บทเพลงรักสะกิดใจ นายสุดฮอต!!
เขียนโดย Namizz
วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.37 น.
แก้ไขเมื่อ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 09.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
19) ~ 19 ~
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นส่องมายังระเบียบทางเดินของตึก 5 ดุจดั่งระฆังที่ตีบอกเวลาเลิกเรียน ที่นักเรียนทุกคนสมควรจะแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่กลับยังมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ยังคงอยู่ในห้องประจำของตน...
“ในที่สุดก็เสร็จสักที...เหนื่อยชะมัด” ฉันจับไม้กวาดในมือแล้วเดินเอาไปเก็บที่หลังห้อง
“ทำแค่นี้ทำเป็นบ่น ไม่ได้เรื่องเลย” โพทส์เอ่ยเปรยๆ ทำให้ฉันสะดุดกับงานตรงหน้า
“ถ้าอยากได้เรื่องนักก็บอกมาสิ!” ฉันสวนกลับทันทีที่สบตากับโพทส์ และฉันก็ต้องหลบสายตาก่อน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเราจ้องกันนานเกินไปแล้ว
“เรื่องวันนั้น...ขอบใจมากที่เธอช่วยและ ต้องขอโทษด้วยที่พูดจาไม่ดีกับเธอ” โพทส์พูดพร้อมกับยื่นถุงเสื้อผ้าให้ฉัน...ฉันจึงรีบคว้ามาถือไว้ทันที
“เอ่อ...อืม...ไม่เป็นไรหรอก...ฉันก็แค่อยากช่วย...คนที่กำลังลำบากน่ะ แล้ววันนั้นทำไมนายต้อง...”
“ก็แค่คนโดนทิ้งน่ะ...ไม่มีอะไรหรอก” โพทส์เอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ แต่คำพูดของโพทส์ทำให้ฉันถึงกับอึ้ง! โดนทิ้งงั้นเหรอ หมายความว่าไง
“เธอคงไม่เข้าใจหรอก เธอมันก็แค่คนอื่น...แล้วฉันจะพูดเรื่องส่วนตัวให้เธอฟังทำไมเนี่ย ” คำว่า ‘คนอื่น’ มันทิ่มแทงจิตใจของฉันเข้าอย่างจังแต่ฉันก็พยายามที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ เพื่อที่จะสนใจความรู้สึกของคนที่อยู่ตรงหน้า
“กะ...ก็เพราะว่าฉันเป็นผู้มีพระคุณกับนายยังไงล่ะ โฮะๆๆโฮะๆๆ” เสียงหัวเราะของฉันดังขึ้น แต่คนตรงหน้ากลับเงียบลง
“เอาน่า...เรื่องแค่นี้ไม่เห็นจะต้องทำหน้าอย่างนั้นเลย...อย่างมากก็เจ็บ...” ฉันเดินไปที่หน้ากระดานแล้วหยิบชอล์กขึ้นมาเขียนว่า
‘ ลุกขึ้นยืนให้ได้นะ...โพทส์จังสู้สู้!’
“หึ...คนอย่างเธอคงไม่เข้าใจเหรอกว่าความรักมันเป็นยังไง มันทรมานแค่ไหนที่เราต้องเสียเขาไปทั้งๆที่...”
“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ!!...ถึงแม้ว่านายจะเสียเขาไป แต่นายยังมีคนรอบข้างที่เป็นห่วงนาย...ยังรักนาย และถึงแม้ว่าใครก็ช่างที่ไม่เห็นความสำคัญของนาย...ฉันเนี่ยแหละที่จะอยู่เคียงข้างนายตลอดไป...” สิ้นคำพูดโพทส์หันมามองฉันด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ ตายล่ะ! นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย แย่แล้วทำไงดี...
“คะ...คือ ฉันหมายถึง...เพื่อนๆทุกคนก็จะอยู่เคียงข้างนายไง” ฉันรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน ก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่ และเมื่อโพทส์ฟังคำแก้ตัวอันแสนโง่เง่าของฉัน เขาก็เงียบลงทันที...นี่ฉันคงจะไม่ได้พูดอะไรที่มันเอ่อ...อ่านะ...
“เราไปกันเถอะ” โพทส์เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“หา! ไปไหนอ่ะ”
“ก็จะไปส่งเธอไง...หรือว่าเธออยากนอนเฝ้าโรงเรียนล่ะ” โพทส์เดินนำออกไป ซึ่งฉันตอนนี้ยังคงทำอะไรไม่ถูก
“ระ...รอด้วยสิ เฮ้! เดี๋ยว...” เสียงของฉันไม่ได้ทำให้โพทส์หยุดขายาวๆของเขาเลยให้ตายสิ ขาฉันยิ่งสั้นๆ จะให้ฉันไปวิ่งตามนายได้ยังไงล่ะ โห ~ ~ ~
ร่างทั้งสองได้เดินเคียงคู่กันออกไปโดยที่ไม่ได้รับรู้ว่ามีชายหนุ่มอีกคนยืนมองอยู่ เขาได้แต่มองตามร่างคนทั้งสองไปด้วยสีหน้าเย็นชาและแววตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึกได้
เสียงเพลงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังอยู่ที่ในกระเป๋า ส่วนตัวเจ้าของนั้นกำลังเพลิดเพลินกับการเมาส์กับเพื่อนๆอย่างเมามัน ส่งผลให้คนข้างๆที่อ่านหนังสืออยู่ทนไม่ไหวจึง
ป้าบ ~ ~ ป้าบ! (2 ที)
“โอ้ย! แกจะตบฉันทำไมเนี่ยฮะ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่” เสียงโวยวายของคนที่ยังไม่สำนึกผิดดังขึ้น พลางลูบหัวตัวเองไปด้วย
“ถ้าไม่ตบแล้วแกจะรู้ไหมว่าโทรศัพท์ดังอยู่...รีบๆรับสักทีดิ หนวกหูชะมัด” เฟิร์นพูดสวนกลับมา ทำให้ฉันพึ่งรู้สึกตัว
“ฮัลโหล...ใครอ่ะ...หา! นายเอาเบอร์ฉันมาจากไหน แล้วโทรมามีอะไร...อืม...หลังเลิกเรียนเหรอ อืมได้แต่ฉันคงไปช้าหน่อยนะเพราะว่าต้องทำเวรก่อน แต่ฉันจะส่งนักไวโอลินไปก่อนละกัน...เออน่า...ไม่เบี้ยวหรอก...แค่นี้แหละบาย” ฉันกดวางสายโทรศัพท์ทันทีก่อนที่จะมองหาเพื่อนสาวคนหนึ่ง
“ลูกปลาๆ...เย็นนี้เธอไปที่ห้องดนตรีก่อนฉันเลยนะ เพราะฉันต้องทำเวรก่อนน่ะ เดี๋ยวฉันตามไป” ลูกปลาพยักหน้ารับรู้และก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ฉันจึงวิ่งไปหาโซดาที่หน้าห้องเหมือนเดิม
“อย่าลืมสัญญา” เฟิร์นเอ่ยขึ้น หลังจากที่เพื่อนของเธอวิ่งออกไปแล้ว
“มันเรื่องของฉัน” ลูกปลาลุกออกจากตรงนั้นทันที โดยที่ไม่หันมามองเพื่อนของเธอเลย
ท้องฟ้าภายนอกในตอนนี้เริ่มเป็นสีส้มอมแดง ในขณะที่ลูกปลายืนหยุดอยู่หน้าห้องดนตรี หญิงสาวเริ่มคิดว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว ที่เธอไม่ได้พบหน้าคนที่อยู่ข้างในนั้นอย่าใกล้ชิด แต่วันนี้ เวลานี้ เขาคนนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม หญิงสาวคิดพลางตรวจสอบตั้งแต่หัวจรดเท้าของตัวเอง และจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไป
หัวใจที่กำลังพองโตก็ต้องเหี่ยวเฉาลง เมื่อภายในห้องนั่นมีแต่ความว่างเปล่า หญิงสาวเดินเข้ามาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย สมองของลูกปลากำลังหวนไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต ก่อนที่เธอจะไปหยิบไวโอลีนสีขาวซึ่งเป็นตัวที่เธอชอบเล่นมากที่สุดแต่เธอก็ไม่ได้จับมันมาเป็นปีแล้ว คิดได้แค่นั้นลูกปลาก็เริ่มบรรเลงเครื่องดนตรีที่อยู่ในมือ...
ในขณะเดียวกัน เต็งหนึ่งก็กำลังเดินมาที่ห้องดนตรี แล้วเขาก็ต้องนึกแปลกใจ ที่ได้มีคนเข้าไปในห้องก่อนเขา และเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เพลงที่เขาไม่ได้ยิบมานานก็ดังเข้าไปอยู่ในโสตประสาทของเขา ใช่...เพลงนี้เป็นเพลงที่สำคัญ..สำคัญมากสำหรับเบียร์...เพื่อนรักของเขา ใครกันนะที่มาเล่นเพลงนี้หรือว่า...เมื่อคิดถึงผู้หญิงที่เขารัก..เจ้าตัวก็ผลักประตูเข้าไปทันที...
เจ้าของเสียงไวโอลินที่ไพเราะต้องหยุดชะงักทันที เพราะตกใจกับเสียงประตูที่เปิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่พอหญิงสาวเห็นบุคคลที่เป็นต้นเหตุก็ต้องยิ่งตกใจ...ทั้งสองคนยืนเผชิญหน้ากันถึงแม้ว่าระยะห่างของทั้งสองจะห่างกัน แต่สายตานั้นก็ยังสามารถรับรู้สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของฝ่ายตรงข้ามได้
"สวัสดีค่ะ...พี่เต็ง ยินดีที่ได้พบพี่อีกครั้ง หลังจากที่เรา..ไม่ได้พบกันนาน"ลูกปลาเอ่ยทำลายความเงียบพลางส่งยิ้มที่สดใสที่สุดไปให้อีกฝ่าย
"ดะ....เดี๋ยวค่ะ คือ..ที่ลูกปลามาที่นี่เพราะนียาเธอบอกให้ช่วย..."ลูกปลารีบร้องทักขึ้นเพราะเต็งหนึ่งกำลังหันหลังเพื่อจะเดินออกจากห้อง
"กลับไปซะ...ฉันไม่จำเป็นต้องให้คนอย่างเธอมาช่วย ออกไป!" เสียงตวาดดังขึ้นแต่คนพูดก็ยังคงยืนนิ่งหันหลังให้อีกฝ่าย...สรรพนานที่เขาเรียกมันช่างดูห่างไกลเหลือเกิน...ทำไม...ทั้งที่อยู่ใกล้กันเพียงแค่นี้ ทำไมมันถึงได้ไกลจากความเป็นจริงนัก...ลูกปลายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปกอดเต็งหนึ่งทางด้านหลัง ส่งผลให้อีกฝ่ายตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เพราะถ้าจะสะบัดทิ้งก็ไม่ได้ คำว่าลูกผู้ชายมันยังอยู่ในสายเลือด แต่ถ้ายอมปล่อยให้เป็นอย่างนี้ เขาก็ต้องเป็นฝ่ายลำบากใจ
"ลูกปลาขอโทษ ลูกปลาผิดเองที่ทำให้พี่เบียร์ต้องเป็นแบบนั้น...ลูกปลาผิดเองที่ทำให้ทุกคนเสียใจ..." ลูกปลาซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเต็งหนึ่งแล้วเริ่มพูดในสิ่งที่เก็บไว้มานาน
"ตั้งแต่ม.ต้น ลูกปลามักจะโดดเดี่ยวอยู่เสมอ เพื่อต้องการเป็นที่หนึ่งทำให้ลูกปลาสนใจแต่การเรียนและไวโอลิน จนในที่สุดก็ไม่มีใครเห็นความสำคัญของลูกปลา แต่ผู้ชายคนหนึ่งก็ทำให้โลกของลูกปลาเปลี่ยนไป เขาให้ความสำคัญกับลูกปลา เขาทำให้ลูกปลารู้ว่าลูกปลายังคงมีค่าต่อเขา และเขาทำให้ลูกปลารู้จักคำว่า'รัก' แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เวลาผันผ่านทำให้เราไม่ได้พบกัน ลูกปลาคิดว่าลูกปลากับขาคงไม่ได้เจอกันอีก แต่ว่า...ในตอนนี้มันไม่ใช่ ตอนนี้ลูกปลาได้อยู่กับเขาคนนั้นและลูกปลาก็กำลังกอดเขาอยู่...ผู้ชายคนนั้นก็คือพี่ยังไงล่ะ...เต็งหนึ่ง" ลูกปลาพรั่งพรูเรื่องราวที่อัดอั้นในใจออกมา น้ำเสียงของเธอทำให้เต็งหนึ่งรู้สึกผิดต่อเธอ..ผิดต่อเบียร์...ถ้าวันนั้นเขาไม่รับปากว่าจะช่วย..เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เป็นแบบนี้ เต็งหนึ่งรู้สึกลำบากใจเพราะไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของหญิงสาว และก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นเลยจริงๆ
"ลูกปลา...ฟังนะ ก่อนอื่นลูกปลาต้องยอมรับความจริงว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่พี่...และพี่ก็ไม่ได้รัก...."
"ลูกปลา!!"เสียงเรียกของผู้มาใหม่ดังขึ้น ทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันทันที เต็งหนึ่งถอยออกมายืนทำสีหน้าเรียบ ส่วนลูกปลาเมินหน้าหันไปมองทางอื่น ไม่มีร่องลอยของความอ่อนแอหรือเศร้าหมองเมื่อครู่ให้เห็น
"นี่มันอะไร...." ฉันอ้าปากค้างและก็ต้องค้างต่อไป
"เอ่อ..ฉันรอเธอตั้งนานและตอนนี้ฉันก็หิวแล้วด้วย ซ้อมกันไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันมา..."ลูกปลาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนฉันตั้งตัวไม่ติด
"เมื่อกี้นายทำ...."
โป๊ก!!~~
"นายมาเขกหัวฉันทำไมเนี่ย" โอ๊ย..เจ็บนะตาบ้า! นึกว่าตัวเองเป็นใครกันถึงบังอาจมาทำร้ายฉันเนี่ย เจ็บนะเฟ้ย~~~
"ต่อไปนี้เธอต้องเรียกฉันว่าพี่...เหมือนที่เมื่อก่อนเธอเคยเรียก...ไม่งั้นเธอจะโดนแบบนี้เพื่อเตือนความจำ เข้าใจไหม"
"เอ่อ...เมื่อก่อนเหรอ..ตอนไหนล่ะ" พูดยังไม่ทันขาดคำก็...
โป๊ก!!~~
"โอเคแล้วคร้า~~พี่เต็งหนึ่ง..." ฉันตอบออกไปทันทีเมื่อเจอกำปั้นของเขา
"อ่อ..นอกจากจะเรียกฉันว่าพี่แล้วเธอก็ต้องปฏิบัติให้อ่อนน้อมด้วย ในฐานนะที่ฉันอายุมากกว่าเธอ รู้ไว้ซะ.. ไม่งั้น ฉันจะเขกสมองเบ๊อะๆของเธอให้มันแหลกกระจุยเลย เข้าใจ๋??"
"ว่างไงนะ!นายมัน..." ฉันยกมือขึ้นชี้หน้าเต็งหนึ่งอย่างมาดมั่น แต่ก็ต้องรีบเอาลงเพราะนายนั่นทำท่าจะเขกหัวฉันเป็นรอบที่สาม
"เข้าใจแล้วค่ะ...พี่เต็งหนึ่ง..T0T" เสียงตอบรับอย่างนอบน้อมถ่อมตน
"ดีมาก...เอาล่ะ เรามาซ้อมกันเลยดีกว่า พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแสดงจริงแล้ว วันนี้เธอห้ามดื้อ ต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง เข้าใจไหม" ฮึย!เจ็บใจๆๆๆๆ นายไม่รู้หรือไงย่ะ ว่าฉันไม่เต็มใจ และยังไม่พร้อมที่จะซ้อม
"ไม่ค่ะ...เราต้องรอลูกปลาก่อน"ฉันพูดไปอย่างถือดี
"ไม่ต้องรอ" เต็งหนึ่งเอ่ยขึ้น
"ต้องรอค่ะ"
"ไม่ต้องรอ"
"ต้องรอสิค่ะ"
"ก็ได้" เฮ้ยย..ได้ผล ในที่สุด นายก็ยอมแพ้ฉันแล้วสินะ อิอิ ...แต่แล้วเขากับทำเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันถึงกับเหวอไปเลย...
"นี่..พี่จะทำอะไรคะ!อุ๊บ!" อยู่ๆ เต็งหนึ่งก็คว้ามือฉันและดึงเข้าไปใกล้...ก่อนที่จะ...จับหน้าฉันไว้ไม่ให้หนีไปไหนแล้วก็ประกบริมฝีปากลงที่ปากฉันอย่างแผ่วเบาและเริ่มรุนแรงขึ้นจนฉันแทบหายใจไม่ออก...
ฉันได้แต่ดิ้นและพยายามผลักเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล น้ำตาได้ไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั่ง เต็งหนึ่งเห็นเข้าจึงหยุดการกระทำของเขาทันที
"ฉันขอโทษนะ...ฉันไม่ได้ตั้ง...."
เพี๊ยะ!!
"นี่!!! สำหรับที่นายเห็นฉันเป็นของเล่น ฉันไม่ใช่เครื่องมือที่นายจะเอามาบำเรอความต้องการของนาย ได้โปรดเถอะ...เต็งหนึ่ง..อย่าทำให้ฉันเกียจนายไปมากกว่านี้เลย...ฉันขอร้อง " ฝ่ามือของฉันกระทบเข้ากับหน้าใสๆของเต็งหนึ่งอย่างแรง จึงทำให้หน้าของเขาหันไปตามแรงทันที ...ก่อนที่เขาจะหันมาเผชิญหน้ากับฉันอีกครั้ง
"ที่ฉันทำไป...ก็เพราะว่าฉันรักเธอ...รักมาตั้งนานแล้ว แล้วเธอก็รักฉัน...นึกให้ออกสินียา เธอต้องนึกให้ออกว่าเราเคย..."
"พอทีเถอะ!! คำว่ารักของนาย มันไม่มีค่าเลยสำหรับฉัน....เชิญเก็บไว้พูดกับคนที่นายรู้สึกจริงๆเถอะ...แล้วฉันก็ไม่เคยรู้จักนาย เราไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น และที่สำคัญฉัน..ไม่ได้รักนาย..." ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องเสียใจมากมายขนาดนี้ แทนที่จะรู้สึกสะใจแต่ความรู้สึกในหัวใจมันกลับตรงกันข้าม นี่ฉันทำถูกแล้วใช่ไหม....
"และหลังจากเสร็จงานนี้ นายกับฉัน...เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกและอย่าได้รู้จักกันอีกเลย...เรื่องของวันนี้ ฉันจะคิดว่า..มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น..."ฉันเอ่ยขึ้นแต่สายตาก็ยังคงมองเขาอย่างไม่วางตา...เต็งหนึ่งยืนนิ่ง สีหน้าของเขาเฉยชามาก เขาไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ...
"ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น..ก็ได้..แต่อยากให้เธอรู้ไว้..ความรัก ถ้าไม่แอบชอบมานานก็คงไม่เกิดขึ้น...และถ้าไม่เคยรู้จักกันจริงๆก็คงจะไม่ชอบ...และถ้าไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนก็คงจะไม่ปลื้ม...เธอคือทุกอย่างของฉันนะนียา...ไม่ว่าเธอจะเลือกยังไงก็ช่าง...ฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ อยู่ที่เดิมไม่ไปไหน..ฉันจะรอ..รอจนกว่าเธอจะจำฉันได้.."รอยยิ้มของเต็งหนึ่งมันช่างเศร้าเหลือเกิน...สายตาของเขาเหมือนจะบอกฉันว่าเขาพูดเรื่องจริง
"งานพรุ่งนี้...ฉันรู้ว่าเธอต้องทำได้..." พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้องไปทันที ซึ่งก็เหลือฉันเพียงคนเดียวที่จมอยู่กับความสับสนในใจ...ฉันเอามือกุมขมับ เข่าทั้งสองข้างอ่อนลงนั่งกองกับพื้นทันที...เหตุการณ์ทั้งหมดได้อยู่ในสายตาของลูกปลา ร่างบางบีบแก้วน้ำอัดลมที่พึ่งซื้อมาด้วยแรงที่มี ก่อนที่จะทิ้งของพวกนั้นลงกับพื้น แล้ววิ่งหายออกไปจากตึกทันที
===============
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ