7พี่ร้องแห่งบาป ตอนกบฏสวรรค์ลูซิเฟอร์
9.3
1) บทนำ : กบฏสวรรค์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทนำ : กบฏสวรรค์
แสงแดดในยามเช้าส่องแสงลอดผ่านหน้าต่างทรงสูงกรอบทองเข้ามาตกกระทบเรือนผมสีทองยาวถึงกลางหลัง อาบไล้ใบหน้างดงามยิ่งกว่าผู้ใดในสรวงสวรรค์ เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นมาเผยให้เห็นดวงเนตรสีแซฟไฟร์สวยสดราวกับท้องฟ้า
โซ่ตรวนสีเงินส่งเสียงเคร้งคร้างเมื่อเจ้าของดวงตาสีสวยเริ่มเคลื่อนไหว สายโซ่นั้นพันธนาการแขนและขาทั้งสองข้าง เส้นหนึ่งไล้ยาวขึ้นเชื่อมต่อกับปลอกคอสีเงินประดับอัญมณีแซฟไฟร์สีเดียวกับดวงตาบริเวณลำคอระหง เจ้าของดวงหน้างดงามฉีกยิ้มเย้ยหยันกับสภาพอันแสนน่าสมเพชของตน เหตุที่ตนต้องมีสภาพเยี่ยงนี้ก็ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใดนอกจากถูกสหายที่เคยเชื่อใจยิ่งกว่าผู้ใดทรยศหักหลังอีกทั้งยังใส่ร้ายป้ายสีจนกลายมาเป็นกบฏผู้ชั่วร้ายในสายตาของเทพแทบทุกองค์บนสรวงสวรรค์แห่งนี้
ร่างสูงสง่าหยัดกายขึ้นยืนตรง กวาดตามองวงเวทย์เบื้องหน้าที่เป็นดั่งคุกจองจำตนเอาไว้ เทพผู้แสนงดงามละสายตาจากวงเวทย์ที่น่ารังเกียจในสายตาตน วงเวทย์ที่ถูกเขียนด้วยน้ำมือของคนที่ตนเรียกว่าบิดา...องค์พระเจ้า
ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็นร่างของเทพในชุดสีเขียวสด รองเท้าติดปีกเป็นเครื่องยืนยันตำแหน่งของเขา เฮอร์มีสเทพแห่งการสื่อสารและหัวขโมย
“ท่านลูซิเฟอร์การพิพากษาความผิดของท่านจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นานนี้ขอท่านตามข้าไปยังวิหารแห่งพระเจ้าด้วยเถิด”เฮอร์มีสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งหากในใจเขาอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ นอกจากวาโตลาผู้เป็นดั่งหัตถ์ขวาของพระเจ้าแล้วเทพลูซิเฟอร์เบื้องหน้าเขานี้ก็คือหนึ่งในเทพดึกดำบรรพ์ที่เหลือเพียงสององค์ในสรวงสวรรค์แห่งนี้
ลูซิเฟอร์ไม่ได้กล่าวตอบอะไรออกไปเพียงสบตากับเทพแห่งการสื่อสารด้วยสายตาอันว่างเปล่า เฮอร์มีสเดินเข้าไปเททรายสีทองเหนือวงเวทย์ที่กักขังกบฏสวรรค์ผู้นี้ไว้ วงเวทย์เรืองแสงสีเงินขึ้นมาอ่อนจางก่อนดับวูบลงไป ลูซิเฟอร์ก้าวออกมาจากสถานที่ที่เคยคุมขังตน สายลมสดชื่นยามเช้าพัดเข้ามาในห้องคุมขัง ชายเสื้อสีขาวยาวกรอมพื้นโบกพลิ้วไปตามทิศทางของลม...สายลมแห่งทิศตะวันตก สายลมแห่งเซฟเฟอร์รุส
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เทพชั้นรองจะทำได้การอวยพรให้นักโทษสูงสุดผู้นี้ไม่พบกับโทษทัณฑ์ที่สาหัสสากรรจ์จนเกินไปนักแม้รู้ว่าการอวยพรนี้จะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยก็ตาม ลูซิเฟอร์เหม่อมองไปยังทิศตะวันตกเพียงชั่วครู่ก่อนผินหน้ากลับมามองเฮอร์มีส อีกฝ่ายพยักหน้าให้ครั้งหนึ่งก่อนสาวเท้าออกเดินนำไปยังวิหารแห่งพระเจ้าสถานที่ตัดสินเทพผู้ทรยศ ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการพิพากษาจากพระเจ้าลูซิเฟอร์ก็รู้ดีโทษทัณฑ์ที่เขาจะได้รับนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว...ประหาร
เงาร่างของเทพทั้งสองทอดยาวไปตามทางเดิน ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณที่ชูช่อส่งกลิ่นหอมสดชื่นตอบรับแสงทองแห่งสุริยาในยามเช้าทว่าทัศนียภาพอันงดงามกลับไม่สามารถทำให้จิตใจอันขุ่นมัวนั้นผ่องใสขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อออกมาจากสวนอุทยานแห่งสวรรค์แล้วเทพแห่งการสื่อสารก็เดินนำขึ้นไปบนบันไดหินอ่อน มุ่งขึ้นสู่วิหารแห่งพระเจ้าที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของสวรรค์
ความงดงามของวิหารแห่งพระเจ้านั้นยังคงไว้ซึ่งความน่าตื่นตะลึงอยู่เสมอ ภายในถูกตกแต่งไว้อย่างโอ่อ่า ท้องเพดานสูงถึงห้าสิบเมตรเป็นรูปครึ่งวงกลมแขวนโคมไฟคริสตัลส่องประกายล้อกับแสงอาทิตย์ เครื่องประดับทองคำแท้ถูกวางไว้ตามมุมห้อง บานหน้าต่างประดับด้วยกระจกสี เทพแห่งยอดเขาโอลิมปัสต่างนั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาของพระเจ้า เฮอร์มีสโค้งกายทำความเคารพเอกบุรุษแห่งโลกมิวายเหลือบมองชายผู้ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในสรวงสวรรค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปลีกตัวไปนั่งบนบัลลังก์ประจำตัว
ทั้งวิหารตกอยู่ในความเงียบงันจนกระทั่งแสงแห่งดวงตะวันตกกระทบกับคริสตัลเหนือยอดวิหารส่องสะท้อนไปมากับกระจกสีจนสว่างไสวไปทั่ววิหารเป็นสัญญาณเริ่มการพิพากษา
“ลูซิเฟอร์เอ๋ย เจ้าได้กระทำความผิดหมายลอบสังหารข้า เจ้ามีสิ่งใดจะแก้ตัวหรือไม่”น้ำเสียงทรงพลังดังกังวานดังมาจากองค์พระเจ้า ลูซิเฟอร์เงยหน้ามองชายที่เขาเคยเคารพเหนือผู้ใดแต่ในวินาทีที่คำถามนั้นเปล่งออกมา ความจงรักษ์ภักดีก็พลันเลือนหายไปสิ้น ความผิดหวัง ความน้อยเนื้อใจต่ำเอ่อล้นออกมาผลักดันให้ความเย่อหยิ่งจองหองเข้ามาแทนที่ ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นมองพระเจ้า
“ท่านจะถามข้าไปทำไมเล่าในเมื่อท่านเชื่อในสิ่งที่วาโตลากล่าวจนหมดสิ้นไม่สู้สังหารข้าไปเสียเลยเล่า”
“อย่าได้กล่าวอวดดีไปลูซิเฟอร์แม้เจ้าจะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าแต่ใช่ว่าเจ้าจะพ้นโทษทัณฑ์นี้ไป!”วาโตลาตบบัลลังก์ของตนประกาศก้อง นัยน์เนตรสีครามขุ่นจับจ้องไปยังลูซิเฟอร์อย่างชิงชัง พระเจ้ายกมือห้ามวาโตลาอีกฝ่ายได้แต่ฮึดฮัดยอมนั่งลงแต่โดยดี พระเจ้าทอดสายตาลงมองเทพผู้ถูกพันธนาการเบื้องล่าง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูซิเฟอร์โทษทัณฑ์ของเจ้าไม่ให้การประหาร...แต่เป็นการถอนขนปีกของเจ้าและส่งเจ้าไปยังโลกมนุษย์”
ราวกับก้อนกรวดตกไปยังบึงน้ำอันสงบนิ่ง ดวงตาสีแซฟไฟน์เบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง สำหรับเผ่าพันธุ์เทพนั้นขนปีกนั้นเปรียบดั่งศักดิ์ศรี ชีวิตและพลัง กาลใดที่ถูกช่วงชิงไปจนสูญสิ้นนั่นหมายถึงความตาย...แม้จะไม่สิ้นใจในทันทีแต่สำหรับปวงเทพแล้วนั่นคือความตาย
เล็บสีชมพูอ่อนจิกเข้าไปในมือแน่นจนโลหิตสีชาดหลั่งรินแปดเปื้อนวิหาร ความหวาดกลัวที่ไม่เคยพบประดังประเดเข้ามา ท้องน้อยเบาโหวง ลูซิเฟอร์ไม่เคยกลัวที่จะต้องดับสูญหากแต่บทลงโทษของตนนั้นหนักหนาสาหัสจนเกิดกว่าจะรับไหว ใบหน้างดงามก้มหน้านิ่ง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังลูซิเฟอร์ความเงียบสงบชวนอึดอัดปกคลุมไปเท่าวิหาร ดวงตาสีครามฉายประกายอะไรบางอย่างก่อนรอยยิ้มเหยียดหยามคนทั้งโลกจะปรากฏบนริมฝีปากของเทพผู้เคยมีเมตตา
“ก็เอาสิ ข้าไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วนี่”ลูซิเฟอร์กล่าวท้าทาย เทพลูซิเฟอร์คนเก่าได้เลือนหายไปเสียแล้วที่อยู่เบื้องหน้าของทุกคนมีแค่เทพผู้อหังการและเต็มไปด้วยความเกลียดชังครอบงำจิตใจ
หลุมมิติที่เชื่อมโยงไปยังขุมนรกเออร์เรบัสได้เปิดออก เสียงโหยหวนด้วยความทรมานดังก้องไปทั่ววิหาร โซ่ตรวนพุ่งเข้ามัดร่างกายของลูซิเฟอร์อย่างแน่นหนาจนเลือดสีสดหลั่งรินอาบย้อมไปทั่วร่างดุจกลีบกุหลาบพร่างพรม ภาพงดงามเบื้องหน้าทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจแม้นจะรู้ว่าความงดงามนี้จะแลกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานก็ตาม ร่างของลูซิเฟอร์ค่อยๆถูกดึงลงไปยังนรกเบื้องล่างอย่างช้าๆ
“จงจำไว้ผู้ทรยศเอ๋ย อย่าได้ลืมเลือนนามของข้าเด็ดขาด ข้าขอสาบาน ในนามแห่งลูซิเฟอร์ผู้นี้ข้าจะกลับมาสังหารเจ้าให้ดับดิ้น!”สายตาเคียดแค้นชิงชังจับจ้องไปยังชายผู้นั่งอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า...วาโตลา
“อย่าได้ลืมเลือน อย่าได้เผอเรอ วาโตลา แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เจ้าอ่อนแอข้าก็จะกลับมา ข้าขอสาบาน...ข้าขอสาบาน!!”สิ้นคำหลุมมิติก็ปิดลงทิ้งไว้เพียงความประหวั่นพรั่นพรึงแด่เทพเจ้าทั้งมวล
ฮาเดสเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยและความตายลุกขึ้นจากบัลลังก์สีดำของตน การลงทัณฑ์จะเกิดขึ้นบนแท่นเออิเอน(นิรันดร)ซึ่งอยู่ในเออร์เรบัส การทำหน้าที่ลงทัณฑ์จึงตกเป็นของเขาโดยปริยาย ฮาเดสโค้งกายทำความเคารพพระเจ้าก่อนร่างของเขาจะเลือนหายไปในพริบตา
การลงทัณฑ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว...
แสงแดดในยามเช้าส่องแสงลอดผ่านหน้าต่างทรงสูงกรอบทองเข้ามาตกกระทบเรือนผมสีทองยาวถึงกลางหลัง อาบไล้ใบหน้างดงามยิ่งกว่าผู้ใดในสรวงสวรรค์ เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นมาเผยให้เห็นดวงเนตรสีแซฟไฟร์สวยสดราวกับท้องฟ้า
โซ่ตรวนสีเงินส่งเสียงเคร้งคร้างเมื่อเจ้าของดวงตาสีสวยเริ่มเคลื่อนไหว สายโซ่นั้นพันธนาการแขนและขาทั้งสองข้าง เส้นหนึ่งไล้ยาวขึ้นเชื่อมต่อกับปลอกคอสีเงินประดับอัญมณีแซฟไฟร์สีเดียวกับดวงตาบริเวณลำคอระหง เจ้าของดวงหน้างดงามฉีกยิ้มเย้ยหยันกับสภาพอันแสนน่าสมเพชของตน เหตุที่ตนต้องมีสภาพเยี่ยงนี้ก็ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใดนอกจากถูกสหายที่เคยเชื่อใจยิ่งกว่าผู้ใดทรยศหักหลังอีกทั้งยังใส่ร้ายป้ายสีจนกลายมาเป็นกบฏผู้ชั่วร้ายในสายตาของเทพแทบทุกองค์บนสรวงสวรรค์แห่งนี้
ร่างสูงสง่าหยัดกายขึ้นยืนตรง กวาดตามองวงเวทย์เบื้องหน้าที่เป็นดั่งคุกจองจำตนเอาไว้ เทพผู้แสนงดงามละสายตาจากวงเวทย์ที่น่ารังเกียจในสายตาตน วงเวทย์ที่ถูกเขียนด้วยน้ำมือของคนที่ตนเรียกว่าบิดา...องค์พระเจ้า
ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้าเผยให้เห็นร่างของเทพในชุดสีเขียวสด รองเท้าติดปีกเป็นเครื่องยืนยันตำแหน่งของเขา เฮอร์มีสเทพแห่งการสื่อสารและหัวขโมย
“ท่านลูซิเฟอร์การพิพากษาความผิดของท่านจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นานนี้ขอท่านตามข้าไปยังวิหารแห่งพระเจ้าด้วยเถิด”เฮอร์มีสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งหากในใจเขาอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ นอกจากวาโตลาผู้เป็นดั่งหัตถ์ขวาของพระเจ้าแล้วเทพลูซิเฟอร์เบื้องหน้าเขานี้ก็คือหนึ่งในเทพดึกดำบรรพ์ที่เหลือเพียงสององค์ในสรวงสวรรค์แห่งนี้
ลูซิเฟอร์ไม่ได้กล่าวตอบอะไรออกไปเพียงสบตากับเทพแห่งการสื่อสารด้วยสายตาอันว่างเปล่า เฮอร์มีสเดินเข้าไปเททรายสีทองเหนือวงเวทย์ที่กักขังกบฏสวรรค์ผู้นี้ไว้ วงเวทย์เรืองแสงสีเงินขึ้นมาอ่อนจางก่อนดับวูบลงไป ลูซิเฟอร์ก้าวออกมาจากสถานที่ที่เคยคุมขังตน สายลมสดชื่นยามเช้าพัดเข้ามาในห้องคุมขัง ชายเสื้อสีขาวยาวกรอมพื้นโบกพลิ้วไปตามทิศทางของลม...สายลมแห่งทิศตะวันตก สายลมแห่งเซฟเฟอร์รุส
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เทพชั้นรองจะทำได้การอวยพรให้นักโทษสูงสุดผู้นี้ไม่พบกับโทษทัณฑ์ที่สาหัสสากรรจ์จนเกินไปนักแม้รู้ว่าการอวยพรนี้จะไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยก็ตาม ลูซิเฟอร์เหม่อมองไปยังทิศตะวันตกเพียงชั่วครู่ก่อนผินหน้ากลับมามองเฮอร์มีส อีกฝ่ายพยักหน้าให้ครั้งหนึ่งก่อนสาวเท้าออกเดินนำไปยังวิหารแห่งพระเจ้าสถานที่ตัดสินเทพผู้ทรยศ ถึงแม้จะยังไม่ได้รับการพิพากษาจากพระเจ้าลูซิเฟอร์ก็รู้ดีโทษทัณฑ์ที่เขาจะได้รับนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว...ประหาร
เงาร่างของเทพทั้งสองทอดยาวไปตามทางเดิน ท่ามกลางสวนดอกไม้นานาพรรณที่ชูช่อส่งกลิ่นหอมสดชื่นตอบรับแสงทองแห่งสุริยาในยามเช้าทว่าทัศนียภาพอันงดงามกลับไม่สามารถทำให้จิตใจอันขุ่นมัวนั้นผ่องใสขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อออกมาจากสวนอุทยานแห่งสวรรค์แล้วเทพแห่งการสื่อสารก็เดินนำขึ้นไปบนบันไดหินอ่อน มุ่งขึ้นสู่วิหารแห่งพระเจ้าที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของสวรรค์
ความงดงามของวิหารแห่งพระเจ้านั้นยังคงไว้ซึ่งความน่าตื่นตะลึงอยู่เสมอ ภายในถูกตกแต่งไว้อย่างโอ่อ่า ท้องเพดานสูงถึงห้าสิบเมตรเป็นรูปครึ่งวงกลมแขวนโคมไฟคริสตัลส่องประกายล้อกับแสงอาทิตย์ เครื่องประดับทองคำแท้ถูกวางไว้ตามมุมห้อง บานหน้าต่างประดับด้วยกระจกสี เทพแห่งยอดเขาโอลิมปัสต่างนั่งอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาของพระเจ้า เฮอร์มีสโค้งกายทำความเคารพเอกบุรุษแห่งโลกมิวายเหลือบมองชายผู้ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในสรวงสวรรค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปลีกตัวไปนั่งบนบัลลังก์ประจำตัว
ทั้งวิหารตกอยู่ในความเงียบงันจนกระทั่งแสงแห่งดวงตะวันตกกระทบกับคริสตัลเหนือยอดวิหารส่องสะท้อนไปมากับกระจกสีจนสว่างไสวไปทั่ววิหารเป็นสัญญาณเริ่มการพิพากษา
“ลูซิเฟอร์เอ๋ย เจ้าได้กระทำความผิดหมายลอบสังหารข้า เจ้ามีสิ่งใดจะแก้ตัวหรือไม่”น้ำเสียงทรงพลังดังกังวานดังมาจากองค์พระเจ้า ลูซิเฟอร์เงยหน้ามองชายที่เขาเคยเคารพเหนือผู้ใดแต่ในวินาทีที่คำถามนั้นเปล่งออกมา ความจงรักษ์ภักดีก็พลันเลือนหายไปสิ้น ความผิดหวัง ความน้อยเนื้อใจต่ำเอ่อล้นออกมาผลักดันให้ความเย่อหยิ่งจองหองเข้ามาแทนที่ ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นมองพระเจ้า
“ท่านจะถามข้าไปทำไมเล่าในเมื่อท่านเชื่อในสิ่งที่วาโตลากล่าวจนหมดสิ้นไม่สู้สังหารข้าไปเสียเลยเล่า”
“อย่าได้กล่าวอวดดีไปลูซิเฟอร์แม้เจ้าจะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าแต่ใช่ว่าเจ้าจะพ้นโทษทัณฑ์นี้ไป!”วาโตลาตบบัลลังก์ของตนประกาศก้อง นัยน์เนตรสีครามขุ่นจับจ้องไปยังลูซิเฟอร์อย่างชิงชัง พระเจ้ายกมือห้ามวาโตลาอีกฝ่ายได้แต่ฮึดฮัดยอมนั่งลงแต่โดยดี พระเจ้าทอดสายตาลงมองเทพผู้ถูกพันธนาการเบื้องล่าง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกลูซิเฟอร์โทษทัณฑ์ของเจ้าไม่ให้การประหาร...แต่เป็นการถอนขนปีกของเจ้าและส่งเจ้าไปยังโลกมนุษย์”
ราวกับก้อนกรวดตกไปยังบึงน้ำอันสงบนิ่ง ดวงตาสีแซฟไฟน์เบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง สำหรับเผ่าพันธุ์เทพนั้นขนปีกนั้นเปรียบดั่งศักดิ์ศรี ชีวิตและพลัง กาลใดที่ถูกช่วงชิงไปจนสูญสิ้นนั่นหมายถึงความตาย...แม้จะไม่สิ้นใจในทันทีแต่สำหรับปวงเทพแล้วนั่นคือความตาย
เล็บสีชมพูอ่อนจิกเข้าไปในมือแน่นจนโลหิตสีชาดหลั่งรินแปดเปื้อนวิหาร ความหวาดกลัวที่ไม่เคยพบประดังประเดเข้ามา ท้องน้อยเบาโหวง ลูซิเฟอร์ไม่เคยกลัวที่จะต้องดับสูญหากแต่บทลงโทษของตนนั้นหนักหนาสาหัสจนเกิดกว่าจะรับไหว ใบหน้างดงามก้มหน้านิ่ง ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังลูซิเฟอร์ความเงียบสงบชวนอึดอัดปกคลุมไปเท่าวิหาร ดวงตาสีครามฉายประกายอะไรบางอย่างก่อนรอยยิ้มเหยียดหยามคนทั้งโลกจะปรากฏบนริมฝีปากของเทพผู้เคยมีเมตตา
“ก็เอาสิ ข้าไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้วนี่”ลูซิเฟอร์กล่าวท้าทาย เทพลูซิเฟอร์คนเก่าได้เลือนหายไปเสียแล้วที่อยู่เบื้องหน้าของทุกคนมีแค่เทพผู้อหังการและเต็มไปด้วยความเกลียดชังครอบงำจิตใจ
หลุมมิติที่เชื่อมโยงไปยังขุมนรกเออร์เรบัสได้เปิดออก เสียงโหยหวนด้วยความทรมานดังก้องไปทั่ววิหาร โซ่ตรวนพุ่งเข้ามัดร่างกายของลูซิเฟอร์อย่างแน่นหนาจนเลือดสีสดหลั่งรินอาบย้อมไปทั่วร่างดุจกลีบกุหลาบพร่างพรม ภาพงดงามเบื้องหน้าทำให้ทุกคนแทบลืมหายใจแม้นจะรู้ว่าความงดงามนี้จะแลกมาด้วยความเจ็บปวดทรมานก็ตาม ร่างของลูซิเฟอร์ค่อยๆถูกดึงลงไปยังนรกเบื้องล่างอย่างช้าๆ
“จงจำไว้ผู้ทรยศเอ๋ย อย่าได้ลืมเลือนนามของข้าเด็ดขาด ข้าขอสาบาน ในนามแห่งลูซิเฟอร์ผู้นี้ข้าจะกลับมาสังหารเจ้าให้ดับดิ้น!”สายตาเคียดแค้นชิงชังจับจ้องไปยังชายผู้นั่งอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า...วาโตลา
“อย่าได้ลืมเลือน อย่าได้เผอเรอ วาโตลา แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เจ้าอ่อนแอข้าก็จะกลับมา ข้าขอสาบาน...ข้าขอสาบาน!!”สิ้นคำหลุมมิติก็ปิดลงทิ้งไว้เพียงความประหวั่นพรั่นพรึงแด่เทพเจ้าทั้งมวล
ฮาเดสเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยและความตายลุกขึ้นจากบัลลังก์สีดำของตน การลงทัณฑ์จะเกิดขึ้นบนแท่นเออิเอน(นิรันดร)ซึ่งอยู่ในเออร์เรบัส การทำหน้าที่ลงทัณฑ์จึงตกเป็นของเขาโดยปริยาย ฮาเดสโค้งกายทำความเคารพพระเจ้าก่อนร่างของเขาจะเลือนหายไปในพริบตา
การลงทัณฑ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ