หัวใจลูกทุ่ง
8.3
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 00.26 น.
11 ตอน
49 วิจารณ์
20.82K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน พ.ศ. 2562 08.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ฟ้าลิขิต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวาริสา หรือน้ำ พยาบาลสาวคนเก่ง เธอมีความอดทนเป็นเลิศ
เธอเพิ่งจะมาเป็นพยาบาลชุมชนจริงๆ ครั้งแรก หลังจากผ่านการฝึกงานและการเรียนมาตลอดสี่ปีเต็ม
สาเหตุที่หญิงสาวเลือกเป็นพยาบาลชุมชนก็ด้วยความที่เธอเป็นคนค่อนข้างรักอิสระ ไม่ชอบการอยู่ภายใต้อำนาจหรือคำสั่งของใครๆ
เพราะเธอมักจะมีความคิดเป็นของตัวเองและมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมาก ปัจจุบันเธอจึงยังโสด เนื่องจากไม่สนใจใครๆ ที่เป็นคนรอบตัวเลย โดยเฉพาะเพศตรงข้าม
เพราะคติของเธอ คือ ผู้หญิงสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องไปเป็นช้างเท้าหลังให้ผู้ชายเสมอไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนัก และเป้าหมายของเธอหลังจากเธอเรียนจบแล้ว คือ การทุ่มเทให้กับงาน อุทิศตนเพื่อคนไข้เป็นหลัก รองลงมาคือครอบครัวของเธอเอง
ส่วนเรื่องอื่นๆ หญิงสาวมักจะเอาไว้ทีหลังเสมอ เธอจึงเป็นเพียงคนเดียวในรุ่นที่ยังไม่มีแฟน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เธอมักโดนล้อเลียนเป็นประจำเสมอว่าเป็น "เจ้าแม่คานทองนิเวศน์ประจำรุ่น"
วันนี้เป็นวันแรกที่หญิงสาวจะต้องเข้าไปยังสถานที่ทำงานใหม่ครั้งแรกของเธอที่มีชื่อว่า “หมู่บ้านหนองอีเกิ้ง” ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลความเจริญหมู่บ้านหนึ่งในแถบภาคอีสาน
ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอที่ค่อนข้างมีฐานะจะเตือนด้วยความหวังดีว่าควรลงพื้นที่ชุมชนที่อยู่ใกล้ตัวเมืองจะได้ไม่ลำบากในการเดินทาง การกินและการอยู่มากนัก
แต่ด้วยความที่วาริสาเป็นคนมุ่งมั่นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงอยู่แล้ว อีกทั้งเธอคิดว่าตัวเองสามารถเป็นพยาบาลชุมชนที่ดีได้ โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ขาดแคลนหมอและพยาบาลซึ่งเป็นชุมชนห่างไกลความเจริญที่การสาธารณสุขเข้าไม่ถึง เธอยิ่งต้องการเข้าไปเป็นตัวแทนของผู้ให้บริการสุขภาพ เพื่อประโยชน์ของคนยากคนจนที่ต้องได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง
ดังนั้นพยาบาลสาวจบใหม่จึงตัดสินใจลงพื้นที่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งแห่งนี้ ซึ่งจัดว่าเป็นท้องถิ่นทุรกันดารและห่างไกลความเจริญมากจนพยาบาลชุมชนที่จบใหม่แทบทุกคนต่างพากันปฏิเสธที่จะมาลงพื้นที่นี้ไปตามๆ กัน
แต่สำหรับวาริสา เธอกลับมองว่านั่นคือสิ่งท้าทายสำหรับการเริ่มต้นเป็นพยาบาลชุมชนเต็มตัวสำหรับเธอเอง
เมื่อรถสองแถวคันเก่าๆ แล่นมาจอดที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน วาริสาก้าวเท้าลงมาสัมผัสถนนลูกรัง ซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้านหนองอีเกิ้งแห่งนี้เป็นครั้งแรก
เธอมองไปยังป้ายชื่อหมู่บ้านเก่าๆ ที่ผุพังมากจนแทบจะจำสภาพเดิมไม่ได้ เขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีขาวซีดๆ ว่า “หนองอีเกิ้ง” นั่นคือ สัญลักษณ์หนึ่งเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจได้ว่า เธอมาถูกที่อย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือหญิงสาวจะเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านได้อย่างไร ขณะที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อหาผู้ใหญ่บ้านก็ปรากฏว่า "โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ"
วาริสาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่ยืนรีๆ รอๆ อยู่แถวหน้าหมู่บ้าน ขณะนั้นมีเสียงดังกระหึ่มคล้ายเครื่องจักรกำลังวิ่งบดลงบนก้อนกรวดบนถนนลูกรังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
คนขับรถโพกผ้าขาวม้าไว้บนหัว ทำให้วาริสาเข้าใจว่าคงเป็นคุณลุงชาวนาหรือว่าชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโบกรถเพื่อขออาศัยเข้าไปในหมู่บ้านทันที
“คุณลุงช่วยจอดด้วยค่ะ คุณลุงจะเข้าไปในหมู่บ้านหนองอีเกิ้งใช่มั้ยคะ หนูขออาศัยติดรถเข้าไปด้วยคนจะได้ไหมคะ”
สิงห์หรือสิงหาผู้กำลังขับรถอีแต๋นอยู่ เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังโบกรถอยู่ข้างหน้าไวๆ จึงได้ชะลอความเร็วของรถลง พร้อมทั้งเพ่งมองไปยังผู้ที่ตะโกนเรียกและโบกรถเขาอยู่ ว่าเป็นใครกันแน่
เมื่อรถของเขามาจอดสนิทอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว และผู้เป็นคนขับได้มองเห็นคนโบกรถใกล้ๆ อย่างชัดเจนแบบนี้ ชายหนุ่มถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ
พลางนึกในใจว่า สาวน้อยรูปร่างบอบบาง หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเขาจึงไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน
ตั้งแต่ที่เขาเรียนจบกลับมาทำไร่ไถนาอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเอง ก็ไม่เคยได้เจอสาวชาวกรุงที่ไหนที่สะดุดตาสะดุดใจเขาได้มากเท่าเธอคนนี้มาก่อนเลย
เธอเป็นใครกันแน่นะ ต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ เพราะถ้าเป็นลูกสาวของชาวบ้านแถวนี้ เขาก็ต้องรู้จักแล้วสิ
เพราะหมู่บ้านนี้ก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แทบจะรู้จักกันทุกหลังคาเรือน เขาจ้องมองสาวสวยตรงหน้าอย่างไม่วางตา
จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของเธอลอยแว่วๆ มาเข้าหูที่ช่วยปลุกเขาให้ออกจากภวังค์ความคิดตนเอง
“คุณลุงคะ คุณลุงได้ยินหนูหรือเปล่าคะ คุณลุงเป็นคนบ้านหนองอีเกิ้งใช่มั้ยคะ หนูจะเข้าไปในหมู่บ้านก็เลยอยากจะขอติดรถของคุณลุงเข้าไปด้วยคนจะได้มั้ยคะคุณลุง”
เขาแอบคิดในใจ นี่แม่สาวน้อยคนนี้คงคิดว่าเขาเป็นคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่เป็นชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่ เพราะน้อยมากที่จะมีคนรุ่นหนุ่มๆ ทำไร่ไถนาอยู่ที่บ้าน
ส่วนใหญ่ก็มักจะไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ เพราะได้เงินมากกว่า เขายังคงจ้องมองใบหน้าสวยหวานนั้นอยู่ พร้อมกับถามเธอว่า
“แล้วคุณ เอ๊ย! แล้วแม่หนูจะเข้าไปทำอะไรที่หมู่บ้านนี้ล่ะ”
คำตอบของเธอแทบจะทำให้ชายหนุ่มกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“คือหนูเป็นพยาบาลประจำสถานีอนามัยคนใหม่ที่จะมาประจำที่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งค่ะคุณลุง”
ชายหนุ่มแทบเก็บอาการลิงโลดใจไว้ไม่อยู่ที่สาวน้อยน่ารักตรงหน้านี้จะมาประจำอยู่ในหมู่บ้านของเขา ช่างเป็นลิขิตฟ้าลิขิตสวรรค์โดยแท้
ชายหนุ่มจึงแสร้งทำทีพนมมือขึ้นปรกๆ ตรงหน้าเหมือนกับเป็นคุณลุงแก่ๆ จริงๆ
“อ้อ ที่แท้ก็คุณหมอคนใหม่นี่เอง สวัสดีคร้าบคุณหมอ ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งของพวกหมู่เฮา”
เมื่อหญิงสาวเห็นคนตรงหน้าที่เข้าใจว่าเป็นชายชรากำลังยกมือขึ้นจะพนมมือไหว้เธอทั้งๆ ที่เธออายุเท่าลูกเท่าหลาน
หญิงสาวจึงตรงเข้าไปจับมือเขาห้ามเอาไว้ พร้อมกับพูดว่า
"ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง ไม่ต้องไหว้หนูหรอกค่ะ หนูสิคะควรจะไหว้คุณลุงมากกว่า ขืนให้คุณลุงไหว้หนู หนูก็บาปกันพอดี เอามือลงเถอะค่ะคุณลุง แล้วอีกอย่าง หนูไม่ใช่หมอนะคะคุณลุง หนูเป็นพยาบาลค่ะคุณลุง"
จังหวะที่มือเรียวเล็กนุ่มของเธอมาสัมผัสกับมือหยาบกร้านของชายหนุ่ม เขาจ้องหน้าเธอใกล้ๆ ก็พบแต่ความน่ารักสดใส ความสวยงามทั้งภายนอกและภายในของหญิงสาวตรงหน้าเขา
สัมผัสที่มือของเธอทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นรัวเร็วแทบไม่เป็นจังหวะที่มันควรจะเป็น หัวใจชายหนุ่มแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วในตอนนี้
เขาเผลอยิ้มกับใบหน้าสวยๆ ที่อยู่ในระยะประชิดกับตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างสดใสและสวยงามซะเหลือเกินในยามนี้
เขาอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ ที่มีเพียงเขากับเธอคนนี้เท่านั้น
“คุณลุงคะๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นคุณลุงยืนนิ่งเชียว นี่ก็เย็นมากแล้ว เราเข้าไปในหมู่บ้านกันเลยดีมั้ยคะ”
ชายหนุ่มได้สติกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ของเธออีกเช่นเคย จึงตอบเธอไปว่า
“เออ! นั่นสิ งั้นขึ้นมาเลยนังหนู เดี๋ยวลุงช่วย ”
เขาพูดพลางยื่นมือไปช่วยดึงร่างบางของหญิงสาวขึ้นมาบนรถอีแต๋นคันเก่า หญิงสาวส่งมือเรียวนุ่มให้เขาแต่โดยดี
เป็นอีกครั้งที่หัวใจชายหนุ่มพองโตและเต้นผิดจังหวะที่เขาได้มีโอกาสสัมผัสมือเรียวนุ่มขณะที่ดึงร่างหญิงสาวขึ้นไปบนเบาะนั่งบนรถอีแต๋น
ด้วยความที่เขาออกแรงมากเกินไปหน่อย สาวน้อยร่างบางจึงเซถลาไปปะทะกับแผงหน้าอกของชายหนุ่มเข้าเต็มแรง
หญิงสาวได้แต่อุทานว่า
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณลุง”
จากนั้นเธอก็ผละไปนั่งข้างหลังเขา โดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงและเร็วกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวไปหลายรอบแล้ว
เมื่อชายหนุ่มตั้งสติได้แล้วจึงเริ่มต้นเป็นสารถีจำเป็นพาสาวน้อยน่ารักคนนี้เข้าสู่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งด้วยความปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด
ระหว่างทางที่ขับรถไป ชายหนุ่มแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าของวาริสาไปตลอดทาง โดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด
เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เธอเอาแต่มองทิวทัศน์สองข้างทางของหมู่บ้านไปเรื่อยๆ อย่างเพลินตาเพลินใจ
ในขณะที่เขาแอบยิ้มด้วยความพึงพอใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าหล่อนแบบนี้ ในขณะที่เธอเข้าใจว่าเขาเป็นชายชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแสดงถึงความพออกพอใจผู้โดยสารจำเป็นคนนี้เป็นพิเศษ
นาทีนี้เองที่เขาเริ่มรู้ซึ้งถึงรสชาติจริงๆ ของคำว่า “รักแรกพบ” และคำว่า “ตกหลุมรัก” ที่เขาว่าๆ กันมาแล้ว ว่ามันเป็นอย่างไร
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
เธอเพิ่งจะมาเป็นพยาบาลชุมชนจริงๆ ครั้งแรก หลังจากผ่านการฝึกงานและการเรียนมาตลอดสี่ปีเต็ม
สาเหตุที่หญิงสาวเลือกเป็นพยาบาลชุมชนก็ด้วยความที่เธอเป็นคนค่อนข้างรักอิสระ ไม่ชอบการอยู่ภายใต้อำนาจหรือคำสั่งของใครๆ
เพราะเธอมักจะมีความคิดเป็นของตัวเองและมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงมาก ปัจจุบันเธอจึงยังโสด เนื่องจากไม่สนใจใครๆ ที่เป็นคนรอบตัวเลย โดยเฉพาะเพศตรงข้าม
เพราะคติของเธอ คือ ผู้หญิงสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องไปเป็นช้างเท้าหลังให้ผู้ชายเสมอไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างหนัก และเป้าหมายของเธอหลังจากเธอเรียนจบแล้ว คือ การทุ่มเทให้กับงาน อุทิศตนเพื่อคนไข้เป็นหลัก รองลงมาคือครอบครัวของเธอเอง
ส่วนเรื่องอื่นๆ หญิงสาวมักจะเอาไว้ทีหลังเสมอ เธอจึงเป็นเพียงคนเดียวในรุ่นที่ยังไม่มีแฟน ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่เธอมักโดนล้อเลียนเป็นประจำเสมอว่าเป็น "เจ้าแม่คานทองนิเวศน์ประจำรุ่น"
วันนี้เป็นวันแรกที่หญิงสาวจะต้องเข้าไปยังสถานที่ทำงานใหม่ครั้งแรกของเธอที่มีชื่อว่า “หมู่บ้านหนองอีเกิ้ง” ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลความเจริญหมู่บ้านหนึ่งในแถบภาคอีสาน
ถึงแม้ว่าครอบครัวของเธอที่ค่อนข้างมีฐานะจะเตือนด้วยความหวังดีว่าควรลงพื้นที่ชุมชนที่อยู่ใกล้ตัวเมืองจะได้ไม่ลำบากในการเดินทาง การกินและการอยู่มากนัก
แต่ด้วยความที่วาริสาเป็นคนมุ่งมั่นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงอยู่แล้ว อีกทั้งเธอคิดว่าตัวเองสามารถเป็นพยาบาลชุมชนที่ดีได้ โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ขาดแคลนหมอและพยาบาลซึ่งเป็นชุมชนห่างไกลความเจริญที่การสาธารณสุขเข้าไม่ถึง เธอยิ่งต้องการเข้าไปเป็นตัวแทนของผู้ให้บริการสุขภาพ เพื่อประโยชน์ของคนยากคนจนที่ต้องได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง
ดังนั้นพยาบาลสาวจบใหม่จึงตัดสินใจลงพื้นที่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งแห่งนี้ ซึ่งจัดว่าเป็นท้องถิ่นทุรกันดารและห่างไกลความเจริญมากจนพยาบาลชุมชนที่จบใหม่แทบทุกคนต่างพากันปฏิเสธที่จะมาลงพื้นที่นี้ไปตามๆ กัน
แต่สำหรับวาริสา เธอกลับมองว่านั่นคือสิ่งท้าทายสำหรับการเริ่มต้นเป็นพยาบาลชุมชนเต็มตัวสำหรับเธอเอง
เมื่อรถสองแถวคันเก่าๆ แล่นมาจอดที่บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน วาริสาก้าวเท้าลงมาสัมผัสถนนลูกรัง ซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้านหนองอีเกิ้งแห่งนี้เป็นครั้งแรก
เธอมองไปยังป้ายชื่อหมู่บ้านเก่าๆ ที่ผุพังมากจนแทบจะจำสภาพเดิมไม่ได้ เขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีขาวซีดๆ ว่า “หนองอีเกิ้ง” นั่นคือ สัญลักษณ์หนึ่งเดียวที่ทำให้เธอมั่นใจได้ว่า เธอมาถูกที่อย่างแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือหญิงสาวจะเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านได้อย่างไร ขณะที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อหาผู้ใหญ่บ้านก็ปรากฏว่า "โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ"
วาริสาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ได้แต่ยืนรีๆ รอๆ อยู่แถวหน้าหมู่บ้าน ขณะนั้นมีเสียงดังกระหึ่มคล้ายเครื่องจักรกำลังวิ่งบดลงบนก้อนกรวดบนถนนลูกรังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
คนขับรถโพกผ้าขาวม้าไว้บนหัว ทำให้วาริสาเข้าใจว่าคงเป็นคุณลุงชาวนาหรือว่าชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจโบกรถเพื่อขออาศัยเข้าไปในหมู่บ้านทันที
“คุณลุงช่วยจอดด้วยค่ะ คุณลุงจะเข้าไปในหมู่บ้านหนองอีเกิ้งใช่มั้ยคะ หนูขออาศัยติดรถเข้าไปด้วยคนจะได้ไหมคะ”
สิงห์หรือสิงหาผู้กำลังขับรถอีแต๋นอยู่ เมื่อเห็นว่ามีคนกำลังโบกรถอยู่ข้างหน้าไวๆ จึงได้ชะลอความเร็วของรถลง พร้อมทั้งเพ่งมองไปยังผู้ที่ตะโกนเรียกและโบกรถเขาอยู่ ว่าเป็นใครกันแน่
เมื่อรถของเขามาจอดสนิทอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาว และผู้เป็นคนขับได้มองเห็นคนโบกรถใกล้ๆ อย่างชัดเจนแบบนี้ ชายหนุ่มถึงกับตะลึงงันไปชั่วขณะ
พลางนึกในใจว่า สาวน้อยรูปร่างบอบบาง หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเขาจึงไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน
ตั้งแต่ที่เขาเรียนจบกลับมาทำไร่ไถนาอยู่ที่บ้านเกิดของตัวเอง ก็ไม่เคยได้เจอสาวชาวกรุงที่ไหนที่สะดุดตาสะดุดใจเขาได้มากเท่าเธอคนนี้มาก่อนเลย
เธอเป็นใครกันแน่นะ ต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ เพราะถ้าเป็นลูกสาวของชาวบ้านแถวนี้ เขาก็ต้องรู้จักแล้วสิ
เพราะหมู่บ้านนี้ก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ แทบจะรู้จักกันทุกหลังคาเรือน เขาจ้องมองสาวสวยตรงหน้าอย่างไม่วางตา
จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของเธอลอยแว่วๆ มาเข้าหูที่ช่วยปลุกเขาให้ออกจากภวังค์ความคิดตนเอง
“คุณลุงคะ คุณลุงได้ยินหนูหรือเปล่าคะ คุณลุงเป็นคนบ้านหนองอีเกิ้งใช่มั้ยคะ หนูจะเข้าไปในหมู่บ้านก็เลยอยากจะขอติดรถของคุณลุงเข้าไปด้วยคนจะได้มั้ยคะคุณลุง”
เขาแอบคิดในใจ นี่แม่สาวน้อยคนนี้คงคิดว่าเขาเป็นคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งที่เป็นชาวบ้านแถวนี้เป็นแน่ เพราะน้อยมากที่จะมีคนรุ่นหนุ่มๆ ทำไร่ไถนาอยู่ที่บ้าน
ส่วนใหญ่ก็มักจะไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ เพราะได้เงินมากกว่า เขายังคงจ้องมองใบหน้าสวยหวานนั้นอยู่ พร้อมกับถามเธอว่า
“แล้วคุณ เอ๊ย! แล้วแม่หนูจะเข้าไปทำอะไรที่หมู่บ้านนี้ล่ะ”
คำตอบของเธอแทบจะทำให้ชายหนุ่มกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจเป็นที่สุด
“คือหนูเป็นพยาบาลประจำสถานีอนามัยคนใหม่ที่จะมาประจำที่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งค่ะคุณลุง”
ชายหนุ่มแทบเก็บอาการลิงโลดใจไว้ไม่อยู่ที่สาวน้อยน่ารักตรงหน้านี้จะมาประจำอยู่ในหมู่บ้านของเขา ช่างเป็นลิขิตฟ้าลิขิตสวรรค์โดยแท้
ชายหนุ่มจึงแสร้งทำทีพนมมือขึ้นปรกๆ ตรงหน้าเหมือนกับเป็นคุณลุงแก่ๆ จริงๆ
“อ้อ ที่แท้ก็คุณหมอคนใหม่นี่เอง สวัสดีคร้าบคุณหมอ ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งของพวกหมู่เฮา”
เมื่อหญิงสาวเห็นคนตรงหน้าที่เข้าใจว่าเป็นชายชรากำลังยกมือขึ้นจะพนมมือไหว้เธอทั้งๆ ที่เธออายุเท่าลูกเท่าหลาน
หญิงสาวจึงตรงเข้าไปจับมือเขาห้ามเอาไว้ พร้อมกับพูดว่า
"ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง ไม่ต้องไหว้หนูหรอกค่ะ หนูสิคะควรจะไหว้คุณลุงมากกว่า ขืนให้คุณลุงไหว้หนู หนูก็บาปกันพอดี เอามือลงเถอะค่ะคุณลุง แล้วอีกอย่าง หนูไม่ใช่หมอนะคะคุณลุง หนูเป็นพยาบาลค่ะคุณลุง"
จังหวะที่มือเรียวเล็กนุ่มของเธอมาสัมผัสกับมือหยาบกร้านของชายหนุ่ม เขาจ้องหน้าเธอใกล้ๆ ก็พบแต่ความน่ารักสดใส ความสวยงามทั้งภายนอกและภายในของหญิงสาวตรงหน้าเขา
สัมผัสที่มือของเธอทำเอาหัวใจชายหนุ่มเต้นรัวเร็วแทบไม่เป็นจังหวะที่มันควรจะเป็น หัวใจชายหนุ่มแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วในตอนนี้
เขาเผลอยิ้มกับใบหน้าสวยๆ ที่อยู่ในระยะประชิดกับตัวเอง ชายหนุ่มรู้สึกว่าโลกใบนี้ช่างสดใสและสวยงามซะเหลือเกินในยามนี้
เขาอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ ที่มีเพียงเขากับเธอคนนี้เท่านั้น
“คุณลุงคะๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เห็นคุณลุงยืนนิ่งเชียว นี่ก็เย็นมากแล้ว เราเข้าไปในหมู่บ้านกันเลยดีมั้ยคะ”
ชายหนุ่มได้สติกลับมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ของเธออีกเช่นเคย จึงตอบเธอไปว่า
“เออ! นั่นสิ งั้นขึ้นมาเลยนังหนู เดี๋ยวลุงช่วย ”
เขาพูดพลางยื่นมือไปช่วยดึงร่างบางของหญิงสาวขึ้นมาบนรถอีแต๋นคันเก่า หญิงสาวส่งมือเรียวนุ่มให้เขาแต่โดยดี
เป็นอีกครั้งที่หัวใจชายหนุ่มพองโตและเต้นผิดจังหวะที่เขาได้มีโอกาสสัมผัสมือเรียวนุ่มขณะที่ดึงร่างหญิงสาวขึ้นไปบนเบาะนั่งบนรถอีแต๋น
ด้วยความที่เขาออกแรงมากเกินไปหน่อย สาวน้อยร่างบางจึงเซถลาไปปะทะกับแผงหน้าอกของชายหนุ่มเข้าเต็มแรง
หญิงสาวได้แต่อุทานว่า
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะคุณลุง”
จากนั้นเธอก็ผละไปนั่งข้างหลังเขา โดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงและเร็วกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวไปหลายรอบแล้ว
เมื่อชายหนุ่มตั้งสติได้แล้วจึงเริ่มต้นเป็นสารถีจำเป็นพาสาวน้อยน่ารักคนนี้เข้าสู่หมู่บ้านหนองอีเกิ้งด้วยความปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุด
ระหว่างทางที่ขับรถไป ชายหนุ่มแอบชำเลืองมองเสี้ยวหน้าของวาริสาไปตลอดทาง โดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด
เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นคุณลุงแก่ๆ คนหนึ่งจึงไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เธอเอาแต่มองทิวทัศน์สองข้างทางของหมู่บ้านไปเรื่อยๆ อย่างเพลินตาเพลินใจ
ในขณะที่เขาแอบยิ้มด้วยความพึงพอใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าหล่อนแบบนี้ ในขณะที่เธอเข้าใจว่าเขาเป็นชายชราคนหนึ่งในหมู่บ้าน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแสดงถึงความพออกพอใจผู้โดยสารจำเป็นคนนี้เป็นพิเศษ
นาทีนี้เองที่เขาเริ่มรู้ซึ้งถึงรสชาติจริงๆ ของคำว่า “รักแรกพบ” และคำว่า “ตกหลุมรัก” ที่เขาว่าๆ กันมาแล้ว ว่ามันเป็นอย่างไร
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ