บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
8.8
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
27 chapter
129 วิจารณ์
42.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ~ 24 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความอ๊อดดดด! อ๊อดดดดดด!!
เสียงอ๊อดของโรงเรียนดังขึ้น ทำให้ฉันตกใจรีบหลบสายตาของโพทส์ทันที...โพทส์เห็นท่าทางของฉัน พลางหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งทำให้หน้าที่แดงอยู่แล้วกลับต้องแดงขึ้นอีก
"เวลาเธอเขิน...ดูน่ารักดีนะ หึหึ..." โพทส์พูดยิ้มๆ
"บ้าๆ! พูดไร้สาระ...รีบไปทำเวรดีกว่า" ฉันก้มหน้าก้มตา เพราะความเขินอาย
"เธอเอาขยะที่อยู่หน้าห้องไปทิ้ง..และกลับเลยละกันมันเย็นมากแล้ว..ที่เหลือฉันจัดการเอง" เสียงของโพทส์ดูอ่อนโยน ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน
"จริงเหรอ!! งั้นฉันไปล่ะ....ขอบใจนะเพื่อน....." โพทส์ส่ายหน้าอย่างขำๆ แต่เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า....ขอให้โชคดี....
หญิงสาวรีบวิ่งลงจากบันได โดยที่ไม่ลืมหยิบถุงขยะที่อยู่หน้าห้องติดมือไปด้วย เธอไม่สนใจว่าขยะที่อยู่ในถุงนั้นจะมีมากน้องแค่ไหน...ตอนนี้สมองของเธอสั่งให้วิ่ง...วิ่งไปตามเสียงหัวใจที่ร่ำร้องหาชายหนุ่มที่เธออยากจะพบ...
ในจังหวะที่นียากำลังจะทิ้งขยะลงในถังใหญ่ของโรงเรียน สายตาก็ไปสะดุดกับกล่องของขวัญที่มีลวดลายการ์ตูนน่ารัก..เธอหยิบมันขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่พอเธออ่านการ์ดที่ติดอยู่หน้ากล่องหัวใจก็หล่นวูบลงไปทันที...
'แด่......
ทานตะวัน ที่ผมรัก...
เต็งหนึ่ง...'
เพียงแค่เห็นชื่อที่เธอคุ้นเคยก็ทำให้โลกของนียาหยุดหมุน...งั้นก็หมายความว่า!!
ร่างบางรีบวิ่งออกจากที่ตรงนั้นทันที ในมือยังคงถือกล่องของขวัญไปด้วย..นียาคิดเพียงแต่ว่าตอนนี้ต้องตามหาเขาให้พบและที่ที่เธอจะพบกับเขาได้นั้น ก็คือ..ห้องดนตรี...
ลูกบิดประตูถูกผลักออกอย่างแรง เผยให้เห็นร่างของหญิงสาวยืนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย..เธอวิ่งมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่สิ่งที่เธอได้พบ..กลับมีแต่ความมืดมิด ในห้องดนตรีขณะนี้มีเพียงเสียงหอบหายใจของเธอเท่านั้น...ไม่มีใครเลยจริงๆ นียาหันหลังเดินจากไปอย่างผิดหวัง...จากไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน อาบก้มทั้งสองข้างอย่างช้าๆ...
อีกด้านหนึ่งของห้อมโฮมรูมชั้นม.4/4
โพทส์กำลังหมกมุ่นกับการกวาดห้องอย่างเมามัน ให้ตายเหอะ! ที่บ้านยังไม่เคยคิดจะแตะไม้กวาดเลย แต่ตอนนี้เขาคงต้องเปลี่ยนความคิดใหม่เสียแล้ว ชายหนุ่มมัวแต่สนใจกับงานตรงหน้าโดยที่ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนอยู่...
"ให้ฉันช่วยดีกว่านะ จะได้เสร็จเร็วๆ" โพทส์หันไปมองทางต้นเสียง ตาของเขาเบิกกว้างทันที
"โซฟี! เธอมาได้ไงเนี่ย..ซ้อมเสร็จแล้วเหรอ" เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างดีใจ
"ก็เดินมาน่ะสิถามได้ เหนื่อยชะมัดเลย รู้ไหม วันนี้พี่เก๋คิดท่าเต้นใหม่ขึ้นมา ฉันเนี่ยอยากจะบ้าตาย มีการสั่งให้ไปซ้อมเป็นการบ้านด้วยนะ พรุ่งนี้พี่เขาจะสอบทีละคนด้วยล่ะ" โพทส์มองหน้าโซฟีอย่างยิ้มๆ ไม่ว่าเมื่อไหร่...เธอก็ยังคงความน่ารักสดใสเหมือนเดิม...และเขา..จะไม่ยอมให้ใครมาพรากความน่ารักนี้ไปจากเธอแน่นอน....โซฟีเริ่มรู้สึกตัวว่า คนตรงหน้าไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูดเลย...เธอจึงหยุดพูด และเงียบลงทันที
"อ่าว? ทำไมไม่พูดต่อล่ะ มีอะไรเหรอ" โพทส์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าโซฟีเงียบไป
"นายสนใจฉันด้วยเหรอ...ฉันจะพูดหรือไม่พูดมันก็เรื่องของฉัน เชิญนายทำความสะอาดไปคนเดียวละกัน ฉันกลับก่อนล่ะ" โซฟีหันหลังจะเดินออกไป ทว่า...
หมับ....พรึบ!
โพทส์ดึงโซฟีให้หันมาเผชิญหน้าก่อนที่จะใช้แขนอีกข้างโอบรอบเอวของหญิงสาวอย่างรวดเร็ว...แขนที่โอบรอบสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น...ร่างบางซบหน้าลงกับอกกว้างของเขาอย่างนุ่มนวล...
"ขอโทษนะ..." โพทส์พูดพลางเอามือลูบผมโซฟีเบาๆ
"ขอโทษบ้าอะไรเล่า นายไม่...." ยังไม่ทันพูดจบ โพทส์ก็ยื่นจมูกกดเข้าไปที่แก้มเนียนของโซฟีหนักๆส่งผลให้หญิงสาวหน้าแดงขึ้นทันที
"คิดถึงเธอจัง...คิดถึง..." โพทส์บอกก่อนที่จะกอดโซฟีไว้เหมือนเดิม...หญิงสาวได้ยินเสียงหัวใจของคนตรงหน้าชัดเจน...เขายังคงอยู่เคียงข้างเธอเสมอ..และตลอดไป
"อะแฮ่ม! อืมมม....ได้เวลาโรงเรียนจะปิดแล้ว ยังจะยืนจู๋จี๋กันอีกนานไหม" ลุงธง...ภารโรงของโรงเรียนทักขึ้นอย่างเขินๆที่เห็น.....
โซฟีผละออกจากโพทส์อย่างรวดเร็ว...โพทส์เอามือลูบหน้าตัวเองเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มอย่างสดใสไปให้ลุงธงพร้อมกับพูดขึ้นว่า
"เรากำลังจะกลับแล้วครับ...เชิญลุงตามสบาย" สิ้นเสียงชายหนุ่มคว้าแขนของโซฟีแล้ววิ่งออกไปทันที ปล่อยให้ลุงธงมองตามอย่างขำๆ เด็กสมัยนี้มันจริงๆเล้ยยย~~~
ลมเย็นๆพักผ่านระเบียงทางเดินของตึก4 ในเวลาหัวค่ำตอนนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ในเขตโรงเรียนอีกแล้ว นอกเสียจากลุงภารโรง...ซึ่งกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างขะมักเขม้น
"เอ๊ะ! ห้องดนตรียังไม่ล็อคอีกเรอะ" ลุงธงฉงนใจ จึงเปิดประตูเข้าไปดูความเรียบร้อย มือเหี่ยวเอื้อมไปเปิดสวิตซ์ไฟเพื่อให้ห้องสว่าง ฉับพลัน เบื้องหน้าก็ได้มีร่างของเด็กนักเรียนชายนอนตะแคงข้างหันหลังให้เขา...ลุงธงเดินเข้าไปกะว่าจะตักเตือนให้เด็กหนุ่มกลับบ้านได้แล้ว แต่ทว่า
่เลือด!!..เลือดที่แห้งเกรอะกรังทั้งจมูกและปาก..เมื่อลุงธงตั้งสติได้ก็วิ่งเข้าไปประคองร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นเอาไว้ ลมหายใจที่รวยริน เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิอยู่...ลุงธงรีบล่วงโทรศัพท์รุ่นโบราณออกมาใช้ทันที
"ฮัลโหล โรงพยาบาลสายสินใช่ไหมครับ ช่วยส่งรถมารับคนที่โรงเรียนสุขเกษตรเดี๋ยวนี้เลยนะครับ ด่วนเลยนะครับ!!"เมื่อกดวางสาย ลุงธงก็หันมามองใบหน้าที่ซีดเซียวของชายหนุ่มอย่างสงสารปนเวทนา....
แสงแดดยามเช้าของวันใหม่ได้ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง จึงทำให้ชายหนุ่มเริ่มกระพริบตา ปรับให้เข้ากับแสง
"ที่นี่ที่ไหน" เต็งหนึ่งพูดออกมาเบาๆ
"โรงพยามบาล...ลูกเป็นยังไงบ้าง...เต็งหนึ่ง" ผู้เป็นแม่เอามือลูบผมลูกชายอย่างอ่อนโยน...น้ำตาก็เอ่อคลอเต็มตาทั้งสองข้าง...เต็งหนึ่งมองหน้าแม่ ก่อนที่จะยิ้มขึ้น
"แม่อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับ...ไม่สวยเลยนะ แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง" เต็งหนึ่งถามขึ้นอย่างสะลึมสะลือ
"ก็ภารโรงที่โรงเรียนลูกน่ะสิ ไปเจอลูกนอนสลบอยู่ แกเห็นเลือดก็ยิ่งตกใจ รีบโทรตามรถพยาบาล แล้วก็โทรตามแม่มาที่นี่...แล้วเลือดนั่น..."
"ผมไม่เป็นอะไร...เอ่อ..แค่เลือดกำเดาไหล เส้นเลือดฝอยในจมูกผมมันชอบแตกบ่อยๆ เหมือนเวลาที่เด็กเจออากาศร้อนๆไงล่ะครับ" เขารีบพูดขึ้นแทรกทันที เหมือนต้องการปิดบังอะไรบางอย่าง... แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจหน้าซีด เพราะน้ำใสๆได้ไหลออกจากตาทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่แล้ว...
"เต็งหนึ่ง...ลูกอย่าโกหกแม่อีกเลยนะลูก..." แม่เดินไปกอดลูกชายอย่างหวาดใจ... กลัวเหลือเกินว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้กอดลูกชายอีกแล้ว...ความเงียบก่อตัวขึ้น เต็งหนึ่งโอบกอดแม่ของเขาอย่างรักใคร่..สีหน้าเฉยชาของเขา..จะมีใครรู้บ้างว่าตอนนี้มันเจ็บปวดแค่ไหน....
น้ำพุที่พุ่งตัวเป็นเส้นยาวขึ้นไปในอากาศด้วยแรงดันจากใต้ดิน ก่อนจะแผ่กระจายเป็นละอองน้ำฝอยออกเป็นวงกว้างและโค้งตกลงมาอย่างอ้อยอิ่ง ดึงความสนใจของคนที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี มันช่วยให้ฝูงปลาตัวเล็ก ตัวน้อย สีสันสดใสในสระน้ำไม่ขาดออกซิเจน ตัวฐานหินรอบนอกถูกออกแบบให้มีส่วนโค้งไปมาสวยงาม ซึ่งกลายเป็นที่นั่งพักของบุคคลทั่วไปที่มายังสวนสนุกแห่งนี้...บวกกับเสานาฬิกาที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ทำให้กลายเป็นจุดที่พักที่ดีที่สุดของเหล่านักเรียนมัธยมลูกปลาแห่งโรงเรียนสุขเกษตร...
วันนี้ฉันใส่เสื้อสีชมพู กระโปรงสีเหลืองอ่อนเบาสบาย ผมยาวดำขลับถูกปล่อยลงมากลางหลังใบหน้าระบายด้วยเครื่องสำอางบางเบาอย่างเป็นธรรมชาติ ฉันนั่งอยู่ที่ม้านั่งสีขาว ข้างๆเสานาฬิกา สายตาจดจ่อไปที่ร่างสูงของอาจารย์วาที่กำลังพูด ในมือมีโทรโข่ง...
"โหลๆๆๆ...เทสสส...วัน..ทู... เอาล่ะ มากันครบแล้วใช่ไหม..." อาจารย์วาเอ่ยขึ้นในขณะที่มือกำลังเช็คเครื่องโทรโข่งอยู่
"ยังครับอาจารย์..ห้องผมยังขาดเต็งหนึ่งครับ มันยังไม่มาเลย" รุ่นพี่ม.5 พูดขึ้น ทำให้ฉันหันไปสนใจบทสนทนานั้นทันที
"อาจารย์คะ ลูกปลาก็ยังไม่มาค่ะ" โซดาพูดขึ้น อาจารย์วาพยักหน้าแล้วพูดว่า
"งั้นไม่เป็นไร...ใครไม่มาถือว่าสละสิทธิ์ก็แล้วกัน... ครูจะปล่อยให้พวกเธอให้เป็นอิสระ...แต่! มีข้อแม้ว่า พวกเธอห้ามก่อเรื่องวุ่นวาย ทะเลาะวิวาทเป็นอันขาด! และเมื่อถึงเวลา17.00น. พวกเราทุกๆคนจะต้องมาพบกันที่นี่....รับบัญชา" สายตาของอาจารย์มองนักเรียนทุกคนอย่างดุดัน
"รับทราบครับ/ค่ะ " เสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียง...นักเรียนเริ่มแตกกระจายกันเป็นวงกว้าง บ้างเดินจับกลุ่ม..บ้างเดินเป็นคู่...และกลุ่มที่จะดูโดดเด่นมากที่สุดก็คงต้องเป็นกลุ่มของฉัน....
"ฉันไม่เข้าใจ ทำไมแกทั้งสองและเธอทั้งสอง ไม่ไปเดินกันเป็นคู่ล่ะ ไหนๆตัวก็ติดกันอยู่แล้วนิ" เฟิร์นเอ่ยแซวขึ้น เพราะเห็นสมาชิกเที่ยวในครั้งนี้เพิ่มมากขึ้น
"ไอซ์กับเอ็มไม่เท่าไหร่...แต่โพทส์กับโซฟีเนี่ยสิ... เป็นแฟนกันแท้ๆ..อุ๊บ!" โซดารีบยกมือปิดปาก พลางมองมาทางฉันอย่างสำนึก
"ไม่ต้องมาส่งสายตาอย่างนั้นเลย...นายนี่มันก็แค่ของเล่นที่ฉันเคยอยากจะได้เท่านั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ" ฉันพยายามแค่นเสียงหัวเราะออกมา เพื่อที่ไม่อยากทำให้คนอื่นคิดมาก...
ป๊าบบบ!!!~!
สมน้ำหน้า...เธอมันพวกดีแต่เสียง...เรื่องหัวใจ...กลับไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง!!" โพทส์ใช้สมุดที่อยู่ในมือฟาดลงที่หัวฉันเข้าอย่างจัง แล้วต่อด้วยคำพูดที่ทิ่มแทงใจเข้าอย่างจัง...
"เอ่อ...ขอโทษนะนียา ฉันไม่ได้ตั้งใจ" โพทส์รีบพูดขึ้น หลังจากที่เห็นสีหน้าฉันซึมลง...จะไม่ให้เศร้าได้ไงล่ะ หลังจากวันที่ฉันเห็นกล่องของขวัญนั่น...ฉันก็ไม่ได้พบเต็งหนึ่งอีกเลย..โทรเข้ามือถือก็ปิดเครื่อง...ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันตามหาเขาที่โรงเรียนทุกวัน เดินไปหาที่ห้องรุ่นพี่ก็บอกว่า เขาไม่มาโรงรียนหลายวันแล้ว...ฉันก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอกนะ....
"เอาหน่า...โพทส์มันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย..เธอก็ให้ๆอภัยมันไปเหอะ" เอ็มเดินเข้ามาตบบ่าฉัน ส่งผลให้ไหล่บางสะดุ้งทันที
"แล้วนี่จะยืนไปถึงเมื่อไหร่กันหา!" ไอซ์พูดยิ้มๆ ทำให้ทุกคนเริ่มคึกคักขึ้นมา...แต่พอสายตาฉันไปสะดุดกับเฟิร์น...คิ้วทั้งสองข้างก็ต้องขมวดเข้าหากัน
"มองหาใครอยู่เหรอวะ..เฟิร์น.. ฉันเห็นแกคอยื่นคอยาวเป็นยีราฟแล้วนะ" ฉันถามออกไปอย่างสงสัย
"ลูกปลามันไม่มาจริงๆเหรอ..."น้ำเสียงแผ่วเบา
"ถ้ามันมา ก็คงจะโทรมาหาพวกเราเองแหละ...ไปกันเถอะ...เฮ้ย! เอ็มรอด้วยสิวะ!" เสียงตะโกนของฉันทำให้เอ็มหันกลับมาสนใจ...แววตาเศร้าของเฟิร์น ปรากฏขึ้นชั่ววินาทีก็หายไป...โดยที่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ทันสังเกต
"งั้นไปสิ^_^" ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเข้าไปหาเพื่อนที่เหลืออย่างมีความสุข...โดยหารู้ไม่ว่า ได้มีสายตาอาฆาตของหญิงสาวอีกคน แอบมองอยู่อย่างไม่พอใจ!
ร่างของหญิงวัยกลางคนเดินกระสับกระส่ายไปมาอยู่หน้าห้องพักของหมอที่เป็นเจ้าของไข้ของลูกชาย...แม่ของเต็งหนึ่งขอนัดคุยกับหมอเพื่อถามถึงอาการของเขา...หัวอกคนเป็นแม่ไม่อาจอยู่เฉยได้เมื่อเห็นความผิดปกติของลูกชาย..เลือดนั่น..ทำไมถึงออกมามากขนาดนั้น...แล้วยังผิวที่ขาวซีด จนเหมือนคนที่ไม่มีเลือด
"คุณแม่ของเต็งหนึ่งหรือเปลาครับ" ชายวัยกลางคนในชุดกาว์สีขาว พร้อมกับพยาบาลร่างท้วมท่าทางใจดีอีกคนตามมาด้วย
"ผลเป็นหมอเจ้าของไข้น้องเต็งหนึ่ง เรียกผมว่าหมอวิทก็ได้ครับ" คุณหมอวิทเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น พลางเชิญคุณแม่เข้าไปคุยในห้องพัก
"สวัสดีค่ะ..หมอวิท คะ...คือ ลูกฉันเป็นอะไรเหรอคะ ทำไม...อยู่ดีๆถึงเป็นอย่างนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยป่วยหนักแบบนี้มาก่อน...คุณหมอช่วยอธิบายที..." คุณแม่พูดพลางกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ แต่ถึงยังไงก็ต้องรู้ว่าลูกชายของเธอเป็นอะไร...หมอวิทมองหน้าคุณแม่ก่อนที่จะยิ้มอย่างเศร้าๆ
"ความจริง...เต็งหนึ่งเขาก็พึ่งรู้อาการของตัวเองเมื่อสามเดือนที่แล้ว...และผมก็เป็นหมอประจำตัวของเขาเอง...เขาขอร้องไม่ให้ผมบอกเรื่องนี้กับใคร...ผมจึงต้องขอโทษคุณแม่ด้วย เพราะทางเราต้องทำตามความต้องการของคนป่วย..."
"และความจริงอีกอย่างก็คือ...เขาเหลือเวลาอีกไม่มาก" หมอวิท หยุดพักดูสีหน้าของคุณแม่ ก่อนจะพูดต่อว่า
"เวลา...ที่เขาจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงและไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นมาอีกได้ไหม" เสียงถอนหายใจดังขึ้น แต่ก็ไม่เท่าความวุ่นวายใจของคนเป็นแม่...
"หมดสิ้นเรี่ยวแรง? ลุกขึ้นมาอีกได้ไหม? หมายความว่าไงคะ หมอ" คุณแม่เอ่ยขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
"......."
"ที่ผมร่วงก็เพราะผลข้างเคียงของยา" หมอวิทตัดสินใจพูดในสิ่งที่ปิดบังมานาน
"ยาอะไรเหรอคะ" คุณแม่ถามอย่างใจหาย เหมือนกับว่าจะมีอะไรที่เธอไม่อยากฟังหลุดออกมาจากปากของหมอวิทอย่างนั้น... แต่นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องฟัง..
"ยา...กับคีโมบำบัด เพื่อ...ต้านเม็ดเลือดขาวน่ะครับ" คุณแม่มองหมอวิทอย่างตกใจ กับเรื่องที่พึ่งได้ยิน...แล้วยังไง...เม็ดเลือดขาว...เลือดออกจมูก...เป็นลม...หรือว่า!!!
"คุณแม่เข้าใจถูกแล้วล่ะครับ...ชื่อของโรคนี้คือ....มะเร็งในเม็ดเลือด...."
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ