THE RED EYE

5.8

เขียนโดย RATH

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16.37 น.

  8 chapter
  16 วิจารณ์
  16.63K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 7 RED EYE VS KID

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 7

 

RED EYE  VS   KID

 

“ราชีฟ เรากำลังรอใคร”

 

“รอแขก สำหรับห้องที่เหลืออีกหนึ่งห้องครับ คุณนัด”

 

“ใช่ ฉันสงสัย อยากถาม คุณตั้งแต่อยู่ที่ลำธารแล้ว ยังมีห้องเหลืออีกห้องคุณเก็บไว้ให้ใคร ฉันดีใจมาก เลยลืมถาม”

 

“เจ้าของห้องที่เหลือคือ คนที่จะซื้อเค้ก วันเกิด ปีที่ 20 มาให้คุณนัด ครับ”

 

“ใครราชีฟ ฉันรู้จัก มั้ย” ผมยิ้ม และส่ายหน้า เพื่อให้สาวน้อยของผมโกรธเล่น

 

“ราชีฟ คุณชอบเกรงให้ฉันโกรธ คุณร้ายมาก คุณยิ้มแบบนี้รู้ มั้ย มันเป็นรอยยิ้มที่หน้ากลัวมาก ราชีฟ” ผมยังคงยิ้มอยู่

 

“ราชีฟ หยุดยิ้มน่ากลัว แล้วบอกฉันมา ใครเป็นคนเอาเค้ก วันเกิดมาให้ฉัน” ผมส่ายหน้าอีก หมายความว่าอย่างไรก็ไม่บอก

 

“ราชีฟ คุณต้องพูด คุณเลิกเล่นภาษาใบ้ ได้แล้ว ฉันอยากรู้จริงๆ ขอร้องนะคะ ราชีฟ” ผมพยักหน้า หมายถึงตกลงผมจะบอกสาวน้อยของผม  เธอมีรอยยิ้มน่ารัก เธอคงจะดีใจ ที่ทำให้ผมใจอ่อนยอมบอกเธอได้

 

“คุณไม่สงสัยหรือว่าผมรู้วันเกิดคุณนัดได้อย่างไร” เธอส่ายหน้า

 

“ผมดูจากบัตรประชาชนของคุณครับ คุณนัด”เธอคงเริ่มสงสัย ผมดูได้อย่างไร และผมคิดว่า เธอคิดออกแล้ว

 

“คุณขโมยเปิดกระเป๋าเงินของฉัน ใช่ มั้ย ราชีฟ” ผมยิ้ม และไม่ตอบคำถาม และไม่ปฏิเสธ

 

“คุณไม่ตอบ แสดงว่าคุณขโมยเปิดกระเป๋าของฉันจริง ใช่มั้ย ราชีฟ” ผมยิ้มและพยักหน้า

 

“คุณกล้า ทำ และกล้ารับ ฉันจะให้อภัยคุณ แต่ครั้งหน้า คุณขอฉันดู ก็ได้ ฉันไม่ห่วง เข้าใจ นะคะราชีฟ” ผมยิ้ม และพยักหน้า

 

“ราชีฟ เลิกยิ้มน่ากลัว กับพยักหน้าเสียที ฉันไม่เคยเจอใครพูดน้อยแบบคุณมาก่อนเลยราชีฟ” ผมยังคงยิ้มอยู่ เธอคงคิดว่าเปลี่ยนนิสัยชอบพูดน้อยของผมไม่ได้แน่ เลยเลิกสนใจ แต่เธอก็ยังไม่ลืมคำถามที่ถามผมไว้

 

“ราชีฟ คุณคงไม่ได้หมายความว่า พ่อ แม่ ฉันจะมาที่นี้หรอกนะ” เธอมองหน้าผม ผมยิ้ม ไม่ตอบคำถาม และไม่ปฏิเสธ

 

“ราชีฟ พูดออกมาเดี่ยวนี้เลย” ผมแค่พยักหน้าเท่านั้น ดูเธอจะดีใจมากเธอวิ่งเข้ามากอดคอผม ด้วยมือที่ว่างไม่ได้อุ้มแมวน้อยไว้ แมวน้อยคงเจ็บเพราะมันอยู่ระหว่างกลางผม กับสาวน้อยของผม มันร้องเสียงดัง สาวน้อยของผมจึงปล่อยมือจากคอผม แล้วทำหน้าจะร้องไห้อีก แต่ก็ไม่ได้ร้อง

 

ขอบคุณมาก ราชีฟ วันนี้ฉันทำตัวแย่กับคุณหลายครั้ง แต่คุณทำให้ฉันต้อง ขอบคุณ คุณ หลายครั้งมาก ฉันขอบอกว่าฉันขอโทษที่ทำตัวแย่ และฉันจะไม่ลืมความดีของคุณเลย ฉันสัญญาราชีฟ”

 

 

ผมเคยได้ยินคำสัญญาของเธอครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเธอบอกว่าจะไม่ทิ้งผม เหมือนที่ผมไม่ทิ้ง เธอ และครั้งนี้เธอ สัญญาว่าไม่ลืมผม ความรู้สึกของเธอที่มีต่อผม ผมดีใจมากเหมือนกัน ผมต้องการความรู้สึกแบบเดียวกันนี้จากครอบครัวของผม แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ผมคิด ผมไม่ได้ตอบรับ  อะไรเธอเลย ผมเดินไปนั่งลงที่เนินหินเตี้ยๆ แล้ว คำพูดบางอย่างก็เกิดขึ้น

 

“ผมดีใจ ที่คุณสัญญาจะไม่ทิ้งผม หรือไม่ลืมผม คุณนัด แต่ผมไม่มีคำสัญญาให้กับใครได้เหมือนคุณ ผมไม่รู้ต่อไป ผมจะเป็น คนแบบไหน ผมมอบความสุข ให้กับคนอื่นได้  แต่ผมเลือกชีวิตที่เป็นของผมจริง ไม่ได้ ผมไม่เคยพูด คำว่าสัญญา กับใครได้เลย”

 

เธอมองผู้ชายที่ชื่อว่าราชีฟ จากด้านหลัง ฟังที่เขาพูดถึงคำสัญญา เธอจำคำสัญญาของเธอที่สัญญากับผู้ชายคนนี้ได้ แต่เขาก็ไม่เคยตอบรับคำสัญญาของเธอเช่นกัน

 

เธอสัญญาว่าจะไม่ทิ้งเขา หรือสัญญาว่าจะไม่ลืมเขา แต่เขาก็ไม่เคยทวงถามคำสัญญาหรือตอบรับคำสัญญาจากเธอ คำสัญญาจะสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายรับรองคำสัญญาของฝ่ายตรงข้าม ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าคำสัญญาไม่สมบูรณ์ ฝ่ายตรงข้ามไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาก็ได้ เธอคิด

 

ราชีฟต้องการให้เธอไม่ผูกมัด เขากับเธอด้วยคำสัญญา เขาคงอยากให้เธอเป็นอิสระจากคำสัญญาของเธอเอง แต่เมื่อเธอสัญญาแล้วเธอก็จะรักษามันไว้ แม้ราชีฟ จะไม่ได้รับรองคำสัญญาของเธอก็ตาม เธอคิด

 

“อีกไม่นานพวกเราคงต้องแยกจากกันไป ผมก็คงต้องไปด้วยเหมือนกัน พ่อและแม่ของคุณมารับคุณกลับบ้านแล้ว และซัก วันพวกเราก็อาจจะได้พบกันอีกครั้ง แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นที่ไหน แต่ผมอยากบอกว่าผมมีความสุขมากที่ ได้มาพบคุณ และผมก็จะไม่ลืมคุณ แม้ผมจะไม่ต้องสัญญากับคุณ ก็ตามคุณนัด”

 

เธอยังไม่ได้คิดถึงการต้องแยกจากราชีฟเลย ครั้งหนึ่งเธอขอตามราชีฟไปที่บ้านของเขาด้วย ครั้งนั้นเธอกลัวมาก และราชีฟก็ตอบตกลงจะพาเธอไปด้วย และเธอก็ดีใจมาก และรู้สึกปลอดภัย แต่เมื่อเธอได้มาเจอกับ ราชีฟ ตัวจริง ได้รู้จักชีวิตในวัยเด็กของราชีฟ เธอรู้หากเธอขอตามเขาไปด้วย ราชีฟก็จะตอบตกลงอีก แต่สิ่งนั้นเธอไม่ได้ต้องการอีกแล้ว เธออยากให้ราชีฟเป็นคนขอเธอให้ตามเขาไปมากกว่า แต่มันจะมีวันนั้นสำหรับเธอหรือเปล่านะ เธอคิด

 

“คุณนัด เป็นสาวน้อยที่ฉลาด และน่ารัก คุณคงพอจะเดา อะไรได้บ้างแล้วว่าที่นี้มันเคยเกิดอะไรขึ้น และผมเคยเป็นใครมาก่อน  ผมเกิดและเติบโตที่นี้ ผมไม่ได้ชื่อว่าราชีฟ ผมมีชื่อในตอนนั้นว่ามาร์ติน  มาร์ตินเป็นเด็ก ผู้ชายอ่อนแอ เขามีพี่ชาย พ่อ และแม่ ที่รักและเป็นห่วงเขา พี่ชายจะค่อยอยู่ใกล้และดูแลเขาตลอด เขาอยากทานอะไร พี่ก็จะหามาให้ และเมื่อยามไม่สบาย พ่อแม่ก็จะพาไปหาหมอ”

 

“จนวันหนึ่งสุขภาพเด็กชายเริ่มแย่ลง หมอบอกเด็กชายว่าเขาอาจมีชีวิตถึงยี่สิบปี แต่มันเป็นเรื่องโกหก ความจริงแล้วเด็กชายอาจตายได้ทุกเมื่อ ในวัยเด็กเขาจะไม่มีเพื่อนเล่นเลยนอกจากพี่ชาย และพวกลูกคนงานในไร่ แต่พวกนั้น ทั้งไม่ยอมเป็นเพื่อนกับเด็กชาย แล้วยังคอยเกรงเขาอีก เด็กชายต้องเจ็บตัวและร้องไห้กลับบ้านบ่อยๆ คนที่เด็กชายพอเล่นได้ก็คือพี่ชายของเขา แต่ยามใด พี่ชายต้องไปโรงเรียน เขาก็ต้องอยู่บ้านคนเดียว เด็กชายก็จะเดินไปที่โบสถ์ ไปพบหลวงพ่อ ไปหาพระเจ้า ไปขอพรให้ตัวเขามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง”

 

“เมื่อเด็กชายขอพรต่อพระเจ้า เขารู้ว่าหากต้องขออะไรจากใคร แม้แต่พระเจ้าเอง ก็ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนตอบแทน ที่เท่าเทียม เด็กชายได้พูดคำสัญญา เป็นครั้งแรกในชีวิต คำสัญญาของเด็กชายคือ หากเขาหาย จากความเจ็บป่วย สุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง เขายินดีจะแลกทุกอย่างในชีวิตของเขา... ในตอนนั้นเด็กชายไม่ได้จะรวมเอาครอบครัวของเขาเข้าไปอยู่ในคำสัญญานั้นด้วย แต่พระเจ้าคง คิดเอาทั้งหมดของคำสัญญา คือครอบครัวของเด็กชายด้วย.. สิ่งที่เด็กชายอยากจะแลกคือเด็กชายจะใช้หนี้ชีวิตเป็นลูกที่ดีของพระเจ้าไปตลอดชีวิตของเขา ตอนนั้นเด็กชายคิดที่จะบวช เป็นพระเป็นลูกของพระเจ้า เพื่อตอบแทนหากพรที่เด็กชายขอเป็นจริง”

 

“ไม่นาน คำขอต่อพระเจ้าของเด็กชายเริ่มมีผลตอบกลับมา บ้านของเด็กชายถูกเผา ผู้คนตายกันมากมาย รวมถึงพวกเด็กที่เคย เกรง เขาด้วย ทุกคนตายในกองไฟ จากเหตุการณ์นั้น พระเจ้าได้นำเด็กชายจากไปยังที่ห่างไกล ทำให้เขาเป็นเด็กหนุ่มสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจ เวลาเริ่มผ่านไป เป็นวัน เป็นปี และยาวนานต่อมาอีกยี่สิบปี”

 

“เด็กชายได้เดินทางกลับบ้านที่เขาเกิดอีกครั้ง สิ่งที่เด็กชายต้องการจากครอบครัวที่เขาจากไปก็คือ หลุมศพ ของเขา อย่างน้อยเขาก็ยังมีความสำคัญใจในของใครได้บ้าง แต่ เขาไม่พบแม้แต่หลุมฝังศพของเขา ครอบครัวเก่าของเขาไม่ได้ระลึกถึงคนที่ตายแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนอีกเลย สิ่งที่เขากับมาพบคือครอบครัวที่อยู่กันอย่างสุขสบาย เป็นครอบครัวที่อบอุ่น เขาจึงได้ตัดสินใจ เดินจากไปอีกครั้ง เดินตามทางที่พระเจ้าได้กำหนดไว้ให้กับเขา”

 

เมื่อผมเล่าจบ ผมลุกขึ้นยืน และหันหลังกลับ ผมเห็นสาวน้อยของผมยืนร้องไห้อีกแล้ว เธอร้องไห้เพราะพ่อ แม่ เธอจะมาหา หรือเรื่องที่ผมเล่ากันแน่ รู้สึกสาวน้อยของผมพยายามจะพูดอะไรออกมา ในขณะที่ร้องไห้อยู่

 

“คุณบอกว่าคุณไม่สามารถ พูดคำสัญญากับใครได้อีก เพราะคุณได้มอบคำสัญญา ทั้งหมดของคุณแก่พระเจ้าในวันนั้นแล้วใช่มั้ย ราชีฟ”

ผมพยักหน้า

 

“พระเจ้าได้เก็บคำสัญญาของผมไว้ จนถึงตอนนี้ท่านก็ยังไม่คืนมันให้กับผม ผมจึงให้สัญญากับใครไม่ได้อีกแล้วครับ คุณนัด”

 

“คุณนัดร้องไห้ เพราะเรื่องที่ผมเล่า หรือร้องไห้เพราะจะได้เจอพ่อแม่ครับ หากเป็นอย่างแรก ผมขอให้คุณนัดอย่าได้คิดอะไรเลยครับ ตอนนี้ผมมีความสุขดี  แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง คุณนัดก็ร้องต่อไปเถอะครับ เดี่ยวผมดูแลเจ้า RED EYE น้อยให้ครับ”

 

ผมไม่ได้รอฟังคำตอบจากเธอ  ผมจับเจ้าแมวน้อยวางไว้บนบ่า แต่มันก็พยายามปีนขึ้นไปบนหัว ผมจับเจ้าจอมซนกลับมาวางไว้ที่บ่าผมเหมือนเดิม ผมมองหน้ามันเป็นการออกคำสั่งให้นั่งนิ่งๆ เมื่อผมเดินต่อไปมันก็ปีนขึ้นบนหัวผมอีก

 

“ไอ้แมวบ้า เล่นของสูงนะมึง เดี่ยวพ่อจับผัดเผ็ดซะ ดีมั้ย”

 

“เมี้ยว”

 

“อยากโดนผัดเผ็ดใช่ มั้ย”

 

“เมี้ยว เมี้ยว”

 

“ไม่อยากโดนผัดเผ็ด ก็นั่งนิ่งๆ ถ้ายังปีนอีก พ่อจะจับทำอาหารให้แขกทานเย็นดี เข้าใจ มั้ย”

 

“เมี้ยว”

 

“ดีมาก เชื่อฟังกัน จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ”

 

เสียงหัวเราะของใคร ผมคิดในใจ มันดังอยู่หลังสวนดอกไม้ป่า ที่ปลูกไว้ประดับบ้านบนดอย เป็นเสียงผู้หญิง เธอหัวเราะผมใช่ มั้ย ผมไม่อยากหาคำตอบ เดินหนีไปดีกว่า ผมไม่อยากพูดคุยกับแขกแม่ดาราสาวสวยนั้น ผมอยากอยู่สงบ และไม่อยากเป็นจุดสนใจ เธอมีแขกมาด้วยสิบคน หากผมเข้าไปยุ่งด้วยผมคงต้องตามตอบคำถาม ของแขกแม่ดาราสาวสวยนั้น ไม่หยุดแน่ ตอนนี้ผมขอเดินหนีก่อนดีกว่า ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงหัวเราะนั้น เดินหนีจากตรงจุดที่ยืนอยู่อย่างเร็ว เจ้าแมวน้อยมันคงกลัว มันปีนหัวผมอีกแล้ว ครั้งนี้ผมให้อภัยเจ้าแมวน้อยนี้ มันคงกลัวเหมือนกับที่ผมกลัวเหมือนกัน ผมคิด

 

“คุณปีเตอร์คะ  เมล์ให้ฉันลงมาตามคุณคะ ฉันเห็นคุณแอบฟังพวกเขาเลยไม่กล้าไปตาม”

 

“ผมไม่ได้แอบฟัง ผมนั่งอยู่ตรงนั้น ก่อนพวกเขาจะ ไปนั่ง พวกเขาต่างหากที่เป็นคนรบกวนผม”

 

ตกลงคะ ไม่ได้แอบฟังก็ ไม่ได้แอบฟัง แต่คุณก็นั่งฟังพวกเขาคุยกันโดยไม่ลุกเดินหนี จริง มั้ย คะ”

 

“พวกเขาก็ไม่เห็น มีความลับอะไร ที่ผมต้องหนี ก็แค่ คุยกันธรรมดาเท่านั้น”

 

ฉันล้อเล่น นะคะ คุณไม่ต้องจริงจังก็ได้  ฉันอยากรู้ผู้ชายที่เพิ่งเดินไปเมื่อกี่เป็นใคร แล้วสาวน้อยที่ยืนร้องไห้ คนนั้นเป็นใคร สวยดี นะคะ”

 

“ผมไม่อยากตอบ และไม่อยากเล่าครับ ไปถามเพื่อนดาราดังของคุณเอาแล้วกัน ผมขอตัวไปข้างบนก่อน ถ้าไม่มีผมข้างบนจะทำอะไร ไม่ได้กันเลยหรือ ไง”

 

“คุณปีเตอร์ รอด้วยคะ”

 

หลังจากราชีฟ อุ้มแมวน้อยเพื่อนของเธอเดินจากไป เธอนั่งลงบนเนินหิน ที่เดียวกับราชีฟ ลุกเดินจากไป เป็นครั้งแรกที่ราชีฟ เล่าเรื่องของเขาให้เธอฟัง มันคงเป็นเหมือนการบอกลาเธอ ในแบบของราชีฟแน่ เธอคิด เธอได้ยินเสียงเดินจากด้านหลัง เธอคิดว่าหน้าจะเป็นราชีฟ แต่ราชีฟเพิ่งเดินจากไป ถ้าไม่ใช่ราชีฟแล้วเป็นใคร

 

“ไปเที่ยวที่ลำธารมาสนุก มั้ย หนูนัด”

 

“สนุกคะ คุณพ่อ คุณพ่อหน้าจะไปด้วยนะคะ”

 

“ไว้วันหลัง เถอะหนูนัด คนแก่เดินมากไม่ไหว”

 

“คุณพ่อ ยังแข็งแรงอยู่เลยนะคะ แข็งแรงกว่าพ่อของหนูอีก”

 

“หนูนัดเข้าใจชมคนแก่ แล้วหนูนัดมานั่งทำอะไรตรงนี้ละ”

 

“หนูนั่งรอ คุณพ่อ คุณแม่คะ คิดว่าอีกไม่นานคงมาถึงคะ”

 

“ดีเลยนะ หนูนัดที่พ่อ แม่หนูจะมาด้วย พ่อคิดว่าจะมีแต่คนแก่แค่สองคน  อย่างนั้นพ่อขอนั่งรอด้วยได้มั้ย”

 

ดีสิคะ หนูจะได้มีเพื่อนนั่งรอ คะ”

 

“แล้วราชีฟละ หนูนัด”

 

“ราชีฟ พาแมวไปเดินเล่นเดียวคงกลับมาคะ คุณพ่อ”

 

“หนูนัด ถือรูปอะไร”

 

“ออ ราชีฟวาดให้หนู เป็นของขวัญวันเกิดนะคะ  คุณพ่ออยากดูมั้ยคะ ราชีฟวาดได้สวยมากเลยคะ”

 

“วันนี้วันเกิดหนูนัด”

 

“คะคุณพ่อ”

 

“พ่อขออวยพรให้หนูมีความสุขในวันเกิดปีนี้มากๆ นะหนูนัด”

 

“ขอบคุณคะ คุณพ่อ”

 

“พ่อขอดูรูปหน่อยได้มั้ย หนูนัด”

 

 

เธอส่งรูปที่ราชีฟวาดให้คุณพ่อของราชีฟดู เธอหวังว่าคุณพ่อของราชีฟ จะจำรูปของลูกชายตัวเองได้ แม้เวลาจะผ่านมานานมากแล้ว เธอไม่คิดจะบอกพ่อของราชีฟ ว่าราชีฟคือลูกชายของเขา แต่การบอกโดยผ่านสิ่งที่ลูกชายทิ้งเป็นเศษชิ้นส่วนของจิกซอ ให้คนในครอบครัวจำเขาได้ เธอก็จะช่วยเหลือราชีฟ  เธอคิด

 

“สวยมากใช่มั้ย คะคุณพ่อ”

 

“ลายเส้นมีพลัง เส้นแต่ละเส้นขีดเขียนด้วยความตั้งใจ มันสามารถเห็นนิสัย หรือวิญญาณ ของผู้วาด เข้มแข็ง กล้าหาญ มั่นใจในตัวเองสูงมาก”

 

“คุณพ่อ พูดเหมือนที่ใจนัดคิดเลยคะ”

 

เธอมองหน้าพ่อของราชีฟ ซีดเหมือนจะเป็นลม มือสั่น เหมือนไม่มีแรงจะถือรูป

 

“คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ” ท่านส่ายหน้า

 

“พ่อสบายดี พ่อเพิ่งเห็นลายเซ็นคนวาด มันทำให้พ่อนึกถึงลูกชาย”

 

เธอทำเป็นไม่ได้ยินที่คุณพ่อราชีฟพูด และไม่ได้ถามต่อว่าลูกชายคนไหน ในเมื่อเธอทราบอยู่แล้ว และการสนทนาต่อไปก็จะไม่สามารถควบคุมอยู่ ในเมื่อราชีฟยังไม่ต้องการให้ใครได้รู้อะไร เธอก็จะยังไม่พูดอะไรเช่นกัน  หน้าบ้านมีรถสีดำคันใหญ่วิ่งเข้ามาเธอมั่นใจว่านั้นคือรถที่พ่อ แม่เธอนั่งมาด้วย เธอลุกยืนขึ้น โดยไม่ได้สนใจคนนั่งอยู่ข้างเธอ แต่เธอรู้สึกว่าพ่อของราชีฟ ก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน รถจอดสนิทไม่ห่างจากเธอมากนัก คนแรกที่เปิดประตูออกมาคือ พ่อของเธอ แม่เธอตามลงมา แล้วยังมีหลานสาวน่ารักของเธอถูกจูงลงมาด้วย เธอวิ่งเข้าไปหาพ่อเธอเอามือทั้งสองข้างกอดรอบเอวไว้จนแน่น

 

“พ่อหายใจไม่ออกลูก” เธอปล่อยวงแขนออกแล้วแม่เธอก็เดินมากอดเธอแบบเดียวกัน แม่เธอร้องไห้ เธอเอามือเช็ดน้ำตาให้

 

“ลูกไม่ได้เป็นอะไรใช่ มั้ย”เธอส่ายหน้าแล้วเธอกระซิบข้างหูแม่เธอ

 

“หนูสบายดี และมีความสุขมากคะแม่”

 

“เป็นไง บ้างหลานน้า สบายดีมั้ย เอ่ย” หลานเธอส่งมือให้จับ เธอจับมือหลานสาวจูงไปยังบ้านบนดอย ส่วนพ่อ แม่ ของเธอกับพ่อของราชีฟกำลังทักทายกันแล้วกำลังเดินตามหลังเธอมา เป้าหมายของพวกเราก็คือระเบียงบ้านของราชีฟ

 

 

ระเบียงบ้านบนดอย 15 นาทีก่อน

 

“รถเมล์ ฉันไปตาม เจ้าของบ้านกลับมาคืนเธอแล้วนะ  แต่เขาไม่ตามเข้ามา  อยู่ที่ระเบียงบ้าน”

 

“พี่ณี ช่วยเมล์ หั่นผัก หน่อยสิ เมล์เหนื่อยมาก เมล์หั่นจนมือผองหมดแล้ว เมล์ไม่หน้าชวนพี่ณี มาเลย เวรกรรมของเมล์จริงๆ”

 

“ขอบใจที่เธอคิดถึงพี่ รถเมล์ พี่ขอโทษที่มาทำให้เธอลำบาก อาหาร มื้อหน้าพี่กับพวกที่มาด้วยจะช่วยเธอเอง ไม่ปล่อยให้เธอทำคนเดียวแน่ วันนี้พอแค่นี้เถอะ หน้าจะพอแล้ว”

 

“คุณปีเตอร์ เกรงเมล์ เขาคงโกรธเมล์ที่เชิญพวกพี่มาทำให้เขาลำบาก เลยเกรงเมล์ให้หั่นผักมากมาย เหมือนจะเลี้ยงคนทั้งไร่ ดูคุณปีเตอร์ สิออกไปเดินเล่นสบายใจ พรุ่งนี้พี่ณี ต้องช่วยเมล์นะ ดูสิเล็บเมล์พังยับเยินหมดแล้ว”

 

“จะเมล์พรุ่งนี้พี่จะช่วยเธอ พี่พอทำได้กับข้าวง่ายๆ แต่พวกกับข้าว ระดับโรงแรมพี่ทำไม่เป็น”

 

“พี่ณี คนมาทานข้าววันนี้ระดับลิ้นทองคำนะคะ ทำกับข้าวธรรมดาเป็นก็อย่าทำเลยคะ อายพวกเขาแย่คะ เป็นลูกมือแบบเมล์ ก็พอคะ”

 

“ตกลงรถเมล์  พี่มีอะไรจะถาม พี่เจอ ผู้ชายตัวสูงหล่อมาก อยู่กับแมวน้อยน่ารัก กับเด็กสาวสวยคนหนึ่ง พวกเขาเป็นแขกหรือจะเมล์”

 

“ผู้ชายชื่อคุณราชีฟ เป็นเจ้าของไร่ และเจ้าของบ้าน มาพักผ่อน ส่วนเด็กผู้หญิง พี่คงรู้จัก ห้องเสื้ออุบลวรรณ ไฮโซ เด็กนั้นเป็นน้องสาวของเธอคะ”

 

“อุ๊ย จริงหรือจะเมล์ สวยทั้งพี่ ทั้งน้อง  พี่เพิ่งเคยเห็นน้องสาวเธอครั้งแรก ไม่คิดว่าจะสวย ไม่เห็นออกสังคมเหมือนพี่สาวเธอ  แล้วเด็กนั้นมาพักผ่อนกับผู้ชายคนที่พี่เห็น พวกเขาเป็นอะไรกันจะ รถเมล์”

 

“พี่ณี เงียบไว้นะคะ ไม่ใช่แค่พี่ที่อยากรู้เมล์ก็ ใกล้จะลงแดงอยู่แล้ว อยากจะถามเด็กนั้นใจจะขาด แต่ไม่มีโอกาสเลย ถ้าให้เมล์เดานะคะ พวกเขาคงจะ...”

 

“คุณเมล์ คุณณี เลิกคิดอะไร เหลวไหล แล้วหั่นผักให้เสร็จเราอาจจะมีแขกมาเพิ่ม”

 

“โอ้ย  เมล์ไม่ทำแล้วคะ แค่นี้เมล์ก็ใกล้จะได้เหรียญทอง นางแจ๋วประจำปี  แล้วคะ เมล์ไม่สนแล้ว ใครอยากกินอะไรก็ให้พวกเขามาทำกินกันเองเถอะคะ...แล้วคนมาใหม่เป็นใครคะคุณปีเตอร์”

 

“ท่านรัฐมนตรี กับภรรยา และคนติดตามอีกสามคน”

 

“โอ้ย เมล์จะเป็นลม วันนี้มันเวรกรรมของเมล์จริงๆ ไม่เอาแล้วเลิก เลิก เมล์เลิกแล้ว พี่ณี พาแขกของพี่ณีขึ้นรถ แล้วพากลับกันเถอะคะ เมล์ยอมเสียหน้าคะ ไม่ไหวแล้วคะ พี่ณี”

 

“แล้วเมล์ จะให้พี่กับคนที่พามาไปนอนที่ไหน นี้ก็จะค่ำแล้วนะเมล์”

 

“เมื่อมากันแล้วก็อยู่ต่อเถอะครับวันนี้อาจจะยังไม่เข้าที่ แต่พรุ่งนี้คงไม่มีปัญหาอะไร พวกคุณก็ไปช่วยกันจัดโต๊ะข้างนอกเถอะครับ ข้างในคงไม่มีอะไรทำแล้ว”

 

 “ คะ คะ คุณปีเตอร์” แล้วสองสาวก็เดินจากไป

 

มือถือในกระเป๋าเสื้อดังขึ้น ชื่อผู้โทร โชว์ขึ้นที่หน้าจอ “RE” มันคือชื่อย่อของไอ้ตาแดง ลูกสมุนผู้ซื่อสัตย์ของผม ตอนนี้มันกบดานเป็นชาวสวนอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักบนดอยมากนัก ผมให้มันเช็คประวัติแขกของดาราสาวสวยทุกคน ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาแล้วสองชั่วโมงมันคงได้ข้อมูลอะไรบ้าง สำหรับผมความบังเอิญไม่มีในโลก การระวังตัวตลอดเวลา เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการเล่นเกมส์ ที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิตและความตาย

 

“แขกมีปัญหาครับ นาย รูปหมายเลขสี่ ที่นายส่งมาให้ผม ชื่อ และประวัติเป็นของปลอมครับนาย”

 

“แก่คิดว่ามันเป็นใคร”

 

“เมื่อสองวันก่อน เจ้า KID มันหนีออกจากโรงพยาบาล ก่อนมันจะหนีมา มันพังห้องแล็ป และขโมย ตัวอย่างอาวุธ หมายเลขสาม ออกมาด้วยครับ ตอนนี้สมาคม ให้คนตามล่าตัวมันอยู่ ผมคาดว่าหน้าจะเป็นมันแน่นอนครับ”

 

“นายจะให้ผมทำอย่างไร กับมันครับ ให้ผมจัดการมันเลย มั้ยครับ”

 

“รอก่อน  แกบ่อยข่าวออกไปให้ทางสมาคมรู้  ฉันต้องการให้ไอ้ KID มันเป็นแพะ จากเหตุการณ์นี้ มันจะทำให้งานของเราสะดวกขึ้น”

 

“ครับนาย”

 

“เรื่องไอ้ KID  ฉันจะจัดการณ์เอง ทำตามที่สั่งแล้วกัน”

 

“ครับนาย”

 

ไอ้ KID มันขโมย ตัวอย่างอาวุธหมายเลขสามออกมา จากห้องวิจัย ถือว่ามันฆ่าตัวเอง ตายทางอ้อมโดยแท้ ตัวอย่างอาวุธหมายเลข 1 และ 2 ตอนนี้สามารถผลิตวัคซีน ในการป้องกันหากอาวุธถูกปล่อยออกไปภายนอก แต่อาวุธหมายเลขสามอยู่ในการทดลอง ยังไม่มีวัคซีน ที่จะป้องกันได้ มันทำให้สมาคมโกรธ มันต้องถูกเก็บไม่ช้าก็เร็ว แต่จะถึงตอนนั้นผม จะขอใช้ประโยชน์จากเจ้า KID ก่อนแล้วกัน ผมคิด

 

วันนี้มันเป็นวันนรกแตกโดยแท้ ผมต้องค่อยดูแลแขก 2+5+10+6=23 คนรวมตัวผมด้วย บ้านนี้มีสิบห้องหากเฉลี่ยก็ห้องละสองคนเศษ 3 คน ผมต้องออกไปเตรียมโต๊ะ เก้าอี้ แก้วน้ำ จาน ซ้อน  โอ้...ผมกลุ้มใจมาก ขอให้พวกเขารีบมาแล้ว ก็รีบไปกันด้วยเถอะ ผมขอร้องในใจ แล้วตอนนี้ไอ้ KID  มันอยู่ที่ไหน ต้องจับตาดูมันหน่อยแล้ว ผมคิด

 

“ไอ้แมวบ้า ซนมากนะมึง นี้แก่ ดูรอยเล็บ แก่ทำร้าย เจ้านายแก่ ฉันไม่เอาแก่ไว้แน่ วันนี้ฉันจะทิ้งแก่ไว้ที่นี้ แล้วหาทางกลับบ้านเองแล้วกัน”

 

“เมี้ยว”

 

“ฉันฟังแก่ไม่รู้เรื่อง แก่ไม่ต้องร้อง”

 

“เมี้ยว เมี้ยว”

 

“ฉันจะไม่อุ้มแก่  ถ้าแก่จะไปด้วยก็ วิ่งตามมา”

 

อุ้ย !! ขอโทษคะ ฉันเดินไม่ระวัง”

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมยุ่งอยู่กับไอ้แมวนั้น ไม่ได้มอง”

 

“อุ้ย แมวหรือคะ ฉันไม่ชอบแมวคะ ฉันแพ้ขนมัน”

 

“ฉัน KIDD… KIDTY คะ เรียกฉันว่า คิดตี้ นะคะ อย่าเรียก ว่าคิดคำเดียวเด็ดขาด ฉันจะโกรธมากกกม้าก คะ ถ้าใครเรียกฉัน คิด คิด”

 

“ไม่แนะนำตัวหน่อยหรือคะ” ผมส่ายหน้า

 

“ผมจะแนะนำตัวครั้งเดียว เมื่อเราเดินไปถึงบ้านพักครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้น แนะนำชื่อของแมวให้ฉันรู้จัก ก็คงไม่เป็นไร นะคะ”

 

“มันชื่อ RED EYE ครับ และมันหน้ากลัวมาก ระวังให้ดีนะครับ ผมเป็นเจ้านายมัน มันยังทำร้ายผมเลย”

 

“ฉันจะฆ่ามันเองคะ”

 

“จริงหรือครับ อย่างนั้นเชิญตามสบายเลยนะครับ ผมขอตัวก่อน”

 

ฉันล้อเล่นคะ ฉันเดินไปด้วยคะ”

 

เธอเดินสำรวจบ้านเพื่อจะลองหาทางหนี ทีไล่ และอาจจะมีเบาะแสของไอ้ RED EYE บ้าง สุดท้ายเธอก็เจอจนได้ ที่นี้มีแมวชื่อเดียวกับมัน แสดงว่ามันต้องอยู่ใกล้ๆ นี้แน่ เธออยากฆ่าเจ้าแมวนั้น แต่เธอต้องอดใจไว้รอฆ่าเจ้า RED EYE ตัวจริงดีกว่า เธอคิด

 

ตอนนี้เธอกำลังปลอมตัว เป็นช่างแต่งหน้ามืออาชีพ เธอคือสาวประเภทสอง เธอสวย เซ็กซี่ มากกว่าดารารถเมล์ นั้นอีก เธอสวยกว่าสาวประเภทสอง อย่าง “ปอย ตรีชฎา” และเธอก็สวยกว่าพวกผู้หญิงข้ามเพศ ที่คิดว่าตัวเองเกิดมาเป็นผู้หญิง แต่บังเอิญอาศัยอยู่ในร่างของผู้ชาย  เธอจะทำงานสะดวกเมื่ออยู่ในร่างนี้ เธอคิด

 

WHYyy  แมวบ้า อย่าเดินมาใกล้ฉัน”

 

นี้ขนาดยังไม่เจอไอ้ RED EYE  ตัวจริง มันยังส่งลูกน้อง มาก่อกวนเธออีก ความแค้นนี้ ไอ้ RED EYE ต้องได้คืนเป็นสองเท่า เธอคิด

 

ชื่อแมวมีตั้งมากมาย คนบ้าที่ไหน ตั้งชื่อแก่ ไอ้แมวบ้า”

 

“ผมเอง”

 

“อุ๊ย ! ฉันพูดเล่นคะ อย่าคิดจริงจังนะคะ”

 

“คุณจะไม่แนะนำตัวกับ ฉันจริงหรือคะ” ผม ไม่ส่ายหน้า หรือพยักหน้า ไม่สนเธอ  ผมเดินต่อทันที

 

“เมี้ยว เมี้ยว”

 

ผมหยุดเดิน เกิดใจอ่อนขึ้นมา ถ้าทิ้งมันไว้สุดท้ายผมก็ต้องกลับมาหามันอีกแน่ สาวน้อยของผม คงลมออกหู “ราชีฟ คุณต้องไปเอามันกลับมา” นี้คงเป็นคำที่ผมจะต้องได้ยินแน่ ผมมองมันวิ่ง และร้องตามผม จนเข้ามาใกล้ ผมก้มลงจับมันวางบนบ่าอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่ปีนหัวผมอีก มันคงกลัวผมจะทิ้งมันแน่ ผมคิด

 

“อุ๊ย !! ข้อเท้าแพลง เดินต่อไม่ได้ คะ”

 

“คุณแน่ใจ นะว่าข้อเท้าแพลง” เธอพยักหน้า ผมไม่คิดจะอุ้มเธอไปแน่หรือจับเธอวางไว้บนบ่าเหมือน ไอ้แมวนี้ ผมคิด

 

“ถ้าอย่างนั้นผมขอพิสูจน์หน่อยนะครับ  RED EYE  เป็นเด็กดีช่วยหน่อยนะ”

 

“เมี้ยว”

 

“คุณจะทำอะไรนะ ก็พิสูจน์ ว่าคุณข้อเท้าแพลงจริงหรือเปล่านะครับ”

 

“อย่าเอามันไปไกลๆ  ว้าย!! ฉันแพ้ขนแมว หายแล้ว ข้อเท้าฉันดีขึ้นแล้ว เอาไอ้แมวนี้ไปไกลฉัน” ผมหันหลังแล้วเดินต่อ เธอลุกขึ้นแล้วเดินตามผมมาห่างๆ คงกลัวแมวจริง อย่างน้อยผมก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรไม่ให้ผู้หญิงนี้เข้าใกล้ผมได้ ผมคิด

 

“จริงมั้ย”

 

“เมี้ยว”

 

“นายครับ” เสียงหัวหน้าคนงาน ผมหยุดเดินมองหาทิศทางของเสียงของนายเม่น ผมเดินเข้าไปหา

 

“นายเม่นมีอะไร”

 

“ผมขอคุยกับนายตามลำพัง ครับนาย” ผมพยักหน้า

 

“คุณกลับไปบ้านพักได้แล้ว ผมไม่อยากให้ใครตาม” ผมออกคำสั่งผู้หญิงที่กลัวแมว แล้วเดินนำนายเม่นไปยังที่สามารถคุยกันได้ลำพัง

 

“ผมอยากถามนายจริงๆ นายอย่าโกหกผมนะครับ” ผมพยักหน้า

 

“นายคือนายน้อยมาร์ติน ใช่มั้ยครับ” ผมพยักหน้า

 

“นายเม่นจำได้ด้วยหรือ”แก่ไม่ตอบแต่แก่เดินเข้ามาจับมือผม

 

“นายน้อย ผมบอกแล้วว่าผมจำนายเก่าได้ทุกคน โดยเฉพาะนายน้อง นายที่คอยส่งข้าว ส่งน้ำให้ผมเวลาผมเมา หรือผมเสียใจ ผมคิดถึงบุญคุณนายน้องอยู่เสมอ ผมไม่มีวันลืมมันได้แน่ ผมดีใจที่ได้เจอนายอีก แต่ผมไม่เข้าใจมันเกิดอะไรขึ้น ถึงได้มี นายน้อง มาร์ตินสองคน”

 

“ฉันตอบคำถามนายเม่นไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันเองก็จนปัญญาเหมือนกัน ฉันคงมีกรรมมากนะนายเม่น พระเจ้าเลยลงโทษฉัน”

 

“นายจะขายบ้านและไปจากที่นี้ อีกหรือครับ”

 

“ฉันเลือกแล้วนายเม่น ที่นี้ไม่ใช้บ้านฉันอีกแล้ว แต่ฉันจะไม่ทิ้งนายเม่นหรอกนะ ถ้านายเม่นจะไปกับฉันด้วย ฉันจะดูแลนายเม่นเอง นายเม่นกับฉันเราต่างถูกพระเจ้าลงโทษด้วยกันทั้งคู่ พวกเราไปด้วยกันเถอะนะนายเม่น เดินไปจากที่นี้กัน นายเม่นเป็นทุกข์กับที่นี้มามากแล้ว อย่าอยู่ที่นี้อีกเลย เราต่างเสียเวลายี่สิบปีเพื่อรอคอย มามากพอแล้ว”

 

“นายยังคงใจดีกับไอ้เม่นเหมือนเดิม ไอ้เม่นไม่เสียเวลายี่สิบปีไปเปล่าประโยชน์จริงๆ”

 

“ผมมีบางอย่างจะบอกนายครับ เรื่องเหตุการณ์ เมื่อยี่สิบปีก่อน เหตุการณ์นี้เกิดหลังจากไฟไหม้บ้านบนดอย และบ้านพักคนงานประมาณหนึ่งเดือนครับ”

 

“ตอนนั้นผมกำลังหนีเพราะกลัวตำรวจจับ ผมไปหลบอยู่หลังน้ำตกบนเขา ผมได้พบกับไอ้สิน ก็ไอ้คนงานที่มันเผาบ้านพักคนงานนั้นแหละครับ มันถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส มันกำลังจะตาย ก่อนที่มันจะตาย มันสารภาพ มันเป็นหนี้ การพนัน มันต้องหาเงินใช้หนี้ มันขนยาไม่นานมันก็ใช้หนี้หมด”

 

“หลังจากมันใช้หนี้หมด มันก็จะเลิกทำ แต่ตำรวจจับมันได้ในการทำงานครั้งสุดท้าย มันคิดว่ามันต้องติดคุกแน่ แต่ตรงกันข้าม ตำรวจปล่อยตัวมันออกมา  โดยให้มันทำงานให้ หากไม่ทำมันก็ต้องติดคุก มันจึงทำต่อไป”

 

“จนวันหนึ่งตำรวจบอกให้มันขนยาไปซ่อนไว้ในบ้านคนงาน ตอนนั้นมันก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ไม่นาน มันก็รู้ว่าพวกตำรวจเลวนั้น กำลังหาแพะ เพื่อจะทำผลงานส่งเจ้านาย”

 

“โดยพวกมันได้เลือกให้คุณพ่อคุณมาร์ติน เป็นแพะรับกรรมในครั้งนั้น พอมันรู้ความจริง มันจึงรีบมาทำลายหลักฐานทิ้ง ก่อนที่ตำรวจจะมาจับ นายเจ้าของบ้านที่มีพระคุณกับมัน และลูก เมีย ของมัน”

 

“จากสิ่งที่มันทำในวันนั้น ทำให้เมีย กับลูกของมันต้องตายในกองไฟนั้นด้วย  หลังไฟไหม้ มันได้หนีไป แต่มันก็หนีไม่พ้น มันถูกตำรวจยิง มันไปหลบหลังน้ำตกบน ถ้ำ หลังเขา จนได้พบกับผม ก่อนมันตายมันบอกชื่อของตำรวจคนนั้นกับผม แล้วมันก็ตาย”

 

“ผมเป็นคนฝังศพมันเองกับมือ แล้วไม่นานผมก็ออกมามอบตัว โดยผมพยายามปฏิเสธว่าผมไม่ใช่คนทำ แต่ไม่มีใครเชื่อ และคนที่จับผมในตอนนั้นก็ คือตำรวจคนเดียวกับที่ยิงไอ้สินตาย ผมกลัวมาก ในตอนนั้นการอยู่ในคุกสำหรับผม ดีกว่า ต้องถูกยิงตายแบบไอ้สิน”

 

“วันนี้ผมก็ได้พบตำรวจคนนั้นอีกครั้งครับ นายมาร์ติน  นายตำรวจคนนั้นมากับพ่อ แม่ของสาวน้องที่อยู่กับนายครับ ถึงมันจะนานแล้วแต่ผมจำได้ครับ ผมจะชี้ตัวให้เจ้านายครับ ในจำนวนสามคนที่มา มันอายุมากที่สุดครับ นาย”

 

“นายเม่นได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังหรือเปล่า”

 

“ไม่ครับนาย ผมไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อนเลยครับ ในชีวิตผมคนที่ผมเชื่อใจมากที่สุดก็คือนายน้องครับ หากผมไม่พบกับนายน้อง ผมก็จะเก็บเรื่องนี้ให้มันตายไปกับผมครับ”

 

“ฉันขอบใจนายเม่นมาก วันนี้นายเม่นไม่ต้องขึ้นไปบนบ้านบริการแขก นายเม่นไปพักได้ เรื่องที่เหลือฉันจะจัดการเอง”

 

“ครับนาย”

 

“นายครับ ผมมีอีกเรื่องไม่รู้มันจะสำคัญด้วยหรือเปล่า เมื่อวานนี้ผมได้รับคนงานเข้ามาใหม่หนึ่งคน มันทำตัวหน้าสงสัย วันที่นายปีเตอร์มาบ้านบนดอยครั้งแรกผมเห็นมันเป็นคนขับรถให้นายปีเตอร์ แต่วันถัดมามันมาสมัครเป็นคนงานในไร่ ผมไม่รู้มันต้องการอะไร ผมอยากให้นายมาร์ติน ระวังไว้ครับ”

 

“ขอบใจนายเม่นมาก ฉันจะระวัง แล้วนายเม่นก็ระวังด้วยเหมือนกัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน”

 

“ครับนาย”

“ฉันต้องกลับไปดูหน้าตำรวจคนนั้นหน่อย อยากรู้จริงๆนายเม่นไปพักผ่อนได้แล้ว”

 

“ครับนาย”

 

บ้านบนดอยเวลาต่อมา

 

           เรื่องนี้มันอยู่ เกินกว่าแผนการที่วางไว้ เธอทำงานเป็นสาย ในสำนักงานตำรวจในฐานะนายตำรวจคนหนึ่ง เธอรู้จักกับคนทั้งสามคนที่เป็นคนติดตามมากับ รัฐมนตรี คนแรกคือหัวหน้าเป็นคนดูแลการสอบสวนเหตุการณ์ก่อการร้าย คนที่สอง เฮนรี ฟอร์ค เจ้าหน้าทีประสานงานของท่านทูตเมริกาประจำประเทศไทย  คนที่สามคือ วรนุช เจ้าหน้าที่สาวสวยประจำสำนักงานตำรวจ ทั้งสามคนคือ มืออาชีพ และต่างก็หน้ากลัวสำหรับเธอ ตอนนี้เธออยู่ในร่างกายของผู้หญิงสวย พวกเขาอาจจะยังจำเธอไม่ได้ในตอนแรก แต่ ไม่นานเธอโดนจับได้แน่ งานที่จะจัดการกับไอ้ตาแดง เริ่มมีอุปสรรค ก้อนใหญ่ขวางเสียแล้ว เธอคิด เธอจะเฝ้าดูเหตุการณ์ก่อน  ยังไม่ต้องการออกไปเผชิญหน้ากับใครทั้งสามคนในตอนนี้ เธอคิด

 

“สวัสดีครับ คุณคิดตี้”

 

“สวัสดีคะ คุณโรม”

 

เขาคือพระเอก หนุ่มหล่อ ที่กำลัง HOT สุดๆ ในตอนนี้ และตอนนี้เขาก็ทำหน้าที่ดันดาราหน้าใหม่อยู่ นั้นก็คือ ดาราดัง รถเมล์สายด่วนแห่งความรัก ก็คืองานของพระเอกดังคนนี้

 

“คุณเป็นเพื่อนพาผมเดิน เที่ยวได้มั้ยครับ” เธอกำลังต้องการหลบตำรวจสามคนอยู่พอดี การเดินออกไปอีกเพื่อหาเวลาคิดก็เป็นเรื่องดี เธอคิด และพยักหน้า

 

“อุ๊ย...ใครปฏิเสธพระเอกหล่อขั้นเทพ อย่างคุณโรม ก็โง่สิคะ เราไปไกลๆ ก็ได้คะ เอาแบบเข้าป่าแล้วหาทางกลับไม่ได้เลยนะคะ คุณโรม”

 

“คุณตลกดีนะครับ คุณคิดตี้ ถ้าหลงป่าไม่ได้กลับบ้าน กับคุณเป็นอาทิตย์ผม ก็ยอมครับ”

 

“นี้เป็นบทในละคร หรือเปล่าคะ คุณโรม อย่าให้ คิดตี้ดีใจเล่น สิคะ เดี่ยวคิตตี้พาหลงป่าจริงๆ ด้วย” หลง ไม้ป่าเดียว กัน เธอคิดในใจ

 

“คุณคิตตี้ จะพาผมหลงกี่ป่า ผมก็ยอมครับ”

 

“อย่างนั้นไปกันเถอะคะ คุณโรม”

 

แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินเข้าป่าแล้ว หายไป

 

นั้นคือสาวที่กลัวแมว และเป็นสาวที่อยากให้ผมแนะนำชื่อให้รู้จัก แต่พอผมจะแนะนำตัว เธอกันกับผู้ชายก็พากันเดินหายไปในป่า ทำมั้ยวันนี้มีแต่เรื่องแปลกนะ ผมคิด ผมเดินเข้าบ้านตรงไปยังระเบียงบ้านทันที พร้อมเจ้าแมวน้อยเพื่อนของสาวน้อยของผม

 

ในป่า ใกล้ บ้านพัก

 

วันนี้ ไอ้ตาแดงมันเพิ่งได้เห็นหน้าตา ไอ้คิด ที่มันได้ช่วยชีวิต ไว้ จากการถูกรอบยิง ที่สำนักงานตำรวจ

 

 

คนที่ยิงไอ้คิดที่สำนักงานตำรวจ ไม่ใช่มัน ถึงมันจะอยากยิงก็ตาม มันได้เปลี่ยนไปแล้วมันเป็นคนดี  คนยิงไอ้ คิดวันนั้น ก็คือ เจ้าหน้าที่หนุ่มหล่อที่ชื่อ เฮนรี ฟอร์ค  และไอ้เฮนรี ฟอร์ค ก็โดนไอ้คิด ยิงไปหนึ่งนัด คงแค่บาดเจ็บ ไอ้ เฮนรี ฟอร์ค มันยิงสวน กับจนไอ้คิดเกือบตาย  หากมันไม่ช่วยยิงสกัด ไอ้ เฮนรี ฟอร์ค ไป หนึ่งนัด ไอ้คิดต้องถูกยิงซ้ำจนตายไปแล้ว

 

เหตุการณ์ในตอนนั้น มันได้รับคำสั่งจากเจ้านายมันให้ไปจัดการเป้าหมาย มันเพียงแค่ต้องการจะพาเป้าหมายในห้องหนีออกมาเท่านั้น

 

การจัดฉากในการฆ่า เป้าหมายเป็นเพียงแค่แผนการที่เจ้านายมันวางไว้เท่านั้น มันลงมือ ทำจะสำเร็จอยู่แล้วแต่ ไอ้ เจ้าหน้าที่ เฮนรี ฟอร์ค มาทำให้แผนการทุกอย่างต้อง ผิดแผนไปหมด ไอ้เฮนรี ฟอร์ค ยิง สายที่ทางสมาคมส่งไปแฝงตัว เพื่อช่วยงานมัน มันไม่รู้จุดประสงค์ที่ ไอ้เฮนรี ฟอร์ค  การที่ ยิงตำรวจด้วยกัน ไม่มีเหตุผลเลย ถ้าไอ้เฮนรี ฟอร์ค ยิงคนนอกอย่างมัน สิ ถึงจะมีเหตุผล อย่างไร มันก็จะหาคำตอบให้ได้  ไอ้ตาแดงคิด

 

มันคิดถึงไอ้คิด ว่าจุดประสงค์ที่ไอ้คิด มาที่นี้ก็คงจะมาแก้แค้นมันแน่แต่มันยังไม่คิดจะบอกไอ้คิด เจ้านายต้องการจะใช้งานไอ้คิด เพื่อทำอะไรสักอย่าง มันก็จะรอดูเช่นกัน ตอนนี้ไอ้คิดมันมีอาวุธที่ทรงอำนาจ หากสามารถหลอกใช้ไอ้คิดได้ ทุกอย่างที่ทำมา ไม่เสียเปล่าแน่ ไอ้ตาแดงคิด

 

“คุณโรมคะ คิดตี้ อยากทานแอปเปิล คุณโรมปีนขึ้นไปเก็บให้ คิดตี้ได้ มั้ยคะ”

 

“ไม่ไหวหลอกครับ คุณคิดตี้ ผมปีนต้นไม้เก่งเฉพาะในละครครับ แต่ชีวิตตรง ผมกลัวความสูง ครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้น คิคตี้จะปีนให้ คุณโรมทานเองนะคะ แต่คุณโรมห้ามแอบมองคิดตี้นะคะ คิดตี้อาย คุณโรมกลับหลังหันคะ”

 

“คุณคิดตี้ เก่งจังเลยครับ เก่งเหมือนลิงเลย”

 

“ขอบคุณคะที่ชมคิดตี้ แต่รู้สึก คำชมของคุณโรม มันแปลก ๆ นะคะ”

 

“ครับผมก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ผู้กำกับบอกว่า มันให้อารมณ์ ของพระเอก กับนางเอกในละคร มันมีชีวิต ชีวามากขึ้น นะครับ ผมก็เลยลองเอามาชมคุณคิดตี้ดู  ผมว่ามันได้ผลนะคับ”

 

“คิดตี้ ก็คิดว่ามันได้ผล คะคิดตี้ ดูมีชีวิต ชีวา มากกม้าก คะ”

 

 “นี้คะ คุณโรม รับนะคะ คิดตี้จะโยนให้คะ”

 

“คุณคิดตี้ ครับผมว่าพอก่อนดีกว่ามั้ย ครับ เราไม่ได้เตรียมถุงมาใส่ ตอนนี้เสื้อผมยืดหมดแล้วครับ เสื้อตัวนี้ราคา 3000 บาท ยี่ห้อดังจากเมกา ด้วย เพิ่งใส่แค่ครั้งเดียวเอง”

 

“คุณโรมคะ คิดตี้กำลังสนุกเลยคะ คุณโรมเรียก คนงานในไร่ ขอถุงเขาสิคะ คิดตี้เห็นเวบๆ ทางนั้นคะ”

 

ผมได้ยินเสียง ลิง หรือ ชะนี อยู่บนต้นไม้ ถ้าจาก คนข้างล่างเรียก ก็คงเป็นลิง แต่สำหรับผมมันคือ ลิงผสมกับชะนี  ผมมองดูไอ้คิด มันทำตัวมันเอง เปลี่ยน ตัวเองเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา แอบแบ๊ว แต่ก็ดูสวยดี แต่ผมไม่คิดจะ ไปแข็งขันกับไอ้หน้าหล่อนั้นแน่  ปล่อยให้พวกนั้นบ้ากันต่อไป

 

“คุณครับ มีถุง มั้ยครับ ผมอยากได้เอาไปใส่แอปเปิล ครับ”

 

ผมส่งถุงให้ไอ้หน้าหล่อ แล้วเดินตามไปดู ลิงผสมชะนี ใกล้ๆ ดู ดู่ มันทำ ผมคิดในใจ ผมกับมันมองสบตากัน ตอนนี้ผมเหมือนกับหมามองเครื่องบิน โดยแท้ มันคือนางฟ้าสาวสวย ผมมันแค่คนงานในไร่ ได้ค่าแรง วันละ 150  คงไม่สามารถไปเด็ดดอกฟ้าอย่าง ไอ้คิดมันได้ ผมคิด แต่ก็ดีแล้วปล่อยให้มันเป็นนางฟ้าเกาะกิ่งไม้อย่างนั้นแหละ แล้วผมก็เดินหนีมาเงียบๆ

 

จบบทที่ 7  ติดตามบทที่ 8    KID แปรพรรค

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา