในนามผู้สนับสนุนต่างๆ   ท้องที่นี้ก็มีเช่นกันเหมือนตำบลอื่นๆ ... จากคำบอกเล่าของอบต  (อดบ่ตาย)....    "..นายทุน...มาออกเงินให้ก่อน  ใครอยากทำอะไร?  อยากปลูกอะไร?  ก้อมาบอกท่านได้  ท่านให้เงินมาลงทุนแบบไม่คิดดอกเบี้ยขั้นแรก  แต่หากขายพืชผลได้แล้ว  ท่านถึงจะกำหนดดอก "

       ..ซึ่งฟังแล้ว เป็นที่น่าพอใจแก่ทุกฝ่าย..??? .. .".ใครอยากมีกำไรจากการปลูกหว่านดำไถ  โดยไม่ต้องรอนาน..   มาลงชื่อเพื่อกู้ยืมได้..."  

            ...แค่คำนี้คำเดียว  ทำให้  เหล่าฝูงผึ้งที่ปรารถนาน้ำหวาน....ต่างเร่งรีบมาลงชื่อเพื่อ ให้นายทุนเห็นใจและเพิ่มเงินสนับสนุนในหน้าที่การงานการไร่ของตน 

            ...ก่อนหน้าที่ทิดสาจะมาร่วมวงไพบูรณ์นี้  เมียแกส่งคำสรรเสริญ..เชิงประชดแว่วๆว่า..."ไปเชื่อมัน..พอกู้มาได้ก็ต้องไปเป็นทาสมันอีก  ไม่รู้มันจะคิดดอกเท่าไหร่  ไม่บอกก่อน  เดี๋ยวพอมันคิดดอกแพงๆ  ก็ต้องก้มหน้าใช้มัน".

           แต่ทิดสาไม่สนใจ  เพราะคิดเสมอว่าตัวเป็นใหญ่ในการงานของบ้าน   และในการตัดสินใจ   แถมเป็นผู้หาเงินมาจุนเจือครอบครัว  ทำให้ความขัดแย้งทุกอย่างเป็นอันตกไป......

      เมียอยู่ส่วนเมีย(โว้ย..!)...ทิดสาคิดเช่นนั้น................................

          เดือน9แล้ว  อันที่จริงต้องเรียกว่าเดือน11ด้วยซ้ำ..ฝนหนีหมด  กล้าข้าวในนาแห้งตาย  ปุ๋ยที่ซื้อมาแพงๆจากนายทุนในราคาที่"ทุกคน"ในหมู่บ้านคิดเอาเองว่าแสนถูก    แต่ช่างไม่ก่อเกิดผลอันใดเลยกับต้นกล้าในนา ..  คนในหมู่บ้านเริ่มจับกลุ่มคุยกัน ..ตามกองไฟกองฟืนเพื่อไล่หนาวที่มีมาตามลม  เมื่อฝนห่างๆ  และบางคราวก็มีลมหนาวตามมาด้วยเม็ดฝนเป็นบางครั้ง   พอให้คนเฒ่าคนแก่ได้สุมไฟคุยกันตามประสาชาวไร่ชาวนา.....  แล้วในค่ำวันหนึ่งขณะที่ผิงไฟบ้าง  เหมือนรวมตัวกันกลายๆ   ....ท่านพ่อผู้ใหญ่บ้านก็ได้พูดออกมา......ฟังดูน้ำเสียงแสนน่าอึดอัดใจ   ."มันแย่แล้วพวกเรา...คงจะหาเงินไปส่งดอก"ท่าน"ไม่ไหว"  ทุกคนต่างนั่งนิ่ง  บางคนชันเข่าเอาคางตัวเองค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น...   บางคนเขี่ยไม้ฟืนให้ไฟลุกแต่สายตาทอดไปไกลไร้จุดหมาย...        มีแต่  ไอ้เคน  คนหัวดีหน่อยแต่ไม่เป็นกระบวนท่านัก.  เอ่ยปากออกมาว่า..."เอ๊า!..ผู้ใหญ่เก๊าะหางานมาลงซี..นี่นะใกล้ออกพรรษาแล้ว   พากันหางานมาจัด  ขายตั๋ว  และช่วยกันรวมเงินไปให้เพิ่นก่อน"  ผู้ใหญ่คิดได้  เห็นดีเห็นงาม  และเริ่มรวบรวมคนที่  "คิดเหมือนกัน"  ประชุมวางแผนงาน  การต่างๆ  ทั้งตั้งงบจัดหาคณะหมอลำ     ...มีแต่คนๆหนึ่งที่เดินเลี่ยงหนีกลับมาบ้านแบบเงียบๆ.......

            เมื่อใกล้ถึงบ้านทิดสามองเห็น...  แสงไฟจากตะเกียงน้ำมันก๊าด  ส่องแสงวอมแวมท่ามกลางความมืดเพียงนิดหน่อย    แต่ด้วยความชำนาญในพื้นที่  แกไม่กลัวแล้ว    และที่สำคัญ แกอยากขอบใจเมียแกเหลือเกิน  ที่ใช้คำพูดบางคำ  ช่วยให้แก  เกิดความคิด  อยากตลบหลังพวกนายทุนหน้าเลือด...

....

   ...     แล้วทิดสาก็จำได้ว่า..ตัวเองได้เขียนคำๆหนึ่งในสัญญาฉบับนั้น   ในวันกู้ยืม  คนอ่านที่เสี่ยหนุ่มจ้างมาจัดการเอกสารต่างๆ  มองหน้าแกนิดหนึ่ง  ก่อนจะเก็บเอกสาร  ที่ทางเสี่ยก็ไม่รอบครอบนัก

การกู้ยืมในหมู่บ้านเล็กๆ  โดยมีแต่ชาวไร่ชาวนาจนๆ  ไม่มีความรู้เสี่ยจึงไม่สนใจที่จะดูอะไรมากมาย  เพราะความมั่นใจและทนงในอำนาจเงิน.   แถมคิดเอาเองว่า  พวกนี้มันถือสัญญาที่ปากที่คำพูด  ไม่ใช่ตัวหนังสือ!...  แกยิ้มละไมทั่วใบหน้า   สาวเท้าก้าวฉับๆไปทางบ้านที่เป็นอะไรไม่ต่างจากกระท่อมนัก  แกต้องขอบใจเมียแกแล้ว...แกคิดเช่นนั้น  ขณะขึ้นบันไดบ้าน

          ..ก่อนจะเอ่ยปากถามเมียรัก  ทิดสากอดเมียที่อ้วนร่างใหญ่ไว้ในวงแขน พลางหอมแก้มเธออย่างรักใคร่  และซาบซึ้ง  ก่อนจะเอ่ยปากถามเบาๆ  ที่ข้างหูว่า...

  

      ....    "แม่มึง...ตอนฉันจะเขียนชื่อลงในใบสัญญา..  มันว่าอะไรนะ?"

               "อ้าวพ่อมึงก้อ..แกเขียนว่า"หมา"ไง..ลืมแล้วรึ?..."

 

               "ไม่ลืมหรอก  ..แต่หากมีคนมาถามหา"หมา"  เราไม่รู้นะ...

แม่ก็เฉยๆไป...ส่วนพ่อ.......... 

 

................ก็จะ.บอกมันว่า "หมาเขียนไม่เป็น"....

 

 

        

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา