ชิโนบิ
3) พบพาน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๒
พบพาน
“พิม พิม มาดูนี้ซิกำไรอันนี้งามดีแท้” เสียงอันนุ่มนวลของจันทราดูสนิทสนมกับคู่สนทนา
“จ๊ะ งามจริงแท้” พิมพิราลัยตอบรับอย่างเห็นด้วย
หญิงสาวสองคนพร้อมบ่าวหญิงอีกสองคนเดินชมสินค้าที่ชาวบ้านทำขึ้นเองแล้วนำมาขายของแต่ละอย่างเลยดูออกมาประณีตมากเป็นที่ดึงดูดใจต่อผู้ที่มาพบเห็น
“พิม เดี่ยวฉันไปดูผ้าแทบโน้นก่อนนะ เจ้าจะไปกับข้าไหม”
พิมหยุดยืนดูสร้อยที่รอยด้วยหอยมุขและหยกที่แกะสลักอย่างประณีต พิมเลือกมองอย่างตั่งใจก่อนที่จะหันไปพูดตอบกับจันทรา
“เดี่ยวฉันตามไปนะจันทรา”
“งั้นก็ตามใจพิมแล้วกัน” จันทราเดินเข้าไปดูผ้าไหมด้วยอาการเคืองคู่สนทนาเล็กน้อย
ผ้าไหมท่อจากไหมแท้ๆท่อด้วยมืออย่างประณีตซึ่งไม่ใช่ชาวเมืองสยามที่เป็นผู้ท่อมัน แต่เป็นชาวต่างเมืองและพ่อค้าคนขายก็มิใช่ชาวบ้านแถวนี้แต่เป็นชาวอินเดียที่ได้นำผ้าไหมจากพ่อค้าคนจีนมาขายในเมืองสยามนี่ เนื่องจากการอพยพของชาวต่างชาติที่หนีสงครามในบ้านเมืองของตนมาอยู่เมืองที่สงบและปลอดภัยจากสงคราม ในเมืองสยามจึงเริ่มมีชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นชาวยุโรป อินเดีย จีน ละอีกหลายชนชาติยกเว้นชาวพม่าที่มิอาจหาญกล้ามาเหยียบแผ่นดินสยามหลังจากได้พ่ายแพ้สงครามอย่างยับเยินเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว แผ่นดินสยามจึงเป็นแผ่นดินที่แข็งแกร่งที่สุดในสมัยนี้
“ท่านสหัสชัย ยืนมองอันใดอยู่รึ” เสียงชายหนุ่มรูปร่างกรำย่ำสมชายชาตรีพูดขึ้นเพราะเห็นสหายของตนยืนเหม่อมองเหมือนดังโดนมนตร์สะกดไว้
“เออ…” เสียงตอบรับพร้อมกับอาการสะดุ้งจากเสียงเรียก
ชายหนุ่มรูปร่างงามสง่าสมชาย ผิดพรรณสีน้ำผึ่ง เขามีนามว่าสหัสชัย เป็นข้าราชกาลในวังหลวงรับใช้พระเจ้าหลวงอย่างซื้อสัตย์ เหมือนดังบิดาของเขา ซึ่งจัดว่า*บิดาของเขาอยู่ในข้าหลวงชั้นสูงเลยทีเดียว สหัสชัยได้ออกจากวังมากับสหายคนสนิทเพื่อมารับลูกสาวของลุงมั่นไปอยู่ในวังหลวงกับมารดาของตน พวกเขาเดินทางมาพร้อมบ่าวไพร่และทหารติดตามอีก 3-4 คน
*บิดาของสหัสชัยเป็นน้องชายต่างมารดากับลุงมั่น ซึ่งมีนามว่าแม้น
สิ่งที่สหัสชัยเหม่อมองอยู่นั้น ก็หาเป็นใครไม่ แต่เป็นหญิงสาวนามว่าพิมที่ยืนเลือกสร้อยอยู่อย่างตั่งใจ โดยไม่สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มเหม่อมองตลอดเวลา
“นางผู้นั้นรูปร่างงดงาม สมหญิงจริงๆ” เพื่อนสนิทนามว่า คณชาติมองตามหญิงงามที่สหัสชัยกล่าว
“ใช่ ท่าทางเครื่องแต่งกาย มิใช่หญิงชาวบ้านธรรมดาสะด้วยสิ ท่านสหัสชัยถูกใจนางรึ ” สหายสนิทกล่าวล้อเลียนสหัสชัย สหัสชัยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เมื่อมีหมู่บ้านก็ต้องมีนักเลง นายคงลูกเศรษฐีท้ายหมู่บ้านบังเอิญผ่านมาเจอจันทรา
“ว่าไงจ๊ะ จันทราจ๋า วันนี้เจ้าไม่ได้พาเพื่อนคนสวยมาด้วยหรือจ๊ะ” จันทราแสดงสีหน้าสะอิตสะเอียนกับคำพูดของผู้ที่ไม่ชอบหน้าสะเลย
“ไอ้คง ไปให้ไกลเลยนะ ในเพลานี้ข้ากำลังอารมณ์ดี เจ้าอย่าได้มาขัด”
จันทราตะคอกใส่ด้วยคำพูดที่ไม่ใยดี
“โอ … ดุด้วยเว้ย… ฮา…!!!” นายคงพูดแซวกับลูกน้องจอมทะเล้น
“น้องจันทรา พี่คงพูดดีกับเจ้า ใยถึงพูดจากับพี่ไม่ไพเราะเสียเลย”
ในขณะนั้น พิมได้ยินเสียงของจัรทรา นางก็รีบเดินไปหาเจ้าของเสียงในทันที
“เฮ้ย… นางไปไหนแล้วนะ” เสียงสหัสชัยหนุ่มที่แอบมองนางอุทานขึ้นเมื่อเห็นนางเดินหายไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว
“พวกแกจะทำอะไรจันทรานะ”
“มาแล้วหรือจ๊ะ พิมพิลาลัยคนสวยของพี่คง” นายคงพูดพรางเอื่อมมือจะไปแตะต้องตัวพิม
แต่ไม่ทันที่มือจะถึงตัวนาง พิมก้อัดนักเลงคงสะตาบวมเป็นมะนาว
“ลูกพี่ เป็นอย่างไรบ้าง” ลูกน้องนายคงตกใจมากเมื่อเห็นเจ้านายตนล้มหงายหลังไปทรุดกับพื้น
“จะเป็นอย่างไรเล่า มึงก็เห็นอยู่มิใช่หรือไอ้นี่” นายคงเสียหน้ามาก ได้แต่ตะคอกลูกน้องตนเพื่อกลบเกื่อนความละอายของตน
“พิม ทำไมถึงทำกับพี่เยี่ยงนี้เล่า”
“ทำไมนะหรึอ เพราะเจ้ามีสันดารเลวเช่นนี้ไง” จันทราสวนกลับแทนพิม
“ลูกพี่ พวกนางว่าลูกพี่เลวชั่วนะลูกพี่”
“กูได้ยินแล้ว” ลูกน้องนายคงโดนหลังมือของเจ้านายไปจนหงายหลังทรุดกับพื้น นายคงโมโหมากถึงกับจะเข้ามาฉุดจันทราที่ยืนด่าประจานตน พิมร้องกล่าวบอกนายคงปล่อยตัว นายคงก็พยายามฉุดพิมไปอีกคนแต่ไม่ทันได้ทำอะไรพิม สหัสชัยข้าราชการในวังเห็นความวุ่นวายในร้านขายผ้า จึงรีบเดินไปดูสถานการณ์ เห็นนายคงกำลังจะลวงเกินพิม หญิงที่ตนแอบหลงใหลอยู่จึงดิ่งเข้าไปช่วย
“หยุดนะ พวกนางเป็นหญิง นายไม่ควรลวงเกินพวกนาง”
“มึงเป็นใคร มึงคงหารู้ไม่ว่ากรูลูกเต้าเหล่าใคร อย่ามายุ่ง นี้มันเรื่องของกรู”
“พวกข้าจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อเจ้ายังไม่รู้เลย ว่าตนเองเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ”
คำพูดนี้ทำให้ นายคงโมโหมาก จึงหวังจะทำร้ายสหัสชัยแต่ด้วยฝีมือการต่อสู้ของสหัสชัยกับนายคงนั้นถือว่าแตกต่างกันมาก สหัสชัยเป็นถึงนายทหารชั้นกลางในวังหลวงฝีมืออย่างนายคงมิอาจจะเทียบหรือเอาชนะได้ นายคงพร้อมลูกน้องเมื่อได้ต่อสู้แล้วพายแพ้ได้เดินจากไปอย่างทรักทุแร
สหัสชัยทำให้จันทราแอบหลงใหลได้ปลื้ม นางมองสหัสชัยไม่กระพริบต่างจากพิมพิราลัยมิได้สนใจในชายหนุ่มแม้แต่น้อย
“ข้าขอขอบคุณท่านมาก แล้วพวกท่านมีนามว่ากะไรรึ”
จันทราไถ่ถามอย่างเป็นมิตร
“มิเป็นไรดอก ข้านามว่าสหัสชัย”
“ข้าคณชาติจ๊ะ” สหายสหัสชัยกล่าวทันทีที่สหัสชัยบอกชื่อของเขาเอง
“แล้ว เจ้ามีนามว่ากะไรรึ” สหัสชัยกล่าวถามแต่สายตาจับจองไปที่พิมพิราลัย
“ข้ามีนามว่าจันทราจ๊ะ”
“แล้ว…” จันทรารู้ในทันทีว่าชายหนุ่มหมายถึงใครภายในใจมีเสียใจเล็กน้อยที่เขาทำท่าทางสนใจพิมมากกว่าตน
“พิมจ๊ะ พิมพิลาลัย” จันทรากล่าวแทนพิมก่อนที่พิมจะอาปากพูด
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวว่ากลับกันเถอะ ฟ้าใกล้มืดแล้วเดียวเจ้าคุณพ่อจะเป็นห่วงนะ”
“แต่ฉันอยากอยู่ต่อนิ” จันทราตอบกลับเพราะตนอยากอยู่กะสหัสชัยให้นานกว่านี้
“เรากลับกันเถอะจันทรา ท่านลุงจะเป็นห่วงได้นะ” พิมกล่าว
“กลับก็กลับ เหอะ…”
หญิงสาวจันทรากล่าวลาชายหนุ่มก่อนเดินตามพิมพิลาลัยไป ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนคิดว่าทำไม พิมถึงไม่สนใจเขาเลย
พิมเป็นหญิงที่เงียบขรึม เย็นชา เนื่องมาจากเหตุการณ์สะเถือนใจเมื่อครั้งเยาว์วัย สิ่งที่นางคิดคือจะมีหัวใจไว้รักใครไม่ได้นอกจากการทำหน้าที่ที่ท่านตาได้สั่งก่อนสิ้นลมให้ดีที่สุด หน้าที่ที่ต้องแลกแม้แต่ชีวิตตัวเอง
*หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นจากจิตนาการส่วนตัวของผู้แต่งเองและอ้างอิงประวัติศาสตร์เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความรู้ให้แก่ผู้อ่านบ้าง แต่ก็มิได้เกิดจากเรื่องจริงแต่อย่างใด อย่าเครียดไปนะค่ะคุณผู้อ่าน ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ