คู่หมั้น
10.0
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22.13 น.
10 ตอน
24 วิจารณ์
21.98K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 16.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) อดีตกับปัจจุบัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสุกริชได้รับโทรศัพท์ด่วนจากสุมลรัตน์ว่าเพื่อนรักของเธอหายตัวไปนานผิดปกติ
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งหมด รวมทั้งผู้ชายที่ชื่อ “ภูมี” แล้ว เขารู้สึกร้อนใจมาก นึกเป็นห่วงเมรียาใจหนึ่ง
แต่อีกใจหนึ่งก็แอบรู้สึกผิดหวังลึกๆ ที่คิดว่าชายหนุ่มนามว่าภูมี ทำแบบนี้ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเมรียา เพียงแต่เขาต้องการรำลึกความหลังกับเธอเท่านั้นเอง
เพื่อให้เธออภัยให้เขาและทั้งสองจะได้กลับไปรักกันเหมือนเดิมในที่สุด เพียงแต่เขาเลือกที่จะใช้วิธีไม่นุ่มนวลกับเธอเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อาจที่จะนิ่งเฉยอยู่ได้ ในเมื่อเขาได้รับปากกับสุมลรัตน์ไปแล้วว่าจะช่วยตามหาเมรียาให้
เขาจึงตัดสินใจบึ่งรถออกไปที่สวนสาธารณะตามที่สุมลรัตน์บอก ซึ่งอาจเป็นสถานที่ที่คาดว่าเธอจะไปแห่งสุดท้าย
และได้ไปสอบถามผู้คนที่นั่นจนได้ความแล้วจึงได้ขับรถตามไปที่ที่รู้มาจากผู้คนแถวๆ นั้นบอกมาว่าภูมีพาเมรียาออกไปที่ไหนในทันที
ทางด้านภูมีเขาพาเมรียามายังที่ที่หนึ่งที่เขาเคยพาเธอมาบ่อยๆ เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังรักกันอยู่
ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว เขาถอดกุญแจมือและผ้าปิดปากออกให้เธอหมดแล้ว เมรียาไม่ได้พูดหรือโวยวายสิ่งใดตามนิสัยของเธอ
เธอได้แต่นิ่งเงียบและภูมีก็นิ่งเงียบเช่นเดียวกัน ทั้งคู่มายังทุ่งดอกไม้แห่งหนึ่ง
มีดอกไม้หลากสีสันหลายชนิดล้วนสวยงามแปลกตา แต่ไม่อาจทำให้จิตใจของคนทั้งคู่รู้สึกสดชื่นตามได้เลย
ชายหนุ่มได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเป็นคนแรกว่า
“ผมรู้ว่าเมย์โกรธผม ที่ผมทำแบบนี้ ผมไม่มีทางเลือก ผมไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนอีกหรือเปล่า ที่เราจะได้มาที่นี่ด้วยกันได้อีก"
"ขอโทษจริงๆ เมย์คุณให้อภัยผมได้มั้ย เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ผมอยากจะขอร้องให้คุณลืมเรื่องทุกอย่างในอดีตไป และผมได้แต่หวังว่าเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิมได้อีกครั้ง”
คราวนี้ดูเหมือนคำพูดของเขาจะดูอ่อนโยนและจริงใจมากกว่าก่อนจะมาที่นี่ และสีหน้าเขาบ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัดเจน
หญิงสาวรู้สึกอย่างนั้น แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ตอบอะไรออกไป
ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังคนทั้งคู่ว่า
“ขอโทษนะครับ ผมรู้ว่าคุณคงจะเป็นผู้ชายคนแรกที่คู่หมั้นของผมรักมาก แต่คุณก็เป็นคนที่ทำให้เธอผิดหวังมากเช่นเดียวกัน"
"เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้คู่หมั้นของผมคนนี้ต้องเสียใจอีกเป็นอันขาด”
ทั้งคู่หันไปมองพร้อมๆ กันก็พบเขายืนอยู่ คำพูดแสดงความจริงใจที่ออกมาจากปากของสุกริชทำให้ทุกอย่างหลังจากนั้นตกอยู่ในความเงียบสักพัก
ก่อนที่ภูมีจะเอ่ยขึ้นว่า
“คุณคงจะเป็นคู่หมั้นของเมย์สินะครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นคู่หมั้นที่มาจากการคลุมถุงชนของผู้ใหญ่"
"และคุณก็คงจะรู้ว่าผมกับเมย์เรารักกันมาก ส่วนคุณเป็นคู่หมั้นกับเมย์ก็จริงแต่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากความรักหรอก ผมรู้ดี”
หลังจากชายหนุ่มพูดจบ
เมรียาทนไม่ไหว
เมื่อสถานการณ์สงครามน้ำลายของชายหนุ่มทั้งสองทำท่าจะบานปลายไปมากกว่านี้
เมรียาจึงพูดตัดบทว่า
“พอทีเถอะค่ะ ฉันต้องการกลับเดี๋ยวนี้ กรุณาอย่าถกเถียงกันเพราะเรื่องนี้อีกเลย ฉันขอร้องล่ะค่ะ”
ชายหนุ่มทั้งสองยังคงจ้องหน้ากันอยู่
และภูมีได้เอ่ยขึ้นว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผมกับเมย์ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งนะคุณสุกริช คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าเมย์ให้อภัยผมคราวนี้ ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด”
น่าแปลก ที่ครั้งนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากกว่าทุกครั้งที่เมรียาเคยได้ยินมาเสียอีก
แต่สิ่งที่สุกริชพูดก็ยิ่งทำให้หญิงสาวอึ้งมากกว่า เพราะเธอไม่นึกว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมาได้เลย
“ผมไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้คนที่ผมรักต้องเสียใจอีกเด็ดขาด ผมไม่ยอมหรอก”
เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
“แต่ถ้าหากว่าเมรียาเลือกที่จะกลับไปหาคุณ และคุณสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกล่ะก็ ผมยินดีจะหลีกทางให้คุณ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น ภูมีจึงได้พูดขึ้นมาบ้างว่า
“คุณแน่มากจริงๆ คุณสุกริช ผมนับถือน้ำใจคุณ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทำแบบนี้"
"ผมรู้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงตรงดิ่งเข้ามาตะบันหน้าผมหงายไปนานแล้ว งั้นก็แสดงว่าคุณก็รักเมรียามากไม่น้อยกว่าผมสินะ ผมพูดถูกใช่มั้ยคุณสุกริช”
ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มจะคลี่คลายไปบ้างแล้ว นั่นคือความคิดของหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นั้น
“ใช่คุณพูดถูก ในตอนแรกก็อาจจะจริงที่ผมได้รู้จักกับเธอเพราะการคลุมถุงชนของผู้ใหญ่ แต่พอผมเห็นรูปเธอครั้งแรก ผมก็รู้สึกประทับใจในตัวเธอ"
"รอยยิ้มของเธอ เธอทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายที่บ้างานอย่างผม ต้องการใครสักคนเข้ามาช่วยเติมเต็มให้กับชีวิต"
"เธอทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมีสีสันมากขึ้นเมื่อมีเธอ ผมต้องบินตรงมาจากสหรัฐฯ เพื่อจะมาพบกับตัวจริงของเธอ"
"และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าผมรักเธอเข้าแล้วจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดนอกเหนือจากแม่ของผม และผมก็ดีใจมากที่การคลุมถุงชนของผู้ใหญ่ที่ชักนำให้ผมได้มาพบกับเธอคนนี้"
"ผมพร้อมและยินดีเสมอที่จะเป็นคู่หมั้นของเธอและผมก็พร้อมที่จะดูแลและปกป้องเธอไปจนตลอดชีวิต ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอย่างเด็ดขาด”
หลังจากคำสารภาพต่างๆทั้งหมดพรั่งพรูออกมาจากปากของชายหนุ่ม เมรียาได้แต่ยืนอึ้งไปนาน
เธอเพิ่งรู้ว่าคู่หมั้นที่เกิดจากการคลุมถุงชนที่เธอพยายามปฏิเสธเขามาตลอด เขาจะแสดงความจริงใจออกมาอย่างกล้าหาญทั้งหมดในวันนี้
บรรยากาศขณะนี้ สองหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวต่างก็เงียบเชียบกันไปพักใหญ่ๆ
มีเพียงสายลมที่พัดผ่านทุ่งดอกไม้ให้ไหวเอนและลู่ไปตามลมส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณนั้นอย่างเงียบๆ
แต่ในใจของคนทั้งสามคนกลับรู้สึกวูบไหวไปมาด้วยเรื่องอึดอัดใจที่กำลังเผชิญกันอยู่ในขณะนี้มากกว่าสิ่งอื่นใด
( โปรดติดตามตอนต่อไป...ตอนอวสาน )
เมื่อได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งหมด รวมทั้งผู้ชายที่ชื่อ “ภูมี” แล้ว เขารู้สึกร้อนใจมาก นึกเป็นห่วงเมรียาใจหนึ่ง
แต่อีกใจหนึ่งก็แอบรู้สึกผิดหวังลึกๆ ที่คิดว่าชายหนุ่มนามว่าภูมี ทำแบบนี้ความจริงเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเมรียา เพียงแต่เขาต้องการรำลึกความหลังกับเธอเท่านั้นเอง
เพื่อให้เธออภัยให้เขาและทั้งสองจะได้กลับไปรักกันเหมือนเดิมในที่สุด เพียงแต่เขาเลือกที่จะใช้วิธีไม่นุ่มนวลกับเธอเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่อาจที่จะนิ่งเฉยอยู่ได้ ในเมื่อเขาได้รับปากกับสุมลรัตน์ไปแล้วว่าจะช่วยตามหาเมรียาให้
เขาจึงตัดสินใจบึ่งรถออกไปที่สวนสาธารณะตามที่สุมลรัตน์บอก ซึ่งอาจเป็นสถานที่ที่คาดว่าเธอจะไปแห่งสุดท้าย
และได้ไปสอบถามผู้คนที่นั่นจนได้ความแล้วจึงได้ขับรถตามไปที่ที่รู้มาจากผู้คนแถวๆ นั้นบอกมาว่าภูมีพาเมรียาออกไปที่ไหนในทันที
ทางด้านภูมีเขาพาเมรียามายังที่ที่หนึ่งที่เขาเคยพาเธอมาบ่อยๆ เมื่อครั้งที่ทั้งคู่ยังรักกันอยู่
ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว เขาถอดกุญแจมือและผ้าปิดปากออกให้เธอหมดแล้ว เมรียาไม่ได้พูดหรือโวยวายสิ่งใดตามนิสัยของเธอ
เธอได้แต่นิ่งเงียบและภูมีก็นิ่งเงียบเช่นเดียวกัน ทั้งคู่มายังทุ่งดอกไม้แห่งหนึ่ง
มีดอกไม้หลากสีสันหลายชนิดล้วนสวยงามแปลกตา แต่ไม่อาจทำให้จิตใจของคนทั้งคู่รู้สึกสดชื่นตามได้เลย
ชายหนุ่มได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเป็นคนแรกว่า
“ผมรู้ว่าเมย์โกรธผม ที่ผมทำแบบนี้ ผมไม่มีทางเลือก ผมไม่รู้ว่าจะมีวิธีไหนอีกหรือเปล่า ที่เราจะได้มาที่นี่ด้วยกันได้อีก"
"ขอโทษจริงๆ เมย์คุณให้อภัยผมได้มั้ย เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือเปล่า ผมอยากจะขอร้องให้คุณลืมเรื่องทุกอย่างในอดีตไป และผมได้แต่หวังว่าเราจะกลับมารักกันเหมือนเดิมได้อีกครั้ง”
คราวนี้ดูเหมือนคำพูดของเขาจะดูอ่อนโยนและจริงใจมากกว่าก่อนจะมาที่นี่ และสีหน้าเขาบ่งบอกถึงความเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัดเจน
หญิงสาวรู้สึกอย่างนั้น แต่ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ตอบอะไรออกไป
ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลังคนทั้งคู่ว่า
“ขอโทษนะครับ ผมรู้ว่าคุณคงจะเป็นผู้ชายคนแรกที่คู่หมั้นของผมรักมาก แต่คุณก็เป็นคนที่ทำให้เธอผิดหวังมากเช่นเดียวกัน"
"เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้คู่หมั้นของผมคนนี้ต้องเสียใจอีกเป็นอันขาด”
ทั้งคู่หันไปมองพร้อมๆ กันก็พบเขายืนอยู่ คำพูดแสดงความจริงใจที่ออกมาจากปากของสุกริชทำให้ทุกอย่างหลังจากนั้นตกอยู่ในความเงียบสักพัก
ก่อนที่ภูมีจะเอ่ยขึ้นว่า
“คุณคงจะเป็นคู่หมั้นของเมย์สินะครับ ผมรู้ว่าคุณเป็นคู่หมั้นที่มาจากการคลุมถุงชนของผู้ใหญ่"
"และคุณก็คงจะรู้ว่าผมกับเมย์เรารักกันมาก ส่วนคุณเป็นคู่หมั้นกับเมย์ก็จริงแต่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากความรักหรอก ผมรู้ดี”
หลังจากชายหนุ่มพูดจบ
เมรียาทนไม่ไหว
เมื่อสถานการณ์สงครามน้ำลายของชายหนุ่มทั้งสองทำท่าจะบานปลายไปมากกว่านี้
เมรียาจึงพูดตัดบทว่า
“พอทีเถอะค่ะ ฉันต้องการกลับเดี๋ยวนี้ กรุณาอย่าถกเถียงกันเพราะเรื่องนี้อีกเลย ฉันขอร้องล่ะค่ะ”
ชายหนุ่มทั้งสองยังคงจ้องหน้ากันอยู่
และภูมีได้เอ่ยขึ้นว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผมกับเมย์ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งนะคุณสุกริช คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถ้าเมย์ให้อภัยผมคราวนี้ ผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกเด็ดขาด”
น่าแปลก ที่ครั้งนี้เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมากกว่าทุกครั้งที่เมรียาเคยได้ยินมาเสียอีก
แต่สิ่งที่สุกริชพูดก็ยิ่งทำให้หญิงสาวอึ้งมากกว่า เพราะเธอไม่นึกว่าเขาจะพูดแบบนี้ออกมาได้เลย
“ผมไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำให้คนที่ผมรักต้องเสียใจอีกเด็ดขาด ผมไม่ยอมหรอก”
เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า
“แต่ถ้าหากว่าเมรียาเลือกที่จะกลับไปหาคุณ และคุณสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอีกล่ะก็ ผมยินดีจะหลีกทางให้คุณ”
เมื่อได้ฟังดังนั้น ภูมีจึงได้พูดขึ้นมาบ้างว่า
“คุณแน่มากจริงๆ คุณสุกริช ผมนับถือน้ำใจคุณ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ทำแบบนี้"
"ผมรู้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงตรงดิ่งเข้ามาตะบันหน้าผมหงายไปนานแล้ว งั้นก็แสดงว่าคุณก็รักเมรียามากไม่น้อยกว่าผมสินะ ผมพูดถูกใช่มั้ยคุณสุกริช”
ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มจะคลี่คลายไปบ้างแล้ว นั่นคือความคิดของหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นั้น
“ใช่คุณพูดถูก ในตอนแรกก็อาจจะจริงที่ผมได้รู้จักกับเธอเพราะการคลุมถุงชนของผู้ใหญ่ แต่พอผมเห็นรูปเธอครั้งแรก ผมก็รู้สึกประทับใจในตัวเธอ"
"รอยยิ้มของเธอ เธอทำให้ผมรู้ว่าผู้ชายที่บ้างานอย่างผม ต้องการใครสักคนเข้ามาช่วยเติมเต็มให้กับชีวิต"
"เธอทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมีสีสันมากขึ้นเมื่อมีเธอ ผมต้องบินตรงมาจากสหรัฐฯ เพื่อจะมาพบกับตัวจริงของเธอ"
"และนั่นก็ทำให้ผมรู้ว่าผมรักเธอเข้าแล้วจริงๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดนอกเหนือจากแม่ของผม และผมก็ดีใจมากที่การคลุมถุงชนของผู้ใหญ่ที่ชักนำให้ผมได้มาพบกับเธอคนนี้"
"ผมพร้อมและยินดีเสมอที่จะเป็นคู่หมั้นของเธอและผมก็พร้อมที่จะดูแลและปกป้องเธอไปจนตลอดชีวิต ผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียใจอย่างเด็ดขาด”
หลังจากคำสารภาพต่างๆทั้งหมดพรั่งพรูออกมาจากปากของชายหนุ่ม เมรียาได้แต่ยืนอึ้งไปนาน
เธอเพิ่งรู้ว่าคู่หมั้นที่เกิดจากการคลุมถุงชนที่เธอพยายามปฏิเสธเขามาตลอด เขาจะแสดงความจริงใจออกมาอย่างกล้าหาญทั้งหมดในวันนี้
บรรยากาศขณะนี้ สองหนุ่มและหนึ่งหญิงสาวต่างก็เงียบเชียบกันไปพักใหญ่ๆ
มีเพียงสายลมที่พัดผ่านทุ่งดอกไม้ให้ไหวเอนและลู่ไปตามลมส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณนั้นอย่างเงียบๆ
แต่ในใจของคนทั้งสามคนกลับรู้สึกวูบไหวไปมาด้วยเรื่องอึดอัดใจที่กำลังเผชิญกันอยู่ในขณะนี้มากกว่าสิ่งอื่นใด
( โปรดติดตามตอนต่อไป...ตอนอวสาน )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ