Love Hormone สัมผัส(รัก)หน่อยนะ My Darling
-
2) ท่านเฟลอร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 1
~~ 3 ปี ต่อมา ~~
“แกมันหมดประโยชน์!!!”
“ไม่มีที่ๆจะให้คุณยืนอยู่ในบ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้วนะคะ”
“นี่!!!ได้ยินแล้วก็รีบๆจัดของเร็วเข้าสิฉันยืนด่าเธออยู่นี่มา2ชั่วโมงกว่าจนเมื่อยปากหมดแล้วนะ ยัยดอกไม้เน่า!!!”
ณ เที่ยงเศษๆของวันเสาร์อันแสนน่ารื่นรมวันหนึ่ง ได้มีนกกระจอกเทศอยู่3ตัวกำลังเกาะติดหนึบอยู่ ณ ประตูห้องของฉันซึ่งกำลังบรรเลงเพลงร้องประสานเสียงที่ไม่สามารถจะฟังได้อยู่มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นใครนอกจากลูกๆของคุณพ่อและคุณแม่บุญธรรมของฉันเอง และเรื่องที่พวกคุณๆเขากำลังแว้ดกันอยู่ก็เช่นเดียวกันที่ไม่ต้องตั้งข้อสงสัย นั่นก็คือกำลังจะเฉดหัวฉันออกจากบ้านหลังนี้น่ะเอง ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องจัดกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระต่างๆนั้นฉันเองทำเสร็จมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ใครเขาใช้ให้พวกหล่อนมายืนด่าฉันถึงหน้าห้องแล้วไม่ยอมหยุดกันเองล่ะนั่น - -? แต่ก็เอาเถอะคงได้เวลาที่ต้องไปจริงๆแล้วล่ะนะ
“ฉันชื่อ ‘เฟลอร์’ แปลว่าดอกไม้ในภาษาฝรั่งเศส อายุ 17” และแล้วเมื่อฉันเปิดประตูออกมาพร้อมลากกระเป๋ามาด้วยเสร็จสรรพ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน มันมีอยู่3ตัวด้วยกันทั้งหมด แต่ถ้ามองดูดีๆแล้ว...ส่วนประกอบก็มีเช่นฉันหมดเหมือนกัน แต่อาจเป็นเพราะความสูงเพียง165เซนติเมตร ทำให้ฉันไม่สามารถพูดกับพวกเขาได้ถ้าไม่ก้มเป็นมุม45องศาจากระดับสายตาการมองตรง 6..6...
“ออกมาแล้วเหรอนังตัวดี เฮอะ!สมน้ำหน้า แม่ฉันอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอดีๆให้แล้ว แต่กลับไม่ยอมรับมันเอาไว้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหล่ะ”อ้อ!ลืมแนะนำ คนคางยาวหัวแหลมหน้าตัวตุ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนี่ก็ เป็นพี่คนโตของเจ้าของที่นี่และมักจะเป็นหัวโจกในทุกๆเรื่อง โดนเฉพาะเรื่องยกพวกกันแกล้งฉัน ทั้งๆที่อายุเกือบจะ30แต่กลับอยู่อย่างกับผู้สูงอายุราว60กว่าๆแต่ว่ายังโสดนะประมาณว่า ‘ไม่มีใครเอา’ อะไรอย่างนี้แหล่ะ ชื่อของหล่อนคือ ‘เซอเดน’ ซึ่งคงจะมาจากคำภาษาไทยที่ว่า ‘คนเซอเดนนรก’...ล่ะมั้ง
“ช...ใช่ค่ะ ทั้งๆที่เป็นข้อเสนอดีๆอย่างนั้นแท้ๆ”ส่วนคนที่มีนอเหมือนแรดอยู่กลางหน้าคนนี้ก็เป็นลูกคนรองน่ะนะอายุเท่าฉันนี่แหล่ะแต่ถือเป็นโชคดีที่ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับยัยนี่... เจ้าหล่อนคนนี้ดูภายนอกคงจะจัดว่าน่ารักเป็นที่หมายปองของผู้ชายทั่วไป แต่ถ้าลองรู้นิสัยจริงๆของเธอเข้า สิ่งแรกที่อยู่ในสมองของคนที่พบเจอคงจะคิดเช่นเดียวกันว่า ขนาดสุนัขเพศผู้ซักตัวก็คงจะไม่อยากเอาเธอไปทำพันธุ์หรอก... หล่อนชื่อว่า ‘ซินเดอเรลล่า’ ชื่ออย่างกับเจ้าหญิงใช่มั้ยล่ะแต่ไม่รู้ทำไม เวลาฉันเผลอมักเรียกชื่อเธอเป็น ‘ดาวน์ซินโดม’ ทุกที
“จะยืนทึ่มอยู่ทำไมล่ะนั่นน่ะ ออกไปได้แล้ว!ยัยเน่า!!!”อ้อ0o0! คนนี้ลืมไม่ได้ เด็กที่ดูเหมือนไส้เดือนตากแห้งคนนี้ล่ะตัวดีที่สุด เป็นน้องคนสุดท้องแต่นิสัยอย่างกับพี่คนโตเหมือนโคลนนิ่ง อายุน้อยกว่าฉัน3ปี ชื่อว่า ‘แซมเบส’ แต่ฉันมักจะ ‘แกล้ง’ เรียกผิดเป็น “แซมโบ้” เสมอ เหตุผลน่ะเหรอ...หน้าตาหล่อนให้น่ะ
ว่าแล้วในเมื่อเขาไล่ฉันจึงก้มลงหยิบกระเป๋าก่อนจะมองหน้าพวกเขานิ่งๆอีกครั้งแล้วจึงเดินผ่านไป
“อ้อ! ลืมเลย”แต่แล้วหลังจากเดินไปได้ประมาณสามก้าวฉันจึงนึกเรื่องสำคัญออกเลยต้องหันกลับไปมองหน้าคุณๆทั้งสามที่ยืนเท้าสะเอวเป็นนกกระจอกเทศคิ้วขมวดจ้องหน้าฉันแบบไม่พอใจอย่างมากอีกครั้งประมาณว่า ‘อะไรอีก’ ก่อนจะพูดในสิ่งนั้นที่ฉันอยากบอกพวกเขามากๆ
“ฉันไม่อยู่คงว่าง อย่าลืมไปให้หมอเช็คสมองด้วยล่ะ”ด้วยท่าทางที่นิ่งเป็นกิจคงจะทำให้ใครบางคนรู้สึกอยากกรี๊ดออกมาดังๆก็เป็นได้ แต่นั่นล่ะ...จะสนใจทำไม?
ฉันหันหลังกลับแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นและเดินไปเรื่อยๆจนออกมาจากตัวตึกที่มีชื่อว่า ‘อาบ อบ นวด สเปคตรัม’ ซึ่งครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเจ้าของห้องๆหนึ่งที่อยู่บนสุดของตึก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานภายในที่นี่ซักอย่าง และถึงแม้คุณแม่บุญธรรมของฉันจะยื่นข้อเสนอให้ฉันได้ร่วมแจมกับสาวๆที่อยู่ภายในตู้กระจกใสแต่เพราะฉันเกรงใจไม่อยากทำจึงทำให้ต้องออกจากที่นี่ไป แต่ฉันก็ยังรู้สึกมีความสุข ถึงแม้ว่าอีกไม่นานสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแค่ตำนานก็ตาม
ฉันเดินเข้าไปที่หลังต้นหูกวางต้นยักษ์ข้างตึก (เผอิญตึกตั้งอยู่เกือบๆป่าอยู่แล้วด้วย) ที่ซึ่งมีนายตำรวจในเครื่องแบบคนหนึ่งอายุราวๆ50กว่าๆยืนหลบอยู่ ฉันเดินเข้าไปทักเขาอย่างเรียบๆด้วยความเคารพ “ฝากด้วยนะคะ คุณลุงตำรวจ ฉันจะไปรอที่ สน. แล้วกัน” เป็นคำพูดประโยคแรกและประโยคสุดท้ายที่ฉันฝากเอาไว้ก่อนจะยกมือสวัสดีเขาอีกครั้งเป็นการลาและเดินออกไปหลังจากเขาพยักหน้าตอบรับฉันอย่างเคร่งขรึม และจากนั้น...
“บุก!”ใช่แล้ว และหลังจากนั้นตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายรายที่ซุ่มอยู่อย่างกระจัดกระจายในที่ต่างๆก็ออกมากันเกือบหมดก่อนจะจัดการงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อหา ‘เปิดสถานที่ให้บริการทางเพศแบบผิดกฎหมาย’ ที่จริงเป็นเพราะไม่ได้ต่อทะเบียนมา4ปีแล้วต่างหากก็เลยต้องจำทนโดนอีก1คดี
...ส่วนหน้าที่ของฉันก็เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ...นั่งรอสบายๆที่สถานีตำรวจ~...
ณ ช่วงเวลาต่อมา...
~สถานีตำรวจ~
“แก! ไอ้เด็กสารเลว!!!กล้าทรยศฉันเหรอ!ฉันเป็นคนเลี้ยงแกมานะ!!!” เสียงของน้าอารีหรือแม่บุญธรรมของฉัน อ้อ!คงเป็นอดีตซะมากกว่า หล่อนตะโกนโหวกเหวกด้วยความหัวเสียและแค้นเคืองอย่างมหาศาล เพราะดันอยู่ในที่ๆเรียกว่า ‘ตาราง’ แล้วก็คงอึดอัดล่ะมั้ง ส่วนตัวฉันก็กำลังยืนมองหล่อนอย่างนิ่งเฉยพร้อมถือซองเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งอยู่ ไม่ต้องทายหรอกรางวัลของฉันเองที่ยอมเป็นสายให้ มีใบเดียวรวมมูลค่าแล้วก็จำนวน50,000บาท
“ฟ...เฟลอร์ นี่แกเป็นคนทำเหรอ”ไม่นานนักลูกหมูสามตัวก็เดินทางมาถึงโรงพัก และพี่ใหญ่ก็เริ่มบรรเลงเป็นคนแรก
“คุณ...คุณมันนังงูพิษชัดๆ”ต่อด้วยคนรองและคนสุดท้ายก็ทำท่าจะกระโจนเข้าทำร้ายฉันพอๆกับพี่ๆของเธอแต่โชคยังเข้าข้างฉันนิดหน่อยตรงที่คุณตำรวจเข้ามารั้งพวกเธอเอาไว้
“งั้นลาก่อนนะคะ”ฉันโค้งไหว้คุณๆตำรวจที่เพิ่งช่วยชีวิตฉันไปเมื่อกี้ก่อนจะหมุนตัวไหว้ตำรวจทั้ง สน. และ...เดินออกไปอย่างไม่เหลียวมองหลัง+ไม่สะทกสะท้าน... ... ...แล้วจะให้สะทกสะท้านเรื่องไหนล่ะ?
แต่ถึงอย่างพอฉันเดินออกจากสถานีตำรวจเดินห่างไปได้ประมาณครึ่งกิโลเมตร นางสาว คนเซอเดนนรกก็เดินออกมากระชากแขนฉันจากด้านหลังอย่างแรงจนทำให้ข้ากระหม่อมต้องหันไปประสบพบตากันอีกครั้ง แต่แปลกแฮะ! ทำไมคราวนี้คุณเธอยืนอยู่ในระดับสายตาฉันล่ะเนี่ย
0_0...~...u_u...~...6_6...~...6_6!+ >>> Get! ส้นตึกนี่เอง!!!
“นี่!มองไรของหล่อนน่ะ”
“...ขอโทษค่ะ แค่รู้สึกไม่ชินตา”บางที่ก็อึ้งในความสามารถตัวเองเหมือนกัน ทำไมเราถึงสามารถอยู่เอื่อยๆแบบนี้ได้เป็นกิจวัตินะ
“ช่างเถอะ! แต่...มันจะมากเกินไปแล้วนะยัยดอกไม้เน่า!...”
“เฟลอร์ค่ะ”
“เอ๊ะนี่! ฉันพูดอย่าขัดสิ!”
“ก็คุณ...เอ่อ คุณ...”ฉันทำท่าคิดอยู่ซักพักว่าชื่อจริงๆของคุณคนนี้ชื่ออะไรแล้วน้า...ก็จำแต่แบบที่ฉันเรียกในใจจนชินไปซะแล้วนี่สิ
“อ้อ! คุณเดนนรก!”
“O_O!?...กรี๊ด!>[ ]
“อ...อ๋อ อ๋อ...ค่ะ ก็คุณเดน...เอ้ย! คุณเซอเดนเรียกชื่อฉันผิดเองนี่”
“อีนังบ้า! อีนังกาฝาก! ยัยปรสิตส่งมาเกิด ไม่สินรก ใช่นรกชัดๆ!”...จงย้อนกลับไปที่คนพูดทั้งหมด สาธุ...
“แก...แกทำอย่างนี้กับพวกฉันได้ยังไง แกกล้าทรยศคนที่ฟูมฟักแกมาตลอด5ปีที่ผ่านเนี่ยนะ แล้วยังเรื่องที่พวกยัยนิดาพากันลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอีก! ฝีมือแกใช่มั้ย นี่แกเอาพวกใช่มั้ย! นังงูเห่า!...”งูเห่า?... งั้นเธอก็งูจงอางล่ะสินะ...
“แกมัน...แกมัน...”คุณคนเซอเดนนรกหยุดค้างกึกอยู่แค่นั้นพร้อมๆกับหมัดที่เริ่มกำแน่นขึ้นเรื่อยๆก่อนที่ฉันที่ยืนฟังอย่างตั้งใจค่อยๆเงยหน้าขึ้นสังเกตแววตานั้นของเธอ
“คุณครับ!หยุดนะครับ!”นายตำรวจนายหนึ่งรีบวิ่งตามมาด้วยความเร็ว และเมื่อมาถึง ณ จุดๆนี้เขาก็ต้องหันมองไปยังใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของคุณคนเซอเดนนรกเฉกเช่นเดียวกับฉัน
“เอ่อ...”คนนี้คุณคนตำรวจนะ
“แกมัน ...แกมันนังสารเลว...แกมันระยำจริงๆ ทำไมทำกับฉันได้ลงคอ พวกเราต้องพังก็เพราะแก!”เธอเค้นเสียงออกมาอย่างเคียดแค้นและถลึงตาใส่ฉันจนเห็นเส้นเลือดแดงอยู่ในเบ้าตาที่เคล้าด้วยน้ำ...เค็มๆ
“ทำไม!ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้!ฮะ!!!”หล่อนกระโจนเข้ามาเขย่าร่างของฉันอย่างแรงด้วยความแค้นในขณะเดียวกันคุณตำรวจก็พยายามแยกเราสองคนให้ออกจากกัน ส่วนฉันในตอนนี้...กำลังยืนสงบนิ่งและก้มหน้าลงปล่อยให้เจ้าหล่อนเขย่าไปซักพักก่อนที่หล่อนจะไม่มีโอกาสทำแบบนี้ได้อีกเป็นครั้งที่สอง...
“ทำไม!”
“...”
“ตอบฉันมาสิ!!!ไอสารเลว!!!”
หมับ!
“อ๊ะ0-0!?”นับจนนาทีที่ฉันโดนรุกเร้าจนทนไม่ไหว ฉันค่อยๆเอามือที่จับกระเป๋าลากอยู่ข้างหนึ่งขึ้นมาจับข้อมือของเธอเอาไว้ และค่อยๆ บีบ มันทีละเล็ก ทีละน้อย...
“ทั้งๆที่รู้คำตอบ...จะถามไป เพื่ออะไรล่ะคะ คุณเซอเดน”เสียงเรียบๆที่แฝงด้วยแรงอาฆาตแค้นเคลือบน้ำแข็ง แผ่ซ่านเข้าทุกอณู คุณคนเซอเดนนรกและคุณตำรวจหยุดนิ่งเหมือนถูกสะกดก่อนที่พวกเขาจะมองมายังใบหน้าฉันที่ผมหยักศกสั้นเทียมบ่าลงมาปรกตอนที่ของฉัน
“ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นเกมส์แห่งการแก้แค้น...คุณก็ยังจะถามมันอีกเหรอ...”ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆในขณะที่พูดและ...สายตาที่น่าขยะแขยงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหารของฉันก็ถูกส่งไปยัง ‘เซอเดน’
ท่าทางหวาดผวาของเธอช่างเป็นอาหารอันเลิศรสของฉันในตอนนี้ ไม่เว้นแม้แต่คุณตำรวจก็ด้วย ที่กำลังมองฉันในแบบๆเดียวกับหล่อน
“พ่อ...แม่...และน้องสาวฉัน...พวกคุณเป็นคนเริ่ม และฉัน...คือคนสานต่อ”ท่าทางของเธอเริ่มลุกรี้ลุกรนขึ้นเรื่อยๆและเพราะแรงที่บีบอัดลงที่ข้อมือข้างหนึ่งของเธอเริ่มทำให้เธอเจ็บ เซอเดนจึงผละมืออีกข้างของเธอออกจากบ่าของฉันเพื่อเอื้อมไปจับแขนอีกข้างที่กำลังเจ็บสะท้านไปถึงกระดูก ส่วนคุณตำรวจนั้นก็ได้แต่ยืนมองพวกเราอยู่ห่างๆอย่างไม่กล้าเข้ามาขัด
“โอ้ย!”
“ยังจำแววตาฉันในตอนนี้ได้ใช่มั้ย แววตาตอนที่พวกเธอ...พรากอาโม่ไปจากฉัน”
“ธ...เธอพูดอะไรน่ะ! โอ้ย!ปล่อยฉันนะ โอ้ย!”
“จำได้ใช่มั้ยล่ะ วันนั้น...”ฉันหยุดก่อนจะดึงตัวของเซอเดนเข้ามากระซิบข้างหู
“...วันที่ฉัน...เกือบจะเป็นฆาตรกร...”เสียงแผ่วๆที่รอดผ่านไรฟันของฉันแผ่ซ่านเข้าไปยังตัวของเธอก่อนที่ฉันจะค่อยๆปล่อยมือข้างนั้นออกจากแขนเล็กๆ...ของหล่อน
“ให้มันจบเพียงแค่นี้ ก่อนที่ฉันจะทำอะไรมากกว่านี้ลงไปก็แล้วกัน...”ฉันหยิบกระเป๋าที่ตั้งอยู่บนพื้นขึ้นและลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินหันหลังจากไปทันที
~เฟลอร์ จบ 1~
------พื้นที่ข้างสถานีตำรวจ------
“อ...เอ่อ...ค...คุณครับ”นายตำรวจหนุ่มเพียงคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้เดินเข้าไปหาเซอเดนหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังทรุดลงนั่งพร้อมมือข้างหนึ่งที่กำลังจับแขนอีกข้างตรงบริเวณร่องรอยถูกบีบอัดอย่างแรงจนกลายเป็นรอยจ้ำแดง เส้นผมเหยียดตรงโปรยลงปิดใบหน้าซีดๆที่กำลังแสดงความรู้สึก ‘หวาดผวา’...
กึกๆๆๆ!~...
“เซอเดน!/พี่!”เสียงเรียกของสองสาวพี่น้องสลับกับเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นที่เริ่มเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นพี่ของตน จนเข้าไปกุมร่างของหล่อนเอาไว้
“โทษนะพี่เซอเดนทางตำรวจเขาไม่ยอมปล่อยตัวมาง่ายๆ ไม่งั้นฉันคง... พี่... พี่เป็นอะนะ!?”แซมโบ้และซินเดอเรลล่าถามพรางเขย่าร่างเซอเดนอย่างเป็นกังวล ‘ทำไมพี่ถึงไม่ตอบพี่เป็นอะไรไป!?’
“พี่!”
“น่ากลัว...”เสียงสั่นเทาอันแผ่วเบาวลีหนึ่งออกมาจากริมฝีปากหนาๆของเซอเดนทั้งๆที่ยังก้มศีรษะอยู่
“ฮะ”
“น่ากลัว น...น่ากลัว น่าขยะแขยง น่ากลัว...”
“พึมพำอะไรน่ะคะ”
“พี่! เป็นอะไรไปอะ พี่เป็นอะไร”
“....น่ากลัว น่ากลัวที่สุด ขยะแขยง...”ไม่ว่าใครจะพูดอะไร แต่ภาพของเฟลอร์ที่ถือมีดเปื้อนเลือดใช้ด้านคมวางเป็นแนวตั้งฉากบนหนังคอเธอตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในวันนั้น และสายตานั่นสายตาของสัตว์กระหายเลือดของเฟลอร์ ก็ได้กลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้งและเป็นครั้งที่อาจจะทำให้เธอเป็นบ้าไปอีกก็ได้...
“กลัว... น่ากลัวที่สุด...ยัย ยัยนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่...”
~ผู้พากย์ จบ 1~
------ทางคนเดิน------
และแล้วเมื่อฉันสลัดตัวออกมาจากคุณคนเซอเดนนรกได้ซักระยะ และตอนนี้ฉันก็กำลังเดินไปเรื่อยๆเพื่อจุดหมายที่กำลังให้ไปถึงหลังจากลงจากรถมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างตรงหน้าปากทางเข้าได้ซักพักหนึ่ง ฉันก็ได้เตรียมออกเดินทางต่อไป คงจะสงสัยล่ะสิท่าว่าฉันมีที่ไปด้วยหรือ คงไม่ต้องสาธยายให้มากความอีกแล้วเพราะในเมื่ออีกเมื่อนานก็คงจะรู้กันเอาเองล่ะนะ
ครืด...
เสียงประตูรั้วไม้ทรงญี่ปุ่นเปิดขึ้นโดนฝ่ามือของฉัน ก่อนที่ตัวของฉันเองจะเดินตามเท้าเข้าไปเหยียบย่ำในขอบเขตของตัวบ้าน และจากนั้น
“ยินดีต้อนรับครับ! ท่านเฟลอร์!!!”
---------------------
~~ 3 ปี ต่อมา ~~
“แกมันหมดประโยชน์!!!”
“ไม่มีที่ๆจะให้คุณยืนอยู่ในบ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้วนะคะ”
“นี่!!!ได้ยินแล้วก็รีบๆจัดของเร็วเข้าสิฉันยืนด่าเธออยู่นี่มา2ชั่วโมงกว่าจนเมื่อยปากหมดแล้วนะ ยัยดอกไม้เน่า!!!”
ณ เที่ยงเศษๆของวันเสาร์อันแสนน่ารื่นรมวันหนึ่ง ได้มีนกกระจอกเทศอยู่3ตัวกำลังเกาะติดหนึบอยู่ ณ ประตูห้องของฉันซึ่งกำลังบรรเลงเพลงร้องประสานเสียงที่ไม่สามารถจะฟังได้อยู่มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเป็นใครนอกจากลูกๆของคุณพ่อและคุณแม่บุญธรรมของฉันเอง และเรื่องที่พวกคุณๆเขากำลังแว้ดกันอยู่ก็เช่นเดียวกันที่ไม่ต้องตั้งข้อสงสัย นั่นก็คือกำลังจะเฉดหัวฉันออกจากบ้านหลังนี้น่ะเอง ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องจัดกระเป๋าเสื้อผ้าสัมภาระต่างๆนั้นฉันเองทำเสร็จมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ใครเขาใช้ให้พวกหล่อนมายืนด่าฉันถึงหน้าห้องแล้วไม่ยอมหยุดกันเองล่ะนั่น - -? แต่ก็เอาเถอะคงได้เวลาที่ต้องไปจริงๆแล้วล่ะนะ
“ฉันชื่อ ‘เฟลอร์’ แปลว่าดอกไม้ในภาษาฝรั่งเศส อายุ 17” และแล้วเมื่อฉันเปิดประตูออกมาพร้อมลากกระเป๋ามาด้วยเสร็จสรรพ สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน มันมีอยู่3ตัวด้วยกันทั้งหมด แต่ถ้ามองดูดีๆแล้ว...ส่วนประกอบก็มีเช่นฉันหมดเหมือนกัน แต่อาจเป็นเพราะความสูงเพียง165เซนติเมตร ทำให้ฉันไม่สามารถพูดกับพวกเขาได้ถ้าไม่ก้มเป็นมุม45องศาจากระดับสายตาการมองตรง 6..6...
“ออกมาแล้วเหรอนังตัวดี เฮอะ!สมน้ำหน้า แม่ฉันอุตส่าห์ยื่นข้อเสนอดีๆให้แล้ว แต่กลับไม่ยอมรับมันเอาไว้ ก็ต้องเป็นอย่างนี้แหล่ะ”อ้อ!ลืมแนะนำ คนคางยาวหัวแหลมหน้าตัวตุ่นที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันนี่ก็ เป็นพี่คนโตของเจ้าของที่นี่และมักจะเป็นหัวโจกในทุกๆเรื่อง โดนเฉพาะเรื่องยกพวกกันแกล้งฉัน ทั้งๆที่อายุเกือบจะ30แต่กลับอยู่อย่างกับผู้สูงอายุราว60กว่าๆแต่ว่ายังโสดนะประมาณว่า ‘ไม่มีใครเอา’ อะไรอย่างนี้แหล่ะ ชื่อของหล่อนคือ ‘เซอเดน’ ซึ่งคงจะมาจากคำภาษาไทยที่ว่า ‘คนเซอเดนนรก’...ล่ะมั้ง
“ช...ใช่ค่ะ ทั้งๆที่เป็นข้อเสนอดีๆอย่างนั้นแท้ๆ”ส่วนคนที่มีนอเหมือนแรดอยู่กลางหน้าคนนี้ก็เป็นลูกคนรองน่ะนะอายุเท่าฉันนี่แหล่ะแต่ถือเป็นโชคดีที่ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกับยัยนี่... เจ้าหล่อนคนนี้ดูภายนอกคงจะจัดว่าน่ารักเป็นที่หมายปองของผู้ชายทั่วไป แต่ถ้าลองรู้นิสัยจริงๆของเธอเข้า สิ่งแรกที่อยู่ในสมองของคนที่พบเจอคงจะคิดเช่นเดียวกันว่า ขนาดสุนัขเพศผู้ซักตัวก็คงจะไม่อยากเอาเธอไปทำพันธุ์หรอก... หล่อนชื่อว่า ‘ซินเดอเรลล่า’ ชื่ออย่างกับเจ้าหญิงใช่มั้ยล่ะแต่ไม่รู้ทำไม เวลาฉันเผลอมักเรียกชื่อเธอเป็น ‘ดาวน์ซินโดม’ ทุกที
“จะยืนทึ่มอยู่ทำไมล่ะนั่นน่ะ ออกไปได้แล้ว!ยัยเน่า!!!”อ้อ0o0! คนนี้ลืมไม่ได้ เด็กที่ดูเหมือนไส้เดือนตากแห้งคนนี้ล่ะตัวดีที่สุด เป็นน้องคนสุดท้องแต่นิสัยอย่างกับพี่คนโตเหมือนโคลนนิ่ง อายุน้อยกว่าฉัน3ปี ชื่อว่า ‘แซมเบส’ แต่ฉันมักจะ ‘แกล้ง’ เรียกผิดเป็น “แซมโบ้” เสมอ เหตุผลน่ะเหรอ...หน้าตาหล่อนให้น่ะ
ว่าแล้วในเมื่อเขาไล่ฉันจึงก้มลงหยิบกระเป๋าก่อนจะมองหน้าพวกเขานิ่งๆอีกครั้งแล้วจึงเดินผ่านไป
“อ้อ! ลืมเลย”แต่แล้วหลังจากเดินไปได้ประมาณสามก้าวฉันจึงนึกเรื่องสำคัญออกเลยต้องหันกลับไปมองหน้าคุณๆทั้งสามที่ยืนเท้าสะเอวเป็นนกกระจอกเทศคิ้วขมวดจ้องหน้าฉันแบบไม่พอใจอย่างมากอีกครั้งประมาณว่า ‘อะไรอีก’ ก่อนจะพูดในสิ่งนั้นที่ฉันอยากบอกพวกเขามากๆ
“ฉันไม่อยู่คงว่าง อย่าลืมไปให้หมอเช็คสมองด้วยล่ะ”ด้วยท่าทางที่นิ่งเป็นกิจคงจะทำให้ใครบางคนรู้สึกอยากกรี๊ดออกมาดังๆก็เป็นได้ แต่นั่นล่ะ...จะสนใจทำไม?
ฉันหันหลังกลับแล้วเดินออกไปจากตรงนั้นและเดินไปเรื่อยๆจนออกมาจากตัวตึกที่มีชื่อว่า ‘อาบ อบ นวด สเปคตรัม’ ซึ่งครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเจ้าของห้องๆหนึ่งที่อยู่บนสุดของตึก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานภายในที่นี่ซักอย่าง และถึงแม้คุณแม่บุญธรรมของฉันจะยื่นข้อเสนอให้ฉันได้ร่วมแจมกับสาวๆที่อยู่ภายในตู้กระจกใสแต่เพราะฉันเกรงใจไม่อยากทำจึงทำให้ต้องออกจากที่นี่ไป แต่ฉันก็ยังรู้สึกมีความสุข ถึงแม้ว่าอีกไม่นานสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแค่ตำนานก็ตาม
ฉันเดินเข้าไปที่หลังต้นหูกวางต้นยักษ์ข้างตึก (เผอิญตึกตั้งอยู่เกือบๆป่าอยู่แล้วด้วย) ที่ซึ่งมีนายตำรวจในเครื่องแบบคนหนึ่งอายุราวๆ50กว่าๆยืนหลบอยู่ ฉันเดินเข้าไปทักเขาอย่างเรียบๆด้วยความเคารพ “ฝากด้วยนะคะ คุณลุงตำรวจ ฉันจะไปรอที่ สน. แล้วกัน” เป็นคำพูดประโยคแรกและประโยคสุดท้ายที่ฉันฝากเอาไว้ก่อนจะยกมือสวัสดีเขาอีกครั้งเป็นการลาและเดินออกไปหลังจากเขาพยักหน้าตอบรับฉันอย่างเคร่งขรึม และจากนั้น...
“บุก!”ใช่แล้ว และหลังจากนั้นตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบหลายรายที่ซุ่มอยู่อย่างกระจัดกระจายในที่ต่างๆก็ออกมากันเกือบหมดก่อนจะจัดการงานที่ได้รับมอบหมายตามแผนการที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อหา ‘เปิดสถานที่ให้บริการทางเพศแบบผิดกฎหมาย’ ที่จริงเป็นเพราะไม่ได้ต่อทะเบียนมา4ปีแล้วต่างหากก็เลยต้องจำทนโดนอีก1คดี
...ส่วนหน้าที่ของฉันก็เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ...นั่งรอสบายๆที่สถานีตำรวจ~...
ณ ช่วงเวลาต่อมา...
~สถานีตำรวจ~
“แก! ไอ้เด็กสารเลว!!!กล้าทรยศฉันเหรอ!ฉันเป็นคนเลี้ยงแกมานะ!!!” เสียงของน้าอารีหรือแม่บุญธรรมของฉัน อ้อ!คงเป็นอดีตซะมากกว่า หล่อนตะโกนโหวกเหวกด้วยความหัวเสียและแค้นเคืองอย่างมหาศาล เพราะดันอยู่ในที่ๆเรียกว่า ‘ตาราง’ แล้วก็คงอึดอัดล่ะมั้ง ส่วนตัวฉันก็กำลังยืนมองหล่อนอย่างนิ่งเฉยพร้อมถือซองเช็คเงินสดจำนวนหนึ่งอยู่ ไม่ต้องทายหรอกรางวัลของฉันเองที่ยอมเป็นสายให้ มีใบเดียวรวมมูลค่าแล้วก็จำนวน50,000บาท
“ฟ...เฟลอร์ นี่แกเป็นคนทำเหรอ”ไม่นานนักลูกหมูสามตัวก็เดินทางมาถึงโรงพัก และพี่ใหญ่ก็เริ่มบรรเลงเป็นคนแรก
“คุณ...คุณมันนังงูพิษชัดๆ”ต่อด้วยคนรองและคนสุดท้ายก็ทำท่าจะกระโจนเข้าทำร้ายฉันพอๆกับพี่ๆของเธอแต่โชคยังเข้าข้างฉันนิดหน่อยตรงที่คุณตำรวจเข้ามารั้งพวกเธอเอาไว้
“งั้นลาก่อนนะคะ”ฉันโค้งไหว้คุณๆตำรวจที่เพิ่งช่วยชีวิตฉันไปเมื่อกี้ก่อนจะหมุนตัวไหว้ตำรวจทั้ง สน. และ...เดินออกไปอย่างไม่เหลียวมองหลัง+ไม่สะทกสะท้าน... ... ...แล้วจะให้สะทกสะท้านเรื่องไหนล่ะ?
แต่ถึงอย่างพอฉันเดินออกจากสถานีตำรวจเดินห่างไปได้ประมาณครึ่งกิโลเมตร นางสาว คนเซอเดนนรกก็เดินออกมากระชากแขนฉันจากด้านหลังอย่างแรงจนทำให้ข้ากระหม่อมต้องหันไปประสบพบตากันอีกครั้ง แต่แปลกแฮะ! ทำไมคราวนี้คุณเธอยืนอยู่ในระดับสายตาฉันล่ะเนี่ย
0_0...~...u_u...~...6_6...~...6_6!+ >>> Get! ส้นตึกนี่เอง!!!
“นี่!มองไรของหล่อนน่ะ”
“...ขอโทษค่ะ แค่รู้สึกไม่ชินตา”บางที่ก็อึ้งในความสามารถตัวเองเหมือนกัน ทำไมเราถึงสามารถอยู่เอื่อยๆแบบนี้ได้เป็นกิจวัตินะ
“ช่างเถอะ! แต่...มันจะมากเกินไปแล้วนะยัยดอกไม้เน่า!...”
“เฟลอร์ค่ะ”
“เอ๊ะนี่! ฉันพูดอย่าขัดสิ!”
“ก็คุณ...เอ่อ คุณ...”ฉันทำท่าคิดอยู่ซักพักว่าชื่อจริงๆของคุณคนนี้ชื่ออะไรแล้วน้า...ก็จำแต่แบบที่ฉันเรียกในใจจนชินไปซะแล้วนี่สิ
“อ้อ! คุณเดนนรก!”
“O_O!?...กรี๊ด!>[ ]
“อ...อ๋อ อ๋อ...ค่ะ ก็คุณเดน...เอ้ย! คุณเซอเดนเรียกชื่อฉันผิดเองนี่”
“อีนังบ้า! อีนังกาฝาก! ยัยปรสิตส่งมาเกิด ไม่สินรก ใช่นรกชัดๆ!”...จงย้อนกลับไปที่คนพูดทั้งหมด สาธุ...
“แก...แกทำอย่างนี้กับพวกฉันได้ยังไง แกกล้าทรยศคนที่ฟูมฟักแกมาตลอด5ปีที่ผ่านเนี่ยนะ แล้วยังเรื่องที่พวกยัยนิดาพากันลาออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอีก! ฝีมือแกใช่มั้ย นี่แกเอาพวกใช่มั้ย! นังงูเห่า!...”งูเห่า?... งั้นเธอก็งูจงอางล่ะสินะ...
“แกมัน...แกมัน...”คุณคนเซอเดนนรกหยุดค้างกึกอยู่แค่นั้นพร้อมๆกับหมัดที่เริ่มกำแน่นขึ้นเรื่อยๆก่อนที่ฉันที่ยืนฟังอย่างตั้งใจค่อยๆเงยหน้าขึ้นสังเกตแววตานั้นของเธอ
“คุณครับ!หยุดนะครับ!”นายตำรวจนายหนึ่งรีบวิ่งตามมาด้วยความเร็ว และเมื่อมาถึง ณ จุดๆนี้เขาก็ต้องหันมองไปยังใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของคุณคนเซอเดนนรกเฉกเช่นเดียวกับฉัน
“เอ่อ...”คนนี้คุณคนตำรวจนะ
“แกมัน ...แกมันนังสารเลว...แกมันระยำจริงๆ ทำไมทำกับฉันได้ลงคอ พวกเราต้องพังก็เพราะแก!”เธอเค้นเสียงออกมาอย่างเคียดแค้นและถลึงตาใส่ฉันจนเห็นเส้นเลือดแดงอยู่ในเบ้าตาที่เคล้าด้วยน้ำ...เค็มๆ
“ทำไม!ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้!ฮะ!!!”หล่อนกระโจนเข้ามาเขย่าร่างของฉันอย่างแรงด้วยความแค้นในขณะเดียวกันคุณตำรวจก็พยายามแยกเราสองคนให้ออกจากกัน ส่วนฉันในตอนนี้...กำลังยืนสงบนิ่งและก้มหน้าลงปล่อยให้เจ้าหล่อนเขย่าไปซักพักก่อนที่หล่อนจะไม่มีโอกาสทำแบบนี้ได้อีกเป็นครั้งที่สอง...
“ทำไม!”
“...”
“ตอบฉันมาสิ!!!ไอสารเลว!!!”
หมับ!
“อ๊ะ0-0!?”นับจนนาทีที่ฉันโดนรุกเร้าจนทนไม่ไหว ฉันค่อยๆเอามือที่จับกระเป๋าลากอยู่ข้างหนึ่งขึ้นมาจับข้อมือของเธอเอาไว้ และค่อยๆ บีบ มันทีละเล็ก ทีละน้อย...
“ทั้งๆที่รู้คำตอบ...จะถามไป เพื่ออะไรล่ะคะ คุณเซอเดน”เสียงเรียบๆที่แฝงด้วยแรงอาฆาตแค้นเคลือบน้ำแข็ง แผ่ซ่านเข้าทุกอณู คุณคนเซอเดนนรกและคุณตำรวจหยุดนิ่งเหมือนถูกสะกดก่อนที่พวกเขาจะมองมายังใบหน้าฉันที่ผมหยักศกสั้นเทียมบ่าลงมาปรกตอนที่ของฉัน
“ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นเกมส์แห่งการแก้แค้น...คุณก็ยังจะถามมันอีกเหรอ...”ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆในขณะที่พูดและ...สายตาที่น่าขยะแขยงที่เต็มไปด้วยความเย็นชาและจิตสังหารของฉันก็ถูกส่งไปยัง ‘เซอเดน’
ท่าทางหวาดผวาของเธอช่างเป็นอาหารอันเลิศรสของฉันในตอนนี้ ไม่เว้นแม้แต่คุณตำรวจก็ด้วย ที่กำลังมองฉันในแบบๆเดียวกับหล่อน
“พ่อ...แม่...และน้องสาวฉัน...พวกคุณเป็นคนเริ่ม และฉัน...คือคนสานต่อ”ท่าทางของเธอเริ่มลุกรี้ลุกรนขึ้นเรื่อยๆและเพราะแรงที่บีบอัดลงที่ข้อมือข้างหนึ่งของเธอเริ่มทำให้เธอเจ็บ เซอเดนจึงผละมืออีกข้างของเธอออกจากบ่าของฉันเพื่อเอื้อมไปจับแขนอีกข้างที่กำลังเจ็บสะท้านไปถึงกระดูก ส่วนคุณตำรวจนั้นก็ได้แต่ยืนมองพวกเราอยู่ห่างๆอย่างไม่กล้าเข้ามาขัด
“โอ้ย!”
“ยังจำแววตาฉันในตอนนี้ได้ใช่มั้ย แววตาตอนที่พวกเธอ...พรากอาโม่ไปจากฉัน”
“ธ...เธอพูดอะไรน่ะ! โอ้ย!ปล่อยฉันนะ โอ้ย!”
“จำได้ใช่มั้ยล่ะ วันนั้น...”ฉันหยุดก่อนจะดึงตัวของเซอเดนเข้ามากระซิบข้างหู
“...วันที่ฉัน...เกือบจะเป็นฆาตรกร...”เสียงแผ่วๆที่รอดผ่านไรฟันของฉันแผ่ซ่านเข้าไปยังตัวของเธอก่อนที่ฉันจะค่อยๆปล่อยมือข้างนั้นออกจากแขนเล็กๆ...ของหล่อน
“ให้มันจบเพียงแค่นี้ ก่อนที่ฉันจะทำอะไรมากกว่านี้ลงไปก็แล้วกัน...”ฉันหยิบกระเป๋าที่ตั้งอยู่บนพื้นขึ้นและลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินหันหลังจากไปทันที
~เฟลอร์ จบ 1~
------พื้นที่ข้างสถานีตำรวจ------
“อ...เอ่อ...ค...คุณครับ”นายตำรวจหนุ่มเพียงคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนี้เดินเข้าไปหาเซอเดนหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังทรุดลงนั่งพร้อมมือข้างหนึ่งที่กำลังจับแขนอีกข้างตรงบริเวณร่องรอยถูกบีบอัดอย่างแรงจนกลายเป็นรอยจ้ำแดง เส้นผมเหยียดตรงโปรยลงปิดใบหน้าซีดๆที่กำลังแสดงความรู้สึก ‘หวาดผวา’...
กึกๆๆๆ!~...
“เซอเดน!/พี่!”เสียงเรียกของสองสาวพี่น้องสลับกับเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นที่เริ่มเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นสภาพของผู้เป็นพี่ของตน จนเข้าไปกุมร่างของหล่อนเอาไว้
“โทษนะพี่เซอเดนทางตำรวจเขาไม่ยอมปล่อยตัวมาง่ายๆ ไม่งั้นฉันคง... พี่... พี่เป็นอะนะ!?”แซมโบ้และซินเดอเรลล่าถามพรางเขย่าร่างเซอเดนอย่างเป็นกังวล ‘ทำไมพี่ถึงไม่ตอบพี่เป็นอะไรไป!?’
“พี่!”
“น่ากลัว...”เสียงสั่นเทาอันแผ่วเบาวลีหนึ่งออกมาจากริมฝีปากหนาๆของเซอเดนทั้งๆที่ยังก้มศีรษะอยู่
“ฮะ”
“น่ากลัว น...น่ากลัว น่าขยะแขยง น่ากลัว...”
“พึมพำอะไรน่ะคะ”
“พี่! เป็นอะไรไปอะ พี่เป็นอะไร”
“....น่ากลัว น่ากลัวที่สุด ขยะแขยง...”ไม่ว่าใครจะพูดอะไร แต่ภาพของเฟลอร์ที่ถือมีดเปื้อนเลือดใช้ด้านคมวางเป็นแนวตั้งฉากบนหนังคอเธอตรงหน้ากระจกบานใหญ่ในวันนั้น และสายตานั่นสายตาของสัตว์กระหายเลือดของเฟลอร์ ก็ได้กลับมาหลอกหลอนเธออีกครั้งและเป็นครั้งที่อาจจะทำให้เธอเป็นบ้าไปอีกก็ได้...
“กลัว... น่ากลัวที่สุด...ยัย ยัยนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่...”
~ผู้พากย์ จบ 1~
------ทางคนเดิน------
และแล้วเมื่อฉันสลัดตัวออกมาจากคุณคนเซอเดนนรกได้ซักระยะ และตอนนี้ฉันก็กำลังเดินไปเรื่อยๆเพื่อจุดหมายที่กำลังให้ไปถึงหลังจากลงจากรถมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างตรงหน้าปากทางเข้าได้ซักพักหนึ่ง ฉันก็ได้เตรียมออกเดินทางต่อไป คงจะสงสัยล่ะสิท่าว่าฉันมีที่ไปด้วยหรือ คงไม่ต้องสาธยายให้มากความอีกแล้วเพราะในเมื่ออีกเมื่อนานก็คงจะรู้กันเอาเองล่ะนะ
ครืด...
เสียงประตูรั้วไม้ทรงญี่ปุ่นเปิดขึ้นโดนฝ่ามือของฉัน ก่อนที่ตัวของฉันเองจะเดินตามเท้าเข้าไปเหยียบย่ำในขอบเขตของตัวบ้าน และจากนั้น
“ยินดีต้อนรับครับ! ท่านเฟลอร์!!!”
---------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ