Bad Boy & Girl ... ภารรักภารกิจร้าย

7.1

เขียนโดย zomii

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553 เวลา 21.03 น.

  35 บท
  144 วิจารณ์
  56.39K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

23) ม่ายยยย !

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
  
        เสียงออดของคาบสุดท้ายในวันนี้ดังขึ้นนายบรีสบอกทำความเคารพ พออาจารย์ประจำวิชาออกไปนอกห้องปุ๊บ ร่างเพรียวบางของอาจารย์เอมมิกาก็ก้าวเข้ามาคล้ายมารออยู่ก่อนแล้ว...เดินไปนั่งลงที่โต๊ะทางด้านหน้า นายบรีสเหลียวมองรอบกายก่อนเดินออกมายืนหน้าห้องหน้าเครียดขึ้นมาแทบจะทันที ทุกคนในห้องเห็นดังนั้นก็เริ่มมองหน้ากันอย่างใจไม่ดี
               
        "อย่างที่เธอสองคนพูดเลย ฝ่ายนั้นไม่ยอมด้วยประการทั้งปวง..."
               
        "เฮ้ย! จริงดิแม่งเห็นผู้หญิงดีกว่าส่วนรวมว่ะ" แซนด์วิชอุทานลั่นห้อง และทางอาจารย์สาวก็ไม่ได้ตำหนิที่พูดจาไม่เหมาะสม
               
        "ที่สำคัญ...ฝ่ายนั้นไม่ขัดข้องถ้าเราจะเปิดศึก!"
               
        คนในห้องเริ่มหันหน้าคุยกันเป็นการใหญ่
  
        "แล้วเราจะท้าดวลเรื่องอะไรดีวะ หมากรุกมั้ย...ไอ้ซอสมันเก่ง" แซนด์วิชเสนอขึ้น "หรือว่าจะตัวต่อตัวเลยอะ ยังไงทางเราก็มีไม้ทั้งคนใช่มั้ยวะ"
               
        ข้อเสนออีกข้อ สร้างเสียงฮือฮาให้คนในห้องได้ไม่น้อย บรีสรับฟังเงียบๆ ก่อนจะหันไปดูปฏิกิริยาของอาจารย์สาวที่หันมาส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะกระแอมเสียงออกมา
               
        "ทุกคนฟังครูหน่อยนะ... ครูมีข้อเสนอมาให้พิจารณากัน" พอได้ยิน ทั้งห้องก็พร้อมใจกันเงียบกริบ ตั้งหน้าตั้งตารอฟัง "เดือนหน้าทางโรงเรียนจะจัดประกวดดาวโรงเรียนเร็วขึ้นหนึ่งเดือนจ้ะ"
               
        "อาจารย์อย่าบอกนะคะว่าจะให้ห้องเราร่วมประกวดด้วย!...คือหนูไม่เห็นว่าห้องเราจะมีใครที่ดูโดดเด่นตรงไหน...นี่คะ" คำท้ายๆ เบาลง เมื่อเห็นครูสาวเริ่มขมวดคิ้ว
 
        "อย่าพูดดูถูกคนกันเองสิจ้ะ ต้นหลิว" อาจารย์เอมมิกาหลิ่วตาให้หญิงสาวที่นั่งหน้าห้อง ก่อนกวาดตามองทั่วห้อง “พวกเธอคิดว่าเราไม่มีอะไรที่โดดเด่นกว่าห้องอื่นเลยงั้นหรือ?"
               
        คำถามของจารย์เอม ทำให้นักเรียนหญิงในห้องเริ่มมองหน้าเพื่อนข้างๆ ก่อนจะพากันส่ายหน้าอย่างหมดหวัง
 
        "แล้วใครของอาจารย์ล่ะคับ...ที่ว่าโดดเด่น" บรีสที่กวาดตามองก็ไม่เห็นว่าใครจะเข้าท่า แต่ละคนกระโดกกระเดกกันทั้งนั้น แต่ถ้าถามเรื่องหน้าตาก็ผ่านเกณฑ์หลายคนเหมือนกัน แต่สรุปคือไม่ไหวแน่ๆ เฮ้อ~ ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม
               
        "พวกเธอคิดดีๆสิ  ใครที่โดดเด่น น่าค้นหาและดูน่าสนใจ ที่สำคัญเป็นของใหม่..."
               
        ตอนนี้หน้าของแต่ละคนมองไปในทางที่แตกต่างกันออกไป บ้างคิดตามก่อนมองหา บ้างมองหาเลยทั้งๆ ที่ฟังยังไม่จบ ส่วนพ่อหัวหน้าห้องกลับมองตามสายตาของอาจารย์สาวแทน และคำตอบของอาจารย์สาวก็คือ...!?
               
        หญิงสาวร่างบางที่นั่งหันรีหันขว้างมองรอบตัวอย่างไม่รู้ชะตากรรม ดวงตากลมโตภายใต้ขนตายาวงอนกระพริบปริบๆ เมื่อเพื่อนสาวข้างๆ สะกิดให้มองมาทางอาจารย์สาวที่จ้องมองตนอยู่ ใบหน้านวลเริ่มซีดขึ้น ปากบางอวบอิ่มเผยอออกน้อยๆ ด้วยความตกตะลึง พลางชี้นิ้วใส่หน้าตัวเอง
               
        "คะ!?" เสียงใสถามเริ่มใจคอไม่ดี มองตอบอาจารย์สาวที่ส่งยิ้มให้ก่อนตอบคำที่คนฟังแทบหงายหลังโครม
               
        "จ้ะ" สั้นๆ ง่ายๆ แต่คนฟังแทบร้องจ๊ากออกมา เริ่มมองหาตัวช่วยข้างกาย แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันหลบหน้า ช่วยฉันด้วยยย!
               
        "คือ...ไม่ดีมั้งค่ะ" ฉันรีบออกตัว นึกในใจว่าโค-ตะ-ระ ซวยจริงๆ ทำไมแจ็คพ็อตต้องมาแตกที่ฉันด้วยเนี่ย!
               
        "เธอรู้ได้ยังไงว่าไม่ดี...ว่าแต่รู้แล้วหรือว่าครูจะให้เธอทำอะไร...” อาจารย์สาวเริ่มใช้ลูกไม้ คนถูกถามกลับก็ตอบกลับแบบไม่ทันคิด
               
        "อ้าว...ไม่ใช่ว่าอาจารย์จะให้หนูลงประกวดหรอกหรือคะ" ฉันถามพาซื่อ ส่วนคนรู้ทันเกมของอาจารย์สาวตรงหน้าอย่างไม้ถึงกลับหลุดขำออกมา
               
        "ถูกต้องจ้ะ ครูดีใจที่เธอเข้าใจและก็เต็มใจที่จะช่วย"
               
        อาจารย์เอมมิกาพูดเสียงอ่อนแต่รวบรัด ส่วนคนเต็มใจที่จะช่วยนั่งกระพริบตาปริบๆ งงกับตัวเองว่าตอบตกลงตอนไหน ในหัวก็คิดหาคำปฏิเสธพัลวัน
               
        ฟังถึงตอนนี้ทุกคนก็เริ่มจับใจความได้ว่าคนที่อาจารย์พูดถึงคือ...ลูกตาล! สาวๆในห้องพยักหน้าเห็นด้วยเพราะจากรูปลักษณ์ภายนอกผ่านหมด แต่ถ้าลองเบี่ยงไปทางสุภาพบุรุษก็ดูจะอึ้ง! ทึ้ง! เสี่ยว! (เอ่อ รู้สึกว่าอันหลังนี้มันจะไม่เกี่ยว -*-) เพราะรู้ถึงความห้าวบ้าดีเดือดในสายเลือดของหญิงสาวผู้นี้ดี โดยเฉพาะสามแสบที่พากันนั่งอ้าปากค้าง ส่วนนายซอสกับนายแซนด์วิชแค่ยิ้มออกมาน้อยๆ อย่างนึกสนุก
               
        "จริงหรอตาล! ขนาดยังไม่ขอร้องเธอก็อาสาซะแล้วดีจริงๆ" บรีสรีบรับมุกต่อจากอาจารย์เอมมิกาทันที
               
        ไม่โว้ย! ม่ายยยย! >O< ฉันไม่เต็มใจแล้วก็ไม่ได้อาสาด้วย! ฉันถูกมัดมือโช๊กกกกกกกกกก T^T แล้วก็ไม่ต้องทำเสียงเหมือนดีใจขนาดน้านนนนนนนน ตูอยากตาย  แง๊~
 
        "เอ่อ...คือ"
 
        "ถ้าเป็นเธอ ฉันว่าต้องได้แน่ๆเลยตาล  รับรองไม่มีใครรู้ที่มาของเธอมาก่อน เธอจะต้องเป็นบุคคลลึกลับน่าค้นหาแน่ๆ!"
               
        ..เอ่อ...สรุปว่าจะให้ฉันไปประกวดหรือไปเป็นนักสืบกันแน่เนี่ย! แล้วฉันก็อยากร้องโฮออกมาให้น้ำตามันท่วมโลก! เมื่อมีเสียงสนับสนุนของเพื่อนๆ ในห้องดังขึ้นเสริมอีกมากมายก่ายกอง
               
        "ใช่ๆ เธอต้องทำได้แน่ๆ" พอแล้ว T^T
               
        "เธอออกจะสวยและก็เก่งด้วย ถ้าเป็นเธอต้องทำได้แน่เลย ฉันเชื่อในความสามารถของเธอนะตาล" พอเถอะ T_T
               
        "ตกลงนะจ้ะ ความหวังของทุกคนอยู่ที่เธอรวมถึงครูด้วยจ้ะ!" หนูอยากตายค่าา! TOT
               
        "แล้วผู้ปกครอง..." ฉันพยายามคิดหาคำพูด แต่อาจารย์เอมมิกาก็แทรกขึ้น
               
        "อ่อ...ครูลืมซะสนิทเลย แล้วไงเธอก็กลับไปขออนุญาตผู้ปกครองก่อนแล้วกัน แล้ววันจันทร์เราค่อยมาวางแผนเตรียมงานกัน" อาจารย์สาวสรุปรวดเดียวม้วนเดียวจบ ประมาณว่ายังไงๆ ก็ได้ชัวฟันธง! แต่ก่อนเดินออกจากห้องอาจารย์สาวก็หันมาตัดความหวังของฉันว่า "แล้วไงครูจะโทรไปช่วยพูดอีกทีแล้วกันนะจ้ะ"
               
        พูดจบก็โบกมือให้บรรดาลูกศิษย์ของเธอที่พูด ขอบคุณครับ/ค่ะ ลา
               
        พอร่างบางของอาจารย์เอมมิกาพ้นประตูไปเท่านั้นแหละ เสียงใสของคนมีภาระก็ดังขึ้นจนลั่นห้อง
               
        "โอ้ย! ฉันอยากตาย!!!"
 
        "ตาล...ฉันเข้าใจเธอ แต่เธอก็ต้องเข้าใจนะว่าเธอคือหนทางเดียวของพวกเราจริงๆ ถ้าจะให้ไปแข่งเรื่องวิชาการห้องเราก็สู้ไม่ได้ ถ้าจะรอให้ถึงกีฬาสีมันก็นานเกินไป...เธอต้องเข้าใจนะ" บรีสเอ่ยปลอบพร้อมเหตุผลที่ฟังยังไงๆ ก็...ฟังขึ้น!
               
        "ม่ายยย! ฉัน...ฉัน โธ่โว้ย!!" เดี๋ยวแม่พ่นไฟโชว์เลยดีไหม!
               
        โวยวายได้เพียงเท่านั้นก็ลุกพรวดพราดออกจากห้องไป อย่างจนคำพูดแก้เหตุผลของนายบรีสที่ยกมาให้! ท่ามกลางความเห็นใจของคนในห้องโดยไม่มีใครถือสาอาการของลูกตาลซักคน ตรงกันข้ามกลับเห็นใจด้วยซ้ำ ก่อนจะรีบหาคนไปช่วยพูดกับหญิงสาวให้มันเคลียๆ
 
 
.......................................
 
 
        "ซวย! ซวยจริงๆ!! ไม่มีแตนอินแล้วก็ไม่ใช้ตัวแสดงแทน อ๊าก~ ใครก็ได้ช่วยเอาฉันไปฝังทีเซ่! >O<" ฉันตะโกนลั่นดาดฟ้า พลางหอบหายใจ รู้สึกหายใจไม่ออกชั่วขณะ แฮกๆๆ กลุ้มโว้ย!!
               
        "ให้ฉันช่วยมั้ย?"
               
        ฉันสะดุ้งกลับหลังหันไปมองเจ้าของเสียง จึงเห็นนายไม้ยืนพิงกรอบประตูอยู่ มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง บนใบหน้ายังมีพลาสเตอร์แปะแผลติดอยู่ ตกลงหมอนี่มันไปฟัดกับหมาที่ไหนมา ด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดอยู่จึงกระชากเสียงกลับห้วนๆ
               
        "ไม่ต้อง! เรื่องของฉัน" ฉันหันหลังกลับมองภาพเบื้องหน้า เผื่อว่ามันจะช่วยระงับอารมณ์ของฉันได้บ้าง ฟืดดดดฟาดดดดด (เสียงหายใจเข้า–ออก)
               
        "แต่เมื่อกี้เธอ..."
               
        "ถ้านายจะมายั่วโมโหฉัน ฉันขอให้นายออกไปจากตรงนี้เถอะ ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะมาต่อปากต่อคำกับนายหรอกนะ!!" ฉันรีบตะโกนโต้กลับโดยไม่หันหน้ามองคนข้างหลัง ทั้งๆที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบเพราะฉันขี้เกียจฟัง!
               
        "มันจะอะไรกันนักกันหนา กะอีแค่ลงประกวดนิดๆ หน่อยๆ"
               
        ฉันกัดฟันพยายามข่มอารมณ์กับคำพูดของเขา หึหึ นิดๆ หน่อยๆ ถ้ามันง่ายนักทำไมไม่ลงประกวดเองเลยล่ะวะ
               
        "นายบอกว่าแค่! เหรอ...นายลองมาแบกรับความหวังของคนทั้งห้องดูมั้ย!"
               
        ฉันหันกลับไปสบตากับนายไม้ โดยที่นายนั่นมองหน้าบึ่งๆของฉันก่อนถอนหายใจ
               
        "...เธอจะตะโกนทำไมเนี่ย ลดเสียงลงหน่อยได้มั้ย" เขาพูดเสียงอ่อน "ทุกคนต้องการเธอ...พวกเราจะอยู่ข้างเธอ...ฉัน...ก็จะอยู่ข้างเธอเสมอ..."
               
        หะ...ฮะ! ว่าไงนะ ฉันสะดุดลมหายใจตัวเอง ไม่ค่อยมั่นใจว่าเมื่อกี้หูฝาดหรือเปล่า อะไรข้างๆนะ
               
        "ทำเพื่อ...พวกเรา...หน่อยได้มั้ย" เสียงพูดช้าๆ กะให้มันไหลเข้าสู่โสตประสาทของคนฟัง
               
        "ฉัน...ฉันว่าฉันทำไม่ได้...ทำไม่ได้แน่" ฉันส่ายหัวไปมา
 
        "ยังไม่ลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าจะทำไม่ได้"
 
        "นายก็รู้...ฉันไม่ใช่ผู้หญิง...เอ่อ...ผู้หญิงเรียบร้อย แล้วก็ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าประกวดหรอกเชื่อเถอะ" เสียงที่เอ่ยออกมาบ่งบอกถึงคนพูดมีความรู้สึกท้อแท้เพียงใด ส่วนคนฟังกลับกระตุกยิ้มที่มุมปาก
               
        "เธอกลัว?"
               
        ฉันเบิกตากว้างทันทีกับคำว่ากลัวของเขา ก่อนหันหลังขวับไปจ้องคนพูดเขม็ง
               
        "กลัวบ้าอะไรของนาย" ฉันพูดเสียงเข้ม
 
        "เธอกลัว...ใช่มั้ย!?" เสียงเข้มยังถามซ้ำอีก ทำให้อารมณ์ฆ่าได้หยามไม่ได้ของฉันพุ่งปี๊ด
 
        "นายถอนคำพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ!" เสียงคราวนี้ดังขึ้นอีก พร้อมตาที่ลุกวาวราวกับมีเปลวไฟอยู่ข้างใน แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงแต่ยักไหล่เบาๆ เท่านั้น
               
        "โอเคๆ แต่เธอต้องลงประกวดดาวโรงเรียนถือว่าฉันขอก็แล้วกัน"
 
        "ขอ!...แล้วนายจะมาขอร้องฉันในฐานะอะไรไม่ทราบ อย่าบอกนะว่าในฐานะเพื่อน...เพราะเท่าที่ผ่านมาฉันไม่คิดว่าเราสองคนอยู่ในฐานะนั้น..." ได้โอกาสตอกกลับซักป้าบก็สร้างความหรรษาบวกสะใจให้ฉันได้ไม่น้อย ฮะๆๆๆ ^O^
               
        "แล้วถ้าในฐานะประธานเทวะล่ะ" คราวนี้ฉันถึงกับอ้าปากค้างเบิกตาโต ใจที่ดื้อดึงอ่อนยวบทันทีที่สบตาสีนิลคู่นั้น
       
        "พูดถึงขนาดนี้ ฉันไม่รับก็จะยังไงอยู่นะว่ามั้ย...แต่ ฉันต้องการเบื้ยเลี้ยงจากนายนิดหน่อย"
 
        "เบี้ยเลี้ยง? เงินหรอ" ฉันยิ้มกระตุกทันทีที่ได้ยินคำว่าเงิน
 
        "ไม่ใช่เงิน แต่สิ่งที่ฉันต้องการมันคือสินน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากท่านประธานเทวะซึ่งก็คือนายต่างหาก"
 
        "แล้วเธอต้องการอะไร"
               
        "อืม..." ฉันขมวดคิ้วทำท่าคิดหนัก ก่อนดีดนิ้วอย่างตื่นเต้น "เพื่อเป็นการไม่เอาเปรียบฉันข้อนายแค่ 3ข้อ แล้วกัน"
               
        "ว่ามา" ฉันเบื่อเสียงเรียบๆไม่มีชีวิตชีวาของหมอนี่จริงๆ
               
        "ข้อแรก! หน้านายไปโดนอะไรมาทำไมมันถึงเละขนาดนี้..."
               
        คนหน้าเละถึงกับหน้ากระตุก เริ่มนับหนึ่งถึงล้านในใจ "มีเรื่องนิดหน่อย..."
 
        "เรื่อง? เรื่องอะไรกับใครหรอ" โอ๊ย! ฉันอยากจะฆ่าหมอนี้ทิ้งจริงๆ ปาดนี้คะแนนฉันโดนหักไปแล้วแหงๆเลย หึ่ย!
 
        "ถ้าฉันตอบอีกฉันจะนับว่าเธอขอฉันเพิ่มนะ"
 
        "เฮ้ย! ได้ไงก็นายยังตอบคำถามของฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะ"
 
        "จะฟังหรือไม่ฟัง" โห ไอ้ขี้งก ไอ้คนนิสัยไม่ดี
 
        "ไม่อยากรู้แล้ว ชิส์ งั้นฉันจะขอข้อสองเลยแล้วกัน หึ...ข้อสอง” ฉันชูสองนิ้วขึ้น "นับตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันประกวด นายต้องอยู่กับฉันและทำตามคำสั่ง..."
               
        "ไม่!" ไม้สวนกลับทันควัน
               
        "ไม่!?" แล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็กระตุกขึ้นที่มุมปากของฉัน "เฮ้อ...ฉันเข้าใจนายนะไม้...แต่ว่านายเป็นคนเริ่มก่อน ถ้านายไม่ยอมก็เป็นอันว่า...จบ!" ฉันเน้นคำว่าจบแบบเสียงดังฟังชัด ทำท่าจะเดินออกนอกประตูก่อนจะหยุดกึกเมื่ออีกฝ่ายตอบว่า
               
        "ตกลง! (-_-^)" เสียงตอบห้วนขึ้น แต่มีหรือคนอย่างฉันจะเกรงกลัวก็ตอนนี้กำลังอยู่เหนือกว่าเขา เอิ๊กๆ สะใจวุ้ย!
               
        "สาม" ชูสามนิ้วให้พร้อมรอยยิ้มเบิกบานสำราญฤทัยเมื่อคิ้วของอีกฝ่ายขมวดมุ่น
               
        "นี่ ทำไมนายชอบขมวดคิ้วตลอดเวลาเลยนะ ฉันว่าฉันยังไม่ขอข้อสามดีกว่า...แค่นายยอมข้อสองฉันก็ดีใจแล้ว" ฉันยิ้มกว้าง
 
        "แล้วถ้าเกิดฉันแพ้ขึ้นมาล่ะ..." เสียงที่พูดออกมานั้นเบาลงจากเมื่อครู่ "ทุกคนคงเสียใจ และผิดหวังมาก..."
               
        ไม้มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเห็นใจ เขารู้ว่าเธอหนักใจแค่ไหน...เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยเจอสถานการณ์คล้ายๆ กับเธอคนนี้เหมือนกัน แต่เขาเชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าจะต้องทำได้แน่ๆ เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ
               
        "ก็อย่างที่บอก เราทุกคนจะอยู่ข้างเธอ..."
               
        เหมือนมีคนเอาที่สูบยางมาสูบหัวใจของฉันให้พองโต จนกลั้นยิ้มไว้ไม่ไหว
 
        "อื้อ...แต่ฉันมาคิดๆดูอีกที ถ้าพ่อกับแม่ของฉันท่านไม่อนุญาตฉันคงจะฝืนท่านทั้งสองไม่ได้เนอะ แล้วฉันก็หวังว่านายจะเข้าใจเหมือนกันนะ" ฉันส่งใบหน้าเห็นใจปนรอยยิ้มไปให้อีกฝ่าย แต่ทว่าคนตรงหน้ากลับทำท่าเหมือนหัวเราะออกมา
               
        "ที่เธอพูดแบบนี้ เป็นเพราะเธอยังไม่รู้จักคนอย่างอาจารย์เอมมิกาดีพอ" แล้วเขาหันมาสบตากับฉันที่กำลังมองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้วตรงๆ แล้วพูดต่อพร้อมรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้า "เพราะคนอย่างอาจารย์เอมมิกาไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ และฉันก็เตือนเธอให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยแล้วกัน"
               
        ฉันถึงกับอึ้งค่ะพี่น้อง!...แล้วที่เนี่ยไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาแต่เป็นรอยยิ้มของเขาต่างหาก วันนี้บัดดี้ของฉันพูดเยอะกว่าทุกวัน แถมยังดูดีกว่าทุกวันด้วย ...ให้ตายสิ! ทำไมฉันถึงรู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มนั่นนะ อ๊ากกกก~ ลูกตาลตื่น! ตื่นเดี๋ยวนี้! ฉันรีบปลุกตัวเองออกจากความคิดบ้าๆ ณ บัดนาว
               
        "ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าจริงๆ ฉันก็ขอเตือนนายให้รีบปรับตัวดีกว่าเพราะว่านายต้องอยู่กับฉันตลอดเวลาในการฝึกซ้อม...แบร่" พูดจบก็รีบเผ่นเพราะแสร้งยิ้มให้อีกฝ่ายนานๆ ไม่ไว้ วันนี้แบตเตอร์รี่มันอ่อนต้องกลับไปชาร์ตก่อนเดี๋ยวหัวใจจะวายตาย >///<
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา