THE RED EYE

5.8

เขียนโดย RATH

วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 16.37 น.

  8 chapter
  16 วิจารณ์
  16.64K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 6 การแก้แค้น ของจอมโจรคิด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 6

 

การแก้แค้น ของจอมโจรคิด

 

สถานีตำรวจแห่งชาติ สองวันก่อน เวลา 05.00 น.

 

มันคืองานแรกของผม ที่จะได้ร่วมงานกับมือสังหาร ที่ใช้รหัสว่า RED EYE   ไม่มีใครรู้จักหน้าตาจริงของมัน บางคนบอกว่ามันเคยเป็นทหาร ได้รับการฝึกการฆ่ามาเป็นอย่างดี มันชอบการฆ่าเป็นชีวิตจิตใจ มันเห็นหมา มันฆ่าหมา มันเห็นมด มันฆ่ามด มันเห็นช้างมันก็ฆ่าช้าง

 

มันไร้จิตสำนึก ของมนุษย์ปกติ จนวันหนึ่งมันได้รับบาดเจ็บจากการสู่รบ จนได้รับผลทางสมอง ต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลโรคจิต มันถูกไฟ   ซ็อต สมองวันละหลาย ครั้ง จนมันเปลี่ยน เป็นคนใหม่ มันเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต มันหันมาฆ่าคน ตามคำสั่งของเจ้านายของมันแทน

 

โดยมันได้รับโอกาสนี้จากเจ้านายของมัน ที่มีฉายาหรือรหัส ว่า SATAN  (ซาตานคือผู้ที่เป็นศัตรูของพระเจ้าในคริสต์ เป็นตัวต้นตอของความชั่วร้าย ปิศาจ และความมืด ซาตานแตกต่างจากปิศาจทั่วไปเพราะซาตานคือเจ้าแห่งปิศาจทั้งมวล)  และวันนี้ผมก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับมือสังหาร โรคจิต ในดวงใจของผม

 

งานแรกของผมก็คือ การเป็นสาย นำข่าว ที่ได้รับจากตำรวจ ส่งต่อให้กับมือสังหาร คือเจ้า RED EYE   ให้ลงมือสังหารเป้าหมายได้อย่างไม่ผิดพลาด 

 

งานที่สองคือจะต้องทำลายระบบรักษาความปลอดภัยในสถานีตำรวจ และ

งานสุดท้ายของวันนี้คือ ผมต้องทำหน้าที่เปิดห้องของเป้าหมาย เพราะรหัสห้องจะถูกเปลี่ยนทุก 30 นาที มีแต่ผมเท่านั้น ที่จะทำหน้าที่นี้ได้ งานของผมทั้งสองสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เหลืองานสุดท้ายคือเปิดห้องเป้าหมาย ให้มือสังหารทำงานได้อย่างสะดวก

 

ผมยืนอยู่หน้าห้องกำลังจะกดรหัสเปิดห้องสัญชาตญาณ เอาชีวิตรอดของผม เตือนว่าผมอยู่ในอันตราย ผมหันหลังกลับยิงปืนออกไปหนึ่งนัด ผมยิงถูกเป้าหมายที่จุดสำคัญแต่ ไม่หน้าถึงชีวิต แต่ผมถูกยิงสวนกลับบาดเจ็บสาหัส

 

 

ผมคิดว่าผมต้องตายแน่ มันยิงผมซ้ำอีกผมต้องตายสถานเดียว ผมได้ยินเสียงปืนอีกนัด แต่ผมไม่รู้สึกเจ็บ มันคงยิงพลาด ผมคิด เมื่อผมรู้สึกใกล้จะตาย  ผมรวมกำลังสุดท้ายกดปุ่มเปิดประตู หลังจากนั้น เวลาก็ผ่านไป ผมฟื่นจากความตาย ผมอยากจะรู้ใครเป็นคนยิงผม เจ้า RED EYE  หรือเปล่า  ถ้าใช้ฝีมือของมัน การแก้แค้นของผมมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว  

 

สองวันต่อมา บ้านบนดอย เที่ยงวัน

 

             หลังจากผมอาบน้ำเนื้อตัวสะอาด จิตใจสดชื่นขึ้นแล้ว สาวน้องของผมก็ทำอาหารสำหรับคนหกคนเสร็จสิ้นลง นายเม่น ขึ้นมาจัดโต๊ะ ทานข้าว และค่อยอยู่บริการ เสริฟข้าว เสริฟน้ำ ให้กับแขก ที่ระเบียงบ้าน บรรยากาศ จะเย็นสบาย มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่หลายต้น มีลมพัดความเย็นจากน้ำลำธาร มาให้เย็นสบาย ทั้งแขกที่มา และเจ้าของบ้าน คือผมเอง สาวน้องของผมเธอก็อาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้แขกของเราก็หิวกันแล้ว พวกเขารอผม กับสาวน้องของผมเท่านั้น ผมคิด

 

           ผมเดินคู่ มาพร้อมกับสาวน้อยของผมจนถึงระเบียง ผมมองโต๊ะอาหาร บนโต๊ะ มีอาหารอยู่พร้อมแล้ว เก้าอี้สำหรับคนหกคนก็พร้อมแล้วเช่นกัน มันถูกวางเป็นแถวฝั่งละสามตัว ผมมองดูแขกผมสี่คน ต้องมีคนหนึ่งมานั่งฝั่งที่ผมนั่งกับสาวน้อยของผม ผมนึกไม่ออกว่าจะแยกใครดี ระหว่างมาร์ติน กับนางเอกสาวแสนสวยเจ้าของบทบาทมาร์ตินที่รัก ของเมล์ หรือจะให้พวกเขานั่ง รวมกันทั้งสี่คน ผมนั่งทานกับสาวน้อยของผมอีกฝั่ง อย่างไร ก็ต้องถามดูก่อนแล้วกัน  ผมยิ้มมองหน้าทั้งสี่คน

 

“พวกคุณคงหิวข้าวกันแล้ว เชิญนั่งกันได้เลยครับ”

 

ผมมองดูพ่อแม่  มองเก้าอี้ที่จะนั่ง และผมเห็นคู่รัก อีกคู่จับมือกันอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมปล่อยมือจากกัน ผมมองหน้าสาวน้อยของผม

 

“ผมจะให้คุณมาร์ตินกับคุณเมล์ นั่งฝั่งนี้กับคุณนัด แล้วผมก็จะไปนั่งฝั่งเดี่ยวกับคุณพ่อ คุณแม่ แล้วกันนะครับ ผมขออนุญาต เรียกพวกคุณเหมือนที่คุณมาร์ติน เรียกนะครับ”

 

ท่านพยักหน้า หมายถึงตกลง ผมมองดูทุกคนจะมีความสุขดี ที่ผมไม่ได้จับใครแยกออกจากกัน โดยคนที่มีความสุขจนออกนอกหน้าคงเป็น คู่หนุ่มสาว รักชั่วฟ้าดินสลาย มาร์ตินและรถเมล์ สายด่วนแห่งความรัก เป็นแน่ ผมคิด

 

“ขอบคุณนะคะ คุณราชีฟ ที่คุณไม่แยกเราออกจากกัน”

 

ผมแค่พยักหน้า ไม่ได้ตอบรับอะไร แต่สาวน้อยของผมเธอยิ้มอารมณ์ดี เหมือนเธอจะไม่เคยเจอ ความรัก ที่ประหลาดแบบนี้ก็ได้ ผมคิด

 

“ทุกคนเชิญนั่งครับ”

 

          ผมเดินไปฝั่งตรงข้ามเลื่อนเก้าอี้ให้ พ่อ และ แม่ผมนั่ง พวกท่านมองหน้าผมด้วยความหมายที่ผมเดาไม่ออก ฝั่งตรงข้าม มาร์ติน ก็ทำแบบเดียวกัน กับผมเขาเลื่อนเก้าอี้ให้คนรักและสาวน้อยของผม เขาให้คนรักนั่งเก้าอี้ตัวแรก เขาเลื่อนเก้าอี้ตัวที่สามให้สาวน้อยของผม และเขาเลือกนั่งเก้าอี้ตัวกลาง ดังนั้น มาร์ตินหนุ่มหล่อก็มีสองสาวนั่งเคียงข้างซ้าย ขวา อย่างหน้าอิจฉา ผมคิด

 

 

นายเม่นลงมือตักข้าวบริการแขกจนครบทุกคน ผมมองหน้านายเม่น และพูดออกคำสั่งให้นายเม่นทำตาม

 

“นายเม่นไม่ต้องอยู่บริการแล้วนะ คุณนัด จัดข้าวไว้ให้นายเม่นในครัว นายเม่นไปทานได้ พวกเราทานเสร็จ นายเม่นค่อย มาช่วยเก็บถ้วย เก็บจานแล้วกัน”

 

         นายเม่นพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อทานข้าวที่สาวน้อยของผมจัดไว้ให้ ผมหันมาสนใจแขกตรงหน้าอีกครั้ง ผมรู้สึกว่าทุกคนรอคำสั่งของผมอยู่ การทานข้าวครั้งนี้มันเป็นครั้งแรก ระหว่างผมกับแขก ผมอยากจะทำให้มันเป็นแบบกันเอง แต่ผลที่ได้ มันกับตรงกันข้าม ทุกคนเหมือนกับกลัวผม หรือเกรงผมกันแน่ ผมจะพูดอย่างไรให้พวกเขาทำตัวกันแบบสบาย มีแต่สาวน้อยของผมเท่านั้นเธอยิ้มน่ารักอยู่ตลอดเวลา

 

“เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว ก็ลงมือทานกันได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าใครต้องการจะเติมข้าว ผมจะเป็นคนบริการเองครับ”

 

พวกเขาทุกคนลงมือทานข้าวกัน ผมตักกับข้าว เป็นเนื้อปลาวางลงที่จานแม่ของผม แม่ผม หันมามองหน้า  ผมหันหน้าหนีไม่กล้าสบตาด้วย พ่อผมก็มองมาทีผม  แต่ผมทำเป็นยังคงทานข้าวของผมตามปกติ ผมมอง คู่รักฝั่งตรงข้ามแสดงความรัก บริการกันเองอย่างหน้าอิจฉา หรือไม่นะ ผมคิด

 

“มาร์ติน คะเมล์อยากทานปลา คะมาร์ติน ทานปลาแล้วฉลาด และไม่อ้วน เมล์จะได้ดูสวยเมื่อเราแต่งงานกัน นะคะ มาร์ติน”

 

“นี้ครับเมล์ เนื้อปลาไม่มี ก้าง ครับ”

 

“ขอบคุณคะมาร์ติน  นี้คะ มาร์ติน  เมล์จะตักเนื้อให้ มาร์ตินชอบทานเนื้อมาก เมล์จำได้”

 

“ขอบคุณ นะครับเมล์”

 

ผมมองจานข้าวสาวน้อยของผม เธอทานข้าว ไม่ได้สนใจคู่รักที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอจะมองหน้าผมบ่อยๆ และยิ้ม ผมจึงตัดสินใจเลือกเนื้อปลาตักส่งให้เธอบ้าง เธอยิ้มน่ารัก วันนี้เธอดูสวยกว่าทุกวัน เธอถักเปียม้วน เก็บไว้เป็นช่อเหมือนกับรังนก ทำให้เห็นใบหน้าเธอเด่นชัดกว่าทุกครั้ง หน้าเธอจะเป็นรูปไข่ คิ้ว จมูก ริมฝีปาก ใบหู และลำคอระหงส์ มันถูกสร้างมาอย่างลงตัว เมื่อเธอยิ้ม ทุกอย่างบนหน้าเธอยิ้มไปด้วย แม้แต่ มาร์ติน ที่นั่งอยู่ข้างเธอยังมองเธอเมื่อคนรักเผลอเป็นประจำ

 

ผมหันไปมองจานข้าวแม่ผม  อีกครั้งเนื้อปลาที่ผมตักให้แม่ผม  ท่านทานหมดแล้ว ผมเลือกตักให้อีกครั้ง ครั้งนี้แม่ผมไม่ได้มองผมอีก ท่านทานข้าวอย่างอร่อย จนข้าวหมดจาน ผมตักข้าวเพิ่มให้ท่านอีก และเลือกตักกับข้าวอย่างอื่นเพิ่มให้ด้วย  จนทุกคนกินกันอิ่มแล้ว รวมถึงผมด้วย นายเม่น มายืนค่อยเก็บถ้วย เก็บจานไปล้างทำความสะอาด

 

           ตอนนี้บนโต๊ะก็มีแค่จานผลไม้ที่ยกมาใหม่เท่านั้น แต่ไม่มีใครสนใจที่จะทานมันอีกแล้ว สาวน้องของผมอุ้มแมวน้องเพื่อนของเธอเล่นอยู่มุมระเบียงแยกออกไปจากทุกคน แต่ก็ยังมีหลายคนสนใจมองดูเธออยู่ แม้แต่แม่ของผมเองสนใจเธอ  อยู่แน่แต่ยังไม่มีโอกาสอยู่กันตามลำพังกับสาวน้อยของผม

 

              พวกเขามาที่นี้ ต่างก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือ การขอซื้อบ้านคืนจากผม แต่ผมเริ่มจะเสียดายบ้านหลังนี้แล้ว แต่มันก็ไม่ได้สำคัญกับผมจน ผมจะทิ้งมันไปไม่ได้ หากบ้านหลังมียังมีความสำคัญ กับพ่อและแม่ผม  ผมก็ยินดีจะยกคืนให้ โดยพวกท่านไม่ต้องเสียเงินซื้อคืนเลยด้วยซ้ำ ผมคิด

 

ตอนนี้คุณพ่อ กับคุณแม่ผมเดินไปนั่งเล่นอยู่ข้างกับสาวน้อยของผม พวกเขากำลับคุยอะไรกันนะ ผมยังไม่ได้ขยับไปไหน เพราะกำลังใช้ความคิด จะทำอย่างไรต่อไปกับแขกวันนี้

 

“ข้าวเที่ยงวันนี้ กับข้าวอร่อยมากนะจะ หนู”

 

“ขอบคุณคะที่คุณแม่ชอบ หนูขอเรียกว่าคุณพ่อ คุณแม่เหมือนกับราชีฟ เรียกนะคะ”

 

“ได้จะหนู เรียกได้อย่างที่อยากเรียกเถอะจะ”

 

“คุณพ่อ คุณแม่อยากจะพักผ่อน มั้ย คะ นัดจะพาไปห้องพัก”

 

“แม่ว่าที่นี้บรรยากาศดีกว่าในห้องจะหนู แมวน้อยชื่ออะไรจะ น่ารักจัง”

“ราชีฟ ตั้งชื่อ ให้มัน RED EYE  คะ ราชีฟ มักทำตาดุ ตาแดงตลอด เลยตั้งชื่อมันเหมือนตาของตัวเองคะ”

 

แม่ผมเงียบคงตกใจมาก แอปเปิล สองผล เหมือนกัน  แม้ ต่างเวลากันได้ แต่แมวสองตัวต่างเวลากัน ไม่มีทางชื่อจะเหมือนกันได้ หากเป็นที่อื่นไม่ใช่ที่บ้านหลังนี้ แต่ของสองสิ่งเกินขึ้นในที่เดียวกันมันหน้าสงสัยไม่น้อยเลย ผมคิด แล้วแม่ผมจะคิดเหมือนผมหรือเปล่านะ ผมจะลองฟังการสนทนากันต่อไป

 

“ชื่อมันน่ารักมากจะหนู เมื่อก่อนลูกชายแม่ก็ มีแมวชื่อเหมือนแมวตัวนี้เหมือนกัน แต่มันตายไปหลายปีแล้วจะ หนูได้แมวน่ารักนี้มาจากไหนจะ”

 

“หนูพบมันที่บ้านนี้ เมื่อมาถึงใหม่ๆ คะ มันคงเป็นลูกแมว ที่คนงานแถวนี้เลี้ยงไว้ หรือมันอาจจะหลงทางมา ก็ได้คะ หนูเลยใช่มันเป็นเพื่อนเล่นคะ”

 

“คุณแม่ชอบเลี้ยงแมวหรือคะ”

 

“จะหนู แม่ชอบเลี้ยงสัตว์ ที่บ้านแม่มีแมวหลายตัวเลย ทั้งแมวไทย แมวต่างประเทศ แม่ กับคนใช่ ตามล้างขี้ แมว จนเหนื่อยเลยละจะ”

 

“ที่บ้านนัด ก็เลี้ยงไว้แต่มีแค่สองตัวคะ พี่สาว กับหลานหนู ซื้อมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน ส่วนหนูก็อาศัยช่วยเลี้ยงคะ หนูไม่มีเวลา เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเรียนหนังสือนะคะ คุณแม่”

 

“หรือจะ หนูนัด  หนูรังเกียรติ มั้ย ถ้าแม่จะถามว่าบ้านหนูอยู่ไหน”

 

“บ้านหนู อยู่ที่กรุงเทพฯ คะ คุณแม่คงรู้จัก  รัฐมนตรี ธงไท นะคะท่านเป็นคุณพ่อของหนูคะ”

 

“หนูเป็นลูกสาว ของ ธงไท หรือนี้” คนที่ถามไม่ใช่แม่ผมแต่เป็นพ่อผมต่างหาก

 

“คะคุณพ่อ ท่านเป็นคุณพ่อหนูเองคะ คุณพ่อ รู้จักท่านด้วยหรือคะ”

 

 

 

“เราสองคน ถ้าว่างจากงานก็จะนัดกันออกรอบตีกอล์ฟ เสมอ พ่อหนูก็เคยเล่าว่ามีลูกสาวสองคน คนหนึ่งแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ก็ยังเหลือลูกสาวคนเล็ก  ท่านคงจะหมายถึงหนูนัด”

 

“คะคุณพ่อ พี่สาวหนูแต่งงานมาสี่ปีแล้วคะ ตอนนั้น หนูเพิ่งอายุ 16 ปี เอง  ตอนนี้พี่สาวหนูมีหลานน่ารัก ชื่อ น้องนุ่น อายุ 4 ขวบคะ”

 

“พี่สาวเธอคงไม่ได้ชื่อ อุบลวรรณ พันเลิศวงศ์   สาวสังคมผู้โด่งดัง แห่งห้องเสื้อ อุบลวรรณ ไฮโซ หรอกนะจะ” คนที่ถามคือดาราสาวสวยที่เดินเข้ามาฟังการคุยกันอย่างอยากรู้อยากให้

 

“บังเอิญ ว่า เธอเป็นพี่สาวฉันคะ คุณเมล์รู้จักกับพี่สาวฉันด้วยหรือคะ”

 

“ไม่มีดาราดัง คนไหนไม่รู้จัก ห้องเสื้ออุบลวรรณ ไฮโซ หรอกจะ ฉันเป็นลูกค้าประจำ แบบ เกาะติดหนึบ เหมือนปลิง เลยละ  พี่สาวของเธอเป็นสาวสังคม ออกงานแต่ละที แต่งตัว สุดลิด สุดเดช เปรี้ยวจี๊ด ยิ่งกว่ามะนาว ใครเข้าก็รู้กัน ทั้งวงการ”

 

 

“แต่เธอ ไม่เหมือนที่สาวเลยนะ เธอดูธรรมดา จนฉันไม่อยากเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน”

 

เธอไม่ตอบรับอะไรแค่ยิ้ม ผมรู้สึกว่าสาวน้อยของผมจะโดนตั้งคำถามมากเกินไปแล้ว หากมีใครถามสาวน้อยของผมว่าทำไมถึงมาอยู่กลางป่า กลางดอยอย่างนี้คงไม่ดีแน่ และยังอยู่กับผมแค่สองคนด้วย

 

พ่อกับแม่ผม ไม่กล้าถามแน่ แต่แม่ดารานางเอก สวมบทร้ายในชีวิตจริงคงถามแน่นอน ผมคิด 

 

ผมคิดว่าผมจะช่วยเหลือสาวน้อยของผมและตัวผมเองด้วย การซื้อเวลาแค่วันสองวันแล้วต่างแยกจากกัน แล้วอนาคตค่อยแก้ไขกันไปแล้วกัน ยิ่งมากคน กว่ายิ่งมากความ ผมคิด

 

เสียงโทรศัพท์แม่ดาราแสนสวย ดังขึ้นเป็นเสียงเพลง ยอดฮิต แต่ผมฟังแล้วปวดหัว ไม่รู้ฟังเข้าไปได้อย่างไร ผมคิด

 

 

“ ฮะโล สวัสดีคะ พี่ณี เมล์เองคะ พี่ณีโทรมามีธุระอะไรกับเมล์คะ

 

เธอเดินหายเข้าไปในห้องเพื่อคุยโทรศัพท์ต่อ ไม่นานเธอก็เดินกลับมาแต่คนที่เธอเดินเข้าไปหากับไม่ใช่คนรักของเธอ เป็นคุณแม่ของผม ผมไม่รู้เธอจะพูดอะไรกับแม่ผม ผมคงต้องรอฟังเท่านั้น

 

“คุณแม่คะ พี่ณี ผู้จัดการของเมล์ตอนนี้เธออยู่ในเมือง เธอไม่มีที่พักเพราะช่วงนี้โรงแรมเต็มคะ คุณแม่ให้พี่ณี มาค้างกับเมล์ได้ มั้ยคะ”

 

“หนูเมล์ พ่อ กับ แม่ เราก็เป็นแขก ที่เจ้าของบ้านเชิญมาพัก นะคะ แม่อนุญาตไม่ได้หรอกจะ”

 

สาวน้อยของผมยิ้ม ให้ผมเหมือนบอกผมว่า คุณรับผิดชอบต่อไปนะ เหตุการณ์นี้ มันจะนำความลำบาก เพิ่มให้กับสาวน้อยของผมเสียมากกว่า ไหนจะเรื่องอาหาร ไหนจะต้องค่อยตอบคำถาม ที่ไม่อยากตอบ ยิ่งคนรู้มาก ในอนาคตเธอก็จะยิ่งลำบากมากไปด้วย ผมควรจะอนุญาตดี มั้ย แต่ผมมองหน้าแม่ผม ท่านลำบากใจอยู่ไม่น้อย ถ้าผมจะอนุญาต อย่างน้อยผมก็ควรตั้งเงื่อนไขในความเป็นส่วนตัวของผม กับสาวน้อยของผมด้วย ผมคิด

 

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังจากนั่งฟังการสนทนาอยู่นานแล้วเดินไปยืนคู่กับคนรักของดาราสาวที่มีชื่อว่า มาร์ติน เขาเป็นหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ความสูงน้อยกว่าผม จากการวัดโดยสายตา หน้าจะสูง ไม่เกิน 179 รูปร่างไม่ใหญ่มาก หน้าจะเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกัน เส้นผมจะดำน้ำตาล ดวงตา อ่อนโยน เป็นคนตรงไปตรงมา ผมยังไม่เคยคุยเป็นการส่วนตัวกับเขาอย่างใกล้ชิดมาก่อน นอกจากการแนะนำชื่อก่อนอาหารเที่ยงเท่านั้น

 

เมื่อผมเดินไปอยู่มุมเดียวกับมาร์ตินแล้ว ผมก็หันหลังกับมอง พ่อ แม่  ดาราคนสวย และสาวน้อยของผม ซึ่งจับกลุ่มอยู่มุมเดียวกัน

 

“ผมตกลง จะอนุญาต ให้เพื่อนคุณเมล์มาค้างด้วยได้ แต่ผมขอตั้งเงื่อนไข ความเป็นส่วนตัวของผมหน่อยนะครับ ผมกับคุณนัด เรามาอยู่ที่นี้ อย่างคนลำบาก เราจะช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด และเราจะพึ่งพาคนอื่นให้น้อยที่สุดเช่นกัน”

 

 “ผมกับคุณนัด เราทำอาหารทานกันเอง เราไม่ได้ให้ใครขึ้นมาช่วยเรา เพราะทุกคนบนดอยต่างมีงานต้องทำ ถ้าเราเอาใครขึ้นมาช่วยงานที่พวกเขารับผิดชอบอยู่เป็นประจำ ก็จะต้องให้คนอื่นทำแทน และคนนั้นก็จะทำงานหนักกว่าปกติเป็นสองเท่า”

 

 “คนงานเมื่อเช้าที่พวกคุณเห็น แก่มีชื่อว่านายเม่น เป็นหัวหน้าคนงาน และขับรถพาผมไปธุระบ้าง แต่วันนี้แก่ให้คนอื่นทำงานแทนและมาคอยบริการพวกคุณ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าจะบริการแขกที่เราเชิญมา หากเพื่อนคุณเมล์คิดว่ามาลำบากได้ผมก็ยินดีตอนรับ ครับ”

 

“ผมอยากจะถามคุณเมล์ว่า เพื่อนคุณเมล์มาคนเดียวหรือมีคนติดตามมาด้วยครับ ถ้ามีคนมาด้วยมากี่คนครับ”

 

“พี่ณี กับทีมงาน มาหาสถานทีถ่ายทำละครเรื่องใหม่คะ คุณราชีฟ ถ้ารวมพี่ณีด้วย ก็หน้าจะไม่เกินสิบ คะ”

 

โอ้ แม่เจ้า ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ตกใจทุกคนที่ได้ยินเงียบกันไปหมด แต่คนที่มีความสุขคงเป็นสาวน้อยของผม เธอยิ้มสดใจยิ่งกว่าได้เพชร พลอย ผมคิด

 

“สิบคน คุณเมล์ครับ บ้านผม มีด้วยกันทั้งหมด สิบห้อง ตอนนี้ ผมพัก 1 ห้อง คุณนัดพัก 1 ห้อง คุณเมล์พัก 1 ห้อง คุณมาร์ติน พัก 1 หัอง คุณพ่อกับคุณแม่คุณมาร์ติน พักอีก 1 ห้อง ตอนนี้เราก็จะเหลือห้องพัก อีกห้าห้อง  แต่ผมต้องบอกว่ามีอยู่ 2 ห้อง ผมเปิดให้แขกเข้าพักไม่ได้ มันก็เหลือแค่สามห้อง เพื่อนคุณนัดสามารถพักรวมกันได้ มั้ย ครับ”

 

“ได้คะคุณราชีฟ เพื่อนเมล์ไม่เรื่องมากหรอก คะห้องเดียวพักกันสิบคนพวกเขาก็เคยพักมาแล้ว คุณราชีฟไม่ต้องห่วงเลยนะคะ”

 

“และมาถึงเรื่องสำคัญ ผมอยากพูดถึงความเป็นส่วนตัวของผมกับคุณนัด เราไม่อยากให้ใครมาสักถามเรื่องความเป็นส่วนตัวของเรา ดั้งนั้นช่วยเคารพความเป็นส่วนตัว ของเราด้วยนะครับ”

 

ทุกคนเงียบแม้แต่พ่อกับแม่ของผมก็เงียบกันหมด และพวกเขาจะอึงมากกว่านี้อีก ผมคิด

 

เรื่องนี้ สำคัญมาก  ผมจะยกบ้านนี้ให้กับพวกคุณ เหมือนพวกคุณเป็นเจ้าของบ้าน หลังนี้ คุณพ่อ คุณแม่เป็น เจ้าของบ้าน คุณมาร์ติน เป็นลูกชายเจ้าของบ้าน คุณเมล์เป็นว่าทีเจ้าสาวของคุณมาร์ติน และผมกับคุณนัด จะรับหน้าที่เป็นแขกของพวกคุณที่มาพักที่บ้านหลังนี้แทน พวกคุณก็ต้องบริการผมเหมือนกับที่ผมบริการคุณในวันนี้ ทำกับข้าวให้ผมกับคุณนัดทาน ล้างถ้วยล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ตกลงนะครับ”

 

ทุกคนเงียบและตัวแข็งเหมือนรูปปั้น ที่ใช้ประดับสวนหย่อม ระหว่างที่ทุกคนทำตัวเป็นรูปปั้น ก็มีเสียงจากประตูก่อนจะเข้ามาถึงระเบียง มันคือเสียงพี่ชายของผม ผมคิด ว่าอย่างไรเขาก็ต้องมา ผมเลยเหลือห้องไว้ให้อีกหนึ่งห้องและแขกที่จะตามมาอีก 1 ห้อง ตอนนี้ยังเป็นความลับ ตกลงบ้านหลังนี้ ก็มีห้องว่างอีก 1 ห้อง รอแขกที่กำลังมาเพิ่มอีก

 

“แล้วผมต้องทำหน้าที่อะไร หรือเปล่าครับ คุณราชีฟ”

 

 ผมยิ้มให้พี่ชายผม การพบกันครั้งแรกดูเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่วันนี้ดูเขาจะมาอย่างคนพร้อม ทั้งร่างกายและจิตใจ ที่จะเล่นเกมส์กับผม ผมคิด

 

“บ้านหลังนี้ มีพ่อ แม่ น้องชาย ว่าที่เจ้าสาวน้อยชายแล้ว มันก็ยังขาดพี่ชายเจ้าของบ้านอีกคนหนึ่งจริง มั้ย ครับ คุณปีเตอร์”

 

“ผมเหลือห้องไว้ให้คุณหนึ่งห้องพอดี  วันนี้คุณก็เริ่มทำหน้าที่เจ้าของบ้านได้เลยนะครับ คุณปีเตอร์ ผมกับคุณนัดตัดสินใจจะเป็นแขกของบ้านคุณแทนครับ”

 

“นี้คงไม่ได้หมายความว่าคุณราชีฟ ตัดสินใจจะขายบ้าน และที่ดิน คืนให้เราด้วยใช่ มั้ยครับ”

 

“แน่นอนคับ ผมยินดี จะขายคืนให้คุณ และครอบครัวของคุณ แต่ยังไม่ใช้ตอนนี้ ผมจะให้คำตอบคุณหลังจากพวกคุณทำหน้าที่เจ้าของบ้านหลังนี้เสร็จสิ้นลงแล้ว และผมก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้อีกแล้ว วันนั้นมันจะมาถึงก็ต่อเมื่อ คุณเป็นเจ้าของบ้านและตอนรับแขกที่มาพักบ้านของคุณอย่างดี และเป็นที่หน้าพอใจ หากผมรู้สึกว่า พวกคุณไม่ให้ความสนใจผมเท่าที่ควร ผมอาจจะลองคิดดูอีกที่ว่าจะขายมันคืนให้คุณดีหรือไม่ คุณปีเตอร์”

 

“ออ อีกอย่างคุณปีเตอร์ ถ้าคุณคิดจะใช้อารมณ์โกรธของคุณเหมือนครั้งที่แล้ว ผมแนะนำให้คุณกับไปเสียดีกว่านะครับ เพราะบ้างที่ผมอาจจะทนอารมณ์ของคุณไม่ได้ และตัดสินใจไม่ขายบ้าน คืน ให้ก็ได้ครับ และอีกอย่างผมไม่อนุญาต ให้พวกคุณใช้คนงานในไร่ มาช่วยทำงานอะไรก็แล้วแต่ที่ ไม่ใช้หน้าที่ของพวกเขาโดยตรง พวกเขาทำงานกันหนักอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเพิ่มภาระให้กับพวกเขาเพิ่มอีก เข้าใจนะครับ แล้วคุณปีเตอร์ ก็เตรียมรับแขกเพิ่มอีกสิบคนด้วยนะครับ”

 

ผมยิ้มและเดินออกจากระเบียงโดยไม่ลืมส่งมือให้สาวน้อยของผมจับเธอยังคงอุ้มแมวของเธออยู่ และยิ้มอยู่ตลอดเวลาเธอคงมีเรื่องพูดกับผมอีกแน่เมื่ออยู่กันตามลำพัง ผมคิด ผมหยุดเดินแล้วหันหลังกลับ

 

“ผมกับคุณนัดเราจะไปเดินเล่นกันที่ลำธารตอนเย็นเราถึงจะกลับ อย่างไรพวกคุณเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พวกเราด้วย นะครับ แล้วก็อย่าลืมเตรียมเพื่อแขกของพวกคุณที่จะมาเพิ่มด้วยนะครับ ผมจะไปบอกให้นายเม่นเตรียม เสบียง มาเพิ่มให้อีกไม่ต้องกลัวอด ครับ ผมสามารถเลี้ยงคนเป็นร้อยได้ อย่างสบายอยู่แล้วครับ”

 

แล้วผมกับสาวน้อยของผมเดินไปเที่ยวเล่นกันที่ลำธาร

 

ระเบียงบ้าน ต่อเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่

 

“เมล์ ทำกับข้าวไม่เป็นนะคะ มาร์ติน ถ้าให้เมล์ต้มไข่ กับต้ม มาม่า เมล์จะอาสาทำให้นะคะมาร์ติน  แต่จะให้เมล์ทำกับข้าวแบบเมื่อตอนกลางวันเมล์ ทำไม่เป็นหรอกคะ มาร์ติน ทีมงานของพี่ณี ก็มีแต่ผู้หญิงทำงานในห้องแอร์ พวกนั้นก็กินแต่อาหารตามสั่งจานละ 25 บาทหน้าบริษัท พวกเขาคงไม่มีใครทำกับข้าวเป็นแน่เลยคะมาร์ติน เราจะทำอย่างไรกันดีคะ มาร์ติน”

 

“คุณแม่ผมท่าน ทำกับข้าวอร่อยเมล์ คุณกับผมเราก็ช่วยกันเป็นลูกมือ หั่นผัก หั่นหมู ล้างถ้วย ล้างจาน ให้แม่ผมคอยคุม เรื่องรสชาด อาหาร ดีมั้ย ครับเมล์”

 

“แต่เล็บเมล์ มาร์ติน ดูสิคะ เมล์ทำมาใหม่ด้วย ถ้าเมล์ หั่นผัก หั่นหมู ล้างจาน   เมล์ก็ต้องเสียเวลาไปต่อเล็บใหม่อีกสิคะ”

 

“เมล์จะให้แม่ผมทำคนเดียวหรือไง คนที่มาก็เป็นแขกของเมล์เชิญมา เองทั้งหมดเลยนะ แล้วตอนนี้เมล์ก็ เป็นเจ้าของบ้านแล้วเหมือนกัน เมล์ก็ต้องช่วยแม่ผมทำด้วย”

 

“มาร์ติน ก็ช่วยท่านสิคะ หรือจะให้พี่ชายมาร์ตินช่วย ด้วยอีกคน นะคะมาร์ติน”

 

“แล้วทำไม ไม่บอกให้พ่อผมช่วยด้วยอีกคนละครับ คุณเมล์”

 

เสียงปีเตอร์พูดขึ้น หลังจากได้ยิน ว่าที่น้องสะใภ้ในอนาคตพูดถึงชื่อเขาขึ้นมาก่อน

 

“ผมในฐานะเจ้าของบ้านขอให้คุณเมล์ โทรกลับไปบอกให้ทีมงานยกเลิกการมาที่นี้ เดียวนี้ หากไม่อย่างนั้น คุณเมล์ ก็หาอะไรเลี้ยงรับรองแขกของคุณเมล์เองพวกเราจะไม่ขอรับผิดชอบเหมือนกัน”

 

“ไม่ได้นะคะคุณปีเตอร์ พวกเขาเดินทางกันมาจะถึงอยู่แล้วจะให้เมล์โทรไปบอกให้พวกเขาขับรถกลับเมล์ทำไม่ได้ อีกอย่าง เมล์ก็เสียหน้าแย่สิคะ”

 

“แล้วคุณเมล์ก็มาทิ้งภาระให้ผม น้องชายผม และแม่ผมรับผิดชอบอย่างนั้น  คุณเห็นแก่ตัวมากนะครับ”

 

“คุณปีเตอร์อย่าว่าเมล์สิคะ เมล์ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี นี้คะเรามาอย่างแขกรับเชิญ แล้วใครจะคิดว่าเราจะต้องมาเป็นเจ้าของบ้านกำมะลอ แบบนี้ละคะ เมล์คิดว่าเจ้าของบ้านจะบริการเราอย่างดี ไม่คิดว่าพวกเขา จะเป็นคนหน้า รังเกียรติแบบนี้”

 

“เมล์พูดอย่างนี้ ได้อย่างไร ตั้งแต่พวกเรามาถึง พวกเขาก็บริการเราอย่างดี จนเมื่อเมล์ เชิญแขกมาเพิ่มนี้ละ เขาถึงได้เปลี่ยนใจ เป็นผมก็ทำเหมือนกัน พวกเขามาพักผ่อนเหมือนกับพวกเรา ช่วงวันหยุดเหมือนกัน แล้วเมล์จะให้พวกเขามาค่อยบริการเราแล้ว ยังต้องบริการแขกของเมล์อีกหรือไง” มาร์ตินพูดตำหนิคนรักเป็นครั้งแรก

 

“ไม่รู้ละ มาร์ติน ต้องแก้ปัญหานี้ให้เมล์ จะทำอย่างไรก็ได้ หรือจะไปของร้องพวกเขากลับมาช่วยทำอาหารให้ทานเหมือน เมื่อตอนกลางวันนะคะมาร์ติน”

 

“ไม่ได้นะเมล์ คุณราชีฟ บอกแล้วว่าให้เราบริการเขาอย่างแขกที่มาพัก แล้วเราจะให้แขกมาทำกับข้าวให้ทานหรือไง ถ้าทำอย่างนั้นหากเขาไม่พอใจก็ไม่ยอมขายบ้านให้เราอีก”

 

“โอ้ย !! เมล์คิดไม่ออกแล้วคะมาร์ติน ตกลงคะ เมล์จะช่วยทำกับข้าว แต่เมล์ไม่รับประกันนะคะ ว่าจะเป็นลูกมือที่ดีได้ มาร์ติน   ...เมล์เสียดายเล็บสวยๆ ของเมล์จังเลยคะ มาร์ติน”

 

ทุกคนในครอบครัวมองว่าที่สมาชิกครอบครัวในอนาคตอย่างมีความหมายต่างกันออกไป มันสามารถดูได้จากดวงตาของแต่ละคนที่มองนางเอกหนังในจอ แต่เป็นนางร้ายในชีวิตจริง จนไม่มีใครอยากจะพูดความในใจออกมา มาร์ติน มอง พ่อ แม่ และพี่ชาย เหมือนจะขอโอกาสให้คนรักอีกสักครั้ง ทุกคนได้แต่พยักหน้าเท่านั้น

 

“ถ้าคุณบอกจะช่วยก็เตรียมตัวได้เลยเริ่มจากเตรียมอาหารแล้วกัน ส่วนห้องพัก อย่าเพิ่งให้ใครเข้าพัก ให้มานั่งเล่นที่ระเบียงนี้ก่อน รอให้เจ้าของบ้านเขา กลับมาก่อนค่อย ว่ากันอีกที ส่วนคุณเมล์ กับแก่มาร์ติน เข้าครัวเตรียมเสบียง เตรียมน้ำไว้คอยรับแขก มีอะไรในตู้เย็นขนออกไปทำความสะอาด แล้วจัดเตรียมไว้ เดี่ยวอีกสักพักพี่กับแม่จะเข้าไปช่วย”

 

“ครับ พี่ ปีเตอร์”

 

แล้วคู่รัก คู่ทรหด ก็เดินเข้าห้องครัว จัดการเตรียมอาหาร รอรับแขกที่จะมา

 

 

ที่ระเบียงบ้าน ต่อเนื่องกันกับเมื่อกี่

 

“สวัสดีครับ คุณ พ่อ คุณแม่”

 

ตั้งแต่มาถึงผมพึ่งได้ทักทายพ่อกับแม่ ผมคิดว่าพ่อและแม่มีเรื่องอยากถามผมอยู่มาก แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากให้ท่านรู้ความจริงเรื่องน้องชายที่ตายไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ผมคงต้องขอซื้อเวลาต่ออีกสักวัน หรือสองวัน ผมคิด

 

“ปีเตอร์ ที่นี้มันคืออะไรกัน ทำไม มันถึงเหมือนบ้านหลังเก่าของเรามากขนาดนี้”

 

แม่ผมเป็นคนถาม และผมมองพ่อผม ท่านก็อยากได้ยินคำตอบเหมือนกัน และผมเองก็ไม่สามารถจะตอบเรื่องบ้านได้ว่าทำไมคนสร้างถึงจำลองได้เหมือนกันมากมายขนาดนี้ นอกจากจะบอกให้ไปถามมาร์ติน หรือราชีฟ ที่พ่อกับแม่ผมยังไม่รู้ว่าคือลูกชายเท่านั้น ผมคิด

 

“ผมก็ไม่รู้ครับ ผมเคยมาที่นี้หลายครั้ง แต่ก็มองจากข้างนอกไม่เคยเข้ามาข้างในเลย จนเมื่อวาน ผมมาที่นี้ ผมก็ตกใจในความเหมือนกัน เหมือนผมหลุดไปในอดีต เมื่อยี่สิบปีก่อนเลยครับ วันนั้นผมควบคุมอารมณ์ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยครับ คุณพ่อ คุณแม่”

 

“ปีเตอร์ ลูกรู้จักเจ้าของบ้าน ที่ชื่อราชีฟ มั้ยลูก”

 

ครั้งนี้เป็นคำถามของพ่อผม จะให้ผมตอบว่าเขาเป็นน้องชายผมที่ตายไปยี่สิบปี ให้พ่อผมได้ยินดีมั้ยนะ สำหรับพ่อผมไม่มีปัญหาในการรับรู้ พ่อผมจะดีใจมากขึ้นเสียอีก แต่แม่ผม หากรู้ว่าลูกชายยังไม่ตาย ท่านก็จะดีใจมาก และวันที่มาร์ตินจากไปอีก ท่านก็จะเสียใจมากอีกใช่กัน ส่วนมาร์ตินน้องชายผมอีกคนที่พ่อผมเอามาเป็นตัวแทนมาร์ตินที่ตายไปแล้วยี่สิบปีละ จะทำอย่างไร เขาจะทำใจยอมรับ พี่ชายอีกคนได้หรือเปล่า พี่ชายที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเขามาก่อนมีชื่อเหมือนเขาทุกอย่าง สิ่งที่ผมห่วงมากที่สุดก็คือความรู้สึกของมาร์ติน เขาเป็นคนที่ครอบครัวให้ความสำคัญมาตลอด สุดท้ายหากเขาต้องสูญเสียมันไป เขาจะทำใจยอมรับมันได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมต้องหาคำตอบให้ได้เสียก่อนถึงให้คำตอบที่แท้จริงกับ พ่อ และ แม่ ผมได้ ผมคิด

 

เขามีชื่อจริงว่าแวมาฮาดี  แวดามิยาห์อสลา ชื่นเล่นของเขาก็คือ ราชีฟ พ่อเขามีน้องชายเป็นชีค หรือเจ้าชายครองรัฐอิสระ มีธุรกิจบ่อน้ำมัน ร่ำรวยมากครับ พ่อของเขาทำธุรกิจธนาคาร ไม่ต้องพูดถึงความร่ำรวย ถ้าจัดอันดับคนร่ำรวยระดับโลก พวกเขาติดหนึ่งในสิบ หรือในยี่สิบของโลกครับ คุณพ่อ

 

“อุ๊ย จริง หรือคะ คุณปีเตอร์”

 

         เสียงดาราเจ้าบทบาทออกอาการตกใจ คนเล่าก็ตกใจที่ถูกแอบฟัง จึงหันหลังไปมองและเจอน้องชายผมก็ยืนฟังอยู่ด้วย

 

“ครับ คุณเมล์ หากไม่เชื่อก็ลองหาข้อมูลใน www.google.com  ดูนะครับ”

 

แล้วคนร่ำรวยระดับนั้นมาทำอะไรที่นี้คะ” ดูน้องสะใภ้ในอนาคตผมจะตั้งปัญหาหน้าคิดเหมือนกัน

 

“วันหยุด คนร่ำรวย มาอยู่บนดอย กันแล้วหรือ เมล์ คิดไม่ออกเลยคะ มาร์ติน เมล์งง มาก เลยคะ”

 

“ผมก็คิดไม่ออกเหมือนเมล์ครับ แล้วเราคอยลองถามเขาดูดี มั้ย ครับเมล์”

 

“อุ๊ย มาร์ติน กู๊ด ไอ เดีย มากเลยคะ มาร์ติน”

 

“ขอบคุณครับเมล์”

 

“มาร์ติน เมล์ งานในครัวทำเสร็จกันแล้วหรือไง”

 

“โธ่ คุณปีเตอร์ ขา เราทำงานก็ต้องพักดื่มน้ำบางซิคะ เมล์เป็นนางเอกละครนะคะ ในละครเมล์ต้องทำเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่ ทำกับข้าว ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน ทำสวน แต่มันไม่เห็นจะเหนื่อย เท่ากับวันนี้เลยคะ ดูเล็บเมล์ซิคะ หักหมดแล้วคะ คุณปีเตอร์”

 

“คุณปีเตอร์ ต้องรีบไปช่วยเราแล้วนะคะ พี่ณีโทรมาบอกว่าอีกสิบนาทีก็จะถึงแล้ว เมล์ยังไม่มีอะไรรับแขกเลยคะ มีแต่น้ำเปล่าคะ คุณปีเตอร์"

 

“เวลาสิบนาที ผมว่าคุณเมล์เปิดแก๊ส แล้วต้มไข่ รอรับแขกดีกว่ามั้ยครับ”

 

“อุ๊ย คุณปีเตอร์ อย่าปล่อยมุข นี้สิคะ คุณปีเตอร์คงได้ยินที่เมล์บอกว่าทำกับข้าวเป็นแค่ต้มไข่ กับต้มมาม่า เลยเอามาล้อเมล์เล่น คงไม่ให้เมล์ทำจริงๆ หรอกนะคะ”

 

“จริงครับ สิบนาที ไม่มีใครทำอย่างอื่นทันหรอกครับ แม้แต่หุงข้าวก็ยังต้องใช้เวลา 30 นาทีเลยครับ”

 

“อุ๊ย จริงด้วยคะคุณปีเตอร์ คุณปีเตอร์พูดถูก  พวกเรายังไม่ได้หุงข้าวเลยคะ นี้ก็เหลือเวลาอีกประมาณแปดนาทีแล้ว หากเราเริ่มหุงตอนนี้แขกก็ต้องรอเหมือนเดินละคะ”

 

“คุณเมล์ผมพูดเล่นครับ ตั้งแต่ผมบอกให้คุณไปต้มไข่ แล้วครับ เราไม่ต้องรีบก็ได้ครับ ค่อยทำกันไป เราจะเลี้ยงอาหารเย็นพวกเขานะครับไม่ได้เลี้ยงอาหารเที่ยง พวกเขาคงทานกันมาจากในเมืองแล้วครับ หากพวกเขายังไม่ทานก็หาผลไม้รับรองพวกเขาไปก่อน หรือหากพวกเขาหิวจนทนไม่ได้ผมจะไปหาข้าวแกงในโรงครัวคนงานมาให้เขา ทานกัน แก่หิ้วไปก่อนครับ  ครั้งหน้าหากคุณคิดจะเชิญแขกมาอีกรบกวนคิดถึงคนอื่นด้วยนะครับ ว่าพวกเขาพร้อมจะรับแขกหรือเปล่า นี้เจ้าของบ้านยังหนีไปเลย ผมบอกตรงๆ หากผมไม่ต้องการซื้อบ้านนี้คืน ผมก็หนีไปแล้วเหมือนกัน”

 

“เมล์ ขอโทษนะคะ คุณปีเตอร์ เมล์ไม่คิดว่ามันจะยุ่งยากแบบนี้เลย”

 

“ไม่เป็นไรครับ กลับเข้าครัวแล้วเตรียม ของทำกับข้าวตอนรับแขกไว้มากๆ เถอะครับตอนพวกเขามาถึงอาจจะยังไม่หิว แต่ตอนเย็นพวกเขาคงทานช้างได้ทั้งตัวแน่ครับ”

 

“คะคุณปีเตอร์”

 

แล้วมาร์ตินกับ ว่าที่น้องสะใภ้ผมก็จูงกัน กลับเข้าครัวอีกครั้ง ผมกับพ่อ แม่ผมก็กลับมาคุยกันใหม่อีกครั้ง

 

“เป็นไปได้มั้ย ปีเตอร์ที่เขาจะเป็นน้องชายของลูก”

 

พ่อผมเป็นคนถามขึ้น  เขาคือน้องชายผมจริงครับคุณพ่อ คุณแม่ ผมควรตอบพวกเขาแบบนี้ใช่หรือเปล่านะ แต่ขอเวลาให้ผมอีกหน่อยเถอะครับ ผมคิด

“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ถ้ามาร์ตินยังมีชีวิตอยู่ เขาต้องกลับบ้านมาหาพวกเราแล้วนะครับ คนที่ชื่อราชีฟ ไม่ใช่น้องชายผมแน่ครับ” 

 

เป็นอย่างที่พูดน้องชายผมคือมาร์ติน คนที่ชื่อราชีฟ สำหรับผมเขาคือคนอื่นจริงๆ ผมคิด

 

พ่อกับแม่ผมยังคงอยากตั้งคำถามกับผมอีก แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรขึ้นมา หากราชีฟ ไม่ยอมรับว่าคือคนที่เขาเป็น ถึงจะรู้ว่าคือลูกชายแต่ก็ไม่สามารถ นำลูกชายคืนมาได้อีกแล้ว สู่ไม่รู้เสียยังจะดีกว่า ผมคิด

 

ผมไม่อยากถูกตั้งคำถามเพิ่มอีกแล้ว การให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์มันอาจจะได้ผลกว่าการรับฟังคำตอบ แล้วมานั่งเสียใจ หรือทุกข์ใจ ก็ได้ ผมคิด

 

“คุณพ่อ คุณแม่ เราเข้าไปในครัวกันเถอะครับ ผมจะช่วยทำกับข้าว เลี้ยงแขกของเรา”

 

สิ่งที่ผมอยากพูดก็คือ ผมอยากให้คุณแม่ทำกับข้าวให้น้องชายได้ทาน และผมจะคอยช่วยทำด้วยอีกคน แต่ก็ไม่ได้พูด เวลาผ่านมายี่สิบปีแล้วมาร์ติน ถึงได้ ทานกับข้าวฝีมือแม่ของผมอีกครั้ง มาร์ติน คงจะดีใจมาก ผมคิด

 

ลำธาร ใกล้กับบ้านบนดอย

 

              สายน้ำขาว เหมือนกระจก มองเห็นลูกปลา วิ่งเล่นในสายน้ำอย่างสนุก มีทั้งฝูงเล็ก และฝูงใหญ่ มีก้อนหินสีดำ รูปร่างเหมือนสัตว์ประหลาด หลายร้อยก้อน ทั้งขนาดเล็ก ปานกลาง และใหญ่มาก เสียงน้ำตกดังห่างไกลจากที่เธอ ยืนอยู่ตอนนี้ เสียงน้ำตก มันคงเป็นต้นน้ำที่ไหลลงมายังที่เธออยู่ตอนนี้  เธออยากเดินไปให้ถึงต้นน้ำที่มีเสียงน้ำตก แต่ราชีฟ บอกว่าถ้าจะไปต้องเตรียมตัวให้พร้อมกว่านี้ เรามีน้ำมา ด้วยไม่มาก มีผลไม้ที่เก็บมาตามทางเดินก็ไม่มาก ส่วนอาหารไม่มีเลย ขนมปัง แซนวิช ก็ไม่ได้ทำมาด้วย แต่สิ่งที่ราชีฟถือมาด้วย กับเป็นกระดาษวาดภาพ และไม้กระดาน พร้อมขาตั้ง สำหรับหนีบ กระดาษวาดภาพ ดูราชีฟ จะเป็นศิลปินใส่แห้ง มาก่อน เธอคิด

 

“ราชีฟ คุณเอา กระดาษวาดรูปมาด้วย คุณจะวาดรูปอะไร”

 

“ต้นไม้ ภูเขา นก ปลา น้ำตก ครับคุณนัด”

 

ดูเธอจะไม่ประหลาดใจในสิ่งที่ผมตอบคำถามเธอเลย ความจริงแล้วสิ่งที่ผมอยากวาด คือรูปสาวน้อยของผม อุ้มแมว นั่งเล่นอยู่กลางภูเขา ต้นไม้ ทีมีปลาและน้ำตกเป็นฉากหลังมากกว่า ผมคิด

 

“ฉันก็วาดเป็น ราชีฟ ฉันวาดเล่นกับหลานสาวฉัน เป็นประจำ บางครั้งฉันยังวาดรูป ให้หลานสาวไปส่งครูที่โรงเรียน (อนุบาล)เลย หลานฉันได้ดาวกลับมา เธอดีใจมาก ราชีฟ”  ผมยิ้มเมื่อเธอเล่าจบ

 

“คุณคงไม่ได้วาด ส่งครูโรงเรียนอนุบาล ของหลานสาวคุณหรอกนะ คุณนัด” เธอยิ้มน่ารักเมื่อผมถามคำถามเธอกลับไปบ้าง

 

“แม้ คุณราชีฟ ฉัน พยายาม เว้นวรรค ใส่วงเล็บเอาไว้แล้วนะคะ คุณราชีฟ ยังพยายาม จับเอาคำพูดฉันมาขยายความหมายเพิ่มอีก คุณใจร้ายมากนะ คุณราชีฟ”

 

               เธอเกรงว่าผมใจร้ายเวลาผมเอาคำพูดของเธอมาขยายความหมายเธอคงไม่ต้องการให้ผมมองเธอเป็นเด็กน้อย ผมคิด

 

ผมยิ้ม ไม่ได้ขอโทษอะไรเธอ และเธอก็คง ไม่ได้ต้องการให้ผมขอโทษด้วย เพราะหลังจากเธอว่าผมเป็นคนใจร้ายแล้วเธอก็อุ้มแมวของเธอไปนั่งที่ก้อนหินให้ เท้ากั้นน้ำไม่ให้ไหล หรือเธอจะให้เท้าของเธอเป็นกำแพงดักลูกปลาให้วิ่งมาชนเล่นกันแน่ แต่น้ำตรงเธอนั่งก็ไม่ได้ไหลแรง เธอคงให้เท้าของเธอเป็นอาหารปลาก็ได้ ดูพวกปลามันจะชอบมากมันวิ่งมากัดเท้าเธอ กันหลายร้อยตัวเลย

 

 ผมอยากให้มีปลาตัวใหญ่มากัดเท้าเธอบ้าง แต่ก็เห็นแต่ตัวเล็กเท่านั้น ลูกแมวที่เธออุ้มอยู่ก็มองปลาที่ไหว้อยู่อย่างสนใจ ผมคิดว่าลูกแมวคงกลัวตกน้ำ  มันจะเกาะสาวน้อยของผมแน่นมากเลย ในบางครั้งเมื่อน้ำกระเด็นโดนแมวน้อย มันจะร้อง และสาวน้อยของผมก็จะลูบหัวมัน

 

 ตอนนี้เปียที่สาวน้อยของผมถักไว้เหมือนรังนกก็ยังคงเหมือนเดิม ทำให้เห็นใบหน้าชัดเจนขึ้น เป็นใบหน้าที่มีความสุข รอยยิ้มไร้สิ่งเจือปน บริสุทธิ์  ไม่แสแสร้ง  คิ้ว ปาก ใบหน้า ไม่มีการแต่งเติมให้สวยเกินกว่าที่ธรรมชาติให้เธอมา

 

ผมอยากถามเธอหลายครั้งทำไม เธอไม่ใช้เครื่องสำอาง พวกลิปสติก ทาปาก หรือดินสอเขียนคิ้ว ที่ผมเห็นเธอใช่ส่วนใหญ่ คือแป้งผับ ตบแก้มเพื่อ ไม่ให้หน้ามันเท่านั้น แต่ก็ไม่ต้องการ จะถามเธอ เพราะอย่างไรในสายตาผม เธอสวยธรรมชาติ ดีอยู่แล้ว ผมคิด

 

ตอนนี้ผมก็ได้แบบสำหรับวาดภาพแล้ว ผมจะใช้เวลาไม่นานสำหรับโครงร่าง ของแบบที่จะวาด รายละเอียดทุกอย่าง อยู่ในสมองผมอยู่แล้ว ผมขยับดินสอ ขีดเขียน ลายเส้น จากหนึ่งเส้น มันเริ่มขยายลายเส้น  ออกไปเป็นรูปร่างที่มี ชีวิตจริง สาวน้อยของผมตอนนี้เข้ามาอยู่ในกระดาษที่ผมวาดแล้ว ตอนนี้ผมแค่ตามเก็บรายละเอียดรอบข้างบรรยากาศ แสงเงา พวก นก กำลังบินอยู่ด้วย ตอนนี้สาวน้อยของผมหายไปจากก้อนหินแล้ว   ผมคิดว่าพวกปลามันคงอิ่มเหมือนกันพวกมันได้อาหารอย่างดีสำหรับวันนี้แล้ว ผมคิด

 

“ราชีฟ คุณวาด ภูเขา นก ปลา ของคุณเสร็จหรือยัง” สาวน้อยของผมเดินอุ้มแมวน้อยของเธอตรงมาหาผม ผมยิ้มรับเธอ

 

“ใกล้เสร็จหมดแล้ว เหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย คุณนัดอย่าเพิ่งเข้ามา  อีกประมาณ 10 นาทีก็เสร็จแล้วครับ”

 

“ราชีฟ ตอนฉันวาดเล่นกับหลานฉัน ฉันวาดแค่ 10 หรือ 20 นาที ก็ได้รูปหนึ่งแล้วนะ ดูคุณจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลยนะ ฉันว่าคุณเปลี่ยนอาชีพ จากศิลปินใส่แห้งไป ทำงานอย่างอื่นดีกว่านะ ราชีฟ”

 

 

            วันนี้สาวน้อยของผมจะ  ดูถูกความสามารถของผมบ่อย เหมือนเธอพยายามทำให้ผมอารมณ์เสียเล่น วันนี้เธอคงเห็น ผมเกรงคนที่บ้านบนดอยเล่น เธอก็เลยอยากเกรง ผมเล่นบ้าง แล้วสุดท้าย ผมก็จะถามเธอว่า ...ทำไมคุณนัดดูถูกผม ทำให้ผมอารมณ์เสีย บ่อยจังครับ... เธอก็จะตอบผมว่าก็แล้วทำไม ราชีฟ ต้องเกรงแขกที่มาพักพวกนั้น เหมือนกันด้วยละ... เรื่องต่อปากต่อคำ ของเธอก็จะยาวต่อไปอีก ตอนนี้ผมก็เลยทำไม่สนใจคำพูดของเธอ ต่อให้เธอทำให้ผมเจ็บใจเล่นมากกว่านี้ก็ตาม ผมคิด

 

              ผมวาดรูปเสร็จแล้ว เป็นรูปวาดลายเส้นจากดินสอ ไม่ได้ลงสี  หากต้องลงสีด้วยคงต้องใช้เวลานานกว่านี้อีก เท่าตัวเลยที่เดียว ผมลงชื่อผู้วาดรูปไว้มุมด้านซ้ายของรูปวาด ขึ้นต้นด้วยตัว M และอักษรตัวถัดมาไม่สามารถอ่านออกได้

 

ผมเคยวาดรูปเมื่อ ผมยังเด็ก ผมจะเซ็นชื่อ แบบเดียวกันนี้ ลงในภาพของผมแต่ตอนนี้ โดนไฟเผาหมดแล้ว และภาพนี้ก็เป็นภาพแรกที่ผมได้วาดมันขึ้นมาใหม่ ที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง  แน่นอนว่าภาพที่ ผมวาดมันเป็นของขวัญวันเกิดให้กับสาวน้อยของผม ที่อายุครบ 20 ปีในวันนี้

 

ผมแอบเปิดกระเป๋าของเธอและดูบัตรประชาชนของเธอ มันมีรายละเอียดทุกอย่าง แม้แต่ที่อยู่บ้านเธอด้วย และ ผมก็ให้คนไปรับพ่อกับแม่เธอมาที่นี้ด้วย ผมคิดว่าใกล้จะมาถึงแล้ว ผมเขียนข้อความลงไปต่อท้ายจากลายเซ็นชื่อของผม

 

Happy Birthday  สุขสันต์วันเกิด ณฐพร พันเลิศวงศ์”

 

สุดท้ายมันก็เสร็จเรียบร้อย ผมคิด ผมเอารูปวาดออกมาจาก กระดานที่ติดอยู่กับขาตั้งวาดรูป แล้วมองหน้าสาวน้อยของผม เหมือนบอกเธอว่า... เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เธอเดินตรงเข้ามาหาผม ผมยังยิ้มตอนรับเธออยู่ เหมือนเธอจะถามผมว่า... ขอดูรูปหน่อยราชีฟ แต่เธอไม่ได้พูด ผมเลยเป็นคนพูดขึ้นก่อน

 

Happy Birthday  ครับคุณนัด ”

 

เธอมองรูปภาพที่ผมวาด แล้วเงียบ เธอก้มหน้าลงมองที่เท้าตัวเอง ผมมองเห็นน้ำใสไหลผ่านแก้มทั้งสองข้าง แล้วหยด ลงไปโดนลูกแมวที่เธออุ้มอยู่ ลูกแมวร้อง สงสัยมันจะไม่ชอบน้ำตาของสาวน้อยของผม สาวน้อยของผมส่งลูกแมวน้อยให้ผมแล้วหันหลังกลับ แล้วผมได้ยินเสียงสั่น ที่เธอพยายามพูดในขณะร้องไห้

 

“ขอบคุณมาก ราชีฟ  ขอบคุณมากจริงๆ ขอฉันอยู่คนเดียวสักพักได้ มั้ย”

 

          ครั้งหนึ่ง ผมเคยขอแบบเดียวกันกับที่เธอขอผม เมื่อผมเดินทางมาถึงบ้านนี้อีกครั้ง ผมอ่อนแอ ผมต้องการปลดปล่อยความอ่อนแอ ผมใช้เวลาที่ระเบียง บ้านปล่อยน้ำตาให้ไหล ผมไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร น้ำตาผมจึงหยุดไหล ผมผ่านวันที่ อ่อนแอได้ในวันต่อมา แต่สำหรับสาวน้อยของผม เธอไม่ได้มีเรื่องอะไรให้คิดมากกว่าการจากบ้านที่อบอุ่นมาอยู่ในสถานที่ เธอไม่รู้จักกับผู้ชายชื่อว่าราชีฟ ผมคนนี้ ผมกำลังแก้ไขปัญหาให้เธอ และปัญหาของเธอจะได้รับการแก้ไขแล้ว เพราะในวันนี้เธอจะได้พบพ่อและแม่ของเธอ หลังจากเธอต้องหนีตำรวจ และมือปืนมาพร้อมกับผม วันนี้คงจะเป็นวันสิ้นสุดที่เธอจะไม่ต้องหนีอีกแล้ว และเธอกับผม เราอาจจะได้พบกันอีก ซักที่ ที่ไม่ใช่บ้านบนดอยแห่งนี้อีก ผมคิด

 

ผมมองเธอเดินห่างออกไปพร้อมรูปภาพที่ผมวาดให้เธอ ผมคิดว่าจะนั่งรอเธออยู่ตรงนี้ จนกว่าเธอจะกับมาเป็นสาวน้อยของผมอีกครั้ง

 

เธอร้องไห้ทำไม เธอถามต้องเอง มีเรื่องอะไรทำให้เธอร้องไห้ได้ เธอเดินทางมากับผู้ชายที่ชื่อราชีฟ เขาเป็นคนดี เธอไม่ได้เสียใจที่เดินทางมากับเขาเลย เธอดีใจมากต่างหาก เธอขอบคุณโชคชะตาที่นำเธอมาพบกับผู้ชายคนนี้ 

 

เธอคิดถึง บ้าน คิดถึงพ่อ แม่ พี่สาว และหลานสาวใช่ มั้ยนะ ที่ทำให้เธอร้องไห้  มันก็ไม่ใช้อีก เธอคิดถึงบ้านก็จริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอต้องเสียใจมาก หรือวันนี้เป็นวันเกิดเธอแล้วไม่มีใครให้ของขวัญเธอ หรือหาเค้กวันเกิดให้เธอได้เป่าเทียนวันเกิด มันก็ไม่ใช่อีก

 

เธอรู้แล้วว่าน้ำตาที่มันไหลออกมามันคืออะไร มันเกิดขึ้นจากผู้ชายที่มีชื่อว่าราชีฟ ทำให้มันเกิดขึ้น ผู้ชายที่มีเรื่องราวมากมายที่เธอหาคำตอบไม่ได้

 

เรื่องของเขาหากเขียนออกมาเป็นหนังสือ เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเรื่องราวของผู้ชายคนนี้จากจุดไหน และมันจะจบที่ตรงไหน เธอไม่ต้องการถามเขา เธอต้องการรอให้เขาเล่าให้เธอฟังเอง แต่เขาก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรของเขาให้เธอได้ฟัง แต่เรื่องราวของ ราชีฟ เธอเก็บสะสม เป็นชิ้นส่วน จากหลายที่ จากหลายคน ที่อยู่รอบข้างตัวของราชีฟ เธอก็สามารถต่อภาพต่างๆ ของราชีฟออกมาเป็นเรื่องราวที่เธอคิดว่าไม่มีใครมีชีวิตที่หน้าเศร้าได้เกิน ผู้ชายที่ชื่อราชีฟอีกแล้ว

 

เรื่องราวผู้ชายที่ชื่อราชีฟ คงเริ่มจากบ้านบนดอยแห่งนี้เมื่อยี่สิบปีก่อน เรื่องนี้ เธอเก็บภาพใส่สมองเพราะราชีฟพูดกับหัวหน้าคนงานที่ชื่อนายเม่น 

 

ย้อนกลับไปเมื่อราชีฟยังเด็กเขา หน้าจะมีชื่อในตอนนั้นว่ามาร์ติน มันคือชื่อที่เธอพบกับราชีฟครั้งแรก เธอจำมันได้จากป้ายชื่อกระเป๋าเดินทางของราชีฟ 

 

วันเดียวกันนั้นราชีฟบอกเธอว่าคนที่มีชื่อว่ามาร์ตินได้ตายไปแล้ว ไม่มีวันฟืนคืนกลับมาได้อีก แต่เมื่อเธอมาอยู่บ้านนี้ได้สองวัน เธอได้พบกับผู้ชายอีกคนที่ชื่อเหมือนกับราชีฟ

 

เด็กคนนั้นมีชื่อว่า มาร์ติน มีพี่ชายชื่อปีเตอร์ มีพ่อ แม่ ครอบครัวพวกเขาอยู่อย่างมีความสุข  มาร์ตินคนใหม่ มีคนรักเป็นดาราแสนสวย กำลังจะแต่งงาน

 

ส่วนราชีฟ หรือมาร์ติน คนเก่า เขาไม่มีครอบครัว เหลือให้กลับไปหาอีกแล้ว เขามีแต่ความทรงจำ ของครอบครัวเมื่อเขายังเด็กเท่านั้น เขาสร้างบ้านขึ้นมาใหม่

 

จากหลังเก่าที่ถูกไฟเผาในสมัยเขายังเด็กและครอบครัวหันหลังและเดินจากไป  ราชีฟสร้างบ้านขึ้นใหม่เพื่อรอคอยครอบครัว ที่ไม่ใช่ของเขาอีกแล้วกับมาหาเขา แต่สิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาใหม่กับต้องถูก ครอบครัวทวงคืนอีกครั้ง

 

เขาไม่สามารถได้ ครอบครัวคืนมา และยังต้องเสียบ้านที่สร้างขึ้นมาใหม่ให้กับครอบครัวที่เขารอมายี่สิบปีอีก เธอคิดว่าพระเจ้าคงไม่ชอบราชีฟมาก ถึงได้ทำกับราชีฟแบบนี้  สูญเสียบ้าน พ่อ แม่ พี่ชาย ต่อไปราชีฟ จะต้องเสียอะไรไปอีก เธอขออย่าให้ราชีฟ ต้องเจ็บปวดและเศร้าอีกเลย เธออยากให้เขามีความสุข แต่วันนั้นจะมีจริงหรือเปล่านะ เธอคิด

 

เธอมองรูปภาพที่ราชีฟวาดให้เธอ ราชีฟคือศิลปินตัวจริง ภาพของราชีฟ มันมีชีวิต จิตวิญญาณ รูปของราชีฟ แสดงความรู้สึกของเธอออกมาได้อย่างหมดสิ้น จากสีหน้า ดวงตา เขาสามารถดึงความรู้สึกออก ผ่านรูปภาพได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

วันนี้เธอเกรงราชีฟ หลายครั้ง อยากให้เขาโกรธเธอ เพราะวันนี้ราชีฟ ทำตัวร้ายมาก เขาเกรงแขกที่มาวันนี้ ราชีฟมักจะทำอะไรอย่างมีเหตุผล แต่วันนี้เธอคิดว่าราชีฟไม่มีเหตุผลเลย เขาทำตัวแย่มาก แต่เธอคิดผิด

 

ราชีฟทำอย่างนั้นเพราะอยากให้เธอมีความสุขในวันเกิดของเธอ เขาทำอย่างนั้นเพราะต้องการหาของขวัญวันเกิดให้เธอ เธอดีใจมากที่เขายื่นรูปภาพที่เขาวาดให้เธอ เขาอวยพรให้เธอมีความสุข เธอร้องไห้ และเสียน้ำตาเพราะความดีใจ  

 

แม้ชีวิตของราชีฟจะผ่านอะไรมามากมายแต่เขาก็มอบความรักให้กับคนอื่นที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยแบบเธอ  เธอหวังว่าในอนาคตสิ่งที่ราชีฟทำไว้ จะส่งผลดีกลับคืนให้ราชีฟบ้าง

 

เธอเดินมานั่งร้องไห้นานมากแล้ว ราชีฟคงรอเธอ หากเธอจะขอราชีฟกลับไปช่วยคนที่ บ้านบนดอยทำกับข้าวเขา คงไม่ว่าเธอแน่เพราะอย่างไร ที่เขาพาเธอมาที่นี้ก็แค่ อยากวาดรูปให้เป็นของขวัญเธอเท่านั้น เธอคิด  

 

เธอลุกขึ้นเดินไปหาราชีฟ ที่นั่งเล่นอยู่กับแมวน้อยเพื่อนของเธอ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข และไม่มีน้ำตาเหลืออยู่อีก

 

“กลับบ้านกันเถอะราชีฟ”

 

“ตกลง ครับคุณนัด”

 

“คุณวาดภาพได้เหมือนจริงมากราชีฟ คุณคือศิลปิน ตัวจริง”

 

“ขอบคุณ  คุณนัดที่ชมผม แต่ผมไม่วาดรูปเพิ่มให้หรอกนะครับ”

 

“ฉันอยากให้คุณวาดให้ฉันอีกรูป ลงสีให้สวยเลย”

 

“วันเกิดครั้งหน้าผมจะวาดให้”

 

“มันนานนะราชีฟ”

 

“ปีเดียวไม่นาน มากหรอก ครับ”

 

“คุณสัญญาแล้วนะ ว่าวันเกิดปีหน้าจะวาดรูปให้ฉันอีก ฉันจะ คอย คอย  คอย”

 

ปีหน้า มันคืออนาคต ที่โลกยังไม่ได้หมุนรอบดวงอาทิตย์เลย แล้วเมื่อโลกกำลังหมุนไปเขากับเธอยังจะได้พบกันอีกหนึ่งปีข้างหน้าหรือเปล่านะ ผมคิด

 

 

บ้านบนดอย ช่วงเย็น

 

แขกของดาราสาวสวยเดินทางมาถึงได้ 2 ชั่วโมงแล้ว อาหารว่างสำหรับ  ตอนรับแขกตอนนี้ก็คือขนมปัง แซนวิช  ผลไม้จากในไร่ ส้ม องุ่น แอปเปิล และน้ำเปล่า ทุกคนดูจะมีความสุขกับการกินกัน มากในจำนวนคนสิบคนที่มามีอยู่ หนึ่งคนที่เดินทางมาด้วยจุดประสงค์ การมาต่างจากของคนอื่นคือ ตามหา ผู้ชายที่ชื่อ  มาร์ติน วัลด์เซมึลเลอร์   คนผู้แฝงตัวมาด้วยนี้ มีฉายะ หรือรหัสว่า จอมโจรคิด  จอมโจรอัจฉริยะ แต่การแฝงตัวมาด้วยวันนี้  เขามาในนามลูกทีมของผู้จัดการดาราดังที่มีชื่อว่า รถเมล์ และดาราดัง ก็มีแฟน ชื่อเดียวกับเป้าหมาย ที่เจ้า RED EYE  มันตามตัวอยู่ หากอยู่ใกล้ เป้าหมาย  สักวัน เจ้า RED EYE มันต้องปรากฏตัวขึ้นมาแน่ และเมื่อถึงวันนั้น การแก้แค้น ฝังหุ่นของ KID ก็จะเริ่มต้นขึ้น จอมโจรคิด  กำลังคิดอยู่ในใจ

 

 โรงพยาบาล 1 วันก่อน จอมโจรคิด หนีออกมา

 

             หลังจาก KID  ฟื้นตัวจากบาดแผลได้เพียงหนึ่งวัน KID ก็วางแผนที่จะหนีออกจากโรงพยาบาล ความแค้นทำให้ KID ไม่รู้จักความเจ็บปวด มันรู้จักแต่การแก้แค้นเท่านั้น

 

 

มันรู้ว่าที่โรงพยาบาล  ที่มันรักษาตัวอยู่มีห้องทดลองของสมาคม อยู่ที่ชั้นใต้ดินทำการ ทดลองอาวุธชีวภาพ ( Biological weapons ) หมายถึง อาวุธที่มีอานุภาพในการทำลายล้างสูง ทำให้คนจำนวนมากในพื้นที่กว้างได้รับบาดเจ็บ ป่วย และตาย   แบบใหม่อยู่และมันต้องการอาวุธ ที่กำลังทดลองนี้ เพื่อนำไปแก้แค้น กับคนที่ทำร้ายมันเกือบตาย และหากมันสามารถ ขโมยอาวุธชีวภาพ ได้มันก็จะสามารถนำอาวุธมาเป็นตัวประกัน

 

เพื่อแลกเปลี่ยนกับอะไรก็ได้ที่มันต้องการ จากสมาคมโรคจิต มันก็จะได้ทั้งเงิน และชีวิตที่ปลอดภัย

 

หากมันส่งมอบให้กับตำรวจ มันก็จะได้ชีวิตเก่าของมันคืนมา ถึงมันจะต้องเป็นพยานชี้ตัวพวกสมาคมทุกคนที่ร่วมทำโครงการนรกนี้มันก็จะทำ

 

มันรอโอกาส ถึงตอนกลางคืน ตอนที่ทุกคนหลับหมดแล้ว มันก็ปฏิบัติการขโมยของในห้องแล็ป ได้อย่างง่ายได้ พร้อมทำลายข้าวของพังยับเยินไม่เหลือชิ้นดี แล้วมันก็หนีออกมา แล้วหลังจากนั้นมันก็เริ่มตามหาเป้าหมาย อย่างน้อยมันก็ยังรู้ชื่อเป้าหมาย มันไม่ได้เสียเวลาเป็นสายในสำนักงานตำรวจ อย่างไม่ได้อะไรเลย

 

ถึงมันจะไม่รู้หน้าตาเป้าหมาย มันก็ยังจำชื่อเป้าหมายจากการแอบได้ยินเจ้าหน้าที่คุยกันและจำได้ว่าเป้าหมายคือใคร หลังจากนั้นมันก็เข้า www.google.com  จนมันรู้ว่าเป้าหมายของมันมีแฟนเป็นดาราดัง

 

เช้าวันต่อมามันเข้าไปหาทีมงานของแม่สาวดาราดัง และได้ทราบว่าทีมงานกำลังขาดคนเพราะวันหยุดไม่มีใครอยากจะทำงาน มันเลยสมัครเข้ามาเป็นหนึ่งในคนของทีมงานดาราดัง

 

จนสองวันผ่านมา มันก็สามารถมาพบคนที่มันตามหาได้อย่างง่ายดาย แต่เป้าหมายของมันได้เปลี่ยนไปแล้ว มันรู้จักการทดแทนบุญคุณและแค้นต้องชำระ เหมือนกัน เป้าหมาย ครั้งหนึ่งมันพยายามจะมีส่วนในการฆ่าด้วย ได้ช่วยเหลือมันไว้ ถึงจะไม่ตั้งใจแต่ก็ช่วยไว้จริงๆ แต่คนที่มันต้องการจะฆ่า และแก้แค้นคืนคนที่เคยร่วมงานกับมันมาก่อน RED EYE  แก่ต้องตาย   KID กำลังคิดแผนการฆ่าอยู่ในใจ

 

จบบทที่ 6  ต่อ บทที่ 7  RED EYE  VS   KID

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา