ผู้พิทักษ์
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.40 น.
แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน พ.ศ. 2562 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) บทสรุป
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเสียงนาฬิกาปลุก ที่หัวเตียงดังขึ้นหลายครั้ง กว่าผู้ที่เป็นคนตั้งปลุกเอาไว้จะสะดุ้งตื่นจากความฝันและลุกงัวเงียขึ้นมาปิดมันได้ เวลาก็ได้ล่วงเลยไปจนกระทั่งสายมากแล้ว
หญิงสาวกระโดดลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วหลังจากมองไปยังหน้าปัดนาฬิกาเรือนนั้นแล้ว
อีกเพียงครู่เดียว อารดาก็ออกมาจากห้องพักของเธอ ขณะนี้เธออยู่ในเครื่องแบบนักศึกษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธอสวมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวและกระโปรงทรงเอยาวคลุมเข่า พอดีตัว เธอรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยในทันที
วันนี้หญิงสาวเข้าห้องเรียนเป็นคนสุดท้าย นักศึกษาและอาจารย์ที่กำลังทำการสอนอยู่ต่างก็จ้องมองมาที่เธอเป็นตาเดียว
เธอรีบเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ กลุ่มเพื่อนของเธออย่างรวดเร็ว โดยเธอไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เธออย่างพินิจพิจารณาอยู่
ตลอดเวลาเรียนในช่วงเช้า อารดาไม่มีสมาธิในการเรียนเลย เรื่องบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของเธอมาตลอดตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ทำให้เธอไม่มีกะจิตกะใจกับการเรียนในวันนี้เอาเสียเลย
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงหญิงสาวไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนๆ ในกลุ่มของเธอ และเพื่อนของเธอสังเกตเห็นได้ว่าวันนี้เธอกินข้าวได้น้อยกว่าปกติ
หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ อารดาขอตัวจากกลุ่มเพื่อนแล้วมุ่งหน้าไปยังหอสมุดของมหาวิทยาลัยทันที
ขณะที่เธอเดินเข้ามาถึงภายในหอสมุด เธอก็อดแปลกใจไม่ได้ที่วันนี้ หอสมุดมีผู้คนมากมายเป็นพิเศษกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมา
นักศึกษากลุ่มหนึ่งกำลังมุงดูอะไรกันสักอย่างด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
อารดาตรงดิ่งเข้าไปยังกลุ่มคนที่มุงดูกันอยู่ก่อนแล้ว เธอก็ได้พบหน้าจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ กำลังนำเสนอข่าวสารกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย
ก่อนที่เธอจะนึกในใจว่า
“เอ! นักศึกษาพวกนี้ไม่เคยดูข่าวสารของทางมหาวิทยาลัยกันเลยหรืองัยนะ เห็นเป็นเรื่องตื่นเต้นกันไปได้ ดูสิตั้งหน้าตั้งตามุงดูกันใหญ่เลย ข่าวพวกนี้ก็มีให้เห็นกันแทบทุกวันนี่นา”
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะเดินผละออกมาจากกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้น เธอก็ได้ยินเสียงประกาศข่าวจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอแทบจะต้องหยุดนิ่งฟังในทันที
เสียงนิสิตจากคณะนิเทศศาสตร์ประกาศด้วยเสียงดังฟังชัด ระรื่นหู ว่า
"สำหรับบทความดีเด่นประจำสัปดาห์ที่ทางมหาวิทยาลัยได้จัดประกวดขึ้นเพื่อคัดเลือกบทความที่ดีที่สุดไปลงในนิตยสารของสำนักพิมพ์ชื่อดัง"
"และเจ้าของบทความที่ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลเป็นเงินสดจำนวน 5,000 บาท ส่วนอันดับรองๆ ลงมาจะได้รับของที่ระลึกจากทางมหาวิทยาลัยนะคะ"
"และหลังจากคณะกรรมการได้ทำการคัดเลือกจากบทความทั้งหมดเกือบ 100 บทความ จากนักศึกษาทุกคณะทั่วทั้งมหาวิทยาลัยที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวด"
"ทางคณะกรรมการใช้เวลาคัดเลือกและตัดสินจนหาบทความที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศและอันดับรองๆ ลงมาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
อารดาแทบไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า เธอได้เดินแทรกกลุ่มนักศึกษาเหล่านั้นเข้ามาอยู่ตรงหน้าสุดของจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์นี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เธอยืนนิ่งและเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่
เสียงประกาศยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ
"เอาละค่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ดิฉันจะประกาศชื่อบทความที่ได้รับการตัดสินให้ได้รับรางวัลต่างๆ กันแล้วนะคะ"
"เริ่มจากบทความที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 กันก่อนนะคะ บทความที่ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 4 ได้แก่ บทความ เรื่อง…"
อารดารู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นรัวเร็ว มันเต้นแทบไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น เสียงประกาศยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยินชื่อบทความของเธอเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวชักจะเริ่มเกิดความรู้สึกหมดหวังซะแล้ว ระหว่างนั้นก็มีเสียงประกาศต่อไปอีกว่า
“และแล้วก็มาถึงรางวัลสำคัญกันแล้วนะคะ นั่นก็คือรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งของการประกวดบทความดีเด่นประจำสัปดาห์นี้ของทางมหาวิทยาลัยของเรากันซะทีนะคะ หลายคนคงกำลังรอลุ้นผลกันอยู่”
“รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งบทความดีเด่นประจำสัปดาห์ของเรา ได้แก่ บทความเรื่อง ความมืดและแสงสว่าง”
เมื่อได้ฟังชื่อบทความดีเด่นประจำสัปดาห์ที่ชนะเลิศเป็นประกาศสุดท้ายแล้ว อารดาก็เดินคอตกออกมาด้วยความผิดหวัง
แต่แล้ว จู่ๆ เสียงประกาศก็ดังขึ้นมาอีกรอบ
“ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะ เมื่อสักครู่นี้ประกาศชื่อบทความดีเด่นประจำสัปดาห์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศของมหาวิทยาลัยไม่ถูก ต้องขออภัยด้วยนะคะ ขออนุญาตประกาศแก้ไขให้ใหม่นะคะ ”
“บทความดีเด่นประจำสัปดาห์ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้แก่ บทความ เรื่อง ยิ่งมืดก็ยิ่งใกล้สว่าง ของนางสาวอารดา ผกาศิริสุข นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวรรณกรรมและงานเขียนค่ะ ก็ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณอารดามา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ.....”
หญิงสาวเมื่อได้ฟังประกาศจบลงครั้งนี้ เธอแทบจะเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ ในที่สุดความฝันของเธอก็เป็นจริงกับเขาซะที
อารามดีใจ ทำให้เธอไม่ทันระวังจนเผลอเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง ทำให้หนังสือที่หอบอยู่และเอกสารที่เขาถ่ายสำเนามา หล่นกระจายเกลื่อนพื้น
หญิงสาวรีบก้มลงเก็บหนังสือและเอกสารทั้งหมดบนพื้นทันที เพื่อที่จะนำมาคืนให้กับเขา
ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือและเอกสารอยู่นั้น เธอก็ได้เอ่ยปากขอโทษขอโพยคนที่เธอเดินชนเป็นการใหญ่
“ขอโทษนะคะที่ทำให้หนังสือและเอกสารของคุณเสียหายแบบนี้ พอดีดิฉันไม่ทันระวัง เลยเดินไปชนคุณเข้าให้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”
หญิงสาวรีบละล่ำละลักบอก ก่อนที่เธอจะต้องประหลาดใจอีกครั้งกับคำพูดของเขาที่ตอบกลับมาว่า
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณอารดา คุณคงกำลังรีบเพื่อที่จะไปรับรางวัลชนะเลิศของคุณสินะครับ หนังสือกับเอกสารของผมมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมายหรอกครับ ไม่ต้องห่วงครับ”
หญิงสาวรู้สึกสะดุดหูกับคำพูดของเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา พบว่าเขาเป็นนักศึกษาชายที่เธอไม่รู้สึกว่าคุ้นหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
เขาส่งยิ้มแบบเป็นมิตรมาให้เธอ
และดูเหมือนว่าเขาจะอ่านสีหน้าสงสัยของเธอออก
เพราะเขารีบพูดต่อว่า
“อ้อคุณคงไม่รู้จักผมสินะครับ ผมเพิ่งมาเรียนที่นี่ได้ไม่กี่อาทิตย์เอง ผมชื่อ สนธยา จะเรียกสั้นๆ ว่า สน ก็ได้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนักเขียนบทความดีเด่นประจำสัปดาห์อย่างคุณนะครับ คุณอารดา”
ไม่พูดเปล่า แถมยังยื่นมือขวามาตรงหน้าหญิงสาว ทำท่าจะเช็คแฮนด์กับเธอ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นหญิงสาวทำหน้างงๆ อยู่
เขาก็ตัดสินใจคว้ามือขวาของหญิงสาวมาเขย่าเบาๆ ตามธรรมเนียมสากล โดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
สนธยามองหน้าหญิงสาวใกล้ๆ ทั้งๆ ที่ยังถือวิสาสะกุมมือขวาของเธอเอาไว้อยู่
ชายหนุ่มยิ้มในหน้าและเขายังยื่นหน้าเข้ามาพูดเบาๆ ใกล้กับหูของหญิงสาวเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
"ผมได้อ่านบทความของคุณแล้วนะครับคุณอารดา ยอดเยี่ยมมากเลยครับ บทความของคุณเป็นเหมือนยาวิเศษที่ช่วยชุบชีวิตผู้คนที่กำลังยอมแพ้ให้ลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้เป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะครับ"
"คุณอารดาครับ ผมชอบบทความที่คุณเขียนมากเลย อ้อ! ผมเกือบลืมบอกไปแน่ะ บทความที่ผมส่งเข้าประกวดก็ได้รางวัลรองชนะเลิศต่อจากคุณด้วยนะครับ"
"บทความของผม ชื่อ ผู้พิทักษ์ :เพื่อนที่มองไม่เห็น ยังไงผมก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ"
"ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมคงได้มีโอกาสขอคำแนะนำในการเขียนบทความดีๆ จากคุณบ้างนะครับ คุณ อารดา"
สนธยาพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่มีความหมายพิเศษไปให้อารดาในระยะประชิด ซึ่งเขายืนอยู่ห่างกับเธอแค่คืบเดียว
พร้อมๆ กันนั้นเขาก็ได้จ้องเข้าไปในดวงตาทั้งสองข้างของเธอตรงๆ เพื่อสื่อความหมายพิเศษบางอย่างกับเธอ
โดยที่ชายหนุ่มยังไม่ได้ปล่อยมือขวาของอารดา ที่เขาจงใจกุมเอาไว้ตั้งแต่แรกเสียด้วยซ้ำ
หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหลบตาชายหนุ่ม ผู้ที่กำลังทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของเธอ เริ่มจะเต้นไม่เป็นจังหวะเข้าไปทุกทีๆ แล้ว.....
จบบริบูรณ์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ