ขวัญใจ
9.7
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 00.24 น.
15 ตอน
37 วิจารณ์
40.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 13.30 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ท.ทหาร อดทน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความกระเป๋ารถเมล์มองหน้าหญิงสาว เหมือนกำลังรอฟังคำตอบที่แสนยากเย็นจากปากของเธออยู่
“คือว่า...หนูขอลงป้ายนี้แหละค่ะพี่ แบบว่า...หนูขึ้นรถผิดสายน่ะค่ะ โทษทีนะคะ ไปแล้วค่ะพี่”
ว่าแล้วขวัญใจก็เผ่นแน่บลงไปจากรถเมล์อย่างด่วนจี๋ทันที ทำเอากระเป๋ารถเมล์ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เมื่อลงมาจากรถเมล์แล้ว หญิงสาวพบว่า ตนเองมายืนอยู่หน้าค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เลยว่ามันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯกันแน่
บริเวณด้านหน้าของค่ายทหารแห่งนี้มีหุ่นขี้ผึ้งเป็นรูปทหารขนาดเท่าตัวจริง 2 ตัวแบกปืนยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูทางเข้าทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
ขวัญใจเดินไปนั่งลงบนพื้นหญ้าสีเขียวข้างๆหุ่นขี้ผึ้งฝั่งซ้ายมือเพื่อพักเหนื่อยจากการที่เธอรีบเผ่นลงมาจากรถเมื่อสักครู่
อากาศร้อนมาก ขวัญใจใช้มือปาดเหงื่อที่ชื้นขึ้นตามหน้าผากและคอเบาๆ จู่ๆหญิงสาวรู้สึกถึงบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ
หญิงสาวค่อยๆหันไปมองยังทิศทางที่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวนั้น แต่ทว่า ทุกอย่างยังอยู่เหมือนปกติ หุ่นขี้ผึ้งทหารก็ยังคงตั้งเด่นอยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวชักจะเริ่มเอะใจ เธอเริ่มนึกและบ่นกับตัวเองเบาๆว่า
“หรือว่า ที่นี่จะมีผีทหารที่ตายจากสงครามตามมาขอส่วนบุญส่วนกุศลด้วยล่ะเนี่ย บรรยากาศแถวนี้มันวังเวงน่ากลัวชะมัดเลย”
ขวัญใจค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืน หลังจากนั่งพักเมื่อครู่ เมื่อเธอเริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้น แต่จู่ๆ หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆอีกครั้ง
ขวัญใจเริ่มหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง ก่อนที่เธอจะพนมมือขึ้นและพูดว่า
“คุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยเถิด ลูกช้างแค่แวะมาพักเหนื่อยกำลังจะไปแล้วเจ้าค่ะ ถ้าคุณทหารตลอดจนวิญญาณเร่ร่อนทั้งหลายไม่พอใจยังไง ลูกช้างก็ต้องขอกราบประทานอภัยเป็นอย่างสูง ลูกช้างไม่ได้ตั้งใจมารบกวนท่านเลยนะคะ ลูกช้างขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ สาธุๆๆ”
หญิงสาวยกมือทำท่าสาธุ แล้วรีบลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกเดินไปอยู่แล้ว แต่ทว่า!
มีปลายกระบอกปืนยื่นมาขวางหน้าหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวหลับตาปี๋ พร้อมกับพูดละล่ำละลักว่า
“โถ้! อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยวิญญาณคุณทหารทั้งหลาย ฉันกลัวแล้วจ้าๆ ต่อไปฉันจะไม่มารุกล้ำชายแดนของท่านอีกค่ะ”
ถ้าขวัญใจตาไม่ฝาดเธอรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงหัวเราะหึหึในลำคออยู่ข้างๆนี่เอง เธอตัดสินใจ
“เอาวะ เป็นไงเป็นกันงานนี้”
หญิงสาวหันหน้าไปยังที่มาของเสียงหัวเราะนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
ทหารนายหนึ่งกำลังยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆเธอนี่เอง ในมือเขาถือปืนอาวุธประจำกายขวางทางเธอเอาไว้ หญิงสาวชักเอะใจ
เธอหันไปมองหุ่นขี้ผึ้งทหารตัวนั้นปรากฏว่ามันได้อันตรธานไปแล้ว เหลือเพียงอีกตัวที่ยังยืนนิ่งสงบอยู่ฝั่งตรงข้าม
ขวัญใจชี้ไปที่นายทหารหนุ่มคนนั้นก่อนพูดขึ้นว่า
“คุณ…คุณ...คือผีหุ่นขี้ผึ้งทหารตัวเมื่อกี๊เหรอ จะบ้าตาย ขวัญใจเอ๋ย วันนี้วันอะไรเนี่ย เจอผีหลอกได้กลางวันแสกๆ”
“นี่จะบ้าหรือไงคุณ ผมไม่ใช่ผี ผมเป็นทหารประจำอยู่ที่นี่ ว่าแต่คุณเถอะมาทำอะไรที่นี่ ดูท่าทางจะหลงทางมาใช่หรือเปล่า”
“เฮ้ย! นี่คุณทหารไม่ใช่ผีแน่นา เอ!แล้วก็ไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งด้วย งั้นก็แสดงว่าปืนนี่ก็ของจริงสิ งั้น เอ่อ! คุณทหารคะ ช่วยกรุณานำมันออกไปไกลๆหน่อยได้มั้ยคะ พอดีฉันไม่ค่อยอยากผูกมิตรกับมันสักเท่าไหร่”
พลทหารโยธานึกขำไม่หาย กับกิริยาท่าทางของขวัญใจจนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เขาค่อยๆลดปืนลงต่ำตามที่หญิงสาวต้องการ
“เอ่อ!…คุณ”
“ดิฉันขวัญใจค่ะ”
“ครับ คุณขวัญใจมาที่นี่ต้องการให้เราช่วยอะไรงั้นหรือครับ”
โยธาถามเธอพร้อมกับลอบมองหน้าเธอยิ้มๆ ชายหนุ่มนึกขำกับอาการกลัวผีทหารของเธอเมื่อครู่นี้ยังไม่หาย
“เอ่อ! คือ จะว่าไป มันก็มีอยู่นะคะ แต่จะว่ายังไงดีล่ะ คือมัน…เอ่อ!…มันพูดยากน่ะค่ะ”
“ว่ามาเถอะครับ ถึงผมจะไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่ก็เป็นรั้วของชาติที่พร้อมช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเสมอนะครับ”
“ช่วยได้แน่นะคะคุณทหาร รับปากได้มั้ยคะว่าจะยอมช่วยประชาชนตาดำๆอย่างฉัน”
“แน่นอนครับ ด้วยเกียรติของทหารครับผม”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ เขามองหน้าหญิงสาวตรงหน้า พลางนึกในใจ
"เอ! ผู้หญิงคนนี้ท่าทางแปลกๆแฮะ แต่ก็ดูตลกดีเหมือนกัน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้พบผู้หญิงแบบนี้เนี่ย โยธา"
หญิงสาวตัดสินใจโพล่งขึ้นว่า
“คุณทหารคะ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ ฉันขอยืมตังค์ค่ารถกลับที่พักสักหน่อยได้มั้ยคะ รับรองว่ามาครั้งหน้าจะรีบเอามาคืนให้เร็วที่สุดเลยค่ะ สัญญาค่ะ สัญญา ด้วยเกียรติของประชาชนตาดำๆเลยค่ะ”
ขวัญใจทำหน้าตาท่าทางให้ดูน่าสงสารอย่างเต็มที่ แต่มันคงดูตลกมากกว่า เพราะชายหนุ่มกลับหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ฟังสิ่งที่หญิงสาวขอร้องให้เขาช่วย
“เอาอย่างนี้ ตอนนี้คุณไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาทใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องแล้วคร๊าบ”
“แล้วตอนนี้คุณก็ต้องการจะกลับที่พักของคุณถูกมั้ยครับ”
“ถูกต้องอีกครั้งคร๊าบ แจ๊กพ็อตแตก คุณได้รับรางวัลใหญ่ คือ ให้ประชาชนยืมตังค์ซะดีดีค่ะคุณทหาร แหะๆ”
“ตอนนี้ผมก็กินอยู่หลับนอนอยู่ที่ค่ายนี้ ไม่มีเงินติดตัวสักบาทเหมือนกับคุณนั่นล่ะครับ”
“อ้าว หมดกัน คุณทหารก็ สาธยายมาซะตั้งนาน ถ้าไม่มีก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก เฮ้อ!ยัยขวัญนะยัยขวัญ ทำไมวันนี้ถึงได้โชคร้ายอย่างนี้เนี่ย”
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ ผมยังพูดไม่จบเลย ถึงผมจะไม่มีตังค์ให้คุณยืม แต่ผมมีรถที่พอจะไปส่งคุณได้นะครับ”
“จริงเหรอคะคุณทหาร แหมคุณช่างเป็นทหารที่ใจดีและเท่ห์ระเบิดไปเลยค่ะ”
ชายหนุ่มแอบยิ้มกับคำพูดตรงไปตรงมาและท่าทางการเสแสร้งให้ดูน่าสงสารที่ไม่ค่อยจะแนบเนียนนักของหญิงสาวตรงหน้าคนนี้
“งั้นคุณรอผมตรงนี้ ผมต้องไปรายงานผู้บังคับบัญชาของผมก่อนผมถึงจะออกไปนอกค่ายได้”
“โอเคค่ะ ฉันจะยืนรอคุณอยู่ตรงนี้นะคะ หวังว่าคุณคงจะไม่ปล่อยฉันให้ต้องรอเก้อหรอกนะคะคุณทหาร”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขารีบผละหายเข้าไปในค่ายทหารทันที ปล่อยให้ขวัญใจยืนรออยู่ที่หน้าค่ายทหารตามลำพังด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมในใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป➡️
“คือว่า...หนูขอลงป้ายนี้แหละค่ะพี่ แบบว่า...หนูขึ้นรถผิดสายน่ะค่ะ โทษทีนะคะ ไปแล้วค่ะพี่”
ว่าแล้วขวัญใจก็เผ่นแน่บลงไปจากรถเมล์อย่างด่วนจี๋ทันที ทำเอากระเป๋ารถเมล์ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เมื่อลงมาจากรถเมล์แล้ว หญิงสาวพบว่า ตนเองมายืนอยู่หน้าค่ายทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้เลยว่ามันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพฯกันแน่
บริเวณด้านหน้าของค่ายทหารแห่งนี้มีหุ่นขี้ผึ้งเป็นรูปทหารขนาดเท่าตัวจริง 2 ตัวแบกปืนยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าประตูทางเข้าทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
ขวัญใจเดินไปนั่งลงบนพื้นหญ้าสีเขียวข้างๆหุ่นขี้ผึ้งฝั่งซ้ายมือเพื่อพักเหนื่อยจากการที่เธอรีบเผ่นลงมาจากรถเมื่อสักครู่
อากาศร้อนมาก ขวัญใจใช้มือปาดเหงื่อที่ชื้นขึ้นตามหน้าผากและคอเบาๆ จู่ๆหญิงสาวรู้สึกถึงบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ
หญิงสาวค่อยๆหันไปมองยังทิศทางที่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวนั้น แต่ทว่า ทุกอย่างยังอยู่เหมือนปกติ หุ่นขี้ผึ้งทหารก็ยังคงตั้งเด่นอยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่นิดเดียว
หญิงสาวชักจะเริ่มเอะใจ เธอเริ่มนึกและบ่นกับตัวเองเบาๆว่า
“หรือว่า ที่นี่จะมีผีทหารที่ตายจากสงครามตามมาขอส่วนบุญส่วนกุศลด้วยล่ะเนี่ย บรรยากาศแถวนี้มันวังเวงน่ากลัวชะมัดเลย”
ขวัญใจค่อยๆยันกายลุกขึ้นยืน หลังจากนั่งพักเมื่อครู่ เมื่อเธอเริ่มมีเรี่ยวแรงมากขึ้น แต่จู่ๆ หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆอีกครั้ง
ขวัญใจเริ่มหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวง ก่อนที่เธอจะพนมมือขึ้นและพูดว่า
“คุณพระคุณเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ช่วยคุ้มครองลูกช้างด้วยเถิด ลูกช้างแค่แวะมาพักเหนื่อยกำลังจะไปแล้วเจ้าค่ะ ถ้าคุณทหารตลอดจนวิญญาณเร่ร่อนทั้งหลายไม่พอใจยังไง ลูกช้างก็ต้องขอกราบประทานอภัยเป็นอย่างสูง ลูกช้างไม่ได้ตั้งใจมารบกวนท่านเลยนะคะ ลูกช้างขอตัวก่อนแล้วกันค่ะ สาธุๆๆ”
หญิงสาวยกมือทำท่าสาธุ แล้วรีบลุกขึ้นยืนเตรียมจะออกเดินไปอยู่แล้ว แต่ทว่า!
มีปลายกระบอกปืนยื่นมาขวางหน้าหญิงสาวเอาไว้ หญิงสาวหลับตาปี๋ พร้อมกับพูดละล่ำละลักว่า
“โถ้! อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลยวิญญาณคุณทหารทั้งหลาย ฉันกลัวแล้วจ้าๆ ต่อไปฉันจะไม่มารุกล้ำชายแดนของท่านอีกค่ะ”
ถ้าขวัญใจตาไม่ฝาดเธอรู้สึกเหมือนกับได้ยินเสียงหัวเราะหึหึในลำคออยู่ข้างๆนี่เอง เธอตัดสินใจ
“เอาวะ เป็นไงเป็นกันงานนี้”
หญิงสาวหันหน้าไปยังที่มาของเสียงหัวเราะนั้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
ทหารนายหนึ่งกำลังยืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆเธอนี่เอง ในมือเขาถือปืนอาวุธประจำกายขวางทางเธอเอาไว้ หญิงสาวชักเอะใจ
เธอหันไปมองหุ่นขี้ผึ้งทหารตัวนั้นปรากฏว่ามันได้อันตรธานไปแล้ว เหลือเพียงอีกตัวที่ยังยืนนิ่งสงบอยู่ฝั่งตรงข้าม
ขวัญใจชี้ไปที่นายทหารหนุ่มคนนั้นก่อนพูดขึ้นว่า
“คุณ…คุณ...คือผีหุ่นขี้ผึ้งทหารตัวเมื่อกี๊เหรอ จะบ้าตาย ขวัญใจเอ๋ย วันนี้วันอะไรเนี่ย เจอผีหลอกได้กลางวันแสกๆ”
“นี่จะบ้าหรือไงคุณ ผมไม่ใช่ผี ผมเป็นทหารประจำอยู่ที่นี่ ว่าแต่คุณเถอะมาทำอะไรที่นี่ ดูท่าทางจะหลงทางมาใช่หรือเปล่า”
“เฮ้ย! นี่คุณทหารไม่ใช่ผีแน่นา เอ!แล้วก็ไม่ใช่หุ่นขี้ผึ้งด้วย งั้นก็แสดงว่าปืนนี่ก็ของจริงสิ งั้น เอ่อ! คุณทหารคะ ช่วยกรุณานำมันออกไปไกลๆหน่อยได้มั้ยคะ พอดีฉันไม่ค่อยอยากผูกมิตรกับมันสักเท่าไหร่”
พลทหารโยธานึกขำไม่หาย กับกิริยาท่าทางของขวัญใจจนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เขาค่อยๆลดปืนลงต่ำตามที่หญิงสาวต้องการ
“เอ่อ!…คุณ”
“ดิฉันขวัญใจค่ะ”
“ครับ คุณขวัญใจมาที่นี่ต้องการให้เราช่วยอะไรงั้นหรือครับ”
โยธาถามเธอพร้อมกับลอบมองหน้าเธอยิ้มๆ ชายหนุ่มนึกขำกับอาการกลัวผีทหารของเธอเมื่อครู่นี้ยังไม่หาย
“เอ่อ! คือ จะว่าไป มันก็มีอยู่นะคะ แต่จะว่ายังไงดีล่ะ คือมัน…เอ่อ!…มันพูดยากน่ะค่ะ”
“ว่ามาเถอะครับ ถึงผมจะไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่ก็เป็นรั้วของชาติที่พร้อมช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเสมอนะครับ”
“ช่วยได้แน่นะคะคุณทหาร รับปากได้มั้ยคะว่าจะยอมช่วยประชาชนตาดำๆอย่างฉัน”
“แน่นอนครับ ด้วยเกียรติของทหารครับผม”
ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ เขามองหน้าหญิงสาวตรงหน้า พลางนึกในใจ
"เอ! ผู้หญิงคนนี้ท่าทางแปลกๆแฮะ แต่ก็ดูตลกดีเหมือนกัน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เราไม่ได้พบผู้หญิงแบบนี้เนี่ย โยธา"
หญิงสาวตัดสินใจโพล่งขึ้นว่า
“คุณทหารคะ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ ฉันขอยืมตังค์ค่ารถกลับที่พักสักหน่อยได้มั้ยคะ รับรองว่ามาครั้งหน้าจะรีบเอามาคืนให้เร็วที่สุดเลยค่ะ สัญญาค่ะ สัญญา ด้วยเกียรติของประชาชนตาดำๆเลยค่ะ”
ขวัญใจทำหน้าตาท่าทางให้ดูน่าสงสารอย่างเต็มที่ แต่มันคงดูตลกมากกว่า เพราะชายหนุ่มกลับหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ฟังสิ่งที่หญิงสาวขอร้องให้เขาช่วย
“เอาอย่างนี้ ตอนนี้คุณไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาทใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องแล้วคร๊าบ”
“แล้วตอนนี้คุณก็ต้องการจะกลับที่พักของคุณถูกมั้ยครับ”
“ถูกต้องอีกครั้งคร๊าบ แจ๊กพ็อตแตก คุณได้รับรางวัลใหญ่ คือ ให้ประชาชนยืมตังค์ซะดีดีค่ะคุณทหาร แหะๆ”
“ตอนนี้ผมก็กินอยู่หลับนอนอยู่ที่ค่ายนี้ ไม่มีเงินติดตัวสักบาทเหมือนกับคุณนั่นล่ะครับ”
“อ้าว หมดกัน คุณทหารก็ สาธยายมาซะตั้งนาน ถ้าไม่มีก็ไม่บอกตั้งแต่ทีแรก เฮ้อ!ยัยขวัญนะยัยขวัญ ทำไมวันนี้ถึงได้โชคร้ายอย่างนี้เนี่ย”
“เดี๋ยวก่อนสิคุณ ผมยังพูดไม่จบเลย ถึงผมจะไม่มีตังค์ให้คุณยืม แต่ผมมีรถที่พอจะไปส่งคุณได้นะครับ”
“จริงเหรอคะคุณทหาร แหมคุณช่างเป็นทหารที่ใจดีและเท่ห์ระเบิดไปเลยค่ะ”
ชายหนุ่มแอบยิ้มกับคำพูดตรงไปตรงมาและท่าทางการเสแสร้งให้ดูน่าสงสารที่ไม่ค่อยจะแนบเนียนนักของหญิงสาวตรงหน้าคนนี้
“งั้นคุณรอผมตรงนี้ ผมต้องไปรายงานผู้บังคับบัญชาของผมก่อนผมถึงจะออกไปนอกค่ายได้”
“โอเคค่ะ ฉันจะยืนรอคุณอยู่ตรงนี้นะคะ หวังว่าคุณคงจะไม่ปล่อยฉันให้ต้องรอเก้อหรอกนะคะคุณทหาร”
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขารีบผละหายเข้าไปในค่ายทหารทันที ปล่อยให้ขวัญใจยืนรออยู่ที่หน้าค่ายทหารตามลำพังด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมในใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป➡️
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ