Bad Boy & Girl ... ภารรักภารกิจร้าย

7.1

เขียนโดย zomii

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 21.03 น.

  35 บท
  144 วิจารณ์
  57.09K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Mai & Gween

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       

        -บรื้นๆๆๆ- -เอี๊ยดดดดดด- โครม!!!  

          

 

        ฉันตะเกียดตะกายลุกขึ้นหลังจากที่ลงไปนอนเอ้งแม้งอยู่บนพื้นรถ โอ้วไม่! ฉันมองดูสภาพรถที่ตอนนี้กระจกแตกเกือบทุกบานมีทั้งก้อนหินและอาวุธต่างๆเกลื่อนพื้น... ฉันรอดมาได้ยังไงเนี่ย! ตรงเบาะหลังสุดมีผู้ชายในชุดนักศึกษาที่เสื้อเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงนอนหอบหายใจ และตรงอื่นๆอีกประปราย ข้างๆกายมีพักพวกอีกสองสามคนคอยพยุงให้ลุกขึ้น ฉันขยับถอยหลังทีละน้อยๆ โชคดีที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ฉันจึงรีบโกยอ้าวลงจากรถ แต่เหตุการณที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!!

 

        แบระ

 

        แงแงT^T ฉันยกเท้าขึ้นจากกองอุนจิสุนัข ทำไมมันช่างซวยอย่างนี้นะ... ฮือ... ไอ้หมาบ้าไปขี้ที่อื่นไม่ได้หรือไงเล่า ฉันไถเท้ากับพื้นถนนอย่างน่าอนาถใจ ซวยจริงๆ... ซวย! ซวยอะไรอย่างนี้

 

        "เฮ้ยๆ!!! นั่นไงรถนั่นกูจำได้ ลุยโว้ย!!!"

 

        ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรซักอย่างวิ่งผ่านทางด้านหลัง จังหวะที่ฉันหันกลับไปมองร่างกายก็ถูกกระชากไปทางด้านหน้าอย่างแรง “โอ๊ย” ฉันร้องด้วยความตกใจ แต่พอรวบรวมสติได้ ฉันก็เห็นแผ่นหลังของใครคนหนึ่ง...ผมสีน้ำตาลแกมแดง เอ๊ะ! หรือว่า...

 

        ฉันวิ่งมานานเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ รู้แต่ว่าไกลจากรถเมล์คันนั้นมามาก มากถึงมากที่สุดและฉันก็กำลังเหนื่อยตาย ถะ...ถ้าไม่หยุดวิ่ง แหะๆ แหะๆ ๆๆ ๆๆ ตอนนี้ฉันลิ้นห้อยเป็นหมาไปแล้วค่ะ และที่สำคัญตอนนี้ฉันมองเห็นแต่ตึกร้าง ตึกร้าง และก็ตึกร้าง ฉันเริ่มปวดขาหมดแรงแทบขาดใจ...

 

        "ไอ้กวีน เมิงเป็นไงบ้างวะ" เสียงห้าวดังขึ้น ในขณะที่ร่างของทั้งสองคนนั่งบนพื้นหญ้าหลังพิงกำแพง ที่แท้ไม่ได้มีแค่ฉันกับนายแว่นเท่านั้น แต่มีอีตาขี้เก๊กด้วย ฉันได้แต่ยืนหอบแฮ็กๆ ทางปากทางเข้า รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมาชะมัด

 

        "เมิงก็รู้ว่ากูตายยาก" น้ำเสียงยียวนของนายแว่นไม่เข้ากับสีหน้าซีดๆเลยแม้แต่น้อย ทำให้คนถามขมวดคิ้วยุ่งยิ่งกว่าเก่า

 

        "กูบอกเมิงแล้วว่าไม่ต้องมา..."

 

        "เมิงก็รู้ว่ากูไม่มาไม่ได้!"

 

        เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วอึดใจ ฉันยืนมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างงงๆ เอ๊ะ! เค้าสองคนบาดเจ็บนี่...ใช่แล้ว! ฉันคิดพร้อมรื้นค้นของในกระเป๋าสะพาย ได้แล้วๆ พลาสเตอร์แปะแผล โชคดีที่ซื้อติดกระเป๋าไว้

 

        "คือ..."

 

        "เธอเป็นใคร!" อีตาขี้เก๊กมีท่าทีตกใจเล็กน้อย 

 

        "อ๋อ...มากับฉันเองแหละ" นายคนที่อีตาขี้เก๊กเรียกว่ากวีนตอบอย่างหน้าซื่อตาใสผิดกับอีกคนที่เริ่มแยกเขี้ยว...อี๋...น่ากลัว อย่ามากัดฉันนะขี้เกียจไปฉีดยา

 

        แต่ก่อนที่อีตาขี้เก๊กจะอ้าปากพูด ก็มีเสียงโวยวายตรงมาทางพวกเราสามคน

 

         "เฮ้ย พวกมันตามมาทันแล้ว ไปกันเถอะ" นายขี้เก๊กเอ่ยเสียงเครียดแต่สายตาไม่ได้ละไปจากปากทางเข้าแม้แต่น้อย

 

        และแล้วการวิ่งมาราธอนก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยมีผู้วิ่งนำคือนายขี้เก๊ก ต่อมาคือนายแว่นสุดเท่นามว่ากวีน และสุดท้ายสาวน้อยนัยตากลม เหงื่อโชกตัว ลิ้นห้อยและใกล้ตาย ลูกตาล... ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลากฉันมาด้วย เหนื่อยนะโว๊ย ถึงแม้ว่าอยากแหกปากตะโกนแต่ความเหนื่อยมันจุกตรงลิ้นปี่...

 

        ตอนนี้ฉันเริ่มเห็นถนนแล้ว ถ้าตาไม่ฝาดนะ ฉันยกมือข้างที่เป็นอิสระเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและซอกคอ แล้วมันก็เป็นถนนจริงๆด้วยมีรถเยอะแยะวิ่งสวนกันไปมาแล้วพวกเราก็หยุดวิ่งกันนายขี้เก๊กเดินไปเรียกรถปล่อยฉันกับนายกวีนยืนรอตรงข้างฟุตบาท ร้อนๆๆ ร้อนมาก ฉันโบกมือไล่ความร้อนและก็ต้องชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ มะ...มือฉัน มืออีกข้างนะ...ข้างที่ไม่ได้ยกขึ้นมาโบกอะ แบบว่า   >///<

 

        ยังไม่ทันที่ฉันจะอ้าปากเอ่ยประโยคที่กุลสตรีพึงกระทำเลย ฉันก็โดนลากไปขึ้นรถอีกแล้ว นี่ฉันเป็นคนนะยะ ไม่ใช่วัวน้อยถึงได้ลากไปทางนู้นทีทางนี่ที

 

        ฟู่~~~

 

        สบ๊ายสบาย เครื่องปรับอากาศในรถแท็กซี่เย็นฉ่ำดับความร้อนได้อย่างชะงักงัน ให้ตาย ฉันรักรถแท็กซี่ที่ซู้ดดดเล้ย...ยะฮู้! ตอนนี้ฉันนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ทางเบาะหลังกับนายกวีนส่วนนายขี้เก๊กนั้นนั่งข้างคนขับ

 

        ไม่รู้ว่ารถแท็กซี่ขับออกมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ฉันรู้สึกว่ามันน้านนานชอบกลบนถนนที่ไม่คุ้นเคยร้านค้าบ้านช่องที่ไม่รู้จัก ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างความรู้สึกตอนนี้คือ ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตที่เหมือนเด็กหลงทางเข้าไปทุกทีแล้วตอนนี้ ไหนจะผู้ชายสองคนนี้อีก เฮ้อ...

 

        "นี่"

 

        "หือ" นายกวีนหันมามองฉันเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม

 

        "คือ...ฉัน นาย ไม่ใช่ๆ พวกเรากำลังจะไปไหนกันหรอ" ฉันชี้มือมาตรงหน้าตัวเอง แล้วชี้ไปที่นายกวีน ก่อนจะสะบัดหน้าแรงๆ... สงสัยท่าทางของฉันมันตลกมากถึงทำให้นายกวีนหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าที่ดูดีอยู่แล้วกลับดูดีมากยิ่งขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายอยู่ด้านหลังแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมมล ก...กรี๊ด >///< นายรู้มั้ยว่ารอยยิ้มของนายมันทำให้ฉัน...ให้ฉันจะ...ใจละลายแล้ว แต่อารมณ์ของฉันก็ต้องพังครื้นลงอย่างยับเยินเพราะอีตาขี้เก๊กที่นั่งอยู่ข้างคนขับ

 

        "หึ! พวกเรา!...ไม่ทราบว่าฉันสองคนไปรู้จักกับเธอตอนไหน" ฉันอึ้งไปประมาณเกือบๆ10วินาทีเห็นจะได้ หน็อย! ไอ้หน้า...หน้า หน้าแมวหง่าวตกน้ำคลำหลังถูกหมาบ้าไล่งับก้น!

 

        "ฮ้ะ! ฉันถามเธอไม่ได้ยินหรือไง! ยัยเบ๊อะ!"

 

        -ผึ่ง- (เส้นความอดทน)

 

        นายกล้าดียังไงมาเรียกสาวน้อยน่ารัก ที่คว้ารางวัลนางงามจักรยาน เอ๊ย นางงามจักรวาลประจำหมู่บ้านหนองอีแต๋นรุ่นเล็ก ว่ายัยเบ๊อะ  ชิ! แต่ก่อนที่ฉันจะได้เริ่มรำมวยจีนนั้น นายกวีก็ขัดขึ้นซะก่อน

 

        "ไม่เอาน่าไม้" เสียงปรามปนขำของนายกวีนไม่ได้ทำให้ฉันดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย นี่พ่อคุณช่วยทำเสียงให้มันซีเครียดหน่อยไม่ได้หรือไงฮะ!

 

        "ฉันมีเรื่องจะถามหน่อย?"  ฉันกับนายขี้เก๊กไม้หันมองนายกวีนอย่างสงสัย

 

        "...ฉันรู้สึกเหม็นๆอะไรซักอย่างอะ ว่ามะ เหมือนขี้หมาเลย?"

 

        ขี้หมา?... ขี้หมาหรอ เอิ๊กกกก ฉะ...ฉัน ฉันเหยียบอุนจิหมา! นายขี้เก๊กก็ทำจมูกฟุตฟิตอยู่นั่นแหละไม่เหม็นหรือไงฮะ! โอ๊ย ทำไงดี๊

 

        "เออใช่! ใช่แล้ว นั่นมัน... นั้นมันทางกลับบ้านฉันนี่ จอ...จอดตรงนี้แหละค่ะ จอดเลย" ฉันเร่งคนขับให้จอด โดยมีสายตาสองคู่มองฉันอย่างงงๆ พอรถจอดปุ๊บฉันก็ลงปั๊บ

 

        "อะนี่... สำหรับพวกนายสองคน ถือซะว่าเป็นค่ารถที่พวกนายเลี้ยงก็แล้วกันนะ บะบาย" ฉันยื่นพลาสเตอร์ติดแผลรูปโดเรมอนสีฟ้าของฉันให้นายกวีน ก่อนจะขยิบตาให้แล้วเดินออกจากตรงนั้นทันที

 

        ให้ตายสิ หน้าขายน่าชะมัด ถ้าสองคนนั้นรู้นะ อ๊ากกกก อายตายเลย สาธุ ไม่ว่าชาตินี้ชาติหน้าของอย่าให้เจอะให้เจอนายสองนี่อีกเลย สาธุ ฉันพนมมือเหนือหัว พร้อมกับเป่าลมออกจากปาก เพี้ยง!

 

        พอรอดจากความอายแล้วฉันก็มองไปรอบกาย ที่นี่มันที่ไหนเนี่ย แย่แล้ว และในขณะที่ฉันกำลังจนตรอกกับตัวเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พี่ต้นนั่นเอง ฉันรีบกดรับทันที

 

        "ฮัลโหล..."

 

        'นี่! ไอ้ตาลแกอยู่ไหนเนี่ย ฉันรอแกมาตั้งชาติแล้วนะ ไหนบอกว่าจะมาบ้านน้าไง แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน ฮะ!'

 

        "พี...พี่ต้นใจเย็นดิ ตอนนี้เค้าอยู่บลาๆๆๆๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง แค่นี้แหละ" ฉันบอกรายละเอียดรอบกายให้พี่ต้นฟังคร่าวๆ ซึ่งรายนั้นก็รู้จักทันทีเพราะเคยเป็นถิ่นเด็กเก่าเค้าอะไรประมาณนี้แหละ

 

        ฉันยืนคอยพี่ต้นประมาณ 15 นาทีเห็นจะได้ รถเก๋งคันแดงของเฮียแกก็จอดอยู่ตรงหน้า ฉันรีบบึ่งขึ้นรถทันทีเพราะวันนี้อากาศร้อนจะแย่

 

        "เฮ้ย! นี่มันกลิ่นอะไรวะเนี่ยเหม็นชิบ" พี่ต้นโวยทันทีที่ฉันขึ้นไปนั่งบนรถ

 

        "ถามได้ก็กลิ่นอุนจิหมาอะดิ"

 

        "นี่แกอย่าบอกนะว่าแกเหยียบขี้หมามาอะ"

 

        "อืม"

 

        "งั้นแกถอดรองเท้าทิ้งเลย เหม็นรถฉันหมด เร็วๆ" พี่ต้นทำตาเขียวใส่ฉัน ฉันจึงรีบถอดรองเท้าออกแต่ไม่ยอมทิ้ง

 

        "เฮ้! ฉันบอกให้แกทิ้งไง!" มันเริ่มขึ้นเสียงอะ

 

        "นี่มันรองเท้าคู่โปรดของเค้านะ ทิ้งได้ไงเล่า T^T " ฉันแย้งเสียงอ่อย แต่ไอ้พี่ต้นมันไม่ฟัง เอื้อมมือมาหยิบรองเท้าของฉันขึ้น

 

        "อ๊ากกก! เอาคืนมานะนี่มันรองเท้าเค้านะ เอาคืนมา!" ฉันตะเกียดตะกายเอื้อมไปแย่งรองเท้าคืน แต่ไอ้พี่บ้ามันลงจากรถไปก่อน แต่พอฉันจะลงจากรถตามไปไอ้พี่บ้ามันก็หันมากำชับเสียงเข้มไม่ให้ตาม ไม่งั้นศพไม่จ๋วยอ่า~ TOT

 

        พอทิ้งเสร็จพี่ต้นก็ขึ้นรถ แล้วออกตัวทันที โดยที่ฉันนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ T^T

 

        "กะอีแค่รองเท้าคู่เดียวจะอะไรกันนักกันหนาฮะ! ไอ้ตาล"

 

        "ก็นั่นมันรองเท้าของเค้านี่...ฮือ...ฮือ... TOT " พี่ต้นขยี้หัวตัวเองระบายอารมณ์

 

        "เออๆๆ... เดี๋ยวกรูซื้อให้ใหม่ก็ได้" -_-^

 

        "เอาสีฟ้า รูปโดเรมอน หุ้มสนนะ ^O^ "

 

        "เออน่ารู้แล้ว" พี่ต้นพูดปัดๆ แต่ฉันนั้นตอนนี้ยิ้มแปล้แล้ว นานๆที พี่ต้นจะยอมควักสตางค์ออกมาให้น้องบ้าง

 

        พอถึงบ้านฉันก็รีบขึ้นห้องอาบน้ำทันที ร้อนจะแย่แล้ว... พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็ลงไปนั่งเล่นนอนเล่นหน้าทีวี พี่ต้นก็เดินมาทำการสอบสวนยกใหญ่ พอฉันเล่าจบพี่ต้นก็ช็อคไปเลย =_=" แต่พอได้สติก็สั่งฉันเสียงเข้มว่า

 

        "ต่อไปนี้แกห้ามขึ้นรถเมล์อีกเป็นอันขาด!"

 

        "แต่..."

 

        "ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อกับแม่ล่ะก็ ฟังที่ฉันพูดแล้วทำตาม"

 

        "อ้าวสองพี่น้องคุยอะไรกันอยู่จ๊ะเนี่ยดูซีเรียสเชียว?"

 

        อยู่ๆ แม่ก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฉันสบตากับพี่ต้นก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ พี่ต้นเสาะยิ้มมุมปาก T^T ถ้าฉันบอกว่าเกียจพี่ชายตัวเองจะผิดมากไหมนะ

 

        "ป่าวฮะ พอดีต้นจะออกไปหาเพื่อนซะหน่อย"

 

        "อะไรกันตาต้น เอะอะอะไรก็ไปหาเพื่อนบ้านช่องหัดอยู่บ้างนะ" แม่เอ็ด

 

        "ค้าบๆๆ ตอนนี้ยัยเปี๊ยกก็อยู่...งั้นต้นไปและ" พี่ต้นวิ่งไปหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่ด้วยความทะเล้น ก่อนวิ่งไปที่รถแล้วก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว

 

        แม่ยื่นทำหน้าไม่พอใจไล่หลังพี่ต้นได้ซักพักก็มานั่งข้างๆฉันพร้อมยื่นใบกระดาษมาให้ตรงหน้า

 

        "อะไรคะแม่?"

 

        "ใบสมัครเรียนนน่ะ พี่ต่อเค้าไปเอามาให้" ฉันพยักหน้ารับรู้พร้อมหยิบใบสมัครขึ้นมาดู

 

        "แล้วเค้าจะรับตาลหรอค่ะ?" ฉันถามด้วยความสงสัย เพราะฉันจบม.5 มาจากต่างจังหวัด แล้วจะมาต่อม.6 ที่นี่

 

        "แม่ว่ารับนะ เพราะนี่มันโรงเรียนเอกชน" โรงเรียนเอกชนหรอ? ไหนดูซิ ฉันก้มลงมองใบสมัครโรงเรียนเซนต์ดอร์เบิร์ก? ชื่อแปลกจัง ฉันบรรจงกรอกใบสมัครอย่างละเอียด

 

        "อะ นี่กฎระเบียบของโรงเรียนอ่านซะ" แม่พูดพร้อมวางกฎของโรงเรียนไว้บนโต๊ะ

 

        "ค่ะ... แล้วถ้าตาลเขียนเสร็จแล้วจะเอาไปวางบนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องแม่นะคะ"

 

        "จ้า... เดี๋ยวแม่ทำอาหารเย็นก่อนนะ"

 

        "ค่าาา"

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา