Love Hormone สัมผัส(รัก)หน่อยนะ My Darling
-
4) ผู้สืบเชื้อสาย 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ-- บทสนทนาระหว่างชายหนุ่ม --
ในขณะที่ทุกๆคนต่างจัดเตรียมการทำหน้าที่ต่างๆนาทั้งของตัวเองและส่วนรวมอยู่นั้นเหล่าเจ้าชายทั้งสามก็กำลังเดินทางโดยยานพาหนะเบ็นรถรุ่น Mercedes-Benz SLR McLaren คันสีเงินจำนวนสองคันเพื่อมุ่งตรงไปยังสำนัก(งาน) Venus FlytrapHMc เพื่อไปรับสมาชิกใหม่คนดั่งกล่าวเดินทางไปพร้อมๆกัน
“ ทำซะเว่อร์เอารถเบ้นราคาเป็นล้านมาขนกระเป๋าเสื้อผ้าเนี่ยนะ เฮอะ ! เขาใช้สมองส่วนไหนคิดกันแน่เนี่ย ” เอสแสคหนุ่มน้อยหน้ามลตาคมจมูกโด่งผมดำขรับซึ่งตัดกับผิวพรรณที่ขาวอมชมพูอย่างเด่นชัดผู้เป็นเทพบุตรผู้น้องสุดพึมพัมขึ้นกับตัวเองอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก
“ แม่เขาคงหวังดีน่ะอย่าบ่นเลยนา ” ชายหนุ่มหน้าตาอบอุ่นขอบตาเข้มแววตาชวนฝันริมฝีปากบอบบางผมทรงสีน้ำตาลสลับทองซึ่งเป็นเทพบุตรคนรองหรืออะตอมเอ่ยทักน้องชายขึ้นด้วยความเข้าใจปนรำคาญนิดๆ
“ แม่เขาเป็นผู้หญิงนะ นานๆทีลูกจะได้กลับมาคงอยากจะเอาใจบ้างน่ะแหล่ะ ”
“ เฮ้ย !! ทำไมต้องพูดถึงผู้หญิงด้วยเนี่ย !0 ~ 0!” แอสแส็คโพล่งขึ้นมาทันทีที่อะตอมพูดถึงผู้หญิง
“ นี่...แอสแส็คจ๋า ^^ +อย่าให้มันเว่อร์มากสิจ๊ะเธอไม่ได้เป็นโรคได้ยินคำว่า ‘ ผู้หญิง’ แล้วจะขึ้นผื่นไปทั้งตัวนะ ^o^!” ชายหนุ่มหน้าหวานรอยยิ้มชวนเสน่หาที่กิริยาท่าทางดูจะเป็นสุภาพสตรีมากกว่าสุภาพบุรุษก็ท้วงขึ้นมาด้วยความรำคาญและ...รำคาญมากๆที่วันนี้เอสแส็คได้แต่บ่นโน่นบ่นนี่ทั้งวันตั้งแต่เดินออกจากบ้านพักคุณทวดของทั้งสามที่ญี่ปุ่นจนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนแรงม้าในการบ่นของเอสแส็คจะยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเลยซะนิด
“ ชิ !” เอสแส็คทำเสียงไม่สบอารมณ์ใส่อะตอมก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะพากันนั่งนิ่งๆเหมือนเช่นเคย
“แล้ว...จินนี่ล่ะ...” เอสแส็คกระอุกกระอักที่จะพูด ถึงคนสำคัญคนหนึ่งของออมเล็ต ชายหนุ่มถึงกับทำสายตาละห้อยนิด แววตาที่แฝงด้วยความเจ็บปวดแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันกะจะอยู่แค่2-3วัน ตอนนี้มิสเตอร์ไฮเดรนเป็นคนดูแลอยู่น่ะ”
“ฉันนึกว่านายจะกลับไปพร้อมกับน้าอินซะอีก
“ รู้สึกว่าจะถึงที่หมายแล้วนะ ”
“ ฮึ ! ~ ” อะตอมและเอสแส็คอุทานขึ้นพร้อมกันก่อนจะชายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นป้ายไม้ติดเป็นชื่อ ‘ สำนัก Venus FlytrapHMc แขวนอยู่บนราวประตูทางเข้าใหญ่ที่รถของพวกเขาได้เลี้ยวเข้าไปในตัวสำนักเกินครึ่งคันไปแล้วตามด้วยเหล่าผู้คนทั้งหลายในชุดประจำสำนักสีเขียวโทนดำยืนต้อนรับอยู่ทั้งสองข้างทางโดยไม่มีผู้ใดที่เป็นเพศหญิงเลยแม้แต่คนเดียว
-- ณ สำนักงาน Venus FlytrapHMc --
เมื่อรถเข้าจอด ณที่ๆถูกเตรียมเอาไว้เหล่าเทพบุตรทั้งสามก็ค่อยๆย่างกรายออกมาจากรถตามลำดับพร้อมกับคนขับรถหมายเลข 01 ของคฤหาสน์อีกด้วย
“ ยินดีต้อนรับครับ !!!” เสียงดังกึกก้องกล่าวต้อนรับอย่างให้ความเคารพพร้อมกับโค้งตัวคำนับตามแบบขนบธรรมเนียมดั้งเดิมให้กับทั้งสามคน
“ ว่าแต่ไหนน้าอินกับว่าที่เถ้าแก่คนใหม่ล่ะ ” เอสแส็คเริ่มฉีกปากพูดเป็นคนแรกพลางหันซ้ายแลขวาหาคนสองคนที่เขาต้องการเจอในตอนนี้ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยมีมารยาทซักเท่าไหร่แต่ก็เรียกร้องความเห็นด้วยได้มากจากพี่ชายทั้งสองที่เหลือของเขา
“ อ้าว !0o0! เจ้าอ่างสามใบนี่ !” และแล้วเสียงอันคุ้นหูก็ค่อยๆลอยมาแต่ใกล้ออมเล็ต อะตอมและเอสแส็คค่อยๆหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมๆกันการปรากฎตัวของชายหนุ่มอายุราวๆ 30 ต้นๆหน้าตาคมเข้มเปรี่ยมไปด้วยความน่าเสน่หาในชุดสูทดำอย่างเป็นพิธีการซึ่งไม่ได้ทำให้หนุ่มๆทั้งสามตื่นเต้นเหมือนกับฝ่ายตรงข้ามที่ถึงกับตกตะลึงกับการเจริญเติบโตของหลานชายของตัวเองอย่างมากมาย
“ พระเจ้าช่วย O0O! นี่พวกนายจริงๆเหรอเนี่ยดูดีกว่าในรูปถ่ายซะอีก ” อินฟินิตี้เริ่มวิจารณ์หลานชายทั้งสามคนในทันทีก่อนที่จะเดินเข้าไปประกบตัวกับทั้งสามเพื่อส่งเสริมความสง่างามแห่งชายชาตรีให้เจิดจรัสยิ่งขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะใครบางคนขัดขึ้นก่อนที่เขาจะยื่นมาเข้ามาลูบหัวใครคนนั้น
“ เดี๋ยว !o\0/o! ห้ามแตะตัวผม !” ทั้งสามถึงกับอึ้งเมื่อเอสแส็คตะโกนเสียงใส่น้าชายของตัวเองก่อนจะใช้แขนข้างนึงปัดแขนของอีกฝ่ายออกไปซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่เฟลอร์และเหล่าลูกหมู่ทั้งห้าของเธอเดินออกมาจากเรือนรับรองใหญ่และเจอเหตุการณ์นี้เข้าพอดี
“O_O!? นายเป็นไรน่ะเอสแส็ค ” ออมเล็ตถามขึ้นด้วยความสงสัยเดียวกับอีกหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้
“ ถามหน่อยเหอะน้าอิน u\‘’/u น้าเพิ่งเสร็จกิจมาเมื่อกี้แล้วยังไม่อาบน้ำมาใช่มั้ย !”
“ หา !!!O///O!!!!” คำถามของเอสแส็คที่ดูเจ้าตัวค่อนข้างจะจริงจังมากแต่ตรงกันข้ามกับคนฟังที่ฟังด้วยความตกใจและต้องเขินอย่างอดไม่ได้แต่ก็ยังยกเว้นคนบางคนที่กำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องแบบนี้นักซักเท่าไหร่อาจเป็นเพราะสิ่งผ่านๆมาที่เธอเจอมันอาจจะล้ำหน้ายิ่งกว่านี้ไปอีกหลายๆเท่าก็เท่านั้นเอง
“ กลิ่นเหงื่อไครของผู้หญิงติดไปทั่วทั้งตัวแบบนี้แล้วยังจะคิดแตะตัวผมที่แพ้Hormone ของผู้หญิงขั้นโคม่าแบบนี้อีกเหรอน้าจะฆ่าฉันรึไง ! 0\o/0 !” เอสแส็คพูดใส่อารมณ์อีกครั้งก่อนที่จะถอนหายใจยาวฟืดหนึ่งให้กับความสะเพร่าของน้าชายของตนเช่นเดียวกับออมเล็ตและอะตอม แต่พวกเขาค่อนข้างจะเบนไปทางอมยิ้มเพราะอายแทนน้าของตนมากกว่า
‘ แพ้ Hormone ของผู้หญิงเหรอ o_o? ถึงขั้นโคม่าด้วยเหรอ...จริงเหรอเนี่ย ’เฟลอร์คิดลึกๆอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีใดๆออกมาก็เพราะ...มันเป็นนิสัยของเธอ...
“ ข...ขอโทษทีว่ะเอสแส็คพอดีมันรีบน่ะ ฮ่ะๆ ^-)^;;” อินฟินิตี้พูดขึ้นอย่างอายๆก่อนจะหันไปสังเกตเห็นเฟลอร์และว่าที่อดีตลูกสมุนของเขาที่ยืนดูเหตุการณ์อันน่าสังเวชใจของตนอยู่ซักพักบนระหว่างขั้นบันไดเดินลงจากประตูเรือนรับรองใหญ่ ทำให้สามพี่น้องต้องหันไปมองตามๆกัน
“ นั่น...อย่าบอกนะว่าเฟลอร์... ” อินฟินิตี้หลี่ตามองก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้...ใกล้...และใกล้จนเกือบชิดชายหนุ่มก้มมองอย่างพินิจทำให้ลูกสมุนทุกๆคนที่รู้เรื่องว่าเฟลอร์เป็นผู้หญิงถึงกับกลืนน้ำลายดัง ‘ เอื้อก ’ ไปพร้อมๆกันจนพี่น้องทั้งสามต้องหันไปดูอย่างแปลกใจ แต่ดูเหมือนสายตาของเฟลอร์ก็ยังคงจ้องอยู่ที่เอสแส็คเป็นตาเดียวอย่างไม่กระพริบแต่เพราะผมที่ปรกหน้าของเธอมันมากจนบังสีหน้าหมดจึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่
“ ใช่แล้ว ! ฮ่าๆๆ ^O^!!! นายนี่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลยจริงๆ ” อินฟินิตี้จับบ่าทั้งสองข้างของเฟลอร์จนมั่นก่อนจะพินิจอย่างอารมณ์ดีทำให้เหล่าสมุนทั้งหลายถึงกับแอบถอนหายใจไปตามๆกัน ความลับยังไม่แตก...
เฟลอร์เปลี่ยนจุดมุ่งหมายในการมองกลับมาเป็นอินฟินิตี้ด้วยการเลื่อนดวงตามามองที่เขาโดยที่ร่างกายส่วนอื่นไม่มีการใช้งานเลยเธอมองไปยังหน้าของอินฟินิตี้ที่ในมุมระดับสายตาเพราะเธอยืนอยู่ขึ้นบันได้สูงกว่าเขาถึงสองขั้นวงเล็บขั้นบันไดหนึ่งคั่น เท่ากับความสูง 10 เซนติเมตร --
“ เอาล่ะจะแนะนำให้รู้จักนี่เฟลอร์ เด็กผู้ชายที่จะมาครองตำแหน่งแทนฉันต่อแต่นี้ไป เพื่อที่ฉันจะได้ไปคุมองค์กรกลางที่สหรัฐฯ ” สามพี่น้องหันไปมองยังเฟลอร์อีกครั้งเอสแส็คมองด้วยท่าทางเฉยๆ อะตอมมองด้วยรอยยิ้ม แต่ออมเล็ตกลับไม่ได้แค่ยืนมองเมื่ออยู่ๆเขาก้าวขาฉับๆขึ้นไปแทรกกลางระหว่างอินฟินิตี้กับเฟลอร์แล้วใช้มือข้างหนึ่งจับบ่าของเฟลอร์ให้หันไปทางเขาก่อนที่จะใช้มืออีกข้างเสยผมหน้าของเธอขึ้นทำให้เฟลอร์ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจนิดๆ ทั้งสองก็มองตากันไปมาก่อนที่ออมเล็ตจะดูเหมือนกำลังมั่นใจที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาหลังจากที่พิจารณาใบหน้าของเฟลอร์ด้วยสายตาอันเฉียบคม
“ นายนี่... ”
“ ผมว่าเราควรไปกันได้แล้วนะครับ !” แต่ไม่ทันที่ออมเล็ตจะพูดอะไรต่อโชเฟกับเจาลอร์ก็โพล่งขัดขึ้นมาเสียงดังก่อนจะแบ่งกันหิ้วปีกของเฟลอร์คนละข้างพาวิ่งออกไปขึ้นรถประจำสำนักทันทีที่พูดประโยคสุดท้ายเสร็จว่า “ พวกกระผมจะพาท่านเฟลอร์ล่วงหน้าไปหาท่าน ‘ อินซูลิน ’ ก่อนนะครับ ”
“ เฮ้ย ! เดี๋ยวดิ ” อินฟินิตี้จะห้ามยังไงก็ไม่ทันซะแล้วเมื่อรถ Bugatti Veyron ถูกเคลื่อนตัวออกจากตัวสำนักอย่างรวดเร็วแม้เพียงจะเหยียบคันเร่งลงไปแค่ 25 องศาจากระดับปกติก็ตาม
“ เออ...ดีจริงๆเจ้าพวกนี้ ” อินฟินิตี้มองตามอย่างเอือมระอา
“ มีไรรึเปล่า ออมเล็ต ” เอสแส็คและอะตอมถามออมเล็ตขึ้นพร้อมๆกันด้วยความสงสัยถึงเรื่องที่เขาทำเพราะปกติแล้วเขามักจะไม่ทำเรื่องเสียมารยาทแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักเป็นแน่
“ ... ” ออมเล็ตไม่ได้ตอบอะไรเหมือนกับเขาถูกมนต์สะกดของเฟลอร์ให้มองตามไปถึงแม้ละสายตาไปแล้วเขาก็ยังไม่หยุดที่จะมอง
“ ใช่...ต้องใช่แน่ๆ ”
~ ผู้พากย์ จบ 2~
-- บทสนทนาบนรถ Bugatti Veyron —
“ โทษนะ...เกิดอะไรขึ้น ” ฉันถามขึ้นในขณะที่นั่งนิ่งอยู่บนแบะรถข้างหลังคนขับ
“ ก็เมื่อกี้น่ะคุณชายใหญ่ของตระกูล Hormonce ผู้นำองค์กรใหญ่ของสำนักของพวกเราไงล่ะครับท่านเฟลอร์ ” ...อือ แล้วไง --?
“ ท่านชื่อว่าคุณชายออมเล็ตผู้มีเซ้นที่แม่นยำเรื่องเพศน่ะขอรับแต่จะว่าไปมันก็แปลกจริงๆนะครับ ทั้งๆที่ปิดขนาดนี้แล้วทำไมถึงดูเหมือนจะจับได้ตาเหยี่ยวจริงๆ ”
“ นี่ดีนะครับที่พวกเราดึงท่านออกมาได้ซะก่อนไม่งั้นความลับของเราได้แตกแน่ๆ ”
ถ้าให้พูดจริงๆ ความลับของพวกนายต่างหากล่ะฉันไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ~ โชเฟและเจาลอร์ผลัดกันพูดคนละประโยคให้ฉันฟังถึงสรรพคุณของคุณชายที่ชื่อออมเล็ตนั่นแต่ว่า...หมอนั่นเก่งจังทำให้ฉันตกใจได้ขนาดนั้น...เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานแล้วจริงๆ
“ พวกนายเอาตัวฉันมาก็จริงแต่อินฟินิตี้ยังอยู่ที่นั่น แถมอยู่กับเขาด้วยนะ ”
เอี๊ยด !!!!
เสียงเบรกรถดังขึ้นในทันทีที่ฉันพูดจบ โชเฟและเจาลอร์หันมามองหน้าก่อนจะพากับโวยวายใส่กันไปมาแทนที่จะกลับรถไปรับอินฟินิตี้ในทันทีที่ฉันเตือนซะอีก
“ ทำไงดีล่ะเพราะแกน่ะแหล่ะไอสมองก้อนกรวด !”
“ แกอย่ามาฉันสิเว้ยไอโชเราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหล่ะไอเลือดร้อน !”
“ เฮ้ย ! ไรวะไอเจา !” ยัง...ยังไม่จบถึงแม้ว่าเวลาที่ฉันจับไว้จากหน้าประตูสำนักจนถึงตอนนี้มันจะผ่านไปเพียง 1 นาทีก็ตามเถอะนะแต่พวกนี้ก็ทึ่มใช้ได้เชียวนะเนี่ย...
“ แทนที่จะทะเลาะกลับไปรับอินฟินิตี้จะดีกว่านะ ” เมื่อฉัพูดจบโชเฟและเจาลอร์ถึงจะหยุดทะเลาะเถียงกันไปมาก่อนจะนิ่งคิดในเวลาเพียงชั่วครู่แล้วก็รีบกลับรถขับกลับสำนักไปรับอินฟินิตี้อีกคน
เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีเหตุเพราะยังไปไม่ไกลนักก็มาถึงหน้าประตูสำนักอีกครั้งโชเฟซึ่งเป็นคนขับบอกให้เจาลอร์ซึ่งเป็นคนนั่งเคียงออกไปเปิดประตูรับอินฟินิตี้ให้ขึ้นมานั่งที่เบาะหลังคนขับคู่กับฉันก่อนจะปิดประตูลงและกลับไปนั่งที่ๆตัวเองนั่งเหมือนเดิม...และได้เวลาเปิดพิธีปฐมบทครั้งยิ่งใหญ่ของอินฟินิตี้
“ เฮ้อ !u\‘’/u!!! ดีนะที่ยังนึกถึงฉันได้เจ้าพวกบ้านี้นิได้ใหม่แล้วลืมเก่าเหรอมันน่าจริงๆนะพวกแกเนี่ยให้เสร็จงานครั้งนี้ก่อนเถอะพ่อจะลงโทษให้เข็ดจริงๆล่ะคราวเนี่ย... ”อินฟินิตี้นั่งไขว่ห้างกอดอกแบบวางมาดด้วยความไม่ค่อยจะพอใจซักเท่าไหร่อยู่ข้างๆฉัน...ว่าแต่หมอนี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยอย่างนั้นเหรอเนี่ย
“ นี่ถ้าฉันไม่มีรถไปโดนเจ้าพวกนั้นทิ้งไปอีกจะว่าไงเนี่ย แล้วนี่ยังไง ! ยังไม่ออกรถอีกหา !!!”
“ ครับๆๆ !” โชเฟรีบสตาร์ทรถพัลวันด้วยอาการกลัวความผิดก่อนที่ฉันจะหันไปสังเกตคุณชายใหญ่ที่ชื่อออมเล็ตนั่นที่กำลังจะย่างเท้าเข้านั่งในรถของตัวเองอีกครั้ง...และเขาหันมามองฉันในทันทีที่กระจกรถใกล้จะปิดสนิทหมอนั่นมีอะไรจะพูดกันแน่...จะบอกว่าฉันเป็นผู้หญิง ? ...หรือว่าอย่างอื่น...
“ ไง...ไม่เจอกันซะนานยังเตี้ยแล้วก็ขรึมเหมือนเดิมนะเนี่ย ^^ + 555!”
“ อือ...ไม่เจอกันนานนายก็ยังปากพระจันทร์ทอแสงรำไรเหมือนเดิมเช่นกันนะ ” เมื่อฉันพูดจบประโยคอินฟินี้ก็เริ่มเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นเรียงแถวกันบนกะโหลกศีรษะทันที
“ ท่านเฟลอร์บอกว่าท่านอิน ‘ ปากจัญไร ’ น่ะครับ ^0^!” ว้าว ! ...อย่างน้อยโชฟาก็ยังฉลาดพอที่จะแปลสิ่งที่ฉันพูดออกส่วนอินฟินิตี้ตอนนี้ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอกด่าถึง 2 ครั้งก่อนที่เขาจะค่อยๆกลิ้งลูกตาคมๆดวงนั้นมามองที่ฉันแล้วกลืนน้ำลายดัง ‘ เอื้อก ’ ลงคอไป
“ เอ่อ...เฮ้ย ! ...แกหลอกด่าฉันเล่นๆใช่มั้ยฮะ ! ไอ้โช !” โชฟาทำท่าทางเลิกลั่กกลัวความผิดก่อนที่ฉันจะเริ่มพูดอีกครั้ง
“ โชฟาแปลที่ฉันพูดถูกแล้วล่ะนายมันปากแบบนั้นจริงๆนะ อินฟินิตี้... ”
เมื่อได้ยินที่ฉันยืนยันอินฟินิตี้ก็ถึงกับนิ่งไปซักพักอย่างเหงื่อตก ก่อนจะปริปากพูดอีกครั้งในเวลาต่อมา
“ หึ ! ปากดีอย่างนี้ระวังจะหาผู้หญิงซบอกไม่ได้นะเว้ย !” อินฟินิตี้เอามือมาลูบหัวฉันพลางหัวเราะร่วนแต่อีกมุมหนึ่งกลับช่วยกันส่งเสริมเสียงกลืนน้ำลายลงคงให้ดังเป็นสองเท่าตัวแทน...เจ้าพวกนี้เป็นโรคต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมาท่วมปากรึไงกันแน่นะวันนี้ทั้งวันเห็นกลืนแต่น้ำลายลงคอจะกินน้ำลายแทนน้ำเปล่ากันแล้วรึไง ==? ...
ในขณะที่ทุกๆคนต่างจัดเตรียมการทำหน้าที่ต่างๆนาทั้งของตัวเองและส่วนรวมอยู่นั้นเหล่าเจ้าชายทั้งสามก็กำลังเดินทางโดยยานพาหนะเบ็นรถรุ่น Mercedes-Benz SLR McLaren คันสีเงินจำนวนสองคันเพื่อมุ่งตรงไปยังสำนัก(งาน) Venus FlytrapHMc เพื่อไปรับสมาชิกใหม่คนดั่งกล่าวเดินทางไปพร้อมๆกัน
“ ทำซะเว่อร์เอารถเบ้นราคาเป็นล้านมาขนกระเป๋าเสื้อผ้าเนี่ยนะ เฮอะ ! เขาใช้สมองส่วนไหนคิดกันแน่เนี่ย ” เอสแสคหนุ่มน้อยหน้ามลตาคมจมูกโด่งผมดำขรับซึ่งตัดกับผิวพรรณที่ขาวอมชมพูอย่างเด่นชัดผู้เป็นเทพบุตรผู้น้องสุดพึมพัมขึ้นกับตัวเองอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก
“ แม่เขาคงหวังดีน่ะอย่าบ่นเลยนา ” ชายหนุ่มหน้าตาอบอุ่นขอบตาเข้มแววตาชวนฝันริมฝีปากบอบบางผมทรงสีน้ำตาลสลับทองซึ่งเป็นเทพบุตรคนรองหรืออะตอมเอ่ยทักน้องชายขึ้นด้วยความเข้าใจปนรำคาญนิดๆ
“ แม่เขาเป็นผู้หญิงนะ นานๆทีลูกจะได้กลับมาคงอยากจะเอาใจบ้างน่ะแหล่ะ ”
“ เฮ้ย !! ทำไมต้องพูดถึงผู้หญิงด้วยเนี่ย !0 ~ 0!” แอสแส็คโพล่งขึ้นมาทันทีที่อะตอมพูดถึงผู้หญิง
“ นี่...แอสแส็คจ๋า ^^ +อย่าให้มันเว่อร์มากสิจ๊ะเธอไม่ได้เป็นโรคได้ยินคำว่า ‘ ผู้หญิง’ แล้วจะขึ้นผื่นไปทั้งตัวนะ ^o^!” ชายหนุ่มหน้าหวานรอยยิ้มชวนเสน่หาที่กิริยาท่าทางดูจะเป็นสุภาพสตรีมากกว่าสุภาพบุรุษก็ท้วงขึ้นมาด้วยความรำคาญและ...รำคาญมากๆที่วันนี้เอสแส็คได้แต่บ่นโน่นบ่นนี่ทั้งวันตั้งแต่เดินออกจากบ้านพักคุณทวดของทั้งสามที่ญี่ปุ่นจนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนแรงม้าในการบ่นของเอสแส็คจะยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเลยซะนิด
“ ชิ !” เอสแส็คทำเสียงไม่สบอารมณ์ใส่อะตอมก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะพากันนั่งนิ่งๆเหมือนเช่นเคย
“แล้ว...จินนี่ล่ะ...” เอสแส็คกระอุกกระอักที่จะพูด ถึงคนสำคัญคนหนึ่งของออมเล็ต ชายหนุ่มถึงกับทำสายตาละห้อยนิด แววตาที่แฝงด้วยความเจ็บปวดแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันกะจะอยู่แค่2-3วัน ตอนนี้มิสเตอร์ไฮเดรนเป็นคนดูแลอยู่น่ะ”
“ฉันนึกว่านายจะกลับไปพร้อมกับน้าอินซะอีก
“ รู้สึกว่าจะถึงที่หมายแล้วนะ ”
“ ฮึ ! ~ ” อะตอมและเอสแส็คอุทานขึ้นพร้อมกันก่อนจะชายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถก็เห็นป้ายไม้ติดเป็นชื่อ ‘ สำนัก Venus FlytrapHMc แขวนอยู่บนราวประตูทางเข้าใหญ่ที่รถของพวกเขาได้เลี้ยวเข้าไปในตัวสำนักเกินครึ่งคันไปแล้วตามด้วยเหล่าผู้คนทั้งหลายในชุดประจำสำนักสีเขียวโทนดำยืนต้อนรับอยู่ทั้งสองข้างทางโดยไม่มีผู้ใดที่เป็นเพศหญิงเลยแม้แต่คนเดียว
-- ณ สำนักงาน Venus FlytrapHMc --
เมื่อรถเข้าจอด ณที่ๆถูกเตรียมเอาไว้เหล่าเทพบุตรทั้งสามก็ค่อยๆย่างกรายออกมาจากรถตามลำดับพร้อมกับคนขับรถหมายเลข 01 ของคฤหาสน์อีกด้วย
“ ยินดีต้อนรับครับ !!!” เสียงดังกึกก้องกล่าวต้อนรับอย่างให้ความเคารพพร้อมกับโค้งตัวคำนับตามแบบขนบธรรมเนียมดั้งเดิมให้กับทั้งสามคน
“ ว่าแต่ไหนน้าอินกับว่าที่เถ้าแก่คนใหม่ล่ะ ” เอสแส็คเริ่มฉีกปากพูดเป็นคนแรกพลางหันซ้ายแลขวาหาคนสองคนที่เขาต้องการเจอในตอนนี้ซึ่งอาจจะดูไม่ค่อยมีมารยาทซักเท่าไหร่แต่ก็เรียกร้องความเห็นด้วยได้มากจากพี่ชายทั้งสองที่เหลือของเขา
“ อ้าว !0o0! เจ้าอ่างสามใบนี่ !” และแล้วเสียงอันคุ้นหูก็ค่อยๆลอยมาแต่ใกล้ออมเล็ต อะตอมและเอสแส็คค่อยๆหันไปมองที่ต้นเสียงพร้อมๆกันการปรากฎตัวของชายหนุ่มอายุราวๆ 30 ต้นๆหน้าตาคมเข้มเปรี่ยมไปด้วยความน่าเสน่หาในชุดสูทดำอย่างเป็นพิธีการซึ่งไม่ได้ทำให้หนุ่มๆทั้งสามตื่นเต้นเหมือนกับฝ่ายตรงข้ามที่ถึงกับตกตะลึงกับการเจริญเติบโตของหลานชายของตัวเองอย่างมากมาย
“ พระเจ้าช่วย O0O! นี่พวกนายจริงๆเหรอเนี่ยดูดีกว่าในรูปถ่ายซะอีก ” อินฟินิตี้เริ่มวิจารณ์หลานชายทั้งสามคนในทันทีก่อนที่จะเดินเข้าไปประกบตัวกับทั้งสามเพื่อส่งเสริมความสง่างามแห่งชายชาตรีให้เจิดจรัสยิ่งขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะใครบางคนขัดขึ้นก่อนที่เขาจะยื่นมาเข้ามาลูบหัวใครคนนั้น
“ เดี๋ยว !o\0/o! ห้ามแตะตัวผม !” ทั้งสามถึงกับอึ้งเมื่อเอสแส็คตะโกนเสียงใส่น้าชายของตัวเองก่อนจะใช้แขนข้างนึงปัดแขนของอีกฝ่ายออกไปซึ่งเป็นขณะเดียวกันที่เฟลอร์และเหล่าลูกหมู่ทั้งห้าของเธอเดินออกมาจากเรือนรับรองใหญ่และเจอเหตุการณ์นี้เข้าพอดี
“O_O!? นายเป็นไรน่ะเอสแส็ค ” ออมเล็ตถามขึ้นด้วยความสงสัยเดียวกับอีกหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้
“ ถามหน่อยเหอะน้าอิน u\‘’/u น้าเพิ่งเสร็จกิจมาเมื่อกี้แล้วยังไม่อาบน้ำมาใช่มั้ย !”
“ หา !!!O///O!!!!” คำถามของเอสแส็คที่ดูเจ้าตัวค่อนข้างจะจริงจังมากแต่ตรงกันข้ามกับคนฟังที่ฟังด้วยความตกใจและต้องเขินอย่างอดไม่ได้แต่ก็ยังยกเว้นคนบางคนที่กำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องแบบนี้นักซักเท่าไหร่อาจเป็นเพราะสิ่งผ่านๆมาที่เธอเจอมันอาจจะล้ำหน้ายิ่งกว่านี้ไปอีกหลายๆเท่าก็เท่านั้นเอง
“ กลิ่นเหงื่อไครของผู้หญิงติดไปทั่วทั้งตัวแบบนี้แล้วยังจะคิดแตะตัวผมที่แพ้Hormone ของผู้หญิงขั้นโคม่าแบบนี้อีกเหรอน้าจะฆ่าฉันรึไง ! 0\o/0 !” เอสแส็คพูดใส่อารมณ์อีกครั้งก่อนที่จะถอนหายใจยาวฟืดหนึ่งให้กับความสะเพร่าของน้าชายของตนเช่นเดียวกับออมเล็ตและอะตอม แต่พวกเขาค่อนข้างจะเบนไปทางอมยิ้มเพราะอายแทนน้าของตนมากกว่า
‘ แพ้ Hormone ของผู้หญิงเหรอ o_o? ถึงขั้นโคม่าด้วยเหรอ...จริงเหรอเนี่ย ’เฟลอร์คิดลึกๆอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีใดๆออกมาก็เพราะ...มันเป็นนิสัยของเธอ...
“ ข...ขอโทษทีว่ะเอสแส็คพอดีมันรีบน่ะ ฮ่ะๆ ^-)^;;” อินฟินิตี้พูดขึ้นอย่างอายๆก่อนจะหันไปสังเกตเห็นเฟลอร์และว่าที่อดีตลูกสมุนของเขาที่ยืนดูเหตุการณ์อันน่าสังเวชใจของตนอยู่ซักพักบนระหว่างขั้นบันไดเดินลงจากประตูเรือนรับรองใหญ่ ทำให้สามพี่น้องต้องหันไปมองตามๆกัน
“ นั่น...อย่าบอกนะว่าเฟลอร์... ” อินฟินิตี้หลี่ตามองก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้...ใกล้...และใกล้จนเกือบชิดชายหนุ่มก้มมองอย่างพินิจทำให้ลูกสมุนทุกๆคนที่รู้เรื่องว่าเฟลอร์เป็นผู้หญิงถึงกับกลืนน้ำลายดัง ‘ เอื้อก ’ ไปพร้อมๆกันจนพี่น้องทั้งสามต้องหันไปดูอย่างแปลกใจ แต่ดูเหมือนสายตาของเฟลอร์ก็ยังคงจ้องอยู่ที่เอสแส็คเป็นตาเดียวอย่างไม่กระพริบแต่เพราะผมที่ปรกหน้าของเธอมันมากจนบังสีหน้าหมดจึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่
“ ใช่แล้ว ! ฮ่าๆๆ ^O^!!! นายนี่ไม่เคยเปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลยจริงๆ ” อินฟินิตี้จับบ่าทั้งสองข้างของเฟลอร์จนมั่นก่อนจะพินิจอย่างอารมณ์ดีทำให้เหล่าสมุนทั้งหลายถึงกับแอบถอนหายใจไปตามๆกัน ความลับยังไม่แตก...
เฟลอร์เปลี่ยนจุดมุ่งหมายในการมองกลับมาเป็นอินฟินิตี้ด้วยการเลื่อนดวงตามามองที่เขาโดยที่ร่างกายส่วนอื่นไม่มีการใช้งานเลยเธอมองไปยังหน้าของอินฟินิตี้ที่ในมุมระดับสายตาเพราะเธอยืนอยู่ขึ้นบันได้สูงกว่าเขาถึงสองขั้นวงเล็บขั้นบันไดหนึ่งคั่น เท่ากับความสูง 10 เซนติเมตร --
“ เอาล่ะจะแนะนำให้รู้จักนี่เฟลอร์ เด็กผู้ชายที่จะมาครองตำแหน่งแทนฉันต่อแต่นี้ไป เพื่อที่ฉันจะได้ไปคุมองค์กรกลางที่สหรัฐฯ ” สามพี่น้องหันไปมองยังเฟลอร์อีกครั้งเอสแส็คมองด้วยท่าทางเฉยๆ อะตอมมองด้วยรอยยิ้ม แต่ออมเล็ตกลับไม่ได้แค่ยืนมองเมื่ออยู่ๆเขาก้าวขาฉับๆขึ้นไปแทรกกลางระหว่างอินฟินิตี้กับเฟลอร์แล้วใช้มือข้างหนึ่งจับบ่าของเฟลอร์ให้หันไปทางเขาก่อนที่จะใช้มืออีกข้างเสยผมหน้าของเธอขึ้นทำให้เฟลอร์ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจนิดๆ ทั้งสองก็มองตากันไปมาก่อนที่ออมเล็ตจะดูเหมือนกำลังมั่นใจที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาหลังจากที่พิจารณาใบหน้าของเฟลอร์ด้วยสายตาอันเฉียบคม
“ นายนี่... ”
“ ผมว่าเราควรไปกันได้แล้วนะครับ !” แต่ไม่ทันที่ออมเล็ตจะพูดอะไรต่อโชเฟกับเจาลอร์ก็โพล่งขัดขึ้นมาเสียงดังก่อนจะแบ่งกันหิ้วปีกของเฟลอร์คนละข้างพาวิ่งออกไปขึ้นรถประจำสำนักทันทีที่พูดประโยคสุดท้ายเสร็จว่า “ พวกกระผมจะพาท่านเฟลอร์ล่วงหน้าไปหาท่าน ‘ อินซูลิน ’ ก่อนนะครับ ”
“ เฮ้ย ! เดี๋ยวดิ ” อินฟินิตี้จะห้ามยังไงก็ไม่ทันซะแล้วเมื่อรถ Bugatti Veyron ถูกเคลื่อนตัวออกจากตัวสำนักอย่างรวดเร็วแม้เพียงจะเหยียบคันเร่งลงไปแค่ 25 องศาจากระดับปกติก็ตาม
“ เออ...ดีจริงๆเจ้าพวกนี้ ” อินฟินิตี้มองตามอย่างเอือมระอา
“ มีไรรึเปล่า ออมเล็ต ” เอสแส็คและอะตอมถามออมเล็ตขึ้นพร้อมๆกันด้วยความสงสัยถึงเรื่องที่เขาทำเพราะปกติแล้วเขามักจะไม่ทำเรื่องเสียมารยาทแบบนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักเป็นแน่
“ ... ” ออมเล็ตไม่ได้ตอบอะไรเหมือนกับเขาถูกมนต์สะกดของเฟลอร์ให้มองตามไปถึงแม้ละสายตาไปแล้วเขาก็ยังไม่หยุดที่จะมอง
“ ใช่...ต้องใช่แน่ๆ ”
~ ผู้พากย์ จบ 2~
-- บทสนทนาบนรถ Bugatti Veyron —
“ โทษนะ...เกิดอะไรขึ้น ” ฉันถามขึ้นในขณะที่นั่งนิ่งอยู่บนแบะรถข้างหลังคนขับ
“ ก็เมื่อกี้น่ะคุณชายใหญ่ของตระกูล Hormonce ผู้นำองค์กรใหญ่ของสำนักของพวกเราไงล่ะครับท่านเฟลอร์ ” ...อือ แล้วไง --?
“ ท่านชื่อว่าคุณชายออมเล็ตผู้มีเซ้นที่แม่นยำเรื่องเพศน่ะขอรับแต่จะว่าไปมันก็แปลกจริงๆนะครับ ทั้งๆที่ปิดขนาดนี้แล้วทำไมถึงดูเหมือนจะจับได้ตาเหยี่ยวจริงๆ ”
“ นี่ดีนะครับที่พวกเราดึงท่านออกมาได้ซะก่อนไม่งั้นความลับของเราได้แตกแน่ๆ ”
ถ้าให้พูดจริงๆ ความลับของพวกนายต่างหากล่ะฉันไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ~ โชเฟและเจาลอร์ผลัดกันพูดคนละประโยคให้ฉันฟังถึงสรรพคุณของคุณชายที่ชื่อออมเล็ตนั่นแต่ว่า...หมอนั่นเก่งจังทำให้ฉันตกใจได้ขนาดนั้น...เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานานแล้วจริงๆ
“ พวกนายเอาตัวฉันมาก็จริงแต่อินฟินิตี้ยังอยู่ที่นั่น แถมอยู่กับเขาด้วยนะ ”
เอี๊ยด !!!!
เสียงเบรกรถดังขึ้นในทันทีที่ฉันพูดจบ โชเฟและเจาลอร์หันมามองหน้าก่อนจะพากับโวยวายใส่กันไปมาแทนที่จะกลับรถไปรับอินฟินิตี้ในทันทีที่ฉันเตือนซะอีก
“ ทำไงดีล่ะเพราะแกน่ะแหล่ะไอสมองก้อนกรวด !”
“ แกอย่ามาฉันสิเว้ยไอโชเราก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นั่นแหล่ะไอเลือดร้อน !”
“ เฮ้ย ! ไรวะไอเจา !” ยัง...ยังไม่จบถึงแม้ว่าเวลาที่ฉันจับไว้จากหน้าประตูสำนักจนถึงตอนนี้มันจะผ่านไปเพียง 1 นาทีก็ตามเถอะนะแต่พวกนี้ก็ทึ่มใช้ได้เชียวนะเนี่ย...
“ แทนที่จะทะเลาะกลับไปรับอินฟินิตี้จะดีกว่านะ ” เมื่อฉัพูดจบโชเฟและเจาลอร์ถึงจะหยุดทะเลาะเถียงกันไปมาก่อนจะนิ่งคิดในเวลาเพียงชั่วครู่แล้วก็รีบกลับรถขับกลับสำนักไปรับอินฟินิตี้อีกคน
เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีเหตุเพราะยังไปไม่ไกลนักก็มาถึงหน้าประตูสำนักอีกครั้งโชเฟซึ่งเป็นคนขับบอกให้เจาลอร์ซึ่งเป็นคนนั่งเคียงออกไปเปิดประตูรับอินฟินิตี้ให้ขึ้นมานั่งที่เบาะหลังคนขับคู่กับฉันก่อนจะปิดประตูลงและกลับไปนั่งที่ๆตัวเองนั่งเหมือนเดิม...และได้เวลาเปิดพิธีปฐมบทครั้งยิ่งใหญ่ของอินฟินิตี้
“ เฮ้อ !u\‘’/u!!! ดีนะที่ยังนึกถึงฉันได้เจ้าพวกบ้านี้นิได้ใหม่แล้วลืมเก่าเหรอมันน่าจริงๆนะพวกแกเนี่ยให้เสร็จงานครั้งนี้ก่อนเถอะพ่อจะลงโทษให้เข็ดจริงๆล่ะคราวเนี่ย... ”อินฟินิตี้นั่งไขว่ห้างกอดอกแบบวางมาดด้วยความไม่ค่อยจะพอใจซักเท่าไหร่อยู่ข้างๆฉัน...ว่าแต่หมอนี่ยังไม่ได้อาบน้ำเลยอย่างนั้นเหรอเนี่ย
“ นี่ถ้าฉันไม่มีรถไปโดนเจ้าพวกนั้นทิ้งไปอีกจะว่าไงเนี่ย แล้วนี่ยังไง ! ยังไม่ออกรถอีกหา !!!”
“ ครับๆๆ !” โชเฟรีบสตาร์ทรถพัลวันด้วยอาการกลัวความผิดก่อนที่ฉันจะหันไปสังเกตคุณชายใหญ่ที่ชื่อออมเล็ตนั่นที่กำลังจะย่างเท้าเข้านั่งในรถของตัวเองอีกครั้ง...และเขาหันมามองฉันในทันทีที่กระจกรถใกล้จะปิดสนิทหมอนั่นมีอะไรจะพูดกันแน่...จะบอกว่าฉันเป็นผู้หญิง ? ...หรือว่าอย่างอื่น...
“ ไง...ไม่เจอกันซะนานยังเตี้ยแล้วก็ขรึมเหมือนเดิมนะเนี่ย ^^ + 555!”
“ อือ...ไม่เจอกันนานนายก็ยังปากพระจันทร์ทอแสงรำไรเหมือนเดิมเช่นกันนะ ” เมื่อฉันพูดจบประโยคอินฟินี้ก็เริ่มเกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นเรียงแถวกันบนกะโหลกศีรษะทันที
“ ท่านเฟลอร์บอกว่าท่านอิน ‘ ปากจัญไร ’ น่ะครับ ^0^!” ว้าว ! ...อย่างน้อยโชฟาก็ยังฉลาดพอที่จะแปลสิ่งที่ฉันพูดออกส่วนอินฟินิตี้ตอนนี้ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกหลอกด่าถึง 2 ครั้งก่อนที่เขาจะค่อยๆกลิ้งลูกตาคมๆดวงนั้นมามองที่ฉันแล้วกลืนน้ำลายดัง ‘ เอื้อก ’ ลงคอไป
“ เอ่อ...เฮ้ย ! ...แกหลอกด่าฉันเล่นๆใช่มั้ยฮะ ! ไอ้โช !” โชฟาทำท่าทางเลิกลั่กกลัวความผิดก่อนที่ฉันจะเริ่มพูดอีกครั้ง
“ โชฟาแปลที่ฉันพูดถูกแล้วล่ะนายมันปากแบบนั้นจริงๆนะ อินฟินิตี้... ”
เมื่อได้ยินที่ฉันยืนยันอินฟินิตี้ก็ถึงกับนิ่งไปซักพักอย่างเหงื่อตก ก่อนจะปริปากพูดอีกครั้งในเวลาต่อมา
“ หึ ! ปากดีอย่างนี้ระวังจะหาผู้หญิงซบอกไม่ได้นะเว้ย !” อินฟินิตี้เอามือมาลูบหัวฉันพลางหัวเราะร่วนแต่อีกมุมหนึ่งกลับช่วยกันส่งเสริมเสียงกลืนน้ำลายลงคงให้ดังเป็นสองเท่าตัวแทน...เจ้าพวกนี้เป็นโรคต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายออกมาท่วมปากรึไงกันแน่นะวันนี้ทั้งวันเห็นกลืนแต่น้ำลายลงคอจะกินน้ำลายแทนน้ำเปล่ากันแล้วรึไง ==? ...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ