หัวใจนี้เพื่อเธอ ตอนต่อ
-
1) ต่อจากตอนที่แล้ว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เป็นไงบ้างลูกฟ้า ที่มหาวิทยาลัย” คุณวินัยทักทายลูกสาวเป็นเชิงถาม “ก็ดีค่ะในส่วนของมหาวิทยาลัยนะค่ะคุณพ่อ ส่วนรุ่นพี่นี่สิขี้เต๊ะจริงๆ ชอบวางอำนาจเห็นว่าเป็นรุ่นพี่จะทำอะไรก็ได้ ลูกไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่เลยค่ะ” “โอ้ยลูกสาวฉัน ฟ้องใหญ่เลย” คุณวินัยพูดกลั้วหัวเราะ “คุณพ่อค่ะ” ฟ้าค้อนใส่คุณวินัย “เอาหน่าลูก เราก็ชอบคณะนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กว่าจะเอนทรานเข้ามาได้ เด็กสถาปัตย์ก็อย่างงี้แหละ อีโกสูง อ่าวแล้วคุณแม่ไปไหนหล่ะ คุณพ่อกลับมายังไม่เจอเลย” “อ๋อคุณแม่ไปงานการกุศลค่ะ เดี๋ยวก็คงจะกลับ คุณพ่อมีอะไรหรือป่าวค่ะ” “ป่าวหรอกลูก คุณพ่อแค่อยากจะคุยธุระนิดหน่อย ลูกจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะเดี๋ยวคุณพ่อจะขึ้นไปห้องทำงานสักหน่อย” สองพ่อลูกคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่คุณวินัยจะเดินขึ้นห้องทำงานไป ฟ้าเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป ไม่นานโทรศัพท์มือถือของฟ้าก็ดังขึ้น “นี่ยายฟ้า ตกลงเธอได้ไปค่ายอาสาหรือป่าว เธอต้องไปให้ได้นะยายฟ้าฉันไม่มีเพื่อนไป” ฟ้าและนุชคุยกันต่อไปอีกนิดหน่อยซึ่งก็ไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องของค่ายอาสา เมื่อว่างสายจากนุชเพื่อนสนิท ฟ้าทำหน้าเซงๆ เพราะตั้งแต่เธอขออนุญาตคุณแม่ของเธอคราวนั้น ก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ฟ้ายังคิดสงสัยอยู่เลยว่านายรุ่นพี่ขี้เต๊ะจะทำให้เธอได้ไปค่ายอาสาได้อย่างไร ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งปวดหัว ฟ้าทิ้งตัวลงไปบนที่นอนอย่างเซ็งๆเธอถอนหายใจ อยู่ดีๆภาพใบหน้าของรุ่นพี่ขี้เต๊ะคนนั้นก็ลอยขึ้นมาในหัว ใบหน้าคมๆจมูกเรียวๆเป็นสันเข้ารูปรับกับใบหน้าเล็กผมยาวตรงถูกรวบมัดอย่างเป็นระเบียบ อยู่ดีๆใบหน้านั้นกลับค่อยๆยิ้มใส่เธออย่างได้ใจ เธอสั่นหัวไปมาเหมือนกับจะไล่ใบหน้านั้นให้ออกจากหัวของเธอไป “ทำไมเราถึงเห็นแต่ใบหน้าขี้เต๊ะของนายนี่นะ” ฟ้าบ่นกับตัวเอง ฟ้าทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนที่จะเอามือทั้งสองข้างมาปิดที่ใบหน้าและถูไปมาเบาๆ เธอค่อยๆพลิกตัวกลับมานอนคว่ำ ใบหน้าซุกอยู่ในกรองผ้าห่มนุ่มๆ คืนนี้ฟ้าผลอยหลับไปพร้อมกับความคิดฟุ้งซานในหัว
หลังจากที่ผลงานออกแบบของพายเมื่อปีที่แล้ว ผลก็คือพายชนะเลิศการประกวดการออกแบบของนักออกแบบรุ่นใหม่ซึ่งเป็นงานประกวดระดับประเทศเพื่อคนหานักออกแบบตกแต่งภายในรุ่นใหม่ และหลังจากที่พายได้รางวัลชนะเลิศบริษัทต่างๆติดต่อเข้ามาเพื่อหวังจะดึงตัวเขามาทำงานด้วย เมื่อพายศึกษาจบ นั่นก็หมายความว่าพายจะไม่ตกงาน และทันทีที่เรียนจบพายจะมีงานทำทันที ซึ่งพายตกลงรับข้อเสนอของบริษัทออกแบบภายในชื่อดังบริษัทหนึ่งและได้เซ็นสัญญาเป็นพนักงานของบริษัท เหตุผลที่พายตัดสินใจรับข้อเสนอของบริษัทนี้ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงแต่เป็นเพราะทัศนะการทำงานของประธานบริษัทที่กว้างไกล อีกอย่างเขายังเป็นรุ่นพี่ของคณะแม้ว่าจะจบมานานและอายุมากกว่าพายหลายปี ซึ่งพายถือเป็นแบบอย่างตลอดมา และเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ทางบริษัทเสนอให้กับพายนั้นก็คือ ถ้าหากพายต้องการจะเรียนต่อไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศบริษัทก็จะออกทุ่นให้ซึ่งรวมไปถึงค่าใช่จ่ายทั้งหมด ตอนนี้พายได้ทั้งงานพิเศษและได้ทุนเรียนต่อ เขาได้เงินจากการทำงานที่บริษัทซึ่งเป็นกรณีพิเศษ ส่วนมากเขามักจะนั่งทำงานที่ห้องของเขา โดยที่ทางบริษัทจะสั่งงานผ่านทางอีเมล ซึ่งทำให้พายสามารถทำงานไปด้วยโดยที่ไม่มีผลกระทบต่อการเรียน พายจัดสรรเวลาได้เป็นอย่างดีทั้งทำงาน เรียน และกิจกรรมที่หมาวิทยาลัย พายยังเป็นประธานคณะและประธานชมรมอาสาเพื่อชุมชนอยู่ เขาโชคดีที่มีเพื่อนๆอย่าง วี อุ๊ และปูนคอยช่วยงานที่ชมรมและทั้งสามก็ทำได้ดี ช่วงนี้พายวุ้นๆแต่ก็เริ่มเข้าที่แล้ว เขาเริ่มเข้าชมรมบ่อยขึ้น ซึ่งมีคนที่ไม่ค่อยดีใจไปกลับคนอื่นในชมรมสักเท่าไหร่ นั่นก็คือ สาวตัวเล็กๆผิวขาวๆคิ้วเข้มๆเป็นเอกลักษณ์อย่างน้องฟ้า เธอมักจะปั้นหน้าใส่พายตลอดเวลา ตอนนี้พายกำลังเดินหาสปอนเซอร์มาสนันสนุนโครงการออกค่ายอาสาสร้างห้องสมุดให้น้อง และก็แน่นอนที่พายนำโครงการนี้ไปเสนอที่บริษัทที่เข้าทำงานอยู่ พายขอเข้าพบประธานบริษัทโดยแจ้งผ่านหัวหน้าที่ดูแลงานของเข้า และพายก็ได้รับการตอบรับให้มาเข้าพบประธานบริษัท โดยสถานที่นัดท่านประธานเลือกให้เป็นที่บ้านของท่านประธานเอง โดยที่แผนที่วันและเวลาถูกส่งไปที่อีเมลของพายเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาอีกสองเดือนก่อนที่จะไปค่ายอาสา ช่วงนี้พายและเพื่อนๆในคณะยุ่งกันมาก
บ่ายวันเข้าชมรม หลังจากที่นักศึกษาชั้นปีที่1และ2เข้ามาที่ห้องประชุมของชมรมจนเกือบครบแล้ว โดยมีรุ่นพี่ปี 3 เป็นผู้ควบคุม ทุกคนนั่งเป็นระเบียบเมื่อรู้ว่า พายจะเข้าประชุมวันนี้ ทำเอารุ่นน้องต้องทำตัวดีเป็นพิเศษ ไม่มีใครอยากโดนมรสุมจากพายสักเท่าไหร่ ปกติพายไม่ได้เป็นคนดุอะไร แต่เมื่อเขาต้องมาทำหน้าที่ประธานชมรมและประธานคณะซึ่งเขาก็รู้ดีว่าเด็กคณะนี้เป็นอย่างไร เพราะเขาก็เคยผ่านช่วงนี้มาก่อน การที่จะควบคุมเหล่าอินดี้ทั้งหลายในคณะนั้นจำเป็นอย่างมากที่พายจะต้องเปลี่ยนคาแลกเตอร์ของตัวเองเสียใหม่ ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างมาก บรรยากาศในห้องประชุมเงียบสงบดุจดังป่าช้า ปูนกระซิบกับอุ๊และวี “เฮ้ยพวกมึงว่า บรรยากาศมันเงียบไปไหมวะ ห่าเอาซะกูเสียวสันหลังเลยวะ พวกมึงว่าไหม” อุ๊และวีพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
“วันนี้ พวกคุณคงทราบดีว่า ที่ผมเรียกพวกคุณเข้าประชุมในวันนี้เป็นเรื่องอะไร เรื่องแรกคือผมต้องการให้พวกคุณช่วยกันคิดว่าพวกคุณจะทำอะไรให้กับโรงเรียนที่พวกเราจะไปออกค่ายซึ่งเป็นกิจกรรมเสริมขึ้นมาจากวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างห้อมสมุด และกิจกรรมนันทนาการเสริมนี้อาจจะเป็นการแสดงหรืออะไรก็ได้ที่เราจะทำให้พวกเขาในคืนวันสุดท้ายของการออกค่าย ขอให้เป็นการสร้างสรรค์นะครับและนำมาเสนอกับผมก่อนวันศุกร์หน้า ส่วนคนที่รับผิดชอบงานนี้ ผมให้คุณดาวคณะเป็นคนรับผิดชอบไปแล้วกัน เพราะสมาชิกชั้นปีคุณเยอะกว่าสมาชิกชั้นปีสอง มีปัญหาไหมคุณดาวคณะ” พายพูดโดยที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ซึ่งเป็นดังนั้น ฟ้าทั้งอึ่งกับความรับผิดชอบนี้ แต่อีกอารมณ์หนึ่งที่พุ่งพรวดขึ้นมาซึ่งทำให้ฟ้าโมโหจนควันแทบออกหู “นี่ฉันกำลังโดนแกล้งใช่ไหม นายประธานขี้เต๊ะ นายนี่มันตัวร้ายจริง แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดีหล่ะ !โอ้ยคิดไม่ออก ฉันอยากจะบ้า” “ผมหวังว่าคุณดาวคณะคงไม่ทำให้เสียหน้านะครับ เพราะหน้านั้นเป็นหน้าของคุณเอง” ประโยคที่พึ่งจบไปทำเอาฟ้าหน้าแดงกล่ำด้วยอารมณ์โมโหอย่างรุนแรง ฟ้าแทบจะลุกออกไปจากห้องประชุม แต่นุชคว้าแขนของเพื่อนสนิทไว้ เธอพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ฟ้านั่งลงก่อน เพราะว่าถ้าฟ้าลุกไปตอนนี้อาจจะทำให้พวกรุ่นพี่ไม่พอใจ “เรื่องแรกเป็นอันจบไปนะ มีใครมีปัญหาไหม” คราวนี้พายหันมามองหน้าคนที่กำลังอารมณ์บูด ฟ้าปั่นหน้ายักษ์ใส่พาย อีกฝ่ายหันไปพูดต่อ “เรื่องที่สอง สำหรับใครที่มีโรคประจำตัวหรือมีอาการแพ้ต่างๆ รบกวนมาแจ้งข้อมูลให้กับ พี่ปูนด้วย” พายหันไปหาปูน ที่กำลังยืนคุยอยู่กับอุ๊และวี ปูนสะดุ้งเมื่อรู้ว่าพายหันมาสายตาเชิงตำนิของเพื่อน ทำให้ปูนรู้สึกผิดทั้นที พายพยักหน้าให้ปูนเดิมมาที่เขา “ปูนจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ เป็นอันรับทราบกันทุกคนแล้วนะครับ” พายหันไปพยักหน้าให้กับปูนเป็นเชิงบอกให้เขากลับเข้าที่เดิมได้ “ส่วนเรื่องต่อไป โรงเรียนที่เราจะไปออกค่ายอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ส่วนชื่อโรงเรียนผมยังไม่ขอบอกตอนนี้ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวไว้รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีดี ผมอยากให้ทุกคนในชมรมของเราได้ไปออกค่าย เพราะถือว่าเป็นการแบ่งปันให้กับน้องๆที่เขาขาดโอกาสขาดหนังสือดีๆ ที่จะช่วยส่งเสริมจินตนาการของน้องๆเหล่านั้น ฝากไว้ด้วยใครที่มีหนังสือดีๆที่คุณคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆเหล่านั้นก็ขอให้ช่วยกันเอามาบริจาคด้วยนะครับ ผมจะตั้งกล่องรับบริจาคหนังสือไว้ที่หน้าชมรมและก็ที่ชั้นล่างของคณะสถาปัตย์นะครับ ฝากให้สมาชิกของชมรมทุกคนไปกระจายข่าวดีๆนี้ ถือว่าพวกคุณทุกๆคนได้สร้างโอกาสดีๆไม่มากก็น้อยให้พวกน้องๆแล้ว ขอบคุณครับขอบคุณที่เข้ามาเป็นสมาชิกในชมรมของพวกเรา ขอบคุณที่พวกคุณมีน้ำใจขอบคุณครับ” น้ำเสียงของพายอ่อนลงฟังดูอบอุ่น จนฟ้าเผลอมองพายและตั้งใจฟังทุกประโยคทุกถอยคำของพาย ซึ่งฟังดูแล้วเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นนั้น “แต่เอะฉันมานั่งสรรเสริญอีตานี่ทำไมนิ่ อีตาบ้าแกล้งกันได้แกล้งกันดี ตัวเองถือเป็นรุ่นพี่แถมเป็นประธานคณะ....เห้อ ขืนเรามีปัญหาด้วยคงไม่รอดแน่ ฉัน” ฟ้าพาตัวเองกลับเข้าสู่อาการปกติ “ทำไงดีหล่ะนุชฉันทำไม่ได้แน่ๆ ไอ้กิจกรรมนั้นนะ แล้วฉันจะทำอะไรดีหล่ะนุช” ฟ้าบ่นเป็นหมีกินผึ่งตลอดทางที่เดินเข้าห้องเรียน “นี่ยายฟ้า เธอไม่ต้องห่วงเลยเดี๋ยวฉันจัดการให้ เรื่องการแสดงนั่นนะเพื่อนๆห้องเราตั้งเยอะตั้งแยะไม่ต้องกลัว เดี๋ยวค่อยประชุมกันนะ ยายฟ้าไม่ต้องคิดมาก แล้วนี้ตกลงเธอได้ไปออกค่ายแล้วใช่ไหม พี่พายเขาถึงให้เธอเป็นคนรับผิดชอบกิจกรรมนี้นะยายฟ้า” ฟ้านิ่งไป คิ้วเข้มๆเริ่มขมวดเข้าหากัน “ใช่ตกลงนายขี้เต๊ะ ไปขออนุญาติคุณแม่ให้เราแล้วเหรอ ไม่เห็นคุณแม่พูดอะไรเลย ตกลงยังไงกันนี้” ฟ้านั่งคิดมากเรื่องออกค่ายตลอดบ่ายวันนั้น ทั้งเรื่องงานที่เธอถูกพายมัดมือชกรับบผิดชอบงานกิจกรรมเสริม และเรื่องที่ขออนุญาตคุณแม่ของเธอเรื่องไปออกค่าย จนถึงตอนจะกลับบ้าน
ฟ้าเดินมานั่งรอรถของที่บ้านมารับที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะตามปกติ ใบหน้าบึ้งๆยังไม่เลือนไปจากใบหน้าของฟ้าในหัวต่างครุ่นคิดแต่เรื่องเมื่อกลางวัน ฟ้าถือว่านี้เป็นงานระดับชาติเลย เธออาจเสียหน้าได้ง่ายๆ ซึ่งตั้งแต่เด็กจนโตมาฟ้าไม่เคยตกเป็นตัวตลกต่อหน้าใครมาก่อนยิ่งมีตำแหน่งดาวคณะมาค้ำคออยู่ยิ่งไม่สมควรใหญ่ ที่สาวน้อยน่ารักอย่างเธอจะต้องอับอายกลายเป็นตัวตลกเพราะนายขี้เต๊ะอย่างนายพาย “ฉันจะต้องทำให้ได้” ฟ้าให้กำลังใจตัวเอง ก่อนที่เธอจะหันไปเห็นนายขี้เต๊ะกำลังยืนคุยกับอาจารย์ เธอรีบหันหลังหนีด้วยอารมณ์ในขณะนั้นของฟ้าไม่อาจจะควบคุมสติให้คุยกับใครดีดีได้ๆ
เมื่อพายคุยธุระกลับอาจารย์เสร็จเขาจึงขอลากลับทันที พายต้องเดินมาเก็บกล่องบริจากหนังสือที่ตั้งอยู่หน้าคณะ และเมื่อฟ้าเห็นว่านายขี้เต๊ะกำลังจะเดินมาเธอจึงรีบลุกเพื่อจะเดินหนีไปทางอื่น แต่ก็ไม่ทันที่พายจะเห็นว่าฟ้ากำลังจะลุกไป “นี่คุณ” พายตะโกนเรียกเป็นการห้ามให้อีกฝ่ายหยุด “ลุกหนีรุ่นพี่ที่กำลังเดินมานี่ ไม่ใช่มารยาทที่ดีเลยนะคุณดาวคณะ” พายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ฟ้ารู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เลวร้ายสำหรับเธอ เธอถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปหาเจ้าของเสียงนั้น “ฟ้าไม่ได้ลุกหนีนะค่ะ แต่ฟ้าจะไปเข้าห้องน้ำต่างหาก” เธอเฉไฉไป ซึ่งพายก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกหก “ใช่เหรอคุณ” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเค้นความจริง จนเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงอาการอึกอักเข้าจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ไปมากกว่านี้ “แล้วนี่คุณไม่กลับบ้านอีกเหรอ พวกปีหนึ่งกลับไปกันหมดแล้วนี้” ก่อนที่จะมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเธอแม้ว่าจะเป็นใบหน้าที่เปลื่อนบึ้งๆนิดๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ก็ต้องรอให้อีกฝ่ายสะกิดจนเขารู้สึกตัว “นี่คุณเป็นอะไรนิ จ้องหน้าฉันอยู่ได้” พายเฉไปมองทางอื่นเป็นการเก้อเขิน “ เออนี่ ผมขอที่อยู่บ้านคุณหน่อยสิ ผมจะได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ของคุณให้ เพราะถ้าโทรไปมันจะผิดมารยาท” พายพูดหน้าตาเฉยเพราะในใจไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น แต่อีกฝ่ายกำลังสับสนกับคำถามนี้เป็นอย่างมาก “นายขี้เต๊ะจะทำอะไรอีกนี่ จะหาเรื่องแกล้งอะไรเราอีก” แม้ว่าฟ้าจะไม่อยากให้ที่อยู่ของเธอสักเท่าไหร่ แต่ด้วยคนที่ขอเป็นรุ่นพี่และประธานคณะ แถมยังเป็นประธานชมรมอีก ถ้าเธอไม่ให้อาจจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว และอีกอย่างการไปค่ายอาสาครั้งนี้เป็นโครงการที่ดีซึ่งเธอก็อยากไปแถมเพื่อนในห้องก็ไปกันเกือบหมด การไปชนบทแบบนี้เธอก็ไม่มีโอกาสได้ไปมาก่อนและนี่ก็เป็นเหตุผมหนึ่งที่คุณแม่ของเธอเองห้ามเป็นอันขาดซึ่งอาจด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวจะลำบากทั้งเรื่องการเดินทางและความเป็นอยู่ที่อาจจะไม่สบายเหมือนกับที่บ้าน ซึ่งฟ้าก็เขาใจในความรู้สึกของคุณแม่แต่เธอก็ยังอยากที่จะไปออกค่ายอาสาครั้งนี้อยู่ดี “งั่นก็ได้ค่ะ” หลังจากที่ฟ้าพูดจบเธอหยิบกระดาษจดโน้ตแผ่นไม่เล็กมากมาจดที่อยู่ให้กับพาย ฟ้าหยุดคิดขณะที่เขียนที่อยู่ว่า เธอต้องให้เบอร์โทรศัพท์มือถือด้วยหรือป่าว ซึ่งเผื่อว่าเขาไปไม่ถูก ฟ้าจึงเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไปที่ด้านหลังเพื่อว่านายขี้เต๊ะไปไม่ถูกจริงๆ เมื่อฟ้าตรวจดูว่าที่อยู่ที่เขียนไปถูกต้องเธอจึงยื่นให้พาย พายรับมาดูก่อนที่จะใส่ในกระเป๋าเสื้อ “แล้วตอนนี้คุณว่างไหม คุณดาวคณะ” ฟ้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายชอบเรียนเธอว่าดาวคณะเพราะฟังดูแล้วเหมือนประชดยังไงไม่รู้ “นี่คุณฉันมีชื่อเรียกนะ” ฟ้าพูดโดยไม่มองหน้า ก่อนที่เธอจะหันมาปั่นหน้ายักษ์ใส่พายไปอีกหนึ่งโรง “ก็ได้งั่นผมจะไม่เรียกคุณว่าดาวคณะอีกแล้วแต่ผมจะเปลี่ยนไปเรียนคุณว่า ยายคิ้วเข้มดีไหม” ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี จนทำให้ฟ้าต้องกัดปากทำหน้าบึ่งใส่พายด้วยความอายและเขินก่อนที่จะใช้กำปั้นเล็กๆของเธอทุบไปที่ไหล่ของพายเบาๆอย่างลืมตัว ดูผิวเผินเหมือนกับว่าทั้งสองกำลังหยอกล้อกัน ซึ่งแท้จริงแล้วทั้งสองไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ฟ้าหันไปทางอื่นทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าเธอได้ทำอะไรลงไป ฟ้าอยากจะนี้ไปจากที่ตรงนั้นจริงด้วยความอายซึ่งเธอไม่น่าทำไปแบบนั้น “งั่นผมไปเก็บกล่องรับบริจาคก่อนดีกว่าไม่อยากอยู่กวนประสาทใครแถวนี้แล้ว” พายรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน เขาจึงรีบหยุดการสนทนาระหว่างเขาและเธอ เพราะถ้าคนอื่นมาเห็นจะดูไม่ดีในที่นี้มีแค่เขาและเธอสองคนเท่านั้น ซึ่งฟ้าและเขาอาจจะถูกมองไม่ดีก็เป็นได้ “นี่คุณตรงนี้นะมันไม่มีคนอยู่นะเดี๋ยวถ้าค่ำกว่านี้แล้วมันจะมืด ผมแนะนำให้คุณไปรอหน้ามหาวิทยาลัยดีกว่านะคุณ” แล้วพายก็รีบวิ่งไปโดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่าย ซึ่งเจ้าตัวก็เห็นว่าเป็นดังเช่นที่พายเตือนเพราะขนาดตอนที่นั่งไม่มืดหน้าตึกเรียนยังเงียบขนาดนี้ ฟ้ารีบพาตัวเองไปที่หน้ามหาวิทยาลัยซึ่งก็ไกลพอสมควร เธอจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ถึงหน้าหมาวิทยาลัยก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ ระหว่างทางคนขับรถที่บ้านก็มารับพอดีซึ่งฟ้าได้รับการของโทษจากลุงดินคนขับรถเป็นการใหญ่ เพราะกว่าที่ลุงดินจะพ้นรถติดเข้ามารับฟ้าได้แถมบนถนนยังเกิดอุบัติเหตุอีก ด้วยเห็นนี้ลุงดินจึงมารับฟ้าช้ากว่าปกติ
พายกลับมาถึงห้องพักและพบว่าบีก็ยังไม่กลับ “คงจะอยู่กับเอกตามเคย” พายบ่นเบาๆ ก่อนที่จะเอาตะกร้าผ้าที่เขาใส่แล้วและของบีไปซักเพราะวันนี้เป็นเวรเขาซักฟ้า พายค่อยๆแยกผ้าสีแล้วผ้าขาวออกจากกัน เขาซักผ้าเงียบๆที่หลังห้องซึ่งก็ใช่เวลาที่นานพอสมควรและนานจนเขาลืมไปเลยว่าเขายังไม่ได้กินข้าว หลังจากที่ตากผ้าเสร็จเสียงกุญแจไขลูกบิดที่ประตูดังขึ้น บีเดินเข้ามาในห้องด้วยอาการโซเซเหมือนคนที่ดื่มเหล้ามา ขณะที่บีกำลังจะล้มพายจึงรีบเข้ามาประคองทันที พายพาบีไปนอนที่เตียงเขารีบเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวให้กับบี จนบีอาการเริ่มดีขึ้นพายทิ้งให้บีนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะด้วยอาการเมาค้างยังหลงเหลืออยู่ พายลงมาซื้อข้าวให้ตัวเองก่อนจะไปสั่งข้าวต้มปลาให้กับบีที่ร้านหน้าปากซอย พายแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อน้ำแดงแบบชงยี่ห้อหนึ่งมาไว้ชงให้บีกิน เมื่อซื้อของจนครบแล้วพายจึงรีบวิ่งขึ้นมาบนห้อง ภาพที่เห็นคือบีนอนเลอะอ้วกอยู่บนที่นอน เขารีบเอาบีมานอนที่พื้น ก่อนที่จะถอดผ้าปูที่นอนไปซักในเครื่องซักผ้า ชุดนักศึกษาเลอะไปด้วยอ้วก พายไม่รู้จะทำอย่างไร จะปล่อยให้เพื่อนนอนเหม็นอ้วกก็จะเป็นการทารุนเพื่อนไปหน่อย พายเลยไปเรียกน้องผู้หญิงที่อยู่ห้องข้างๆเพื่อมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับบี “ฝ้าย พี่รบกวนเช็ดตัวให้บีด้วยนะผ้ากับน้ำอยู่ที่โต๊ะแล้ว” พายพูดเสร็จก็เดินออกไปรอข้างนอกห้อง พายรออยู่พักหนึ่งก่อนที่ฝ้ายน้องข้างห้องเปิดประตูออกมา พายจัดแจงซักเสื้อผ้าให้บีทั้งทีเพราะด้วยกลิ่นอ้วกที่ไม่อาจจะทนไหว ก่อนที่พายจะปูผ้าปูที่นอนใหม่แล้วลากเอาบีกลับขึ้นไปนอนที่เตียงเช่นเดิน ก่อนที่เขาจะหันมาสนใจเรื่องของตัวเอง พายเทข้าวที่พึ่งซื้อมาใส่จานซึ่งเป็นข้าวมันไก่พิเศษ พายเอาถุงข้าวต้มปลาไปไว้ในตู้เย็นไว้บีตื่นแล้วเดี๋ยวค่อยเอาไปอุ่นในตู้ไมโครเวฟ พายเปิดคอนนั่งเช็คอีเมลที่ทางบริษัทส่งมาให้ รายการในเมลบ๊อซมีไฟล์งานและที่อยู่ของท่านประทานบริษัทเขาจึงรีบเปิดดู ที่อยู่ “เอะที่อยู่นี้คุ้นๆ” พายนึกยังไงก็นึกไม่ออก เขาเดินไปดูใบที่อยู่ที่ฟ้าให้เขามา แต่ก้สายไปเสียแล้วจากแผ่นกระดาษตอนนี้แม้แต่เศษยังหาไม่เจอ “ซวยแล้วไอ้พาย ทำที่อยู่น้องฟ้าขาดยุ้ยขนานนี้ แต่ช่างเหอะเดี๋ยวเราค่อยไปขอน้องฟ้าใหม่ก็ได้” ก่อนจะกลับมาสนใจไฟล์งานที่บริษัทส่งมาให้และเรื่องที่พายขอนัดกับท่านประธานบริษัทที่จะคุยเรื่องขอสปอนเซอร์จากทางบริษัทมาสนับสนุนโครงการค่ายอาสา
หลังจากที่ผลงานออกแบบของพายเมื่อปีที่แล้ว ผลก็คือพายชนะเลิศการประกวดการออกแบบของนักออกแบบรุ่นใหม่ซึ่งเป็นงานประกวดระดับประเทศเพื่อคนหานักออกแบบตกแต่งภายในรุ่นใหม่ และหลังจากที่พายได้รางวัลชนะเลิศบริษัทต่างๆติดต่อเข้ามาเพื่อหวังจะดึงตัวเขามาทำงานด้วย เมื่อพายศึกษาจบ นั่นก็หมายความว่าพายจะไม่ตกงาน และทันทีที่เรียนจบพายจะมีงานทำทันที ซึ่งพายตกลงรับข้อเสนอของบริษัทออกแบบภายในชื่อดังบริษัทหนึ่งและได้เซ็นสัญญาเป็นพนักงานของบริษัท เหตุผลที่พายตัดสินใจรับข้อเสนอของบริษัทนี้ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงแต่เป็นเพราะทัศนะการทำงานของประธานบริษัทที่กว้างไกล อีกอย่างเขายังเป็นรุ่นพี่ของคณะแม้ว่าจะจบมานานและอายุมากกว่าพายหลายปี ซึ่งพายถือเป็นแบบอย่างตลอดมา และเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ทางบริษัทเสนอให้กับพายนั้นก็คือ ถ้าหากพายต้องการจะเรียนต่อไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศบริษัทก็จะออกทุ่นให้ซึ่งรวมไปถึงค่าใช่จ่ายทั้งหมด ตอนนี้พายได้ทั้งงานพิเศษและได้ทุนเรียนต่อ เขาได้เงินจากการทำงานที่บริษัทซึ่งเป็นกรณีพิเศษ ส่วนมากเขามักจะนั่งทำงานที่ห้องของเขา โดยที่ทางบริษัทจะสั่งงานผ่านทางอีเมล ซึ่งทำให้พายสามารถทำงานไปด้วยโดยที่ไม่มีผลกระทบต่อการเรียน พายจัดสรรเวลาได้เป็นอย่างดีทั้งทำงาน เรียน และกิจกรรมที่หมาวิทยาลัย พายยังเป็นประธานคณะและประธานชมรมอาสาเพื่อชุมชนอยู่ เขาโชคดีที่มีเพื่อนๆอย่าง วี อุ๊ และปูนคอยช่วยงานที่ชมรมและทั้งสามก็ทำได้ดี ช่วงนี้พายวุ้นๆแต่ก็เริ่มเข้าที่แล้ว เขาเริ่มเข้าชมรมบ่อยขึ้น ซึ่งมีคนที่ไม่ค่อยดีใจไปกลับคนอื่นในชมรมสักเท่าไหร่ นั่นก็คือ สาวตัวเล็กๆผิวขาวๆคิ้วเข้มๆเป็นเอกลักษณ์อย่างน้องฟ้า เธอมักจะปั้นหน้าใส่พายตลอดเวลา ตอนนี้พายกำลังเดินหาสปอนเซอร์มาสนันสนุนโครงการออกค่ายอาสาสร้างห้องสมุดให้น้อง และก็แน่นอนที่พายนำโครงการนี้ไปเสนอที่บริษัทที่เข้าทำงานอยู่ พายขอเข้าพบประธานบริษัทโดยแจ้งผ่านหัวหน้าที่ดูแลงานของเข้า และพายก็ได้รับการตอบรับให้มาเข้าพบประธานบริษัท โดยสถานที่นัดท่านประธานเลือกให้เป็นที่บ้านของท่านประธานเอง โดยที่แผนที่วันและเวลาถูกส่งไปที่อีเมลของพายเรียบร้อยแล้ว เหลือเวลาอีกสองเดือนก่อนที่จะไปค่ายอาสา ช่วงนี้พายและเพื่อนๆในคณะยุ่งกันมาก
บ่ายวันเข้าชมรม หลังจากที่นักศึกษาชั้นปีที่1และ2เข้ามาที่ห้องประชุมของชมรมจนเกือบครบแล้ว โดยมีรุ่นพี่ปี 3 เป็นผู้ควบคุม ทุกคนนั่งเป็นระเบียบเมื่อรู้ว่า พายจะเข้าประชุมวันนี้ ทำเอารุ่นน้องต้องทำตัวดีเป็นพิเศษ ไม่มีใครอยากโดนมรสุมจากพายสักเท่าไหร่ ปกติพายไม่ได้เป็นคนดุอะไร แต่เมื่อเขาต้องมาทำหน้าที่ประธานชมรมและประธานคณะซึ่งเขาก็รู้ดีว่าเด็กคณะนี้เป็นอย่างไร เพราะเขาก็เคยผ่านช่วงนี้มาก่อน การที่จะควบคุมเหล่าอินดี้ทั้งหลายในคณะนั้นจำเป็นอย่างมากที่พายจะต้องเปลี่ยนคาแลกเตอร์ของตัวเองเสียใหม่ ซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างมาก บรรยากาศในห้องประชุมเงียบสงบดุจดังป่าช้า ปูนกระซิบกับอุ๊และวี “เฮ้ยพวกมึงว่า บรรยากาศมันเงียบไปไหมวะ ห่าเอาซะกูเสียวสันหลังเลยวะ พวกมึงว่าไหม” อุ๊และวีพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
“วันนี้ พวกคุณคงทราบดีว่า ที่ผมเรียกพวกคุณเข้าประชุมในวันนี้เป็นเรื่องอะไร เรื่องแรกคือผมต้องการให้พวกคุณช่วยกันคิดว่าพวกคุณจะทำอะไรให้กับโรงเรียนที่พวกเราจะไปออกค่ายซึ่งเป็นกิจกรรมเสริมขึ้นมาจากวัตถุประสงค์หลักคือการสร้างห้อมสมุด และกิจกรรมนันทนาการเสริมนี้อาจจะเป็นการแสดงหรืออะไรก็ได้ที่เราจะทำให้พวกเขาในคืนวันสุดท้ายของการออกค่าย ขอให้เป็นการสร้างสรรค์นะครับและนำมาเสนอกับผมก่อนวันศุกร์หน้า ส่วนคนที่รับผิดชอบงานนี้ ผมให้คุณดาวคณะเป็นคนรับผิดชอบไปแล้วกัน เพราะสมาชิกชั้นปีคุณเยอะกว่าสมาชิกชั้นปีสอง มีปัญหาไหมคุณดาวคณะ” พายพูดโดยที่ไม่มองหน้าอีกฝ่าย ซึ่งเป็นดังนั้น ฟ้าทั้งอึ่งกับความรับผิดชอบนี้ แต่อีกอารมณ์หนึ่งที่พุ่งพรวดขึ้นมาซึ่งทำให้ฟ้าโมโหจนควันแทบออกหู “นี่ฉันกำลังโดนแกล้งใช่ไหม นายประธานขี้เต๊ะ นายนี่มันตัวร้ายจริง แล้วนี่ฉันจะทำยังไงดีหล่ะ !โอ้ยคิดไม่ออก ฉันอยากจะบ้า” “ผมหวังว่าคุณดาวคณะคงไม่ทำให้เสียหน้านะครับ เพราะหน้านั้นเป็นหน้าของคุณเอง” ประโยคที่พึ่งจบไปทำเอาฟ้าหน้าแดงกล่ำด้วยอารมณ์โมโหอย่างรุนแรง ฟ้าแทบจะลุกออกไปจากห้องประชุม แต่นุชคว้าแขนของเพื่อนสนิทไว้ เธอพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ฟ้านั่งลงก่อน เพราะว่าถ้าฟ้าลุกไปตอนนี้อาจจะทำให้พวกรุ่นพี่ไม่พอใจ “เรื่องแรกเป็นอันจบไปนะ มีใครมีปัญหาไหม” คราวนี้พายหันมามองหน้าคนที่กำลังอารมณ์บูด ฟ้าปั่นหน้ายักษ์ใส่พาย อีกฝ่ายหันไปพูดต่อ “เรื่องที่สอง สำหรับใครที่มีโรคประจำตัวหรือมีอาการแพ้ต่างๆ รบกวนมาแจ้งข้อมูลให้กับ พี่ปูนด้วย” พายหันไปหาปูน ที่กำลังยืนคุยอยู่กับอุ๊และวี ปูนสะดุ้งเมื่อรู้ว่าพายหันมาสายตาเชิงตำนิของเพื่อน ทำให้ปูนรู้สึกผิดทั้นที พายพยักหน้าให้ปูนเดิมมาที่เขา “ปูนจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ เป็นอันรับทราบกันทุกคนแล้วนะครับ” พายหันไปพยักหน้าให้กับปูนเป็นเชิงบอกให้เขากลับเข้าที่เดิมได้ “ส่วนเรื่องต่อไป โรงเรียนที่เราจะไปออกค่ายอยู่ที่จังหวัดลพบุรี ส่วนชื่อโรงเรียนผมยังไม่ขอบอกตอนนี้ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวไว้รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีดี ผมอยากให้ทุกคนในชมรมของเราได้ไปออกค่าย เพราะถือว่าเป็นการแบ่งปันให้กับน้องๆที่เขาขาดโอกาสขาดหนังสือดีๆ ที่จะช่วยส่งเสริมจินตนาการของน้องๆเหล่านั้น ฝากไว้ด้วยใครที่มีหนังสือดีๆที่คุณคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อน้องๆเหล่านั้นก็ขอให้ช่วยกันเอามาบริจาคด้วยนะครับ ผมจะตั้งกล่องรับบริจาคหนังสือไว้ที่หน้าชมรมและก็ที่ชั้นล่างของคณะสถาปัตย์นะครับ ฝากให้สมาชิกของชมรมทุกคนไปกระจายข่าวดีๆนี้ ถือว่าพวกคุณทุกๆคนได้สร้างโอกาสดีๆไม่มากก็น้อยให้พวกน้องๆแล้ว ขอบคุณครับขอบคุณที่เข้ามาเป็นสมาชิกในชมรมของพวกเรา ขอบคุณที่พวกคุณมีน้ำใจขอบคุณครับ” น้ำเสียงของพายอ่อนลงฟังดูอบอุ่น จนฟ้าเผลอมองพายและตั้งใจฟังทุกประโยคทุกถอยคำของพาย ซึ่งฟังดูแล้วเธอรู้สึกถึงความอบอุ่นนั้น “แต่เอะฉันมานั่งสรรเสริญอีตานี่ทำไมนิ่ อีตาบ้าแกล้งกันได้แกล้งกันดี ตัวเองถือเป็นรุ่นพี่แถมเป็นประธานคณะ....เห้อ ขืนเรามีปัญหาด้วยคงไม่รอดแน่ ฉัน” ฟ้าพาตัวเองกลับเข้าสู่อาการปกติ “ทำไงดีหล่ะนุชฉันทำไม่ได้แน่ๆ ไอ้กิจกรรมนั้นนะ แล้วฉันจะทำอะไรดีหล่ะนุช” ฟ้าบ่นเป็นหมีกินผึ่งตลอดทางที่เดินเข้าห้องเรียน “นี่ยายฟ้า เธอไม่ต้องห่วงเลยเดี๋ยวฉันจัดการให้ เรื่องการแสดงนั่นนะเพื่อนๆห้องเราตั้งเยอะตั้งแยะไม่ต้องกลัว เดี๋ยวค่อยประชุมกันนะ ยายฟ้าไม่ต้องคิดมาก แล้วนี้ตกลงเธอได้ไปออกค่ายแล้วใช่ไหม พี่พายเขาถึงให้เธอเป็นคนรับผิดชอบกิจกรรมนี้นะยายฟ้า” ฟ้านิ่งไป คิ้วเข้มๆเริ่มขมวดเข้าหากัน “ใช่ตกลงนายขี้เต๊ะ ไปขออนุญาติคุณแม่ให้เราแล้วเหรอ ไม่เห็นคุณแม่พูดอะไรเลย ตกลงยังไงกันนี้” ฟ้านั่งคิดมากเรื่องออกค่ายตลอดบ่ายวันนั้น ทั้งเรื่องงานที่เธอถูกพายมัดมือชกรับบผิดชอบงานกิจกรรมเสริม และเรื่องที่ขออนุญาตคุณแม่ของเธอเรื่องไปออกค่าย จนถึงตอนจะกลับบ้าน
ฟ้าเดินมานั่งรอรถของที่บ้านมารับที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะตามปกติ ใบหน้าบึ้งๆยังไม่เลือนไปจากใบหน้าของฟ้าในหัวต่างครุ่นคิดแต่เรื่องเมื่อกลางวัน ฟ้าถือว่านี้เป็นงานระดับชาติเลย เธออาจเสียหน้าได้ง่ายๆ ซึ่งตั้งแต่เด็กจนโตมาฟ้าไม่เคยตกเป็นตัวตลกต่อหน้าใครมาก่อนยิ่งมีตำแหน่งดาวคณะมาค้ำคออยู่ยิ่งไม่สมควรใหญ่ ที่สาวน้อยน่ารักอย่างเธอจะต้องอับอายกลายเป็นตัวตลกเพราะนายขี้เต๊ะอย่างนายพาย “ฉันจะต้องทำให้ได้” ฟ้าให้กำลังใจตัวเอง ก่อนที่เธอจะหันไปเห็นนายขี้เต๊ะกำลังยืนคุยกับอาจารย์ เธอรีบหันหลังหนีด้วยอารมณ์ในขณะนั้นของฟ้าไม่อาจจะควบคุมสติให้คุยกับใครดีดีได้ๆ
เมื่อพายคุยธุระกลับอาจารย์เสร็จเขาจึงขอลากลับทันที พายต้องเดินมาเก็บกล่องบริจากหนังสือที่ตั้งอยู่หน้าคณะ และเมื่อฟ้าเห็นว่านายขี้เต๊ะกำลังจะเดินมาเธอจึงรีบลุกเพื่อจะเดินหนีไปทางอื่น แต่ก็ไม่ทันที่พายจะเห็นว่าฟ้ากำลังจะลุกไป “นี่คุณ” พายตะโกนเรียกเป็นการห้ามให้อีกฝ่ายหยุด “ลุกหนีรุ่นพี่ที่กำลังเดินมานี่ ไม่ใช่มารยาทที่ดีเลยนะคุณดาวคณะ” พายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ฟ้ารู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่เลวร้ายสำหรับเธอ เธอถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปหาเจ้าของเสียงนั้น “ฟ้าไม่ได้ลุกหนีนะค่ะ แต่ฟ้าจะไปเข้าห้องน้ำต่างหาก” เธอเฉไฉไป ซึ่งพายก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกหก “ใช่เหรอคุณ” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเค้นความจริง จนเห็นว่าอีกฝ่ายแสดงอาการอึกอักเข้าจึงเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้บรรยากาศแย่ไปมากกว่านี้ “แล้วนี่คุณไม่กลับบ้านอีกเหรอ พวกปีหนึ่งกลับไปกันหมดแล้วนี้” ก่อนที่จะมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเธอแม้ว่าจะเป็นใบหน้าที่เปลื่อนบึ้งๆนิดๆ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ก็ต้องรอให้อีกฝ่ายสะกิดจนเขารู้สึกตัว “นี่คุณเป็นอะไรนิ จ้องหน้าฉันอยู่ได้” พายเฉไปมองทางอื่นเป็นการเก้อเขิน “ เออนี่ ผมขอที่อยู่บ้านคุณหน่อยสิ ผมจะได้ไปขออนุญาตพ่อแม่ของคุณให้ เพราะถ้าโทรไปมันจะผิดมารยาท” พายพูดหน้าตาเฉยเพราะในใจไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่น แต่อีกฝ่ายกำลังสับสนกับคำถามนี้เป็นอย่างมาก “นายขี้เต๊ะจะทำอะไรอีกนี่ จะหาเรื่องแกล้งอะไรเราอีก” แม้ว่าฟ้าจะไม่อยากให้ที่อยู่ของเธอสักเท่าไหร่ แต่ด้วยคนที่ขอเป็นรุ่นพี่และประธานคณะ แถมยังเป็นประธานชมรมอีก ถ้าเธอไม่ให้อาจจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัว และอีกอย่างการไปค่ายอาสาครั้งนี้เป็นโครงการที่ดีซึ่งเธอก็อยากไปแถมเพื่อนในห้องก็ไปกันเกือบหมด การไปชนบทแบบนี้เธอก็ไม่มีโอกาสได้ไปมาก่อนและนี่ก็เป็นเหตุผมหนึ่งที่คุณแม่ของเธอเองห้ามเป็นอันขาดซึ่งอาจด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวจะลำบากทั้งเรื่องการเดินทางและความเป็นอยู่ที่อาจจะไม่สบายเหมือนกับที่บ้าน ซึ่งฟ้าก็เขาใจในความรู้สึกของคุณแม่แต่เธอก็ยังอยากที่จะไปออกค่ายอาสาครั้งนี้อยู่ดี “งั่นก็ได้ค่ะ” หลังจากที่ฟ้าพูดจบเธอหยิบกระดาษจดโน้ตแผ่นไม่เล็กมากมาจดที่อยู่ให้กับพาย ฟ้าหยุดคิดขณะที่เขียนที่อยู่ว่า เธอต้องให้เบอร์โทรศัพท์มือถือด้วยหรือป่าว ซึ่งเผื่อว่าเขาไปไม่ถูก ฟ้าจึงเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงไปที่ด้านหลังเพื่อว่านายขี้เต๊ะไปไม่ถูกจริงๆ เมื่อฟ้าตรวจดูว่าที่อยู่ที่เขียนไปถูกต้องเธอจึงยื่นให้พาย พายรับมาดูก่อนที่จะใส่ในกระเป๋าเสื้อ “แล้วตอนนี้คุณว่างไหม คุณดาวคณะ” ฟ้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายชอบเรียนเธอว่าดาวคณะเพราะฟังดูแล้วเหมือนประชดยังไงไม่รู้ “นี่คุณฉันมีชื่อเรียกนะ” ฟ้าพูดโดยไม่มองหน้า ก่อนที่เธอจะหันมาปั่นหน้ายักษ์ใส่พายไปอีกหนึ่งโรง “ก็ได้งั่นผมจะไม่เรียกคุณว่าดาวคณะอีกแล้วแต่ผมจะเปลี่ยนไปเรียนคุณว่า ยายคิ้วเข้มดีไหม” ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี จนทำให้ฟ้าต้องกัดปากทำหน้าบึ่งใส่พายด้วยความอายและเขินก่อนที่จะใช้กำปั้นเล็กๆของเธอทุบไปที่ไหล่ของพายเบาๆอย่างลืมตัว ดูผิวเผินเหมือนกับว่าทั้งสองกำลังหยอกล้อกัน ซึ่งแท้จริงแล้วทั้งสองไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น ฟ้าหันไปทางอื่นทันทีเมื่อรู้สึกตัวว่าเธอได้ทำอะไรลงไป ฟ้าอยากจะนี้ไปจากที่ตรงนั้นจริงด้วยความอายซึ่งเธอไม่น่าทำไปแบบนั้น “งั่นผมไปเก็บกล่องรับบริจาคก่อนดีกว่าไม่อยากอยู่กวนประสาทใครแถวนี้แล้ว” พายรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเขิน เขาจึงรีบหยุดการสนทนาระหว่างเขาและเธอ เพราะถ้าคนอื่นมาเห็นจะดูไม่ดีในที่นี้มีแค่เขาและเธอสองคนเท่านั้น ซึ่งฟ้าและเขาอาจจะถูกมองไม่ดีก็เป็นได้ “นี่คุณตรงนี้นะมันไม่มีคนอยู่นะเดี๋ยวถ้าค่ำกว่านี้แล้วมันจะมืด ผมแนะนำให้คุณไปรอหน้ามหาวิทยาลัยดีกว่านะคุณ” แล้วพายก็รีบวิ่งไปโดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่าย ซึ่งเจ้าตัวก็เห็นว่าเป็นดังเช่นที่พายเตือนเพราะขนาดตอนที่นั่งไม่มืดหน้าตึกเรียนยังเงียบขนาดนี้ ฟ้ารีบพาตัวเองไปที่หน้ามหาวิทยาลัยซึ่งก็ไกลพอสมควร เธอจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อให้ถึงหน้าหมาวิทยาลัยก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดไปมากกว่านี้ ระหว่างทางคนขับรถที่บ้านก็มารับพอดีซึ่งฟ้าได้รับการของโทษจากลุงดินคนขับรถเป็นการใหญ่ เพราะกว่าที่ลุงดินจะพ้นรถติดเข้ามารับฟ้าได้แถมบนถนนยังเกิดอุบัติเหตุอีก ด้วยเห็นนี้ลุงดินจึงมารับฟ้าช้ากว่าปกติ
พายกลับมาถึงห้องพักและพบว่าบีก็ยังไม่กลับ “คงจะอยู่กับเอกตามเคย” พายบ่นเบาๆ ก่อนที่จะเอาตะกร้าผ้าที่เขาใส่แล้วและของบีไปซักเพราะวันนี้เป็นเวรเขาซักฟ้า พายค่อยๆแยกผ้าสีแล้วผ้าขาวออกจากกัน เขาซักผ้าเงียบๆที่หลังห้องซึ่งก็ใช่เวลาที่นานพอสมควรและนานจนเขาลืมไปเลยว่าเขายังไม่ได้กินข้าว หลังจากที่ตากผ้าเสร็จเสียงกุญแจไขลูกบิดที่ประตูดังขึ้น บีเดินเข้ามาในห้องด้วยอาการโซเซเหมือนคนที่ดื่มเหล้ามา ขณะที่บีกำลังจะล้มพายจึงรีบเข้ามาประคองทันที พายพาบีไปนอนที่เตียงเขารีบเอาผ้าชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวให้กับบี จนบีอาการเริ่มดีขึ้นพายทิ้งให้บีนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะด้วยอาการเมาค้างยังหลงเหลืออยู่ พายลงมาซื้อข้าวให้ตัวเองก่อนจะไปสั่งข้าวต้มปลาให้กับบีที่ร้านหน้าปากซอย พายแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อน้ำแดงแบบชงยี่ห้อหนึ่งมาไว้ชงให้บีกิน เมื่อซื้อของจนครบแล้วพายจึงรีบวิ่งขึ้นมาบนห้อง ภาพที่เห็นคือบีนอนเลอะอ้วกอยู่บนที่นอน เขารีบเอาบีมานอนที่พื้น ก่อนที่จะถอดผ้าปูที่นอนไปซักในเครื่องซักผ้า ชุดนักศึกษาเลอะไปด้วยอ้วก พายไม่รู้จะทำอย่างไร จะปล่อยให้เพื่อนนอนเหม็นอ้วกก็จะเป็นการทารุนเพื่อนไปหน่อย พายเลยไปเรียกน้องผู้หญิงที่อยู่ห้องข้างๆเพื่อมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับบี “ฝ้าย พี่รบกวนเช็ดตัวให้บีด้วยนะผ้ากับน้ำอยู่ที่โต๊ะแล้ว” พายพูดเสร็จก็เดินออกไปรอข้างนอกห้อง พายรออยู่พักหนึ่งก่อนที่ฝ้ายน้องข้างห้องเปิดประตูออกมา พายจัดแจงซักเสื้อผ้าให้บีทั้งทีเพราะด้วยกลิ่นอ้วกที่ไม่อาจจะทนไหว ก่อนที่พายจะปูผ้าปูที่นอนใหม่แล้วลากเอาบีกลับขึ้นไปนอนที่เตียงเช่นเดิน ก่อนที่เขาจะหันมาสนใจเรื่องของตัวเอง พายเทข้าวที่พึ่งซื้อมาใส่จานซึ่งเป็นข้าวมันไก่พิเศษ พายเอาถุงข้าวต้มปลาไปไว้ในตู้เย็นไว้บีตื่นแล้วเดี๋ยวค่อยเอาไปอุ่นในตู้ไมโครเวฟ พายเปิดคอนนั่งเช็คอีเมลที่ทางบริษัทส่งมาให้ รายการในเมลบ๊อซมีไฟล์งานและที่อยู่ของท่านประทานบริษัทเขาจึงรีบเปิดดู ที่อยู่ “เอะที่อยู่นี้คุ้นๆ” พายนึกยังไงก็นึกไม่ออก เขาเดินไปดูใบที่อยู่ที่ฟ้าให้เขามา แต่ก้สายไปเสียแล้วจากแผ่นกระดาษตอนนี้แม้แต่เศษยังหาไม่เจอ “ซวยแล้วไอ้พาย ทำที่อยู่น้องฟ้าขาดยุ้ยขนานนี้ แต่ช่างเหอะเดี๋ยวเราค่อยไปขอน้องฟ้าใหม่ก็ได้” ก่อนจะกลับมาสนใจไฟล์งานที่บริษัทส่งมาให้และเรื่องที่พายขอนัดกับท่านประธานบริษัทที่จะคุยเรื่องขอสปอนเซอร์จากทางบริษัทมาสนับสนุนโครงการค่ายอาสา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ