คู่หมั้น
10.0
เขียนโดย Mawmeaw
วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22.13 น.
10 ตอน
24 วิจารณ์
21.99K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 16.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) เธอคือใคร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความค่ำคืนหนึ่ง ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งพิมพ์งานของเขาอย่างขะมักเขม้นอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ค
แต่แล้วท่ามกลางความเงียบสงัด โทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องละจากงานที่ทำอยู่เดินออกไปรับโทรศัพท์
เขากรอกเสียงไปยังปลายสาย
“ฮัลโหล”
ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นเคยสำหรับเขาเป็นอย่างดี
“ตากริช นี่แม่เองนะลูก แม่มีเรื่องอยากจะบอกให้ลูกรู้ และอยากจะขอร้องลูกด้วย”
คุณสุดาไม่รอช้ารีบพูดถึงจุดประสงค์ที่โทรมาหาลูกชายคนเดียวของเธอทันที
แต่ลูกชายของเธอกลับพูดทีเล่นทีจริงกลับมาว่า
“อ้าว คุณสุดาเองเหรอครับเนี่ย สงสัยวันนี้หิมะคงจะตกที่เมืองไทยสินะครับ คุณสุดาถึงได้โทรมาหาผมได้”
เนื่องจากปกติเขามักจะเป็นฝ่ายโทรหาแม่ของเขาก่อนเสมอ มีน้อยครั้งมากที่แม่จะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาเอง
เพราะผู้เป็นแม่ทราบดีว่าลูกชายของเธอยุ่งกับงานของเขาและมักจะเป็นฝ่ายโทรหาเธอเมื่อเขาเคลียร์งานของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ
ซึ่งครั้งนี้ก็ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย คุณสุดาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีท่าทีล้อเล่นกับเขาเหมือนเคย
“แต่วันนี้แม่มีเรื่องอยากจะพูดกับลูกจริงๆ นะ ตั้งใจฟังแม่ให้ดีนะตากริช”
เมื่อเขาได้ฟังคำพูดที่จริงจังเช่นนั้น จึงนิ่งฟังธุระที่แม่ของเขาตั้งใจจะคุยด้วยในวันนี้
หลังจากนั้นคุณสุดาก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายคนเดียวของเธอฟังอย่างละเอียดจนจบ
เมื่อฟังจบชายหนุ่มจึงพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า
“อะไรนะครับคุณแม่ คุณแม่กำลังบอกว่าผมมีคู่หมั้นอยู่ที่ประเทศไทยและผมต้องกลับไปเจอเธองั้นหรือครับแม่"
"นี่มันเรื่องจริงเหรอครับ ให้ตายสิ ผมไม่อยากเชื่อเลย ว่าผมต้องเจอกับการคลุมถุงชนแบบนี้ได้”
คุณสุดาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดว่าลูกชายคนเดียวของเธอจะต้องไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นแน่
แต่มันก็ถึงเวลาที่เธอควรจะบอกให้เขารู้เสียที ดังนั้นเธอจึงพยายามใจเย็น ผู้เป็นแม่เงียบไปสักครู่ก่อนพูดขึ้นว่า
“แม่รู้ว่ากริชเป็นคนรักอิสระ ลูกไม่ชอบการถูกบังคับโดยเฉพาะการคลุมถุงชนแบบนี้ แต่แม่อยากให้ลูกเห็นใจแม่ และเห็นแก่พ่อของลูกด้วย ที่เขาได้หมั้นหมายลูกกับหนูเมรียาไว้ตั้งแต่เด็ก เพราะอยากให้ลูกมีคู่ครองที่ดี"
"แม้ตอนนี้พ่อจะไม่อยู่แล้ว แม่ก็อยากให้ลูกทำตามความประสงค์ของพ่อที่ได้หมั้นลูกกับลูกสาวของเพื่อนรักของเขาไว้ ลูกทำเพื่อพ่อได้มั้ย ตากริช”
หลังจากที่เขาได้ฟังเหตุผลของผู้เป็นแม่จบ และด้วยความที่ตอนนี้เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงจำต้องสะกดความไม่พอใจเอาไว้
ณ ตอนนี้ถึงแม้จะไม่พอใจกับเรื่องนี้อย่างมาก แต่เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งเฮือกเท่านั้น
ด้วยความที่ไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจและไม่อยากขัดความต้องการของผู้เป็นพ่อด้วย เขาจึงตัดสินใจตอบมารดาของเขาไปว่า
“ก็ได้ครับแม่ ผมจะกลับเมืองไทย เพื่อไปเจอคู่หมั้นของผมตามที่แม่ต้องการ"
"แต่ผมขอเวลาสะสางงานทางนี้ให้เสร็จเรียบร้อยสักอาทิตย์นึงก่อนนะครับ แล้วผมจะบินกลับไปครับ”
เมื่อคุณสุดาได้ฟังลูกชายของเธอรับปากเช่นนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจทันที เหมือนกับยกภูเขาทั้งลูกออกจากอกได้ในที่สุด
เธอพูดกับลูกชายสุดที่รักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวางสายว่า
“ได้จ้ะลูก แล้วแม่จะรอนะ อย่าลืมซะล่ะ อ้อ! อีกอย่าง แม่มีรูปหนูเมย์ด้วยนะ เดี๋ยวแม่จะส่งเมลล์ไปให้"
"เอาล่ะ ตอนนี้แม่ต้องวางสายก่อน ตั้งใจทำงานนะลูก อย่าลืมพักผ่อนบ้างล่ะ แม่รักลูกเสมอจ้ะ แล้วเจอกันนะคุณสุกริช ลูกชายสุดที่รักของแม่”
หลังพูดจบเธอก็วางสายไปทันทีด้วยเกรงว่าลูกชายสุดที่รักคนเดียวของเธอจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเสียก่อน
หลังจากนั้นหญิงสูงวัยก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อจะจัดการตามที่ได้บอกลูกชายไว้เมื่อสักครู่ทันที
ส่วนชายหนุ่มหลังจากวางสายแล้วเขาก็ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ แม้จะรับปากแม่ไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจสบายใจได้ เนื่องจากการคลุมถุงชนเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจยอมรับได้ง่ายๆ
เพราะได้เห็นเพื่อนบางคนของเขาที่ถูกจับคลุมถุงชนและแต่งงานไปโดยไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เรียกว่าหนุ่มสาวแทบไม่เคยได้ทำความรู้จักกันมาเลยด้วยซ้ำ
ทำให้เขาเองรู้สึกต่อต้านมาตลอด และคิดว่าเรื่องแบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาเป็นแน่
แต่ทว่าตอนนี้เรื่องที่ว่านี้มันก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วหรือนี่ เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย
ชายหนุ่มกลับมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เขาเปิดงานค้างไว้ แต่ตอนนี้เขาแทบไม่มีสมาธิที่จะลงมือทำมันต่อได้เลย
เนื่องจากเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มาจากแม่เมื่อสักครู่มันกำลังรบกวนสมองของเขาอยู่ ขณะที่กำลังนั่งกลุ้มอยู่สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงข้อความเตือนอีเมลล์เข้าใหม่ดังขึ้น
เมื่อหันไปมองดูก็รู้ได้ทันทีว่าแม่ของเขานั่นเองที่ส่งมันมา ชายหนุ่มได้แต่นึกในใจ
'คุณสุดาวัยรุ่นใจร้อนจริงๆ พูดปุ๊บมาปั๊บเลย'
เขาคลิกเข้าไปที่กล่องข้อความขาเข้า ดูที่ชื่อหัวเรื่องอีเมลล์ พิมพ์อย่างชัดเจนว่า
'รูปหนูเมรียา คู่หมั้นของลูก'
พร้อมกับแนบไฟล์รูปภาพมา 1 ไฟล์
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาคิดจะกลับไปพิมพ์งานต่อ
แต่แล้วชายหนุ่มก็เกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน เมื่อฉุกคิดได้ว่าดูให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยก็แล้วกัน
คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงคลิกเข้าไปที่ไฟล์รูปภาพและเปิดมันขึ้นมา เพียงครู่เดียว รูปสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา
เธอมีรูปร่างผอมบาง สูงโปร่ง สวมชุดนักศึกษา ผมยาวแต่รวบไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย ใบหน้าไม่ถึงกับสวยหวาน แถมออกจะดูหน้าซีดๆ เสียด้วยซ้ำ
เขาคิดในใจว่าก็คงสมกับที่แม่บอกว่าเธอเป็นนิสิตเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด
ชายหนุ่มแอบนึกภาพของเธอในใจไว้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำว่า เธอคงเป็นเด็กสาวต่างจังหวัดเชยๆ เฉิ่มๆ คนหนึ่ง
แต่เธอกลับมีบางอย่างที่โดดเด่นสะดุดตาและสะดุดใจเขามากๆ นั่นก็คือรอยยิ้มที่แสนสดใสบนใบหน้าของสาวเจ้าที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดที่จะละสายตาเพื่อกลับไปทำงานต่อลงทันที
ชายหนุ่มยอมรับว่าสาวน้อยในรูปไม่ได้ดูสวยมาก แต่เธอดูน่ารักและมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจเขาได้อย่างมากเลยทีเดียว
โดยเฉพาะรอยยิ้มสดใสที่ดูเสมือนว่าเธอกำลังส่งมาให้เขาอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับความคิดใหม่ที่แว๊บเข้ามาในสมองของเขาทันที
เขาคิดว่าต้องรีบสะสางงานให้เสร็จก่อน 1 สัปดาห์ เพื่อจะได้กลับไปหาแม่ของเขาเร็วกว่าที่กำหนดไว้ซะแล้ว
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่า
“อีกไม่นาน ผมต้องได้เจอคุณแน่ 'เมรียา' ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นใครและเป็นคนแบบไหนกันแน่”
ตอนนี้เขาจัดการบันทึกภาพของหญิงสาวเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์และกลับมาตั้งใจทำงานต่อเหมือนเดิม
ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนว่าสมองของเขาจะมีแรงจูงใจที่ทำให้ทำงานได้ว่องไวยิ่งกว่าเดิมอย่างน่าประหลาดใจเสียด้วยสิ
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
แต่แล้วท่ามกลางความเงียบสงัด โทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มต้องละจากงานที่ทำอยู่เดินออกไปรับโทรศัพท์
เขากรอกเสียงไปยังปลายสาย
“ฮัลโหล”
ปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะคุ้นเคยสำหรับเขาเป็นอย่างดี
“ตากริช นี่แม่เองนะลูก แม่มีเรื่องอยากจะบอกให้ลูกรู้ และอยากจะขอร้องลูกด้วย”
คุณสุดาไม่รอช้ารีบพูดถึงจุดประสงค์ที่โทรมาหาลูกชายคนเดียวของเธอทันที
แต่ลูกชายของเธอกลับพูดทีเล่นทีจริงกลับมาว่า
“อ้าว คุณสุดาเองเหรอครับเนี่ย สงสัยวันนี้หิมะคงจะตกที่เมืองไทยสินะครับ คุณสุดาถึงได้โทรมาหาผมได้”
เนื่องจากปกติเขามักจะเป็นฝ่ายโทรหาแม่ของเขาก่อนเสมอ มีน้อยครั้งมากที่แม่จะเป็นฝ่ายโทรมาหาเขาเอง
เพราะผู้เป็นแม่ทราบดีว่าลูกชายของเธอยุ่งกับงานของเขาและมักจะเป็นฝ่ายโทรหาเธอเมื่อเขาเคลียร์งานของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ
ซึ่งครั้งนี้ก็ทำให้เขาแปลกใจไม่น้อย คุณสุดาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีท่าทีล้อเล่นกับเขาเหมือนเคย
“แต่วันนี้แม่มีเรื่องอยากจะพูดกับลูกจริงๆ นะ ตั้งใจฟังแม่ให้ดีนะตากริช”
เมื่อเขาได้ฟังคำพูดที่จริงจังเช่นนั้น จึงนิ่งฟังธุระที่แม่ของเขาตั้งใจจะคุยด้วยในวันนี้
หลังจากนั้นคุณสุดาก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกชายคนเดียวของเธอฟังอย่างละเอียดจนจบ
เมื่อฟังจบชายหนุ่มจึงพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า
“อะไรนะครับคุณแม่ คุณแม่กำลังบอกว่าผมมีคู่หมั้นอยู่ที่ประเทศไทยและผมต้องกลับไปเจอเธองั้นหรือครับแม่"
"นี่มันเรื่องจริงเหรอครับ ให้ตายสิ ผมไม่อยากเชื่อเลย ว่าผมต้องเจอกับการคลุมถุงชนแบบนี้ได้”
คุณสุดาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดว่าลูกชายคนเดียวของเธอจะต้องไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นแน่
แต่มันก็ถึงเวลาที่เธอควรจะบอกให้เขารู้เสียที ดังนั้นเธอจึงพยายามใจเย็น ผู้เป็นแม่เงียบไปสักครู่ก่อนพูดขึ้นว่า
“แม่รู้ว่ากริชเป็นคนรักอิสระ ลูกไม่ชอบการถูกบังคับโดยเฉพาะการคลุมถุงชนแบบนี้ แต่แม่อยากให้ลูกเห็นใจแม่ และเห็นแก่พ่อของลูกด้วย ที่เขาได้หมั้นหมายลูกกับหนูเมรียาไว้ตั้งแต่เด็ก เพราะอยากให้ลูกมีคู่ครองที่ดี"
"แม้ตอนนี้พ่อจะไม่อยู่แล้ว แม่ก็อยากให้ลูกทำตามความประสงค์ของพ่อที่ได้หมั้นลูกกับลูกสาวของเพื่อนรักของเขาไว้ ลูกทำเพื่อพ่อได้มั้ย ตากริช”
หลังจากที่เขาได้ฟังเหตุผลของผู้เป็นแม่จบ และด้วยความที่ตอนนี้เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงจำต้องสะกดความไม่พอใจเอาไว้
ณ ตอนนี้ถึงแม้จะไม่พอใจกับเรื่องนี้อย่างมาก แต่เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งเฮือกเท่านั้น
ด้วยความที่ไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจและไม่อยากขัดความต้องการของผู้เป็นพ่อด้วย เขาจึงตัดสินใจตอบมารดาของเขาไปว่า
“ก็ได้ครับแม่ ผมจะกลับเมืองไทย เพื่อไปเจอคู่หมั้นของผมตามที่แม่ต้องการ"
"แต่ผมขอเวลาสะสางงานทางนี้ให้เสร็จเรียบร้อยสักอาทิตย์นึงก่อนนะครับ แล้วผมจะบินกลับไปครับ”
เมื่อคุณสุดาได้ฟังลูกชายของเธอรับปากเช่นนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจทันที เหมือนกับยกภูเขาทั้งลูกออกจากอกได้ในที่สุด
เธอพูดกับลูกชายสุดที่รักเป็นครั้งสุดท้ายก่อนวางสายว่า
“ได้จ้ะลูก แล้วแม่จะรอนะ อย่าลืมซะล่ะ อ้อ! อีกอย่าง แม่มีรูปหนูเมย์ด้วยนะ เดี๋ยวแม่จะส่งเมลล์ไปให้"
"เอาล่ะ ตอนนี้แม่ต้องวางสายก่อน ตั้งใจทำงานนะลูก อย่าลืมพักผ่อนบ้างล่ะ แม่รักลูกเสมอจ้ะ แล้วเจอกันนะคุณสุกริช ลูกชายสุดที่รักของแม่”
หลังพูดจบเธอก็วางสายไปทันทีด้วยเกรงว่าลูกชายสุดที่รักคนเดียวของเธอจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาเสียก่อน
หลังจากนั้นหญิงสูงวัยก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวขึ้นมา เพื่อจะจัดการตามที่ได้บอกลูกชายไว้เมื่อสักครู่ทันที
ส่วนชายหนุ่มหลังจากวางสายแล้วเขาก็ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ แม้จะรับปากแม่ไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจสบายใจได้ เนื่องจากการคลุมถุงชนเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจยอมรับได้ง่ายๆ
เพราะได้เห็นเพื่อนบางคนของเขาที่ถูกจับคลุมถุงชนและแต่งงานไปโดยไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เรียกว่าหนุ่มสาวแทบไม่เคยได้ทำความรู้จักกันมาเลยด้วยซ้ำ
ทำให้เขาเองรู้สึกต่อต้านมาตลอด และคิดว่าเรื่องแบบนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นกับเขาเป็นแน่
แต่ทว่าตอนนี้เรื่องที่ว่านี้มันก็ได้เกิดขึ้นจริงๆ แล้วหรือนี่ เขาแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลย
ชายหนุ่มกลับมานั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เขาเปิดงานค้างไว้ แต่ตอนนี้เขาแทบไม่มีสมาธิที่จะลงมือทำมันต่อได้เลย
เนื่องจากเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มาจากแม่เมื่อสักครู่มันกำลังรบกวนสมองของเขาอยู่ ขณะที่กำลังนั่งกลุ้มอยู่สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงข้อความเตือนอีเมลล์เข้าใหม่ดังขึ้น
เมื่อหันไปมองดูก็รู้ได้ทันทีว่าแม่ของเขานั่นเองที่ส่งมันมา ชายหนุ่มได้แต่นึกในใจ
'คุณสุดาวัยรุ่นใจร้อนจริงๆ พูดปุ๊บมาปั๊บเลย'
เขาคลิกเข้าไปที่กล่องข้อความขาเข้า ดูที่ชื่อหัวเรื่องอีเมลล์ พิมพ์อย่างชัดเจนว่า
'รูปหนูเมรียา คู่หมั้นของลูก'
พร้อมกับแนบไฟล์รูปภาพมา 1 ไฟล์
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาคิดจะกลับไปพิมพ์งานต่อ
แต่แล้วชายหนุ่มก็เกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน เมื่อฉุกคิดได้ว่าดูให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลยก็แล้วกัน
คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มจึงคลิกเข้าไปที่ไฟล์รูปภาพและเปิดมันขึ้นมา เพียงครู่เดียว รูปสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเขา
เธอมีรูปร่างผอมบาง สูงโปร่ง สวมชุดนักศึกษา ผมยาวแต่รวบไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย ใบหน้าไม่ถึงกับสวยหวาน แถมออกจะดูหน้าซีดๆ เสียด้วยซ้ำ
เขาคิดในใจว่าก็คงสมกับที่แม่บอกว่าเธอเป็นนิสิตเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด
ชายหนุ่มแอบนึกภาพของเธอในใจไว้ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำว่า เธอคงเป็นเด็กสาวต่างจังหวัดเชยๆ เฉิ่มๆ คนหนึ่ง
แต่เธอกลับมีบางอย่างที่โดดเด่นสะดุดตาและสะดุดใจเขามากๆ นั่นก็คือรอยยิ้มที่แสนสดใสบนใบหน้าของสาวเจ้าที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดที่จะละสายตาเพื่อกลับไปทำงานต่อลงทันที
ชายหนุ่มยอมรับว่าสาวน้อยในรูปไม่ได้ดูสวยมาก แต่เธอดูน่ารักและมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจเขาได้อย่างมากเลยทีเดียว
โดยเฉพาะรอยยิ้มสดใสที่ดูเสมือนว่าเธอกำลังส่งมาให้เขาอยู่ในตอนนี้ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับความคิดใหม่ที่แว๊บเข้ามาในสมองของเขาทันที
เขาคิดว่าต้องรีบสะสางงานให้เสร็จก่อน 1 สัปดาห์ เพื่อจะได้กลับไปหาแม่ของเขาเร็วกว่าที่กำหนดไว้ซะแล้ว
ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ว่า
“อีกไม่นาน ผมต้องได้เจอคุณแน่ 'เมรียา' ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นใครและเป็นคนแบบไหนกันแน่”
ตอนนี้เขาจัดการบันทึกภาพของหญิงสาวเอาไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์และกลับมาตั้งใจทำงานต่อเหมือนเดิม
ซึ่งครั้งนี้ดูเหมือนว่าสมองของเขาจะมีแรงจูงใจที่ทำให้ทำงานได้ว่องไวยิ่งกว่าเดิมอย่างน่าประหลาดใจเสียด้วยสิ
( โปรดติดตามตอนต่อไป )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ