7พี่ร้องแห่งบาป ตอนกบฏสวรรค์ลูซิเฟอร์

9.3

เขียนโดย kaizer

วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 00.22 น.

  3 ตอน
  13 วิจารณ์
  12.42K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Feather 1 : ลูซ เบรย์ลิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
โอ ลูซิเฟอร์เอ๋ย โอรสแห่งรุ่งอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ 
 เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นอย่างไรหนอ เจ้าผู้ทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ...

เปลวเพลิงสีแดงฉานไหววูบไปตามเสียงกรีดร้องอันแสนทรมาน ภายในสถานที่อันมืดมนมีเพียงแสงจากคบเพลิงสีเลือดส่องแสงเสียดแทงความมืดมิดนำทาง หยาดโลหิตหลั่งรินไม่ขาดสายอาบย้อมแท่นเออิเอนที่เคยขาวพิสุทธิ์เมื่อครั้งอดีตกาลแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือดแห้งกรังฝังลึกเข้าไปในเนื้อหินแม้จะเพียรพยายามทำความสะอาดสักเพียงไรก็ไม่สามารถทำให้มันกลับมาขาวสะอาดได้ดังเดิม ฮาเดสละมือออกจากปีกเทพที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด นัยน์ตาสีรัตติกาลจับจ้องไปยังลูซิเฟอร์ที่นอนหายใจรวยรินอีกฝ่ายปรือตาขึ้นมองจ้าวนรกอย่างยากลำบากหากความเจ็บปวดโหมกระหน่ำเข้ามาจนร่างกายอ่อนล้า
 
“ท่านไปเสียเถอะ”ถ้อยคำที่เอ่ยมานั้นแผ่วเบาดั่งเสียงกระซิบของสายลมหนาวถึงกระนั้นก็ยังไม่เกินความสามารถในการได้ยินของลูซิเฟอร์ ดวงเนตรสีแซฟไฟร์มองฮาเดสด้วยความงุนงงระคนสงสัย ไอมืดรอบกายเริ่มมาสะสมกันโดยศูนย์กลางคือปีกไร้ขนทั้งคู่ เมื่อไอมืดสลายไปก็เหลือแต่ปีกสีดำมันวาวดั่งขนกา มือขาวซีดของฮาเดสยื่นขนนกสีดำดั่งรัตติกาลมาให้
 
  “เหตุใดเจ้าจึงปล่อยข้าไป เจ้าไม่กลัวถูกทัณฑ์สวรร์หรือไร”ลูซิเฟอร์ไม่รับขนนกเส้นนั้น ในตอนนี้ความเจ็บปวดที่ปีกทั้งสองข้างบรรเทาลงไปมากแล้ว ฉับพลันความเจ็บปวดกลับเสียดแทงร่างกายของเขาอีกครั้ง! ลูซิเฟอร์ดิ้นพล่านอยู่บนแท่นเออิเอนด้วยความเจ็บปวดเหลือคณา ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาดึงทึ้งปีกทั้งสองข้าง ควักนัยน์ตาออกไป ฉีกกระชากร่างกายนี้อย่างไร้ความปราณี!! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องกังวานไปทั่วเออร์เรบัส เรือนผมสีทองสุกสว่างค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำ โลหิตหลั่งรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างไม่ขาดสาย ครั้นพอลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบเพียงดวงตาสีม่วงน่าลุ่มหลงแทนเสียแล้ว
 
ความเจ็บปวดค่อยๆลดลงจนจางหายไปทิ้งไว้เพียงคราบเลือดบนแก้มทั้งสองข้าง เงาสะท้อนจากแอ่งเลือดของตนเผยให้เห็นชายหนุ่มผู้งดงามน่าลุ่มหลง แทนความงามล้ำพิสุทธิ์เมื่อครั้งอดีต
 
  “ทำไมกัน...เพราะอะไร...เหตุใดข้าจึงกลายเป็นเยี่ยงนี้!”ประโยคสุดท้ายดังกึกก้องแม้นฮาเดสยังต้องสะดุ้ง เรือนผมสีทองดั่งแสงตะวันงดงามเหนือผู้ใดที่เคยภาคภูมิกลับกลายเป็นสีดำดุจขนกาน่ารังเกียจ! ดวงเนตรสีฟ้าครามใสกระจ่างยิ่งกว่าเทพองค์ใดแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเย้ายวน ปีกทั้งสองข้างจากเคยเป็นสีขาวอันแสนสูงส่งถูกแทนที่ด้วยปีกสีรัตติกาลมืดหม่น มือขาวสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่กับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ทั้งศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจได้ถูกทำลายเสียสิ้นในวันเดียว!! จิตใจอันบอบช้ำของลูซิเฟอร์กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยความคั่งแค้นที่มีต่ออดีตสหาย
 
  “ท่านอย่าได้เคียดแค้นไปเลยท่านลูซิเฟอร์ ข้าไม่เคยเห็นใครที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความแค้นมีจุดจบที่ดีเลยสักคน”ฮาเดสเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วงแต่ถ้อยคำที่เปี่ยมไปด้วยความหวังดีนั้นกลับถูกลูซิเฟอร์ทอดทิ้งไม่แยแส
 
“เจ้าจะไม่ให้ข้าโกรธแค้นวาโตลาอย่างนั้นหรือฮาเดส เจ้าไม่ได้เป็นข้า สำหรับข้าในตอนนี้สู้ตายไปเสียจะยังดีกว่า!!”
 
“ท่านยังตายไม่ได้หรอกท่านลูซิเฟอร์ คำพยากรณ์ของอพอลโล่นั้นจะเป็นจริงได้ต้องอาศัยท่าน”
 
“เจ้าหมายความว่ายังไง” ฮาเดสหลับตาลงก่อนเอื้อนเอ่ยบทพยากรณ์ของเทพแห่งดวงตะวัน การทำนาย การแพทย์แลการดนตรี
 
“เสียงระฆังดังกังวาน ณ ขอบฟ้า     พร้อมชีวาพลัดร่วงหล่นสู่ดินผืน
ริษยาโทสะแค้นพาหวนคืน                         มิอาจลืมวันเวลาล่วงเลยกาล 
ตราบความฝันผันวันฟ้าเปลี่ยนวันใหม่          หากหัวใจยังรุ่มร้อนด้วยเพลิงผลาญ
ดำดิ่งลึกสู่ความมืดมิดอนธการ                   จักต้องตายอย่างทนทุกข์ทรมาน 
แต่ยามนั้นตาชั่งแห่งสมดุลพลันเอนเอียง       ไร้ซึ่งเที่ยงเลือดเกลื่อนฟ้าเยี่ยงภพมาร 
ความมืดทั้งก่อเกิดแลสูญสาน                    แสงสว่างจักกลืนกินแม้นตัวเอง 
หากกลับจิตเปลี่ยนดวงมานดวงนี้ได้            วันฟ้าใหม่จักรออยู่ ณ ปลายแสง 
มอบชีวิตคืนชีวาให้ครื้นเครง                        สงบสุขสันต์ทุกวันคืนไปชั่วกาล”
 
ฮาเดสนิ่งเงียบรอปฏิกิริยาตอบสนองของลูซิเฟอร์ในยามแรกคือความเงียบงันก่อนผันเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเย้ยหยันดังกึกก้อง
 
“ฮ่าๆ มีเรื่องที่พระเจ้าไม่สามารถกระทำได้แต่ข้าทำได้อยู่ด้วยหรือ เอาสิอพอลโล่เอ๋ยข้าจะเล่นกับเจ้าสักตั้ง!”
 
ฮาเดสมองลูซิเฟอร์ที่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเบื้องหน้าด้วยแววตาเรียบนิ่ง ภาวนาอยู่ในใจให้จุดจบของอดีตเทพเบื้องหน้านี้ไม่พบจุดจบที่น่าสังเวชใจเหมือนใครหลายๆคนที่จมอยู่ในความแค้น...
 
เฮือก!
 
ลูซ เบรย์ลินกระเด้งตัวขึ้นจากเตียงแข็งกระด้างของโรงแรมแห่งหนึ่งในย่านชนบทเครกเบสท์ เหงื่อพระกาฬเย็นเยียบไหลออกมาเปียกแผ่นหลังจนชุ่มโชก เสียงหอบหายใจถี่ระรัวดังฝ่าความเงียบงันแห่งห้วงราตรีกาล ลมเย็นโชยพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอ้าราวกับช่วยปลอบประโลมจิตใจอันร้อนรุ่มให้สงบลง
 
นานแล้วสินะที่ข้าไม่ได้ฝันเรื่องนี้... 
 
ลูซหรือลูซิเฟอร์ทิ้งกายลงนอนบนเตียง พยายามข่มตาลงเข้าสู่นิทราอีกครั้งแต่ความทุกข์ทรมานเมื่อครั้งอดีตยังฝังลึกอยู่ในความทรงจำจนไม่อาจข่มตาลงนอนได้ อดีตเทพตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเดินออกไปยังบานหน้าต่างกว้างเพียงหนึ่งเดียวในห้องอันซอมซ่อเล็กเท่ารูหนูแห่งนี้ ดวงตาสีม่วงสวยเหม่อมองไปยังแสงจันทร์แสนเปล่าเปลี่ยวท่ามกลางผืนฟ้าอันไร้ดาวในขณะหวนรำลึกถึงอดีตที่ผันผ่านมาเนิ่นนานร่วมพันปีของตน
 
แสงอาทิตย์จับขอบฟ้าแล้วในยามนี้ขับไล่ความมืดมิดอนธารออกไปถ้าเป็นแต่ก่อนลูซิเฟอร์คงจะมีความสุขกับการเห็นแสงแรกทว่าในตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเหมาะกับดินแดนแห่งความมืดมากกว่าแสงสว่างที่เคยหลงใหล
 
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า น้ำเย็นสร้างความหนาวสั่นเสียดลึกไปถึงกระดูก เลือดสีแดงฉานหลั่งรินออกมาจากกลางหลังจุดที่ปีกทั้งสองข้างของเขาอยู่ โลหิตสีแดงสดปนเปื้อนไปกับน้ำจนกลายเป็นสีแดงจางความเจ็บปวดที่ประสบมาทุกครั้งหลังตื่นนอนทำให้ความรู้สึกด้านชา ไม่ใช่ไม่เจ็บปวดแต่เจ็บปวดจนชินชาเสียแล้วต่างหาก
 
ผ้าขนหนูถูกหยิบขึ้นมาเช็ดตามส่วนต่างๆของร่างกายและเป็นดังเช่นทุกครั้งที่มันจำต้องถูกทิ้งไปเมื่อไม่อาจซักล้างคราบเลือดออกได้ เนตรสีอเมทิสต์จ้องมองไปยังอาทิตย์กลมโต ริมฝีปากแต่งแต้มรอยยิ้มเหยียดหยันอีกครั้ง...รอยยิ้มเพียงหนึ่งเดียวที่ประดับอยู่บนใบหน้าอันงดงามตลอดช่วงเวลานับพันปีที่ผ่านมา...
 
“เวลาของข้าใกล้จะหมดลงแล้วนะ ข้าหวังว่าเวลาแห่งคำทำนายของเจ้าจะมาถึงในเร็ววันนะอพอลโล่ข้าปรารถนาเหลือเกินที่จะเห็นวาโตลามาคุกเข่าอ้อนวอนเบื้องหน้าข้าเพื่อให้ข้าช่วยในสิ่งที่แม้พระเจ้าก็ไม่อาจทำได้!!”ลูซสะบัดผ้าคลุมสีหม่นใส่พระอาทิตย์ราวกับบอกกล่าวต่อเทพแห่งสุริยา บานประตูเก่ากระแทกปิดอย่างแรงจนฝุ่นผงร่วงหล่นลงมา 
 
หยาดน้ำภายในห้องน้ำเคลื่อนตัวชดช้อยรวมกลุ่มเป็นแอ่งวารีใสหมุนวนจนกลายเป็นพายุหมุนอันบ้าคลั่งจวบจนแรงหมุนวนลดลงจึงปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้สง่างาม เรือนผมสีฟ้าหยักศกราวคลื่นทะเล ดวงสีอความารีนดุจมีสายน้ำไหลเวียนอยู่ภายใน สีผิวคล้ำและรูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ถึงกับบอบบาง
 
ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปยังเลือดสดที่ไม่ยอมมารวมตัวกับน้ำ คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากัน แววตาก็ฉายแววหนักใจ มือคล้ำแดดเอื้อมไปแตะเลือดนั้นอย่างแผ่วเบา เลือดสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่งราวกับจะต่อต้านแต่เรี่ยวแรงนั้นก็อ่อนล้าเสียเหลือเกิน
 
“ข้าไม่นึกว่าเทพแสนสูงส่งอย่างเจ้าจะมาเยือนสถานที่อันต่ำต้อยเช่นนี้นะโพไซดอน”น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลังทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง
 
“ท่านลูซิเฟอร์...”
 
“นี่เจ้ายังไม่เลิกเรียกข้าว่าท่านอีกหรือ ในตอนนี้ข้าก็เป็นเพียงปิศาจแสนต้อยต่ำ เรื่องราวของข้าก็กลายเป็นเรื่องเล่าก่อนนอนสำหรับเด็กยังจะมีอะไรให้เจ้ามาเคารพอีกเล่า”
 
“แต่ว่า...”
 
  สายลมพัดหวิวพาเอาผ้าคลุมสีหม่นโบกสะบัดอีกครั้งรอยยิ้มเย้ยหยันต่อทุกสิ่งบนโลกทำเอาเทพแห่งสายน้ำชะงักค้าง หากเป็นลูซิเฟอร์เมื่อครั้งอดีตภาพที่เขาเห็นในตอนนี้คงจะเป็นภาพของเทพผู้สง่างามอบอุ่นแต่ในตอนนี้กลับกลายเป็นปิศาจที่ไม่เห็นค่าของสิ่งใดในโลกนี้
 
ร่างในชุดเสื้อสีดำขลิบเงิน กางเกงและรองเท้าบูทสีดำสวมเสื้อคลุมสีหม่นโบกมือไปมา ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกเอนหลังพิงของประตูด้วยท่วงท่าสบายๆ
 
“ช่างเรื่องนั้นเถอะการที่เจ้าถ่อมาถึงนี่คงมีเหตุจำเป็นนอกเหนือจากการมาเยี่ยมเยียนสหายในอดีตใช่หรือไม่”
 
“ท่านกล่าวถูกแล้วท่านลูซิเฟอร์ ข้ามีเรื่องให้ท่านช่วย”โพไซดอนตอบ ลูซ เบรย์ลินเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงให้กล่าวต่อ “ท่านคงรู้จักเต่าดำแห่งแดนเป่ยหวางใช่หรือไม่” ลูซิเฟอร์พยักหน้ารับในใจอดสงสัยไม่ได้ว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้คนอย่างเจ้าสมุทรโพไซดอนต้องมาขอร้องด้วยตนเอง
 
“ผลึกหิมะหมื่นปีที่อยู่ในใจกลางของมหาสมุทรทงตาลเริ่มละลายขึ้นมาอีกครั้งแล้วคราวนี้สัญลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นมาบนปัจฉิมศิลาคือเต่าดำและขนนกราตรี”พูดมาเพียงเท่านี้ลูซิเฟอร์ก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ ผลึกหิมะคือสิ่งวิเศษที่คอยสร้างกระแสน้ำเย็นให้แก่มหาสมุทรถ้าขาดมันไปแล้วกระแสน้ำในมหาสมุทรก็จะขาดความสมดุล
 
“แล้วทำไมเจ้าคิดว่าข้าจะช่วย?”เทพแห่งวารีนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจก่อนแพร่งพรายความลับสวรรค์ที่ทนเก็บมานานปีให้อดีตเทพได้รับรู้
 
“ราชาแห่งเต่าดำนั้นล่วงรู้ถึงสถานที่กำเนิดของหงส์ไฟชีพไม่ดับใสถานที่แห่งนั้นจะมีขนนกอยู่สองเส้น เส้นหนึ่งคือขนนกแห่งแสงเป็นขนนกที่พระเจ้าประธานให้ส่วนอีกอัน...คือขนนกแห่งความมืดสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่หลงเหลือจากภัยพิบัติล้างโลกเมื่อครั้งโลกเพิ่งถูกสร้าง อีกทั้งมันยังร้องเรียกหาขนนกแห่งความมืดเส้นอื่นๆที่กระจายอยู่ทั่วโลกอีกด้วย”
 
“เจ้าหมายความว่า...”นัยน์เนตรสีม่วงพลันเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง
 
  “ถ้าหากท่านตอบรับภารกิจนี้ท่านจะสามารถลักลอบเข้าไปในสถานที่กำเนิดของหงส์ไฟเพื่อขโมยขนนกแห่งความมืดมาได้”
 
ฝ่ามือขาวซีดพุ่งตรงเข้าขยุ้มปกคอเสื้อเนื้อดีสีฟ้าอ่อนตัดเย็บแบบยุโรปกลางจนยับยู่ยี่ลูซิเฟอร์เค้นเสียงรอดไรฟันถามโพไซดอน
 
"นี่หมายความว่าเจ้ารู้เรื่องนี้มานานแล้วใช่ไหม!!”
 
“ใช่”
 
  “เจ้า!”ไอมืดรวมตัวกันหนาแน่นบนฝ่ามือของลูซิเฟอร์ จิตสังหารอัดแน่นไปทั่วห้อง บรรยากาศกดดันชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง ไอน้ำในอากาศรวมตัวกันจนมีความดันหนาแน่นโจมตีเข้าที่ช่วงท้องของลูซโชคดีที่เขายกมือข้างนั้นกันไว้ทัน พลังความมืดและสายน้ำผลักดันกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนประสบการณ์การต่อสู้ทีเหนือกว่าของลูซิเฟอร์จะพลิกแพลงอย่างรวดเร็ว ไอมืดแตกแขนงเป็นกิ่งก้านสาขาเล็ดลอดออกจากรัศมีการป้องกันของก้อนน้ำ โพไซดอนผงะถอนหลังหมายสร้างระยะห่างเพื่อสร้างม่านพลังป้องกันแต่มืออีกข้างของลูซิเฟอร์ก็จับคอเสื้อของเทพแห่งท้องสมุทรเอาไว้แน่น การโจมตีของลูซหยุดอยู่ก่อนถึงตัวโพไซดอนเพียงนิดเดียว
 
“บอกเรื่องที่เจ้ารู้มาทั้งหมดโพไซดอน”
 
  “ท่านเปลี่ยนไปลูซิเฟอร์”
 
“นั่นไม่ใช่ธุระกงการอันใดของเจ้า!”ลูซิเฟอร์คำรามลั่นระยะห่างของไอมืดกับโพไซดอนยิ่งลดลงไปอีก อดีตเทพหนุ่มหอบหายใจแรงด้วยฤทธิ์โทสะ
 
“ข้าบอกท่านไม่ได้ลูซิเฟอร์แค่นี้ข้าก็ผิดต่อบัญญัติของพระเจ้ามากจนเกินควรแล้ว”
 
“พระเจ้า! พระเจ้าอีกแล้วอย่างนั้นรึแล้วข้าที่ช่วยชีวิตของเจ้าเมื่อครั้งยังเยาว์วัยเล่าเจ้าเอาไปโยนทิ้งไว้ที่ใดแล้ว!!”
 
“นั่นก็แลกกับการที่ข้าไม่เปิดเผยตัวตนของท่านแล้วยังไงล่ะ ท่านก็น่าจะรู้ดีนะลูซิเฟอร์ว่าถึงแม้พระเจ้าจะปล่อยท่านไปแต่วาโตลาไม่ยอมปล่อยท่านไปแน่ถ้าเขารู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่นั่นหมายถึงภารกิจล่าสังหารของกองทัพเทพภายใต้อาณัติของเขา!!”
 
“ก็ช่างเจ้าวาโตลาสิ มันมาเองเลยก็ยิ่งดีข้าจะได้ล้างแค้นให้สาสมกับสิ่งที่มันทำไว้กับข้าอย่างไรล่ะ!!”
 
“การดำรงอยู่ในความแค้นไม่ใช่สิ่งที่ดีนะท่านลูซิเฟอร์”โพไซดอนเอ่ยเตือนสียงเรียบ
 
“ถ้าข้าไม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความแค้นพวกเจ้าก็ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนตามหาเทพคนอื่นที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความแค้นคนอื่นนะโพไซดอนแล้วก็ดูเหมือนในรอบพันปีมานี้จะไม่มีเลยสักคนนะ”
 
“ท่านพูดถูกลูซิเฟอร์แต่การหมกมุ่นในความแค้นตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องที่ดี มันก็เป็นเสมือนยาพิษที่จะกัดกร่อนท่านไปอย่างช้าๆ”
 
“ก็ดีสิ! ข้าจะได้ตายๆไปให้มันจบสิ้นกันเสียทีเจ้าคิดว่าที่ข้ามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้มีความสุขแล้วหรือไง!”พลังมืดรวมตัวกันอัดแน่นอยู่ภายในห้อง
 
“ท่านอย่าได้พูดราวกับว่าชีวิตของท่านไร้ความสำคัญ”ดวงตาสีอความารีนทอประกายวาวโรจน์
 
“ก็ชีวิตของข้ามันไร้ความสำคัญ...”
 
พลั่ก!
 
หมัดหนักๆต่อยเข้าที่ใบหน้าของลูซิเฟอร์เสียเต็มแรงจนหน้าของลูซิเฟอร์สะบัดไปตามแรงเหวี่ยง โลหิตซึมออกมาจากมุมบางซ้ายตัดกับผิวขาวซีด
 
“นี่เจ้ากล้า!”
 
“ใช่ข้ากล้า ท่านคิดว่าพวกข้าสบายนักหรือไง! ท่านไม่รู้หรอกว่าทุกครั้งที่มีการประชุมสภาเทพโอลิมเปี้ยนอเธนน่ามักจะหยิบยกเรื่องเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเสมอราวกับว่านางรู้ว่าท่านยังอยู่ ท่านยังไม่ตาย ทั้งข้า ฮาเดส อพอลโล่และอาเรสต่างก็ช่วยกันปิดเรื่องนี้กันจนสุดกำลังเพื่อให้ท่านยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ท่าน ท่านกลับมองว่าชีวิตของท่านไร้ค่า ท่านเห็นว่าความพยายามของพวกข้าเป็นอะไรกันแน่!!”โพไซดอนตะหวาดลั่นใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ลูซิเฟอร์แสร้งตีสีหน้าสำนึกผิด
 
“ข้า...ข้าขอโทษโพไซดอน”ถึงแม้สีหน้า ท่าทางและคำพูดของลูซจะบ่งบอกว่าเขารู้สึกผิดแต่ใจจริงแล้วเขาไม่รู้สึกอะไรเลย...ไม่เลยสักนิดในสายตาเขานั้นการแก้แค้นวาโตลาเท่านั้นที่เขาสนใจ จะฮาเดส โพไซดอน ซูสหรือแม้แต่พระเจ้าก็ไม่สำคัญเท่ากับการได้แก้แค้นวาโตลาอย่างสาสม!
 
ฟันเฟืองแห่งความแค้นยังคงหมุนวนเรื่อยไป เสียงกระซิบแห่งปิศาจดังกังวานถ้อยคำกระซิบที่พร่ำบอกให้อดีตเทพตกลงสู่ความมืดมิดอย่างยากหวนคืน โดยไม่รู้เลยว่าจุดจบของผู้ที่ใช้ชีวิตด้วยความแค้นนั้นไม่มีจุดจบที่ดีเลยสักราย! สิ่งที่คนรอบข้างทำได้ในเพียงตอนนี้คือการภาวนาให้ลูซิเฟอร์กลับตัวกลับใจได้ก่อนจะถลำลึกจนสุดทาง
 
“ข้าก็ขออภัยที่พูดแรงจนเกินไป”โพไซดอนกล่าวขอโทษในมือของเขาปรากฏแผนที่หนังสัตว์เขียนด้วยหมึกกันน้ำแผ่นหนึ่งเขายื่นมันให้ลูซิเฟอร์
 
“แผนที่สู่แคว้นเป่ยหวางถึงแม้พันปีมานี้ท่านจะออกเดินทางเร่ร่อนมาหลายมิติแต่สำหรับมิติลาคาเวียร์แห่งนี้ท่านเพิ่งมาถึงเพียงสิบปีเศษเท่านั้นแผนที่นี้คงจะช่วยท่านได้”
 
 “แล้วเจ้าต้องการให้ข้าเอาอะไรมาจากราชาเต่าดำ”
 
 “บุตรคนที่5”
 
 “ทำไมถึงเป็นบุตรคนที่5”คิ้วเรียวของลูซขมวดแน่น ทำไมไม่เอาบุตรคนที่1มาแทน จ้าวแห่งวารีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเริ่มร่ายยาว
 
 “บุตรชายคนที่1 คือรัชทายาทแห่งเผ่าเต่าดำ บุตรชายคนที่2เชี่ยวชาญการรบทัพจับศึก บุตรชายคนที่3รอบรู้เฉลียวฉลาดเป็นปราชญ์เมธี บุตรชายคนที่4เก่งกาจด้านการค้าขายจัดว่าเป็นพ่อค้าลิ้นทองคนหนึ่ง ส่วนบุตรชายคนที่5ศึกษาเวทมนต์มาอย่างเชี่ยวชาญแต่ว่าในเผ่าเต่าดำมีนักเวทย์ นักพรตมากมายเหลือคณาความสำคัญของบุตรชายคนที่5จึงมีน้อยที่สุดดังนั้นราชาแห่งเผ่าเต่าดำจึงยินยอมส่งบุตรชายคนที่5มาเป็นผู้พิทักษ์แห่งทะเลทงตาล”
 
พูดง่ายๆคือไม่เป็นที่ต้องการสินะ...
 
รอยยิ้มเหยียดผุดขึ้นมาอย่างเงียบงันและจางหายไปโดยเทพสมุทรไม่ทันสังเกต สายลมอ่อนจางพัดมาแผ่วเบาประกายตาบางอย่างผุดขึ้นมาในดวงตาสีม่วงสวย
 
  “ก็ได้โพไซดอนข้าจะรับงานนี้ให้เอง”เอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มงดงาม รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยการเสแสร้งหลอกลวง
 
นับจากนี้ไปข้าจะไม่เชื่อใจใครอีกแล้ว...
 
โพไซดอนได้จากไปแล้วลูซิเฟอร์ไม่ได้ขยับกายไปไหนทำเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นในใจไพล่นึกไปถึงขนนกสีดำที่ได้มาจากฮาเดส ดั่งใจนึกช่องว่างระหว่างมิติกรีดอากาศเปิดออกเผยให้เห็นรอยแยกมืดทะมึนราวกับไร้ที่สิ้นสุด ลูกแก้วทรงกลมเหลืองใสลอยออกมาจากช่องว่างนั้นอย่างเชื่องช้า มือหยาบกร้านเอื้อมไปแตะมันเพียงปลายนิ้วสัมผัสลูกแก้วพลันเกิดรอยร้าวและแตกออกเหลือเพียงขนนกเส้นบางสีดำ...ขนนกแห่งรัตติกาล
 
ลูซเอื้อมไปหยิบมันมามองเต็มๆตาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้มันมา ในตอนนั้นเองสมองพลันรับรู้ถึงการสื่อสารบางอย่างที่แทรกเข้ามา เสียงกระซิบอันแผ่วเบา
 
นายท่าน...นายท่าน...ข้าได้พบท่านแล้ว... 
 
เสียงนั้นช่างแผ่วเบาจนอยากจะจับใจความแต่ถึงกระนั้นก็แฝงไว้ซึ่งความเจ้าเล่ห์ล่อหลอกจนยากจะปิดบัง อดีตเทพขมวดคิ้วมุ่นพยายามฟังเสียงนั้นอย่างเต็มที่
 
                ความปรารถนาของท่าน...นายท่าน ได้โปรดบอกความปรารถนาของท่าน... 
 
                ฉุดลงสู่ความมืด ลวงหลอกวิญาณแห่งเทพผู้อาฆาต โหมกระพือความเคืองแค้นอย่างแผ่วเบา เฝ้ามองมันค่อยๆลุกโชติช่วงด้วยความตั้งใจ พันธนาการวิญญาณนี้หมายให้จมดิ่งสู่นรกอันไร้ที่สิ้นสุด ความมืดอ้าแขนออกเตรียมรับบุตรแห่งความมืดคนใหม่
 
                “ข้าต้องการ...ข้าต้องการแก้แค้น”
 
                แก้แค้น นั่นมันง่ายมากนายท่านขอเพียงท่านปฏิญาณน้อมรับดาบแห่งราตรี มาเป็นนายคนใหม่แก่พวกเรา... 
 
                อำนาจ ความมืดกำลังหยิบยื่นอำนาจที่เขาสูญเสียไปนานมาให้ เปลือกตาปิดลงช่างใจอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้งนัยน์ตาสีม่วงมองขนนกในมือ
 
                “ในนามแห่งลูซิเฟอร์ข้าขอปฏิญาณเอื้อมรับดาบแห่งราตรี กรีดเลือดแทนคำสัตย์ น้อมรับความมืดมิด” โลหิตสีชาติหลั่งรินแตะพื้นเคลื่อนไหวจนกลายเป็นวงเวทย์อัญเชิญ ดาบสีดำแฝงกลิ่นอายคลั่งแค้นผุดออกมาจากวงเวทย์
 
                อีกไม่นานวาโตลาไม่ต้องห่วงหรอก ข้ากับเจ้าเราจะได้พบกันแน่ 
 
                เส้นด้ายเกี่ยวกระหวัดรัดร้อยถักทอเป็นเรื่องราวด้วยด้ายต่างสีสัน ทว่าในยามนี้จากด้ายนับหมื่นนับล้านเฉดสีกลับเหลืออยู่เพียงสีเดียว สีแดงชาดสดสวยงดงามดุจดอกกุหลาบ น่าหลงใหลไขว่คว้าดั่งเปลวเพลิงแต่ถึงอย่างนั้นมันกลับน่าหวาดหวั่นชวนให้ถอยห่างด้วยสีของมันนั้นช่างเหมือนกับสีของเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเสียเหลือเกิน
 
                ไม่ว่าเรื่องราวในภายภาคหน้าจะจบลงแบบไหน จะจบลงอย่างสุขสันต์ดังเช่นเทพนิยายหรือจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมเหมือนบทละครแต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นล้วนแต่เกิดจากการก้าวเดินบนเส้นทางที่อาบย้อมไปด้วยโลหิตเช่นกัน
 
                เพราะไม่ว่าจะมนุษย์ เทพ ปิศาจ วิญญาณ อสูร ยมทูต หรือแม้กระทั่งพระเจ้าล้วนแต่เป็นสิ่งที่มีองค์ประกอบที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ ตราบใดที่ยีงมีอารมณ์ความรู้สึกก็ไม่แคล้วจะเดินซ้ำลงบนรอยเลือดเก่าอย่างแน่นอน...
 
ข้าเกลียดเจ้านักวาโตลา... 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา