ปลายทางแห่งรัก

8.3

เขียนโดย atipong

วันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2553 เวลา 15.24 น.

  1 ตอน
  9 วิจารณ์
  4,967 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

"แกคิดได้ยังไงกัน ถึงจะไปจมปลักอยู่ที่บ้านนอกคอกนาอย่างนั้น"

นายวิบูลย์ อัครานุวัฒน์ เจ้าของบริษัทใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงสังคมสูง ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความหงุดหงิด ที่ลูกสาวบอกว่าจะเดินทางไปเป็นครูประจำอยู่ที่โรงเรียนในชนบทแห่งหนึ่ง

เขาโกรธที่ลูกสาวไม่รู้จักคิด พ่อเป็นถึงเจ้าของบริษัทมีกิจการใหญ่โต เป็นที่นับถือหน้าถือตาของสังคม แต่ลูกสาวจะประกอบอาชีพเป็นครูและเป็นครูบ้านนอกจนๆ เขาไม่รู้ว่าลูกสาวเอาความคิดบ้าๆนี่มาจากไหน อุตส่าห์ตามใจให้เรียนแบบไม่ขัดขวางแม้ว่าสาขาลูกสาวที่เรียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการงานที่เขาทำ แต่หวังเมื่อลูกสาวเรียนจบแล้วจะเข้าใจและมาช่วยเหลืองานบริษัท ทว่าหวังเปล่าเลยลูกกลับทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างแรง

และไม่คิดด้วยซ้ำว่า วันนี้ลูกสาวจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้ หัวอกคนเป็นพ่อมันเลยมีแต่เจ็บปวดร้าวใจเป็นที่สุด

เสียงกระแทกลมหายใจที่หงุดหงิดนั้น ทำให้ดารารายที่นั่งก้มหน้านิ่งเหลือบสายตามองบิดาแล้วหนึ่งผ่อนหายใจยาวอธิบายเหตุผลว่า

"ที่นั่นยังต้องการครูที่จะไปช่วยเหลือให้เด็กที่ไม่มีโอกาสได้มาเรียนที่โรงเรียนที่ดีๆ ได้มีโอกาสได้มีความรู้ทัดเทียมกับเด็กในเมืองกรุงนะคะคุณพ่อ"

เท่านั้นเองผู้เป็นพ่อถึงกับตาถลึงตาจ้องจนลูกสาวหน้าสลด

"หึ ช่างหัวมันปะไร ถึงแกไม่ไปเขาก็ต้องหาคนแทนแกจนได้แหล่ะ อีกอย่างนะในเมื่อมันเกิดมาจนก็ให้โง่ดักดานอยู่นั่นแหล่ะ"

"คุณพ่อค่ะ" ดารารายร้องตกใจ ไม่นึกเลยว่าพ่อจะตีค่าของคนอย่างนี้

นายวิบูลย์ เห็นลูกสาวทำท่าตกใจก็ยิ้มเยาะสะใจ

ร่างบางสัดส่วนนั้นค่อยๆลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร ตั้งแต่พูดเรื่องนี้กับบิดาดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้จับช้อนอาหารอีกเลยคำพูดของพ่อทำให้เธอรู้สึกตื้อจนท้องไส้หายหิว

"แกจะไปไหนยัยดาว พ่อยังพูดกับแกไม่จบ"

ร่างที่กำลังจะก้าวออกจากโต๊ะอาหารจึงชะงัก และหญิงสาวก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น บิดาลุกขึ้นยืนแววตาขุ่นขวาง

"พ่อห้ามแกเด็ดขาด ไม่ให้ไป"

ดวงตาที่เริ่มเรื้อด้วยน้ำตา เบิกกว้างขึ้นพร้อมทั้งร้องบอกบิดาด้วยความน้อยใจ

"แต่ดาวได้รับความบรรจุแล้วนะคะคุณพ่อ"

"นั่นมันเรื่องของแก ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น"

"คุณพ่อมีเหตุผลบ้างสิคะ"

"ก็นี่ไงเหตุผลของฉัน"

บิดาตวาดก้อง หญิงสาวจึงนิ่งไปด้วยการกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ขณะนั้นเองคุณสาวิตรี ผู้เป็นมารดาได้ยินเสียงพ่อลูกทะเลาะกันก็รีบเข้ามาที่ห้องอาหารเห็นสามีตีหน้ายักษ์ใส่ลูกก็คิดที่จะเข้าไปช่วยให้สถานการณ์ที่เลวร้ายดีขึ้น

"ดิฉันว่าค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะคะคุณพี่ ลูกทำอะไรที่ไม่ดีเราก็ค่อยๆสอนลูกให้เข้าใจไม่ดีกว่าหรือคะคุณ"

นายวิบูลย์ตวัดสายตามองลูก้วยอาการหมั่นไส้แล้วหันตอบภรรยา

"ลูกรั้นๆ อย่างนี้คงสอนไม่ได้หรอกคุณ ต้องไม้แข็งถึงจะยอมล้มเลิกความคิดบ้าๆนี้"

สิ่งที่บิดาพูดทำให้หญิงสาวเจ็บจี๊ดเข้าไปในทรวงอก เธอพยายามอดกลั้นที่จะไม่ยอมเถียงผู้ให้กำเนิดแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะท่านเอาแต่เข้าข้างตัวเองใช้เหตุผลตัวเองเป็นใหญ่

"ยังไงดาวก็ไม่มีทางเลิกล้มความตั้งใจของดาวหรอกค่ะ"

"ยัยดาว" เสียงบิดาฉุนอย่างแรง แล้วฟ้องภรรยาให้เข้าข้างเขา

"เห็นไหมคุณสา ยัยดาวกล้าขัดผม"

คุณสาวิตรีเองก็รู้ว่าสามีกำลังร้อน และลูกก็ไม่ยอมลดวาจาราวาศอก เธอจึงพยายามเป็นน้ำเย็นเข้าลูบให้คนทั้งสองคนลดความร้อนแรงในอารมณ์ลง

"คุณคะคุณก็ใจเย็นลงบ้างเถอะนะคะ แล้วลูกดาวก็เลิกทำให้คุณพ่อโกรธเถอะนะจ๊ะ"

นายวิบูลย์ชี้นิ้วใส่ลูกสาว สั่งเสียงกร้าว

"แกจำไว้นะ ยัยดาวว่า พ่อไม่อนุญาติให้แกไปทำงานต้อยต่ำอย่างนั้นเด็ดขาด"

หญิงสาวสบตาบิดาด้วยความร้าวราน แล้วหยดน้ำใสก็เริ่มเอ่อล้นออกมาจากดวงตาใสๆที่บอบช้ำ

"ดาวขอโทษค่ะที่ต้องขัดใจคุณพ่อ"

"แก"

บิดาฉุนขาด โกรธจนลืมตัวปราดเข้าไปตบหน้าลูกสาวอย่างแรง

"เพี๊ยะ"

คุณสาวิตรีเห็นดังนั้นเลยถึงกับตกใจ

"คุณพี่"

ฝ่ามือของนายวิบูลย์ที่ฟาดใส่ดวงหน้าสวยของลูกสาว ถึงกับทำให้ใบหน้านั้นสะบัอย่างแรงและเสียงหลักล้มลงกับพื้นสองสามก้าว ขณะที่มารดารีบไปประคองลูกและกอดเอาไว้ป้องกันไม่ให้สามีตามเข้ามาทำร้ายอะไรลูกอีก และดูเหมือนนายวิบูลย์จะได้สติ หน้าเสียไปนิดนึงรู้สึกว่าทำเกินไป แต่ลูกก็ไม่น่าทำให้เขาโกรธถึงเพียงนี้

ที่สุดเขาก็กระแทกเสียงหายใจแรงๆ และผละออกไปจากห้องทิ้งให้ลูกสาวยืนร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นแม่

"อย่าโกรธพ่อเลยนะลูก พ่อเขามีเหตุผลของเขา

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นที่นองน้ำตาขึ้นสบตามารดาที่มีแต่ความอ่อนโยนให้เธอ ร่างของดาวดารายสั่นเล็กน้อยด้วยความสะอื้น พยายามระงับความน้อยอกน้อยใจ พูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

"เหตุผลของคุณพ่อ เป็นอะไรที่ดาวรับไม่ได้จริงๆค่ะคุณแม่"

"แต่พ่อเขาหวังดีกับลูกนะ ไม่อยากให้ลูกไปเป็นครูลำบากอยู่ที่กันดารแบบนั้น คิดดูเถอะจ๊ะว่ามันมีที่เจริญหูเจริญตาที่ไหน อยู่ทำงานที่กรุงเทพ กับพ่อเถอะนะ"

ลูกสาวส่ายหน้าปฏิเสธ

"ไม่ค่ะคุณแม่ ดาวตั่งใจแล้วว่าดาวต้องทำให้ได้ และดาวก็สอบบรรจุจนได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่นั่นแล้ว คุณแม่ช่วยพูดกับคุณพ่อให้เข้าใจด้วยเถอะนะคะ"

"ลูกดาว"

"นะคะคุณแม่"

คุณสาวิตรีถอนหายใจอย่างหนัก คำขอร้องของลูกช่างเป็นเรื่องที่ลำบากของผู้เป็นแม่เหลือเกิน

ที่สุดแม่ก็ต้องยอมตามใจลูกเพราะความรักของคนเป็นแม่

"เอาเถอะจ๊ะเดี๋ยวแม่จะช่วยพูดเรื่องหนูให้พ่อฟังแล้วกันจ๊ะ"

ดาวดารายซาบซึ้งใจจึงกราบที่อกมารดา และคุณสาวิตรีก็กอดร่างที่ยังมีอาการสะอื้นนั้นเอาไว้ด้วยความรู้สึกสงสารเห็นใจ

........................................

"คุณก็พลอยเป็นกับลูกด้วยเหรอคุณสา"

นายวิบูลย์ โวยวายลั่นเมื่อภรรยากำลังจะช่วยลูกได้ทำในสิ่งที่ขัดใจเขา ไม่รู้ทำไมภรรยาถึงได้เห็นดีเห็นงามไปกับลูกหัวดื้อ

"ลูกดาวมีความตั้งใจจริงนะคะคุณพี่ ดิฉันไม่อยากทำให้ลูกเสียใจในความตั้งใจ"

"แล้วผมล่ะคุณ นึกถึงหัวอกผมบ้างหรือเปล่า"

"แต่ลูกกำลังร้อน เราห้ามยังไงก็ไม่เป็นผล"

"ก็ให้มันรู้ไปสิว่าลูกมันจะชนะผมที่เป็นพ่อของมัน"

นายวิบูลย์โกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ตลอดเวลาจนคุณสาวิตรีเห็นแล้วได้แต่ทอดถอนใจ

"คุณน่าจะยอมลงให้ลูกบ้างนะคะ"

"อะไรนะ" เขาหน้าคว่ำใส่ภรรยาทันที

"ผมเป็นพ่อของยัยดาวนะ ลูกมันต้องเชื่อฟังพ่อแม่สิ ไม่ใช่ให้พ่อแม่มันมาฟังคำของมันให้เดินตามไปต้อยๆสิ เป็นเบี้ยล่างอย่างงั้นเรอะไม่มีทาง"

"คุณพี่คะ ดิฉันเพียงแค่.." ยังไม่ทันได้พูดอะไร สามีก็พูดก่อน

"ไม่ต้องแล้ว" เขาโบกไม้โบกมือ จนภรรยาต้องชะงักไป

"แทนที่คุณจะเข้าข้างผม กลับเห็นดีเห็นงามไปกับลูกซะ เชอะ"

"เปล่าค่ะคุณพี่ ดิฉันไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับลูก เพียงแต่เห็นว่าไม่สามารถทัดทานเจตนารมณ์ของลูกได้ ก็ควรจะปล่อยให้ลูกได้ทำตามความต้องการของแก เราเป็นพ่อเป็นแม่เลี้ยงลูกได้แค่ตัว แต่หัวใจเราไม่สามารถบังคับได้ ลองให้แกลองแล้วถ้ามันไม่ใช่อย่างที่คุณพี่คิดลูกจะกลับมาหาเราเอง"

"กว่าจะถึงวันนั้น ลูกมันก็ทำให้ผมเสื่อมเสียแล้วล่ะสิ"

"คุณพี่คะ นี่คุณคิดว่าลูกจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามหรือคะ" ร้องเสียงตกใจอย่างหนัก

นายวิบูลย์เบือนหน้าหลบสายตาดวงหน้ายังบูดบึ้ง

"ใครจะไปรู้ บ้านเมืองป่าเถื่อนอย่างนั้น"

คุณสาวิตรีมองสามีอย่างผิดหวัง เธอส่ายหน้าไปมาอย่างแรงไม่คิดเลยว่าสามีจะมองลูกสาวได้อย่างร้ายกาจเพียงนี้

"แต่ดิฉันเชื่อมั่นในตัวลูกค่ะ ว่าแกไม่มีทางนอกลู่นอกทาง"

"คุณจะเอาอะไรมาการันตียัยดาว ดูสิมันเถียงผมคำไม่ตกฟากกลองได้อยู่คนเดียวสิไม่รึจะไม่ทำตามอำเภอใจอีก"

"แต่ว่า"

"พอเถอะคุณ ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะไม่มีวันยอมให้ยัยดาวไป อยากจะดูสิว่างานซังกะบ๊วยนั่นกับพ่อ ลูกมันจะเลืออะไร"

น้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวของสามี ทำเอาคุณสาวิตรีถึงกับใจหายพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียวพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งอึ้งอยู่อย่างนั้น

.........................................

"ดาวไม่สบายหรือเปล่าวันนี้เธอดูซึมๆไปนะ"

เพชราภา เพื่อนสาวถามเสียงเป็นห่วงเมื่อได้เจอกันในช่วงเช้าวันที่หญิงสาวต้องมารายงานตัวกับทางตัวต้นสังกัด ก่อนจะเดินทางไปรับหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติยังโรงเรียนที่ได้บรรจุให้ไปสอน

และเพื่อนสาวเองก็ไดบรรจุให้ไปสอนเช่นกันที่เดียวกันกับหญิงสาว แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการไปทำงานจากพ่อแม่แต่อย่างใด

แต่เพียงดาวดารายเท่านั้นที่ต้องปกปิดบิดามารายงานตัว เธอจึงไม่ความสดชื่นแม้แต่น้อย แต่เธอก็ปกปิดเพื่อนเช่นกัน

"ชั้นสบายดีจ๊ะอ้อม" แต่เพื่อนสาวจ้องหน้าค้นหาอยู่อย่างนั้น

"เธอกำลังปิดบังอะไรชั้นอยู่ใช่ไหมดาว"

"เปล่านะ ชั้นไม่มีอะไร"

"อืม  งั้นไม่เป็นไรช่างมันเถอะ แต่ชั้นเป็นกำลังใจให้นะดาว"

"จ๊ะ ขอบใจมากนะอ้อม"

เพชราภาช่วยอะไรได้ไม่มากนักเพราะรู้แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับดาวดารายเมื่อกี้ได้แต่จับมือเพื่อนเบาๆอย่างมีกำลังใจ และเอาใจให้บิดาของเธอ

ยอมเข้าใจให้ได้ในที่สุด

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา