ปลายทางแห่งรัก

8.3

เขียนโดย atipong

วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15.24 น.

  1 ตอน
  9 วิจารณ์
  4,893 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
"แกคิดได้ยังไงกัน ถึงจะไปจมปลักอยู่ที่บ้านนอกคอกนาอย่างนั้น"
นายวิบูลย์ อัครานุวัฒน์ เจ้าของบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงสังคมสูง ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิด ที่ลูกสาวบอกว่าจะเดินทางไปเป็นครูประจำอยู่ที่โรงเรียนในชนบทแห่งหนึ่ง
เขาโกรธที่ลูกสาวไม่รู้จักคิด พ่อเป็นถึงเจ้าของบริษัทมีกิจการใหญ่โต เป็นที่นับถือหน้าถือตาของสังคม แต่ลูกสาวจะประกอบอาชีพเป็นครูและเป็นครูบ้านนอกจนๆ เขาไม่รู้ว่าลูกสาวเอาความคิดบ้าๆนี่มาจากไหน อุตส่าห์ตามใจให้เรียนแบบไม่ขัดขวางแม้ว่าสาขาลูกสาวที่เรียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการงานที่เขาทำ แต่หวังเมื่อลูกสาวเรียนจบแล้วจะเข้าใจและมาช่วยเหลืองานบริษัท ทว่าหวังเปล่าเลยลูกกลับทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างแรง
และไม่คิดด้วยซ้ำว่า วันนี้ลูกสาวจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้ หัวอกคนเป็นพ่อมันเลยมีแต่เจ็บปวดร้าวใจเป็นที่สุด
เสียงกระแทกลมหายใจที่หงุดหงิดนั้น ทำให้ดารารายที่นั่งก้มหน้านิ่งเหลือบสายตามองบิดาแล้วหนึ่งผ่อนหายใจยาวอธิบายเหตุผลว่า
"ที่นั่นยังต้องการครูที่จะไปช่วยเหลือให้เด็กที่ไม่มีโอกาสได้มาเรียนที่โรงเรียนที่ดีๆ ได้มีโอกาสได้มีความรู้ทัดเทียมกับเด็กในเมืองกรุงนะคะคุณพ่อ"
เท่านั้นเองผู้เป็นพ่อถึงกับตาถลึงตาจ้องจนลูกสาวหน้าสลด
"หึ ช่างหัวมันปะไร ถึงแกไม่ไปเขาก็ต้องหาคนแทนแกจนได้แหล่ะ อีกอย่างนะในเมื่อมันเกิดมาจนก็ให้โง่ดักดานอยู่นั่นแหล่ะ"
"คุณพ่อค่ะ" ดารารายร้องตกใจ ไม่นึกเลยว่าพ่อจะตีค่าของคนอย่างนี้
นายวิบูลย์ เห็นลูกสาวทำท่าตกใจก็ยิ้มเยาะสะใจ
ร่างบางสัดส่วนนั้นค่อยๆลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ตั้งแต่พูดเรื่องนี้กับบิดาดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้จับช้อนอาหารอีกเลยคำพูดของพ่อทำให้เธอรู้สึกตื้อจนท้องไส้หายหิว
"แกจะไปไหนยัยดาว พ่อยังพูดกับแกไม่จบ"
ร่างที่กำลังจะก้าวออกจากโต๊ะอาหารจึงชะงัก และหญิงสาวก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น บิดาลุกขึ้นยืนแววตาขุ่นขวาง
"พ่อห้ามแกเด็ดขาด ไม่ให้ไป"
ดวงตาที่เริ่มเรื้อด้วยน้ำตา เบิกกว้างขึ้นพร้อมทั้งร้องบอกบิดาด้วยความน้อยใจ
"แต่ดาวได้รับความบรรจุแล้วนะคะคุณพ่อ"
"นั่นมันเรื่องของแก ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น"
"คุณพ่อมีเหตุผลบ้างสิคะ"
"ก็นี่ไงเหตุผลของฉัน"
บิดาตวาดก้อง หญิงสาวจึงนิ่งไปด้วยการกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ขณะนั้นเองคุณสาวิตรี ผู้เป็นมารดาได้ยินเสียงพ่อลูกทะเลาะกันก็รีบเข้ามาที่ห้องอาหารเห็นสามีตีหน้ายักษ์ใส่ลูกก็คิดที่จะเข้าไปช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายดีขึ้น
"ดิฉันว่าค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะคะคุณพี่ ลูกทำอะไรที่ไม่ดีเราก็ค่อยๆสอนลูกให้เข้าใจไม่ดีกว่าหรือคะคุณ"
นายวิบูลย์ตวัดสายตามองลูก้วยอาการหมั่นไส้แล้วหันตอบภรรยา
"ลูกรั้นๆ อย่างนี้คงสอนไม่ได้หรอกคุณ ต้องไม้แข็งถึงจะยอมล้มเลิกความคิดบ้าๆนี้"
สิ่งที่บิดาพูดทำให้หญิงสาวเจ็บจี๊ดเข้าไปในทรวงอก เธอพยายามอดกลั้นที่จะไม่ยอมเถียงผู้ให้กำเนิดแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะท่านเอาแต่เข้าข้างตัวเองใช้เหตุผลตัวเองเป็นใหญ่
"ยังไงดาวก็ไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจของดาวหรอกค่ะ"
"ยัยดาว" เสียงบิดาฉุนอย่างแรง แล้วฟ้องภรรยาให้เข้าข้างเขา
"เห็นไหมคุณสา ยัยดาวกล้าขัดผม"
คุณสาวิตรีเองก็รู้ว่าสามีกำลังร้อน และลูกก็ไม่ยอมลดวาจาราวาศอก เธอจึงพยายามเป็นน้ำเย็นเข้าลูบให้คนทั้งสองคนลดความร้อนแรงในอารมณ์ลง
"คุณคะคุณก็ใจเย็นลงบ้างเถอะนะคะ แล้วลูกดาวก็เลิกทำให้คุณพ่อโกรธเถอะนะจ๊ะ"
นายวิบูลย์ชี้นิ้วใส่ลูกสาว สั่งเสียงกร้าว
"แกจำไว้นะ ยัยดาวว่า พ่อไม่อนุญาติให้แกไปทำงานต้อยต่ำอย่างนั้นเด็ดขาด"
หญิงสาวสบตาบิดาด้วยความร้าวราน แล้วหยดน้ำใสก็เริ่มเอ่อล้นออกมาจากดวงตาใสๆที่บอบช้ำ
"ดาวขอโทษค่ะที่ต้องขัดใจคุณพ่อ"
"แก"
บิดาฉุนขาด โกรธจนลืมตัวปราดเข้าไปตบหน้าลูกสาวอย่างแรง
"เพี๊ยะ"
คุณสาวิตรีเห็นดังนั้นเลยถึงกับตกใจ
"คุณพี่"
ฝ่ามือของนายวิบูลย์ที่ฟาดใส่ดวงหน้าสวยของลูกสาว ถึงกับทำให้ใบหน้านั้นสะบัอย่างแรงและเสียงหลักล้มลงกับพื้นสองสามก้าว ขณะที่มารดารีบไปประคองลูกและกอดเอาไว้ป้องกันไม่ให้สามีตามเข้ามาทำร้ายอะไรลูกอีก และดูเหมือนนายวิบูลย์จะได้สติ หน้าเสียไปนิดนึงรู้สึกว่าทำเกินไป แต่ลูกก็ไม่น่าทำให้เขาโกรธถึงเพียงนี้
ที่สุดเขาก็กระแทกเสียงหายใจแรงๆ และผละออกไปจากห้องทิ้งให้ลูกสาวยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นแม่
"อย่าโกรธพ่อเลยนะลูก พ่อเขามีเหตุผลของเขา
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นที่นองน้ำตาขึ้นสบตามารดาที่มีแต่ความอ่อนโยนให้เธอ ร่างของดาวดารายสั่นเล็กน้อยด้วยความสะอื้น พยายามระงับความน้อยอกน้อยใจ พูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เหตุผลของคุณพ่อ เป็นอะไรที่ดาวรับไม่ได้จริงๆค่ะคุณแม่"
"แต่พ่อเขาหวังดีกับลูกนะ ไม่อยากให้ลูกไปเป็นครูลำบากอยู่ที่กันดารแบบนั้น คิดดูเถอะจ๊ะว่ามันมีที่เจริญหูเจริญตาที่ไหน อยู่ทำงานที่กรุงเทพ กับพ่อเถอะนะ"
ลูกสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
"ไม่ค่ะคุณแม่ ดาวตั่งใจแล้วว่าดาวต้องทำให้ได้ และดาวก็สอบบรรจุจนได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่นั่นแล้ว คุณแม่ช่วยพูดกับคุณพ่อให้เข้าใจด้วยเถอะนะคะ"
"ลูกดาว"
"นะคะคุณแม่"
คุณสาวิตรีถอนหายใจอย่างหนัก คำขอร้องของลูกช่างเป็นเรื่องที่ลำบากของผู้เป็นแม่เหลือเกิน
ที่สุดแม่ก็ต้องยอมตามใจลูกเพราะความรักของคนเป็นแม่
"เอาเถอะจ๊ะเดี๋ยวแม่จะช่วยพูดเรื่องหนูให้พ่อฟังแล้วกันจ๊ะ"
ดาวดารายซาบซึ้งใจจึงกราบที่อกมารดา และคุณสาวิตรีก็กอดร่างที่ยังมีอาการสะอื้นนั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกสงสารเห็นใจ
........................................
"คุณก็พลอยเป็นกับลูกด้วยเหรอคุณสา"
นายวิบูลย์ โวยวายลั่นเมื่อภรรยากำลังจะช่วยลูกได้ทำในสิ่งที่ขัดใจเขา ไม่รู้ทำไมภรรยาถึงได้เห็นดีเห็นงามไปกับลูกหัวดื้อ
"ลูกดาวมีความตั้งใจจริงนะคะคุณพี่ ดิฉันไม่อยากทำให้ลูกเสียใจในความตั้งใจ"
"แล้วผมล่ะคุณ นึกถึงหัวอกผมบ้างหรือเปล่า"
"แต่ลูกกำลังร้อน เราห้ามยังไงก็ไม่เป็นผล"
"ก็ให้มันรู้ไปสิว่าลูกมันจะชนะผมที่เป็นพ่อของมัน"
นายวิบูลย์โกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตลอดเวลาจนคุณสาวิตรีเห็นแล้วได้แต่ทอดถอนใจ
"คุณน่าจะยอมลงให้ลูกบ้างนะคะ"
"อะไรนะ" เขาหน้าคว่ำใส่ภรรยาทันที
"ผมเป็นพ่อของยัยดาวนะ ลูกมันต้องเชื่อฟังพ่อแม่สิ ไม่ใช่ให้พ่อแม่มันมาฟังคำของมันให้เดินตามไปต้อยๆสิ เป็นเบี้ยล่างอย่างงั้นเรอะไม่มีทาง"
"คุณพี่คะ ดิฉันเพียงแค่.." ยังไม่ทันได้พูดอะไร สามีก็พูดก่อน
"ไม่ต้องแล้ว" เขาโบกไม้โบกมือ จนภรรยาต้องชะงักไป
"แทนที่คุณจะเข้าข้างผม กลับเห็นดีเห็นงามไปกับลูกซะ เชอะ"
"เปล่าค่ะคุณพี่ ดิฉันไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับลูก เพียงแต่เห็นว่าไม่สามารถทัดทานเจตนารมณ์ของลูกได้ ก็ควรจะปล่อยให้ลูกได้ทำตามความต้องการของแก เราเป็นพ่อเป็นแม่เลี้ยงลูกได้แค่ตัว แต่หัวใจเราไม่สามารถบังคับได้ ลองให้แกลองแล้วถ้ามันไม่ใช่อย่างที่คุณพี่คิดลูกจะกลับมาหาเราเอง"
"กว่าจะถึงวันนั้น ลูกมันก็ทำให้ผมเสื่อมเสียแล้วล่ะสิ"
"คุณพี่คะ นี่คุณคิดว่าลูกจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามหรือคะ" ร้องเสียงตกใจอย่างหนัก
นายวิบูลย์เบือนหน้าหลบสายตาดวงหน้ายังบูดบึ้ง
"ใครจะไปรู้ บ้านเมืองป่าเถื่อนอย่างนั้น"
คุณสาวิตรีมองสามีอย่างผิดหวัง เธอส่ายหน้าไปมาอย่างแรงไม่คิดเลยว่าสามีจะมองลูกสาวได้อย่างร้ายกาจเพียงนี้
"แต่ดิฉันเชื่อมั่นในตัวลูกค่ะ ว่าแกไม่มีทางนอกลู่นอกทาง"
"คุณจะเอาอะไรมาการันตียัยดาว ดูสิมันเถียงผมคำไม่ตกฟากกลองได้อยู่คนเดียวสิไม่รึจะไม่ทำตามอำเภอใจอีก"
"แต่ว่า"
"พอเถอะคุณ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะไม่มีวันยอมให้ยัยดาวไป อยากจะดูสิว่างานซังกะบ๊วยนั่นกับพ่อ ลูกมันจะเลืออะไร"
น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวของสามี ทำเอาคุณสาวิตรีถึงกับใจหายพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียวพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
.........................................
"ดาวไม่สบายหรือเปล่าวันนี้เธอดูซึมๆไปนะ"
เพชราภา เพื่อนสาวถามเสียงเป็นห่วงเมื่อได้เจอกันในช่วงเช้าวันที่หญิงสาวต้องมารายงานตัวกับทางตัวต้นสังกัด ก่อนจะเดินทางไปรับหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติยังโรงเรียนที่ได้บรรจุให้ไปสอน
และเพื่อนสาวเองก็ไดบรรจุให้ไปสอนเช่นกันที่เดียวกันกับหญิงสาว แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการไปทำงานจากพ่อแม่แต่อย่างใด
แต่เพียงดาวดารายเท่านั้นที่ต้องปกปิดบิดามารายงานตัว เธอจึงไม่ความสดชื่นแม้แต่น้อย แต่เธอก็ปกปิดเพื่อนเช่นกัน
"ชั้นสบายดีจ๊ะอ้อม" แต่เพื่อนสาวจ้องหน้าค้นหาอยู่อย่างนั้น
"เธอกำลังปิดบังอะไรชั้นอยู่ใช่ไหมดาว"
"เปล่านะ ชั้นไม่มีอะไร"
"อืม  งั้นไม่เป็นไรช่างมันเถอะ แต่ชั้นเป็นกำลังใจให้นะดาว"
"จ๊ะ ขอบใจมากนะอ้อม"
เพชราภาช่วยอะไรได้ไม่มากนักเพราะรู้แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาวดารายเมื่อกี้ได้แต่จับมือเพื่อนเบาๆอย่างมีกำลังใจ และเอาใจให้บิดาของเธอ
ยอมเข้าใจให้ได้ในที่สุด
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา