บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
8.8
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
27 chapter
129 วิจารณ์
42.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) ~ 21 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ======================
"สวัสดีคร๊าบบบ...เวทีกลางแจ้งในวันนี้ เราได้มีอะไรมาเซอร์ไพส์ทุกคนและสิ่งที่พิเศษก็คือ...หนุ่มฮอตอย่าง โพทส์ ได้จองเวทีแห่งนี้ไว้เรียบร้อยครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา...ขอเชิญพบกับ โพทส์ ครับบบบบ" สิ้นเสียงของเอ็ม ซึ่งเป็นพิธีกร สิ่งที่ตามมาก็คือ...
"กรี๊ดดด...!!พี่โพทส์คร้า~~~"
หลังจากที่ฉันได้ไปเลือกซื้อดอกกุหลาบสีขาวเป็นที่เรียบร้อย โซดาก็ทั้งดึงทั้งลากฉันมายังข้างเวทีจนได้ ต้องขอขอบใจพลังที่มหาศาลของโซดา..เจ้าแม่พลังพานาโซนิกส์ ^_^ สถานที่และบรรยากาศรอบๆเวที ถูกจัดขึ้นด้วยลูกโป่งและดอกไม้สีสันสวยงามมากมาย ด้านหน้าและด้านข้างเวทีถูกประดับด้วยริบบิ้นหลากหลายสีแซมด้วยโบว์ยักษ์สีแดงสด ตกแต่งแนวอ่อนหวานเหมือนตกอยู่ในโลกแห่งความรักยังไงยังงั้น...ฉันยืนสังเกตสิ่งรอบข้างก่อนที่สายตาจะมาสิ้นสุดกับร่างของชายหนุ่มที่อยู่บนเวที...โพทส์ อยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีขาวด้านในตัดกับเสื้อเชิ้ตสีดำด้านนอก กางเกงยีนส์ขาวยาวทำให้โพทส์ในวันนี้ เท่บาดใจสาว (ฉัน) มากกว่าทุกๆวัน....
"ผมมีความในใจ...อยากจะบอกผู้หญิงคนหนึ่งครับ...เธอเป็นคนน่ารักมากในสายตาของผม ทุกๆครั้งที่เธออยู่ห่างจากสายตา ผมก็จะเป็นห่วงเธอมาก จนไม่อยากให้เธอห่างไปจากผมเลย...แต่แล้ว มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอเข้าใจผิด ผมได้พยายามอธิบายแต่เธอก็ไม่ยอมรับฟัง ผมเฝ้าโทรไปหาเธอทุกวัน เธอก็ไม่ยอมรับสาย เธอพยายามหลบหน้าผมทุกครั้ง...และในแต่ละครั้งนั้นมันทำให้ผมเจ็บ...แต่ถึงยังไงผมก็ยังรักเธอมากถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่มีค่าในสายตาเธออีกแล้ว แต่ผมก็อยากให้เธอรับรู้ว่าผม...ยังรักเธอ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...ถ้าเธออยู่แถวนี้...ช่วยฟังเพลงที่ฉันจะร้องให้เธอหน่อยนะ..." สิ้นเสียงโพทส์ก็เดินไปหยิบกีตาร์โปร่งที่ตั้งอยู่ข้างเวทีขึ้นมา และกลับมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้ง...ทุกสิ่งรอบค้างเริ่มเงียบสนิท เมื่อเสียงกีตาร์ได้เริ่มขึ้น...
~~~ฉันกลายเป็นคนอย่างนี้ ได้อย่างยังไง ฉันเห็นแก่ตัวใช่มั้ยที่ทำอย่างนั้นจะพูดคำว่ารักเพื่ออะไรกัน ทั้งๆ ที่คนอย่างฉันไม่ควรคู่เธอ....
*แม้ว่าดาวจะลอยหลงฟ้า โชคชะตาจะขีดพาให้พบเจอ....แต่ดาวยังคงเป็นดาวเสมอ แม้ว่าเธอจะเผลอลืมไป.......
**อย่าฉุดเธอไว้อีกเลยขอที จับมือเธอไว้อย่างนี้เพื่ออะไร ปล่อยเธอให้หวนกลับฟ้าของเธอไปปล่อยน้ำตาให้มันไหล ให้มันรินล้างใจคนไม่เจียม......
แม้เราจะต้องปวดร้าวสักเท่าไหร่ แม้มันจะไม่เป็นไปเหมือนใจต้องการไม่เจอะกันอีกแล้วจนชั่วกาล สักวันเธอคงจะรู้ว่าฉันทำเพื่อใคร....
คำว่ารักแม้มันจะยิ่งใหญ่ แต่มันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง......
~~~~ปล่อยน้ำตาให้มันไหล ให้มันรินล้างใจคนไม่เจียม......~~~~
เสียงปรบมือผสานเสียงกรี๊ดจากสาวๆดังขึ้น หลังจากที่เสียงกีตาร์หยุดลง..โพทส์ลุกจากเก้าอี้ทันทีทั้งๆที่ในมือยังคงถือกีตาร์อยู่ สายตาของเขาจ้องมองไปยังเบื้องหน้า...ฉันจึงมองไปตามสายตานั้นแล้วก็ต้องพบกับ...
"เดี๋ยว!โซฟี..." โพทส์เรียกชื่อของหญิงสาว ก่อนที่จะกระโดดลงจากเวทีอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้คนที่ยืนอยู่หน้าเวที ต้องแหวกทางตรงกลางให้เขาได้พบกับคนที่เขารัก....หญิงสาวที่ถูกเรียกยังคงยืนหันหลังอยู่อย่างนั้น
"ฉันรักเธอนะโซฟี..." เสียงโห่ร้องอย่างดีใจดังอยู่รอบกายฉัน...แต่ทำไม...ฉันกลับรู้สึก เจ็บล่ะ..... สิ้นเสียงของโพทส์หญิงสาวตรงหน้าก็ค่อยๆหันกลับมา แต่เธอก็ยังคงไม่ยอมเงยหน้าเพราะต้องการซ้อนน้ำตาที่กำลังไหล...โพทส์ก้าวเข้าไปใกล้ๆ จนในที่สุดทั้งสองคนก็อยู่ใกล้กันไม่เกินเอื้อมมือ..และชั่ววินาทีนั้น ชายหนุ่มก็ดึงร่างของโซฟีเข้ามากอดอย่างแนบแน่น...โซฟีหลับตาลงอย่างช้าๆ ซบหน้าเข้ากับอกของคนที่เธอรักอย่างเต็มใจ...ริมฝีปากบางสั่นระริก พร้อมทั้งพูดพร่ำสิ่งที่อยู่ในใจออกมา...
"โซฟีขอโทษ...โซฟีผิดเองที่ไม่เชื่อใจโพทส์...โซฟีผิดเองที่ไม่มีเหตุผล...และโซฟีก็รักโพทส์นะ....รักมาก....."
เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า...ราวกับมีใครเอาไม้มาฟาดหัว...มือทั้งสองข้างกำแน่นอย่างไม่รู้สึกเจ็บ...ฉันวิ่งออกมาจากที่ตรงนั้นทันที...ต้องวิ่ง...วิ่งไปที่ไหนก็ได้...ไปให้ไกลจากที่ตรงนี้...
"นียา!" เฟิร์นเรียกชื่อฉันอย่างตกใจ ฉันจึงหันกลับไปพูดว่า
"ขออยู่คนเดียว....สักพัก..." น้ำเสียงสั่นเครือ ฉันวิ่งออกจากบริเวณเวทีกลางแจ้งอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่แคร์สายตาของใครทั้งนั้น เพื่อนๆได้แต่มองตามหลังอย่างนึกสงสาร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...ปัญหาหัวใจ...ต้องเยียวยาด้วยตนเอง...ไหล่บางนั้นเริ่มสั่นตามแรงสะอื้น มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเล็บได้จิกลึกเข้าไปข้างใน โดยเฉพาะมือขวาที่ยังคงถือดอดกุหลาบสีขาวนวล ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าไปเลือกซื้นในซุ้มเกษตรด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างมีความสุข...ไม่ใช่ใบหน้าที่เจ็บปวดเศร้าหมองอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้...
หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย...คนรอบข้างที่เดินผ่านไป-มาต่างมองเธอและหันไปซุบซิบนินทากันต่างๆนานา...ถ้าเป็นเมื่อก่อนหญิงสาวคงแว๊ดดด! กลับไปแล้ว แต่ตอนนี้...แรงที่จะหายใจยังไม่มีเลย นับประสาอะไรกับไปมีเรื่องกับคนอื่น.. นียาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่สามารถมีใครรู้ได้ว่าเธอกำลังคิดอะไร... ภาพที่เธอพึ่งเห็นเมื่อกี้ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น....พลันสายตาของเธอก็ต้องสะดุด เมื่อได้เจอคนที่คุ้นเคย คนที่เธอไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุด คนที่เธอไม่อยากจะเก็บไว้ในความทรงจำ แต่ทำไม... ทุกครั้งที่เธออ่อนแอและลำบาก เขาจะเป็นคนแรกที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ‘ใช่...เขาสัญญา... สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างฉัน แต่...แต่ฉันไม่ได้รักเขา...ฉันไม่ได้....’ ร่างบางเริ่มควบคุมการทรงตัวไม่อยู่ ภาพตรงหน้าเริ่มมัวและร่างของเธอก็...ชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปประคองร่างของหญิงสาวไว้ทัน...ก่อนที่โลกจะหยุดหมุน...ปากเรียวบางของนียาได้ยิ้มออกมาและพึมพำแทบจับความไม่ได้ว่า....'ขอบคุณค่ะ...พี่เต็ง...' แล้วสติก็ดับวูบเข้าสู่ความมืดมิด....
นียานอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล...ดวงตาคู่สวยปิดสนิท...เต็งหนึ่งมองร่างบางด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แววตาของเขาดูแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว....ตลอดเวลาที่นียาไม่ได้สติ เขาได้นั่งอยู่ข้างเตียงโดยที่มือยังคงจับมือของนียาไว้...เต็งหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงคนตรงหน้ามาก...เขาหันไปมองดอกกุหลาบที่อยู่ในมืออีกข้างของหญิงสาว ก่อนที่จะตัดสินใจดึงมันออก.... แล้วเดินออกจากห้องไป...
แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้อง ทำให้ฉันต้องเปิดเปลือกตาขึ้น...และฉันก็ต้องแปลกเล็กน้อยเมื่อพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรอยู่...ก็ฉันจำได้ครั้งสุดท้ายว่า...ฉันเป็นลม..เอ๊ะ! ไม่สิ..ก่อนหน้านั้นฉันเห็น...ใช่แล้ว..เขาช่วยฉันอีกแล้ว...เต็งหนึ่ง
'เขาหายไปไหนแล้วล่ะ'ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่มีใคร จึงยันตัวเองขึ้นนั่งพิงกับหมอน พลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก...
"นียา!แกเป็นยังไงบ้าง พวกฉันเป็นห่วงแถบตาย" โซดาตะโกนขึ้นอย่างกังวล เมื่อเห็นหน้าฉัน
"ฉันไม่เป็นอะไร...ขอบใจนะที่เป็นห่วง" ฉันหันไปยิ้มให้ทุกคน
"แต่ถึงยังไงแกต้องพักผ่อนให้เยอะๆนะ เดี๋ยวจะอดไปปาร์ตี้เต้นรำกับพวกฉัน..." เฟิร์นยิ้มหน้ามุ้ยใส่ฉัน แต่แววตาของเธอก็ยังคงสื่อถึงความเป็นห่วงฉันอยู่ดี
"อื้มม...รู้แล้วล่ะ แล้วพวกแกรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่"
"ก็พี่เต็งหนึ่งน่ะสิ...เขาวิ่งตามหาพวกฉันแทบพลิกแผ่นดินเพื่อบอกแค่ว่าให้มาดูแลเธอที่นี่ พอพี่เขาพูดจบก็วิ่งหายไปเฉยเลย...ฉันยังงงๆอยู่เลยเนี่ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่" เฟิร์นเอ่ยขึ้นทำหน้าสงสัย
"เย็นมากแล้ว...เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม งั้นก็รีบกลับกันเถอะ" ลูกปลา...ที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เดาได้ยาก...
เมื่อ2ชั่วโมงที่แล้ว....
ชายหนุ่มวิ่งกระหืดกระหอบไปทั่วทั้งโรงเรียนเพื่อตามหารุ่นน้องกลุ่มหนึ่ง...การที่จะตามหาจนเจอได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะวันนี้เป็นวันงานโรงเรียน จึงทำให้คนโดยปกติเยอะอยู่แล้ว ก็เยอะมากขึ้นไปอีก...ในมือของเขาได้มีดอกกุหลาบสีขาวอยู่...และเมื่อพลันสายตาได้ไปสะดุดกับร่างที่รู้จัก...ชายหนุ่มจึงสาวเท้าเข้าไปใกล้ และคว้าแขนของหญิงสาวตรงหน้าทันที...
"พี่เต็ง...มีอะไรหรือเปล่าค่ะ” ลูกปลาถามอย่างฉงนใจ เมื่อพิจารณาใบหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อยของชายหนุ่ม...เขายืนหอบอยู่อย่างนั้นได้สักพัก ก็เริ่มพูดขึ้น
"นียา....อยู่ที่ห้องพยาบาล ช่วยไป...ดูแลที" น้ำเสียงติดขัด เพราะหายใจไม่ทัน แต่พอพูดจบเขาก็วิ่งแยกออกไปทันที โดยปล่อยให้รุ่นน้องที่เหลืออยู่มองหน้ากันอย่างงงๆ
สายตาของลูกปลามองตามหลังเต็งหนึ่งไป และเธอก็ต้องสะดุดกับดอกกุหลาบสีขาวที่อยู่ในมือของเขา...เธอจำมันได้ดี เพราะดอกกุหลาบดอกนั่น เธอเป็นคนเลือกให้เพื่อนของเธอเอง...นียา...ดวงตาที่เศร้าหมอง กลายเป็นเย็นชาทันที....
พลั่กก!!
เต็งหนึ่งกระชากร่างของโพทส์ให้ลุกขึ้นมาประจันหน้า ก่อนที่จะปล่อยหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่หน้าของโพทส์อย่างรวดเร็ว...โซฟีกรีดร้องอย่างตกใจ โพทส์สะบัดหัวไล่ความมึนงง พอตั้งสติได้ก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายลุกต่อ เขาสวนกลับทันที...
พลั่กก!!!
กรี๊ดดดดๆๆๆๆ!!!!
เสียงกรีดร้องในโรงอาหารดังขึ้นอย่างโกลาหน...เต็งหนึ่งเซตามแรงหมัดเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งตัวเขาใส่โพทส์อย่างรุนแรง...
ตุ๊บบบ!!พลั่กก!!! พรั๊วะ!!!!
ทั้งสองตะลุมบอนกันอย่างไม่หยุดยั้ง...ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร...ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันแห่เข้ามามุงดูหนุ่มฮอตทั้งสองอย่างตื่นเต้น บางคนถึงกับใช้กล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปเก็บไว้ บางคนถึงกลับพนันกันว่าฝ่ายไหนจะชนะ...ไม่มีใครคิดที่จะเข้าไปแยกทั้งสองคนออกจากกัน...
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! นี่มันอะไรกัน...ฮืออๆๆๆ" โซฟีตะโกนขึ้นทั้งน้ำตา พลางพยายามดึงแขนของโพทส์ไว้ เพื่อไม่ให้เขามีเรื่องอีก...
"แกมันเห็นแก่ตัว...แกรู้ไหมว่าในขณะที่แกมีความสุข ผู้หญิงอีกคนต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหน...ทำไมแกไม่หันไปมองความรู้สึกเธอบ้าง...ทำไมแกต้องทำร้ายหัวใจเธอด้วย..ทำไม...ที่ผ่านมา..แกไม่เคยรู้เลยหรือไงว่า..."
"ฉันรู้....แต่จะให้ฉันทำไงได้...ในเมื่อหัวใจของฉันมันไม่หนักแน่นพอที่จะอยู่ตรงกลาง...และไม่สามารถแบ่งออกเป็นสองได้...สำหรับนียา..เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน...แต่ผู้หญิงคนนี้...เธอไม่ใช่แค่เพื่อน แต่เธอ ยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน...แกก็น่าจะรู้..ว่าหัวใจคนเรา มันบังคับกันไม่ได้...." เมื่อโพทส์พูดจบเขาก็คว้ามือของโซฟีมากำไว้
"ฉันรู้ว่าแก...คิดกับนียายังไง.. ไปสิ ไปทำในสิ่งที่ใจแกต้องการ กล้าที่จะเผชิญหน้า...กล้าที่จะยอมรับความจริง...ไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็ตาม...ฉันเชื่อว่านียา...ก็คิดเหมือนแก...เต็งหนึ่ง" โพทส์เอ่ยขึ้นในขณะที่เต็งหนึ่งก้มหน้าอย่างครุ่นคิด เขามองดอกกุหลาบที่อยู่ในมืออย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะนำมันส่งให้รุ่นน้องของเขา..โพทส์รับมันมาอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา...
“นียา...เธออยากมอบให้นาย...” พูดจบเต็งหนึ่งก็เดินผ่านคนทั้งคู่ไปทันทีโดยไม่สนใจคนรอบข้างที่เริ่มซุบซิบนินทา...โพทส์มองดอกกุหลาบสีขาวที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีน้ำตาลไปแล้วแถมยังเหี่ยวช้ำ...แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เขาเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในห่วงแห่งความคิดของตัวเอง...โซฟีมองซีกหน้าด้านหนึ่งของโพทส์อย่างเข้าใจ...เธอและเขา...ไม่ได้ต้องการทำให้ใครเจ็บและผิดหวัง...หญิงสาวออกแรงบีบมือเพื่อเป็นการปลอบใจผู้ชายที่เธอรัก...
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น ร่างบางก็ยังคงไม่ขยับ แต่เมื่อคนเคาะยังไม่หยุดเคาะ หญิงสาวจึงจำใจต้องลุกจากที่นอนเพื่อเดินไปเปิดประตู
“มีอะไร” ฉันถามเสียงเรียบ
“แม่โทรมา...จะคุยกับพี่” แพทตอบโดยที่ไม่ละสายตาไปจากคนข้างหน้า
“พี่ไม่ค่อยสบาย...แพทไปคุยกับแม่แทนพี่ก็แล้วกัน” ฉันส่ายหน้าเบาๆเพื่อปฏิเสธ จากนั้นก็ปิดประตูใส่หน้าน้องชายทันที
ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ปังๆๆ!
ฉันขึ้นมานอนบนเตียงได้แค่ 10 นาที เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แต่ฉันก็ไม่คิดที่จะลุกไปเปิดจึงนอนต่อไป และเมื่อคนเคาะเริ่มเปลี่ยนจากเคาะเป็นทุบประตู จึงทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก รีบลุกไปเปิดประตูห้องอย่างรวดเร็ว...
“มีอะ....” ฉันกำลังจะอ้าปากด่าแต่ก็ต้องหยุดข้าง เมื่อเห็นถ้วยข้าวต้มอยู่ในมือของน้องชาย...จึงเปลี่ยนคำพูดทันที
“ขะ...ขอบใจ...พี่ไม่เป็นอะไรมากหรอก...ไม่ต้องห่วง...” ฉันตอบคำถามจากสายตาของแพท แค่มองฉันก็รู้ว่าแพท เป็นห่วงฉันมากแค่ไหน เรามีกันอยู่แค่สองคน ถึงแม้ว่าเราจะคนละพ่อ...แต่ถึงยังไงเราก็คลานตามกันมา...
“เมื่อกี้พี่เป้ยมาหา แต่ผมบอกไปว่าพี่ไม่สบาย นอนหลับอยู่... พี่เป้ยก็เลยบอกว่าเดี๋ยวโทรเข้ามือถือพี่...และเมื่อกี้ก็มีคนชื่อเฟิร์นโทรมา ผมก็บอกว่าพี่ไม่สบาย นอนหลับอยู่...เธอก็เลยบอกว่าเดี๋ยวโทรมาใหม่” ฉันมองหน้าน้องชายตัวเองอย่างยิ้มๆ
“แล้ววันนี้พี่ไม่ไปโรงเรียนเหรอ ได้ยินมาว่ามีปาร์ตี้เต้นรำ” แพทเลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ
“คงไม่ล่ะ...พี่รู้สึกปวดหัวน่ะ จะลุกขึ้นมายืนยังไม่ไหวเลย นับประสาอะไรกับเต้นรำล่ะ” ฉันพยายามไม่สบตากับแพท...
“จะไปไหนก็ไปเถอะ เดี๋ยวพี่เฝ้าบ้านเอง แล้วอย่ากลับดึกล่ะ เออ ...ออกไปล็อคประตูให้พี่ด้วยนะล” ฉันไล่แพททันที เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง...แล้วก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูใส่หน้าเขาเป็นรอบที่สอง...
~ ~ ~ เมื่อชีวิตของคนเรามันสั้นนัก สิ่งที่ฉันพอจะทำ ~ ~ ~
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าหน้าจอเขียนว่า ‘ปานวาด’ จึงกดรับสายทันที
“ฮัลโหล...เป้ยเหรอ”
‘จ้ะ...ฉันเอง...แกเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยัง’
“ก็ยังมึนๆอยู่เลย แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
‘เฮ้อ ~ ~ ก็ดีแล้ว ฉันจะได้หายห่วงสักที...แกรู้ไหมว่าคืนนี้มีปาร์ตี้ด้วยล่ะ’
“รู้สิ...ทำไมเหรอ”
‘ฉันก็อยากให้แกมาอ่ะดิถามได้ เออๆๆ แค่นี้ก่อนนะ...อาจารย์เรียกแล้ว บาย’
เป้ยวางสายไปทันที ฉันหันไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังมันบอกเวลา ‘14.35’ บ่ายสองโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย ฉันนอนเข้าไปได้ยังไงกัน คิดได้แค่นั้น ฉันก็ลุกขึ้นจากเตียง หยิบถาดข้าวต้มและเดินออกจากห้องไป
ในจังหวะที่ฉันลงจากบันได สายตาก็ไปสะดุดกับถุงเสื้อผ้าถุงหนึ่ง...ฉันเดินตรงไปหยิบถุงนั้นอย่างเหม่อลอย...ภาพในเหตุการณ์วันที่ฉันช่วยเขาก็ฉายชัดขึ้น...น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ ถูกความอ่อนแอปลดปล่อยออกมาแล้ว ฉันกอดถุงเสื้อผ้านั้นไว้แนบอกอย่างกับกลัวว่ามันจะหายไป....
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ